ตอนที่ 512. กลศึกสามชั้น
แฮหัวหลิมอาศัยกำแพงเมืองสูงใหญ่ของเมืองลำอั๋นตั้งมั่นรับศึก ขงเบ้งจึงคิดกลศึกสามชั้นเพื่อยึดเมืองลำอั๋น โดยชั้นแรกใช้กลอุบายยึดเมืองอันต๋งซึ่งเป็นหัวเมืองขึ้นของเมืองลำอั๋น แล้วดำเนินอุบายขั้นที่สอง แสร้งปล่อยซุยเหลียงเข้าไปเกลี้ยกล่อมเอียวเหลงเจ้าเมืองลำอั๋น ซุยเหลียงและเอียวเหลงไม่ทันกลจึงคิดซ้อนกลขงเบ้ง ลวงให้ขงเบ้งยกทหารเข้าไปเมืองลำอั๋นเพื่อจะจับตัวขงเบ้ง ทำให้กลศึกขั้นที่สามก่อรูปร่างชัดเจน
เมื่อกำหนดแผนการเห็นเป็นที่แยบยลดีแล้ว ซุยเหลียงจึงลาแฮหัวหลิมกลับไปหาขงเบ้งที่ค่าย แล้วแจ้งแก่ขงเบ้งว่าได้เข้าไปเกลี้ยกล่อมเอียวเหลงแล้ว เอียวเหลงตกลงเข้าร่วมการ จะจับตัวแฮหัวหลิมมามอบแก่ขงเบ้งตามความประสงค์ แต่ทหารของแฮหัวหลิมนั้นมากกว่าทหารของเอียวเหลง ดังนั้นจึงให้ขงเบ้งยกทหารเข้าตีเมือง เอียวเหลงจะเปิดประตูเมืองรับ แล้วเข้าไปจับแฮหัวหลิมก็จะได้โดยง่าย
ขงเบ้งเห็นการเป็นไปตามกลศึกสามชั้นก็มีความยินดี ทำทีเป็นหลงกลแล้วกล่าวกับซุยเหลียงว่า ความชอบของท่านครั้งนี้ใหญ่หลวงนัก เห็นจะจับตัวแฮหัวหลิมได้ในคืนวันนี้เป็นมั่นคง แล้วสั่งซุยเหลียงว่าในค่ำวันนี้ให้ท่านนำทหารกองทัพเสฉวนเข้าตีเมืองตามที่ได้ตกลงไว้กับเอียวเหลงเถิด
ซุยเหลียงสำคัญว่าขงเบ้งต้องกลอุบายก็มีความกระหยิ่มยิ้มย่อง รีบคำนับลา ขงเบ้งกลับไปที่พัก พอซุยเหลียงออกไปแล้วขงเบ้งจึงเรียกกวนหิน เตียวเปา มาสั่งการเป็นความลับว่า ให้จัดทหารร้อยเศษคัดเอาทหารฝีมือดีของเมืองเสฉวนปะปนกับทหารเชลยศึกซึ่งเกลี้ยกล่อมเข้าเป็นพวก เตรียมไว้ให้พร้อม และกระซิบสั่งความลับอีกครู่หนึ่ง กวนหิน เตียวเปา รับคำสั่งขงเบ้งแล้วจึงคำนับลาออกไปจัดแจงการตามคำสั่งนั้น
เมื่อกวนหิน เตียวเปากลับออกไปแล้ว ขงเบ้งจึงเรียกอองเป๋งมาสั่งการ ให้จัดแจงทหารสามหมื่นเตรียมพร้อมไว้เป็นความลับ พอค่ำลงก็ให้ลอบยกไปซุ่มอยู่นอกเมืองลำอั๋นทั้งสี่ด้าน เมื่อเห็นแสงเพลิงลุกขึ้นในเมืองก็ให้จู่โจมเข้าตีเมืองพร้อมกันและจับตัวแฮหัวหลิมให้จงได้ อองเป๋งรับคำสั่งขงเบ้งแล้วจึงคำนับลาออกไปจัดแจงตามที่ขงเบ้งสั่งการทุกประการ
พอค่ำลงซุยเหลียงก็มาหาขงเบ้ง เตรียมจะนำกองทัพเข้าตีเมืองตามแผนการอุบายที่วางไว้ แต่ต้องแปลกประหลาดใจเพราะเห็นที่หน้าค่ายของขงเบ้งมีการจัดเตรียมทหารเพียงร้อยคนเศษ จึงถามขงเบ้งว่ามหาอุปราชจะเปลี่ยนแปลงแผนการประการใดหรือ
ขงเบ้งจึงว่าแผนการที่ท่านวางไว้นั้นลึกซึ้งหลักแหลมนัก ไยจะต้องเปลี่ยนแปลงด้วยเล่า แต่การดำเนินการตามแผนการนั้นจะต้องสอดคล้องกับสภาพแลฤกษ์ผานาที ให้ท่านนำทหารร้อยคนนี้เข้าไปหาเอียวเหลงก่อน แจ้งเอียวเหลงให้ซุ่มทหารเหล่านี้ไว้ รอจนเวลาสองยามแล้วเราจึงจะยกกองทัพใหญ่ไปที่หน้าประตูเมือง ให้ท่านจุดเพลิงสัญญาณขึ้นเป็นสำคัญ และเปิดประตูเมืองรับ เราก็จะยกทหารเข้าไปในเมือง
ซุยเหลียงเห็นแผนการเปลี่ยนแปลงไปบ้าง แต่ครั้นจะไม่ทำตามที่ขงเบ้งสั่งก็เกรงว่าขงเบ้งจะจับพิรุธได้ ทั้งคิดว่าเวลาที่เนิ่นไปเพียงชั่วยามเศษ หาได้มีผลทำให้แผนการที่วางไว้ล้มเหลวแต่ประการใดไม่ เพราะทหารร้อยคนนี้มีจำนวนน้อย เมื่อเข้าไปถึงเมืองแล้วก็จะจับฆ่าเสียให้หมด ซุยเหลียงจึงรับคำแล้วคำนับลาขงเบ้ง พาทหารของกวนหินและเตียวเปาซึ่งทำทีปลอมตัวเป็นทหารเมืองอันต๋งเข้าไปที่เมืองลำอั๋น
ฝ่ายเอียวเหลงเมื่อได้ตกลงแผนการคิดจะซ้อนกลขงเบ้งกับซุยเหลียงแล้ว ก็เตรียมการคอยทีอยู่บนเชิงเทิน พอค่ำลงเห็นซุยเหลียงพาทหารเข้ามาที่ประตูเมืองก็สงสัย เพราะไม่เป็นไปตามแผนการที่ตกลงกันไว้ว่าขงเบ้งจะยกกองทัพมาเอง จึงสั่งทหารให้ชักสะพานข้ามคูเมืองเสีย แล้วร้องถามว่าทหารซึ่งซุยเหลียงท่านพามาด้วยนี้เป็นทหารของฝ่ายไหน
ซุยเหลียงครั้นจะตอบตามจริงก็เกรงว่าทหารของขงเบ้งจะไหวตัว จึงแสร้งร้องบอกเอียวเหลงว่าข้าพเจ้าได้นำทหารเมืองอันต๋งมาช่วยท่าน แต่ในขณะเดียวกัน ซุยเหลียงก็เกรงว่าเอียวเหลงไม่ทราบแผนการที่เปลี่ยนแปลงไป จะวู่วามทำให้แผนการใหญ่เสียหาย จึงเขียนหนังสือผูกลูกเกาทัณฑ์ยิงเข้าไปในเมืองลำอั๋นหวังจะแจ้งเนื้อความให้เอียวเหลงทราบแผนการที่เปลี่ยนแปลงไปนั้นเสียก่อน
เมื่อทหารเมืองลำอั๋นเห็นเกาทัณฑ์ผูกหนังสือยิงเข้ามาในเมือง ก็เอาเกาทัณฑ์พร้อมหนังสือนั้นไปมอบแก่เอียวเหลง เอียวเหลงแกะหนังสือนั้นออกอ่านดูเป็นเนื้อความว่า ขงเบ้งเป็นคนละเอียดละออ จึงให้ทหารปลอมตัวเป็นทหารเมืองอันต๋งมากับข้าพเจ้า แล้ว จะยกกองทัพตามมาในเวลาสองยาม ให้ท่านทำเป็นหลงกลต้อนรับทหารเหล่านี้ เมื่อเข้าไปในเมืองแล้วจึงค่อยฆ่าเสียให้สิ้น พอขงเบ้งยกมาจะได้ทำการตามแผนการได้โดยสะดวก
เอียวเหลงทราบความตามหนังสือของซุยเหลียงก็มีความยินดี รีบนำหนังสือนั้นเข้าไปหาแฮหัวหลิม แล้วแจ้งว่าถึงขงเบ้งจะสุขุมยิ่งนัก แต่ครั้งนี้เห็นจะหลงกลเสียทีเราเป็นมั่นคง
แฮหัวหลิมทราบความแล้วก็มีความยินดี สำคัญว่าแม้ขงเบ้งจะคิดอ่านระวังตัว แต่ก็ต้องกลอุบาย เห็นจะได้ตัวอย่างแน่นอน จึงสั่งเอียวเหลงให้เปิดประตูเมืองรับซุยเหลียงและคอยท่าจนเวลาสองยามค่อยรุมล้อมโจมตีจับตัวขงเบ้งให้ได้ และเมื่อทหารของขงเบ้งเข้ามาถึงในเมืองแล้วก็ให้จับตัวฆ่าเสียให้สิ้น
เอียวเหลงรับคำแฮหัวหลิมแล้ว พาทหารคนสนิทไปที่ประตูเมือง สั่งนายประตูให้ปล่อยสะพานข้ามคูเมืองลงแล้วเปิดประตูเมืองเพื่อจะรับซุยเหลียง ตัวเอียวเหลงเองขี่ม้านำหน้าทหารหวังจะต้อนรับซุยเหลียงด้วยตนเอง พอเห็นซุยเหลียงก็ร้องบอกแต่ไกลว่าขอเชิญซุยเหลียงเข้าไปในเมืองเถิด
เอียวเหลงกล่าวพอสิ้นคำลงก็เห็นม้าตัวหนึ่งวิ่งปราดออกมาข้างหน้าอย่างรวดเร็ว ปรากฏเป็นกวนหินขี่ม้าตรงเข้าไปหาเอียวเหลง ยังไม่ทันที่เอียวเหลงจะมีปฏิกิริยาตอบโต้ประการใด กวนหินก็ขี่ม้าเข้าประชิดถึงตัว แล้วชักดาบฟันเอียวเหลงตกม้าตาย
ซุยเหลียงเห็นดังนั้นก็ตกใจ รีบชักม้าจะหนี แต่เตียวเปาซึ่งอยู่ในที่ใกล้ ขี่ม้าเข้าสกัดขวางหน้าไว้ แล้วตวาดขึ้นด้วยเสียงอันดังว่า “อ้ายโจร มึงคิดกลอุบายจะลวงมหาอุปราช แล้วจะหนีไปไหนเล่า” ในพริบตานั้นเตียวเปาก็เอาทวนแทงซุยเหลียงตกม้าตาย
กวนหินและเตียวเปารีบนำทหารรุกเข้าไปในตัวเมือง พวกหนึ่งไล่ฆ่าฟันทหารซึ่งอยู่บริเวณประตูเมือง อีกพวกหนึ่งจุดเพลิงขึ้นเป็นสัญญาณ ทหารเมืองเสฉวนซึ่งซุ่มอยู่ด้านนอกเมืองทั้งสี่ด้านก็กรูกันเข้าประชิดหักเข้าตีเมืองพร้อมกัน เสียงทหารเมืองเสฉวนโห่ร้องกึกก้องกัมปนาท และหักเข้าเมืองได้โดยสะดวก
แฮหัวหลิมเห็นแสงเพลิงลุกขึ้นที่ประตูเมืองใหญ่ ตอนแรกก็สำคัญว่าเหตุไฉนขงเบ้งจึงยกทัพมารวดเร็วไม่ทันถึงเวลาสองยาม แต่พอได้ยินเสียงทหารเสฉวนโห่ร้องเข้ามาในเมืองทั้งสี่ด้านก็ตกใจ รีบพาทหารคนสนิทขี่ม้าตีฝ่าออกไปทางประตูเมืองด้านทิศใต้ซึ่งเห็นว่าทหารเสฉวนเบาบางกว่าด้านอื่น
พอพ้นจากประตูเมืองกลายเป็นว่าอองเป๋งคุมทหารจำนวนมากคอยทีอยู่ก่อนแล้ว แฮหัวหลิมเห็นดังนั้นก็ตกใจ ชักม้าจะถอยกลับเข้าไปในเมือง แต่อองเป๋งก็สั่งทหารให้ล้อมแฮหัวหลิมไว้ แล้วจับตัวได้โดยละม่อมแล้วให้ทหารมัดตัวควบคุมไว้
ขงเบ้งคุมทัพหลวงเข้ายึดเมืองลำอั๋นได้โดยสะดวก ทหารเมืองเสฉวนได้ฆ่าฟันและจับทหารเมืองลำอั๋นเป็นเชลยได้เป็นจำนวนมาก ในคืนวันนั้นขงเบ้งได้ออกคำสั่งสนามให้ประกาศแก่ชาวเมืองทั้งปวงให้ตั้งอยู่ในความสงบ ทหารเมืองเสฉวนจะไม่ข่มเหงรังแกชาวเมืองให้ได้รับความเดือดร้อนแต่ประการใด
วันรุ่งขึ้นขงเบ้งออกว่าราชการจัดแจงบ้านเมือง อองเป๋งก็คุมตัวแฮหัวหลิมเข้าไปหาขงเบ้งจึงสั่งให้ควบคุมตัวแฮหัวหลิมไว้ แล้วสั่งแม่ทัพนายกองทั้งปวงให้สำรวจไพร่พล ตลอดจนเชลยศึกและสินศึกที่ยึดได้จากเมืองลำอั๋นเป็นอันมาก
หลังจากเสร็จการว่าราชการแล้ว เตงจี๋จึงถามขงเบ้งว่าซุยเหลียงคิดกลอุบายเป็นความลับและลึกซึ้ง เหตุไฉนมหาอุปราชจึงล่วงรู้แล้วซ้อนกลได้เล่า
ขงเบ้งได้ฟังก็หัวเราะแล้วว่า “เราแจ้งอยู่ว่าซุยเหลียงหาเป็นใจทำราชการด้วยเราโดยสุจริตไม่ เราจึงแกล้งใช้เข้าไปในเมือง หวังจะให้แฮหัวหลิมคิดซ้อนกลเรา เราจึงเอาชัยชนะต่อภายหลัง”
แล้วกล่าวสืบไปว่า เมืองลำอั๋นมีกำแพงเมืองสูงใหญ่ คูเมืองก็กว้างแลลึก หากจะเข้าตีซึ่งหน้าก็จะได้ความยากลำบาก แฮหัวหลิมรู้สภาพภูมิประเทศอันเป็นชัยภูมิดังนี้ จึงคิดอ่านตั้งรับหวังจะให้เราเลิกทัพกลับไปเอง เราจึงคิดกลศึกสามชั้นลวงชิงเอาเมืองอันต๋งเสียก่อน แล้วแสร้งทำเป็นเชื่อถือซุยเหลียงปล่อยเข้าไปในเมือง ลวงให้แฮหัวหลิมคิดซ้อนกลเรา แล้วเราจึงซ้อนกลซ้ำชิงกระทำเสียก่อน โดยที่แฮหัวหลิมคอยท่าว่าจะโจมตีเราในเวลาสองยาม จึงได้ชัยชนะโดยง่าย
บรรดาแม่ทัพนายกองทั้งปวงได้ฟังขงเบ้งอธิบายแผนการกลศึกสามชั้นซับซ้อนนักก็พากันคุกเข่า คำนับสรรเสริญสติปัญญาขงเบ้งว่า “มหาอุปราชมีสติปัญญาหาผู้เสมอมิได้”
ขงเบ้งจึงกล่าวสืบไปว่า บัดนี้เราได้เมืองอันต๋งและเมืองลำอั๋นแล้ว แต่ทหารซึ่งใช้ให้ถือหนังสือไปเมืองเทียนซุยนั้นยังไม่กลับมา ข่าวคราวประการใดยังไม่แจ้ง แต่เมืองเทียนซุยเป็นหัวเมืองข้างเคียง จะปล่อยไว้มิได้ จำจะยึดเมืองเทียนซุยไว้เสียด้วย
ขงเบ้งกล่าวดังนั้นแล้วจึงสั่งให้ม้าต้ายรักษาเมืองลำอั๋น ให้อุยเอี๋ยนเป็นกองทัพหน้ายกไปที่เมืองเทียนซุย ขงเบ้งจะคุมกองทัพหลวงยกตามไปในภายหลัง
ทางฝ่ายม้าจุ้นเจ้าเมืองเทียนซุย เมื่อได้ทราบข่าวศึกจากหน่วยสอดแนมว่าขงเบ้งยกกองทัพเมืองเสฉวนเข้าประชิดเมืองลำอั๋น ก็วิตกด้วยการศึกจึงเรียกขุนนางทั้งปวงมาปรึกษาว่า แฮหัวหลิมซึ่งรักษาเมืองลำอั๋นนั้นเป็นญาติวงศ์ของพระเจ้าโจยอย “เป็นบุตรเขยพระเจ้าวุยอ๋องเหมือนต้นไม้ทองใบแก้ว หาเคยทำการใหญ่ไม่ บัดนี้เข้าอยู่ในที่ล้อมขงเบ้ง เราจะคิดอ่านประการใด”
บรรดาขุนนางทั้งปวงมีความเห็นเป็นอย่างเดียวกันว่า แฮหัวหลิมเป็นญาติวงศ์อันสนิท หากพลาดพลั้งเสียทีแก่ทหารเมืองเสฉวน พระเจ้าโจยอยก็จะเอาผิดแก่พวกเราทั้งปวงว่าไม่เอาใจใส่ในราชการ ไม่ยกทหารไปช่วย ปล่อยให้แฮหัวหลิมเสียที โทษทั้งนี้ถึงตายทั้งเจ็ดชั่วโคตร ชอบที่ท่านเจ้าเมืองจะยกกองทัพไปช่วยแก้เอาแฮหัวหลิมออกจากที่ล้อมจึงจะควร
ม้าจุ้นเจ้าเมืองเทียนซุยได้ฟังคำขุนนางทั้งปวงเห็นพ้องต้องกันดังนั้นจึงเห็นชอบ พอดีทหารซึ่งขงเบ้งใช้ให้ปลอมตัวเป็นทหารของแฮหัวหลิมไปถึงเมืองเทียนซุยแล้วเข้าไปรายงานความให้ม้าจุ้นทราบอย่างเดียวกับที่ได้แจ้งความแก่ซุยเหลียง และเอาหนังสือปลอมของแฮหัวหลิมให้กับม้าจุ้น แล้วกำชับว่าแฮหัวหลิมถูกข้าศึกล้อมอยู่คับขันนัก ให้ท่านรีบยกกองทัพไปช่วย
วันรุ่งขึ้นทหารปลอมของขงเบ้งอีกคนหนึ่งก็เดินทางไปถึงและแจ้งความแก่ม้าจุ้นว่า ขณะนี้กองทัพเมืองอันต๋งได้ยกไปช่วยเมืองลำอั๋นแล้ว ให้ท่านเจ้าเมืองรีบยกกองทัพไปเป็นการด่วน ม้าจุ้นทราบความดังนั้นจึงจัดแจงทหารจะยกไปช่วยเมืองลำอั๋น
อันเมืองเทียนซุยหรือเมืองลำธารสวรรค์นั้นหาใช่แดนธรรมดาไม่ หากเป็นแดนที่ ลำธารสวรรค์ได้ให้กำเนิดผู้มีสติปัญญาชำนาญการสงครามขึ้นคนหนึ่งนามว่าเกียงอุย “เกียงอุยซึ่งเป็นนายทหารอยู่ในเมืองนั้น มีสติปัญญาหลักแหลมมาแต่น้อย ได้เรียนวิชาชำนาญในกลสงครามแล้วมีกตัญญูต่อบิดามารดา ชาวเมืองทั้งปวงก็ยำเกรงนับถือ”
เกียงอุยนั้นถึงจะมีอายุอยู่ในวัยฉกรรจ์ แต่ด้วยเหตุที่มีสติปัญญาหลักแหลมลึกซึ้งและทรงภูมิวิทยาเจนจบซึ่งพิชัยสงคราม แม้จะยังเป็นทหารชั้นผู้น้อยแต่เป็นที่นับถือของเจ้าเมือง ครั้นเกียงอุยทราบว่าม้าจุ้นจะยกกองทัพไปช่วยเมืองลำอั๋น จึงเข้าไปหาม้าจุ้น.
เมื่อกำหนดแผนการเห็นเป็นที่แยบยลดีแล้ว ซุยเหลียงจึงลาแฮหัวหลิมกลับไปหาขงเบ้งที่ค่าย แล้วแจ้งแก่ขงเบ้งว่าได้เข้าไปเกลี้ยกล่อมเอียวเหลงแล้ว เอียวเหลงตกลงเข้าร่วมการ จะจับตัวแฮหัวหลิมมามอบแก่ขงเบ้งตามความประสงค์ แต่ทหารของแฮหัวหลิมนั้นมากกว่าทหารของเอียวเหลง ดังนั้นจึงให้ขงเบ้งยกทหารเข้าตีเมือง เอียวเหลงจะเปิดประตูเมืองรับ แล้วเข้าไปจับแฮหัวหลิมก็จะได้โดยง่าย
ขงเบ้งเห็นการเป็นไปตามกลศึกสามชั้นก็มีความยินดี ทำทีเป็นหลงกลแล้วกล่าวกับซุยเหลียงว่า ความชอบของท่านครั้งนี้ใหญ่หลวงนัก เห็นจะจับตัวแฮหัวหลิมได้ในคืนวันนี้เป็นมั่นคง แล้วสั่งซุยเหลียงว่าในค่ำวันนี้ให้ท่านนำทหารกองทัพเสฉวนเข้าตีเมืองตามที่ได้ตกลงไว้กับเอียวเหลงเถิด
ซุยเหลียงสำคัญว่าขงเบ้งต้องกลอุบายก็มีความกระหยิ่มยิ้มย่อง รีบคำนับลา ขงเบ้งกลับไปที่พัก พอซุยเหลียงออกไปแล้วขงเบ้งจึงเรียกกวนหิน เตียวเปา มาสั่งการเป็นความลับว่า ให้จัดทหารร้อยเศษคัดเอาทหารฝีมือดีของเมืองเสฉวนปะปนกับทหารเชลยศึกซึ่งเกลี้ยกล่อมเข้าเป็นพวก เตรียมไว้ให้พร้อม และกระซิบสั่งความลับอีกครู่หนึ่ง กวนหิน เตียวเปา รับคำสั่งขงเบ้งแล้วจึงคำนับลาออกไปจัดแจงการตามคำสั่งนั้น
เมื่อกวนหิน เตียวเปากลับออกไปแล้ว ขงเบ้งจึงเรียกอองเป๋งมาสั่งการ ให้จัดแจงทหารสามหมื่นเตรียมพร้อมไว้เป็นความลับ พอค่ำลงก็ให้ลอบยกไปซุ่มอยู่นอกเมืองลำอั๋นทั้งสี่ด้าน เมื่อเห็นแสงเพลิงลุกขึ้นในเมืองก็ให้จู่โจมเข้าตีเมืองพร้อมกันและจับตัวแฮหัวหลิมให้จงได้ อองเป๋งรับคำสั่งขงเบ้งแล้วจึงคำนับลาออกไปจัดแจงตามที่ขงเบ้งสั่งการทุกประการ
พอค่ำลงซุยเหลียงก็มาหาขงเบ้ง เตรียมจะนำกองทัพเข้าตีเมืองตามแผนการอุบายที่วางไว้ แต่ต้องแปลกประหลาดใจเพราะเห็นที่หน้าค่ายของขงเบ้งมีการจัดเตรียมทหารเพียงร้อยคนเศษ จึงถามขงเบ้งว่ามหาอุปราชจะเปลี่ยนแปลงแผนการประการใดหรือ
ขงเบ้งจึงว่าแผนการที่ท่านวางไว้นั้นลึกซึ้งหลักแหลมนัก ไยจะต้องเปลี่ยนแปลงด้วยเล่า แต่การดำเนินการตามแผนการนั้นจะต้องสอดคล้องกับสภาพแลฤกษ์ผานาที ให้ท่านนำทหารร้อยคนนี้เข้าไปหาเอียวเหลงก่อน แจ้งเอียวเหลงให้ซุ่มทหารเหล่านี้ไว้ รอจนเวลาสองยามแล้วเราจึงจะยกกองทัพใหญ่ไปที่หน้าประตูเมือง ให้ท่านจุดเพลิงสัญญาณขึ้นเป็นสำคัญ และเปิดประตูเมืองรับ เราก็จะยกทหารเข้าไปในเมือง
ซุยเหลียงเห็นแผนการเปลี่ยนแปลงไปบ้าง แต่ครั้นจะไม่ทำตามที่ขงเบ้งสั่งก็เกรงว่าขงเบ้งจะจับพิรุธได้ ทั้งคิดว่าเวลาที่เนิ่นไปเพียงชั่วยามเศษ หาได้มีผลทำให้แผนการที่วางไว้ล้มเหลวแต่ประการใดไม่ เพราะทหารร้อยคนนี้มีจำนวนน้อย เมื่อเข้าไปถึงเมืองแล้วก็จะจับฆ่าเสียให้หมด ซุยเหลียงจึงรับคำแล้วคำนับลาขงเบ้ง พาทหารของกวนหินและเตียวเปาซึ่งทำทีปลอมตัวเป็นทหารเมืองอันต๋งเข้าไปที่เมืองลำอั๋น
ฝ่ายเอียวเหลงเมื่อได้ตกลงแผนการคิดจะซ้อนกลขงเบ้งกับซุยเหลียงแล้ว ก็เตรียมการคอยทีอยู่บนเชิงเทิน พอค่ำลงเห็นซุยเหลียงพาทหารเข้ามาที่ประตูเมืองก็สงสัย เพราะไม่เป็นไปตามแผนการที่ตกลงกันไว้ว่าขงเบ้งจะยกกองทัพมาเอง จึงสั่งทหารให้ชักสะพานข้ามคูเมืองเสีย แล้วร้องถามว่าทหารซึ่งซุยเหลียงท่านพามาด้วยนี้เป็นทหารของฝ่ายไหน
ซุยเหลียงครั้นจะตอบตามจริงก็เกรงว่าทหารของขงเบ้งจะไหวตัว จึงแสร้งร้องบอกเอียวเหลงว่าข้าพเจ้าได้นำทหารเมืองอันต๋งมาช่วยท่าน แต่ในขณะเดียวกัน ซุยเหลียงก็เกรงว่าเอียวเหลงไม่ทราบแผนการที่เปลี่ยนแปลงไป จะวู่วามทำให้แผนการใหญ่เสียหาย จึงเขียนหนังสือผูกลูกเกาทัณฑ์ยิงเข้าไปในเมืองลำอั๋นหวังจะแจ้งเนื้อความให้เอียวเหลงทราบแผนการที่เปลี่ยนแปลงไปนั้นเสียก่อน
เมื่อทหารเมืองลำอั๋นเห็นเกาทัณฑ์ผูกหนังสือยิงเข้ามาในเมือง ก็เอาเกาทัณฑ์พร้อมหนังสือนั้นไปมอบแก่เอียวเหลง เอียวเหลงแกะหนังสือนั้นออกอ่านดูเป็นเนื้อความว่า ขงเบ้งเป็นคนละเอียดละออ จึงให้ทหารปลอมตัวเป็นทหารเมืองอันต๋งมากับข้าพเจ้า แล้ว จะยกกองทัพตามมาในเวลาสองยาม ให้ท่านทำเป็นหลงกลต้อนรับทหารเหล่านี้ เมื่อเข้าไปในเมืองแล้วจึงค่อยฆ่าเสียให้สิ้น พอขงเบ้งยกมาจะได้ทำการตามแผนการได้โดยสะดวก
เอียวเหลงทราบความตามหนังสือของซุยเหลียงก็มีความยินดี รีบนำหนังสือนั้นเข้าไปหาแฮหัวหลิม แล้วแจ้งว่าถึงขงเบ้งจะสุขุมยิ่งนัก แต่ครั้งนี้เห็นจะหลงกลเสียทีเราเป็นมั่นคง
แฮหัวหลิมทราบความแล้วก็มีความยินดี สำคัญว่าแม้ขงเบ้งจะคิดอ่านระวังตัว แต่ก็ต้องกลอุบาย เห็นจะได้ตัวอย่างแน่นอน จึงสั่งเอียวเหลงให้เปิดประตูเมืองรับซุยเหลียงและคอยท่าจนเวลาสองยามค่อยรุมล้อมโจมตีจับตัวขงเบ้งให้ได้ และเมื่อทหารของขงเบ้งเข้ามาถึงในเมืองแล้วก็ให้จับตัวฆ่าเสียให้สิ้น
เอียวเหลงรับคำแฮหัวหลิมแล้ว พาทหารคนสนิทไปที่ประตูเมือง สั่งนายประตูให้ปล่อยสะพานข้ามคูเมืองลงแล้วเปิดประตูเมืองเพื่อจะรับซุยเหลียง ตัวเอียวเหลงเองขี่ม้านำหน้าทหารหวังจะต้อนรับซุยเหลียงด้วยตนเอง พอเห็นซุยเหลียงก็ร้องบอกแต่ไกลว่าขอเชิญซุยเหลียงเข้าไปในเมืองเถิด
เอียวเหลงกล่าวพอสิ้นคำลงก็เห็นม้าตัวหนึ่งวิ่งปราดออกมาข้างหน้าอย่างรวดเร็ว ปรากฏเป็นกวนหินขี่ม้าตรงเข้าไปหาเอียวเหลง ยังไม่ทันที่เอียวเหลงจะมีปฏิกิริยาตอบโต้ประการใด กวนหินก็ขี่ม้าเข้าประชิดถึงตัว แล้วชักดาบฟันเอียวเหลงตกม้าตาย
ซุยเหลียงเห็นดังนั้นก็ตกใจ รีบชักม้าจะหนี แต่เตียวเปาซึ่งอยู่ในที่ใกล้ ขี่ม้าเข้าสกัดขวางหน้าไว้ แล้วตวาดขึ้นด้วยเสียงอันดังว่า “อ้ายโจร มึงคิดกลอุบายจะลวงมหาอุปราช แล้วจะหนีไปไหนเล่า” ในพริบตานั้นเตียวเปาก็เอาทวนแทงซุยเหลียงตกม้าตาย
กวนหินและเตียวเปารีบนำทหารรุกเข้าไปในตัวเมือง พวกหนึ่งไล่ฆ่าฟันทหารซึ่งอยู่บริเวณประตูเมือง อีกพวกหนึ่งจุดเพลิงขึ้นเป็นสัญญาณ ทหารเมืองเสฉวนซึ่งซุ่มอยู่ด้านนอกเมืองทั้งสี่ด้านก็กรูกันเข้าประชิดหักเข้าตีเมืองพร้อมกัน เสียงทหารเมืองเสฉวนโห่ร้องกึกก้องกัมปนาท และหักเข้าเมืองได้โดยสะดวก
แฮหัวหลิมเห็นแสงเพลิงลุกขึ้นที่ประตูเมืองใหญ่ ตอนแรกก็สำคัญว่าเหตุไฉนขงเบ้งจึงยกทัพมารวดเร็วไม่ทันถึงเวลาสองยาม แต่พอได้ยินเสียงทหารเสฉวนโห่ร้องเข้ามาในเมืองทั้งสี่ด้านก็ตกใจ รีบพาทหารคนสนิทขี่ม้าตีฝ่าออกไปทางประตูเมืองด้านทิศใต้ซึ่งเห็นว่าทหารเสฉวนเบาบางกว่าด้านอื่น
พอพ้นจากประตูเมืองกลายเป็นว่าอองเป๋งคุมทหารจำนวนมากคอยทีอยู่ก่อนแล้ว แฮหัวหลิมเห็นดังนั้นก็ตกใจ ชักม้าจะถอยกลับเข้าไปในเมือง แต่อองเป๋งก็สั่งทหารให้ล้อมแฮหัวหลิมไว้ แล้วจับตัวได้โดยละม่อมแล้วให้ทหารมัดตัวควบคุมไว้
ขงเบ้งคุมทัพหลวงเข้ายึดเมืองลำอั๋นได้โดยสะดวก ทหารเมืองเสฉวนได้ฆ่าฟันและจับทหารเมืองลำอั๋นเป็นเชลยได้เป็นจำนวนมาก ในคืนวันนั้นขงเบ้งได้ออกคำสั่งสนามให้ประกาศแก่ชาวเมืองทั้งปวงให้ตั้งอยู่ในความสงบ ทหารเมืองเสฉวนจะไม่ข่มเหงรังแกชาวเมืองให้ได้รับความเดือดร้อนแต่ประการใด
วันรุ่งขึ้นขงเบ้งออกว่าราชการจัดแจงบ้านเมือง อองเป๋งก็คุมตัวแฮหัวหลิมเข้าไปหาขงเบ้งจึงสั่งให้ควบคุมตัวแฮหัวหลิมไว้ แล้วสั่งแม่ทัพนายกองทั้งปวงให้สำรวจไพร่พล ตลอดจนเชลยศึกและสินศึกที่ยึดได้จากเมืองลำอั๋นเป็นอันมาก
หลังจากเสร็จการว่าราชการแล้ว เตงจี๋จึงถามขงเบ้งว่าซุยเหลียงคิดกลอุบายเป็นความลับและลึกซึ้ง เหตุไฉนมหาอุปราชจึงล่วงรู้แล้วซ้อนกลได้เล่า
ขงเบ้งได้ฟังก็หัวเราะแล้วว่า “เราแจ้งอยู่ว่าซุยเหลียงหาเป็นใจทำราชการด้วยเราโดยสุจริตไม่ เราจึงแกล้งใช้เข้าไปในเมือง หวังจะให้แฮหัวหลิมคิดซ้อนกลเรา เราจึงเอาชัยชนะต่อภายหลัง”
แล้วกล่าวสืบไปว่า เมืองลำอั๋นมีกำแพงเมืองสูงใหญ่ คูเมืองก็กว้างแลลึก หากจะเข้าตีซึ่งหน้าก็จะได้ความยากลำบาก แฮหัวหลิมรู้สภาพภูมิประเทศอันเป็นชัยภูมิดังนี้ จึงคิดอ่านตั้งรับหวังจะให้เราเลิกทัพกลับไปเอง เราจึงคิดกลศึกสามชั้นลวงชิงเอาเมืองอันต๋งเสียก่อน แล้วแสร้งทำเป็นเชื่อถือซุยเหลียงปล่อยเข้าไปในเมือง ลวงให้แฮหัวหลิมคิดซ้อนกลเรา แล้วเราจึงซ้อนกลซ้ำชิงกระทำเสียก่อน โดยที่แฮหัวหลิมคอยท่าว่าจะโจมตีเราในเวลาสองยาม จึงได้ชัยชนะโดยง่าย
บรรดาแม่ทัพนายกองทั้งปวงได้ฟังขงเบ้งอธิบายแผนการกลศึกสามชั้นซับซ้อนนักก็พากันคุกเข่า คำนับสรรเสริญสติปัญญาขงเบ้งว่า “มหาอุปราชมีสติปัญญาหาผู้เสมอมิได้”
ขงเบ้งจึงกล่าวสืบไปว่า บัดนี้เราได้เมืองอันต๋งและเมืองลำอั๋นแล้ว แต่ทหารซึ่งใช้ให้ถือหนังสือไปเมืองเทียนซุยนั้นยังไม่กลับมา ข่าวคราวประการใดยังไม่แจ้ง แต่เมืองเทียนซุยเป็นหัวเมืองข้างเคียง จะปล่อยไว้มิได้ จำจะยึดเมืองเทียนซุยไว้เสียด้วย
ขงเบ้งกล่าวดังนั้นแล้วจึงสั่งให้ม้าต้ายรักษาเมืองลำอั๋น ให้อุยเอี๋ยนเป็นกองทัพหน้ายกไปที่เมืองเทียนซุย ขงเบ้งจะคุมกองทัพหลวงยกตามไปในภายหลัง
ทางฝ่ายม้าจุ้นเจ้าเมืองเทียนซุย เมื่อได้ทราบข่าวศึกจากหน่วยสอดแนมว่าขงเบ้งยกกองทัพเมืองเสฉวนเข้าประชิดเมืองลำอั๋น ก็วิตกด้วยการศึกจึงเรียกขุนนางทั้งปวงมาปรึกษาว่า แฮหัวหลิมซึ่งรักษาเมืองลำอั๋นนั้นเป็นญาติวงศ์ของพระเจ้าโจยอย “เป็นบุตรเขยพระเจ้าวุยอ๋องเหมือนต้นไม้ทองใบแก้ว หาเคยทำการใหญ่ไม่ บัดนี้เข้าอยู่ในที่ล้อมขงเบ้ง เราจะคิดอ่านประการใด”
บรรดาขุนนางทั้งปวงมีความเห็นเป็นอย่างเดียวกันว่า แฮหัวหลิมเป็นญาติวงศ์อันสนิท หากพลาดพลั้งเสียทีแก่ทหารเมืองเสฉวน พระเจ้าโจยอยก็จะเอาผิดแก่พวกเราทั้งปวงว่าไม่เอาใจใส่ในราชการ ไม่ยกทหารไปช่วย ปล่อยให้แฮหัวหลิมเสียที โทษทั้งนี้ถึงตายทั้งเจ็ดชั่วโคตร ชอบที่ท่านเจ้าเมืองจะยกกองทัพไปช่วยแก้เอาแฮหัวหลิมออกจากที่ล้อมจึงจะควร
ม้าจุ้นเจ้าเมืองเทียนซุยได้ฟังคำขุนนางทั้งปวงเห็นพ้องต้องกันดังนั้นจึงเห็นชอบ พอดีทหารซึ่งขงเบ้งใช้ให้ปลอมตัวเป็นทหารของแฮหัวหลิมไปถึงเมืองเทียนซุยแล้วเข้าไปรายงานความให้ม้าจุ้นทราบอย่างเดียวกับที่ได้แจ้งความแก่ซุยเหลียง และเอาหนังสือปลอมของแฮหัวหลิมให้กับม้าจุ้น แล้วกำชับว่าแฮหัวหลิมถูกข้าศึกล้อมอยู่คับขันนัก ให้ท่านรีบยกกองทัพไปช่วย
วันรุ่งขึ้นทหารปลอมของขงเบ้งอีกคนหนึ่งก็เดินทางไปถึงและแจ้งความแก่ม้าจุ้นว่า ขณะนี้กองทัพเมืองอันต๋งได้ยกไปช่วยเมืองลำอั๋นแล้ว ให้ท่านเจ้าเมืองรีบยกกองทัพไปเป็นการด่วน ม้าจุ้นทราบความดังนั้นจึงจัดแจงทหารจะยกไปช่วยเมืองลำอั๋น
อันเมืองเทียนซุยหรือเมืองลำธารสวรรค์นั้นหาใช่แดนธรรมดาไม่ หากเป็นแดนที่ ลำธารสวรรค์ได้ให้กำเนิดผู้มีสติปัญญาชำนาญการสงครามขึ้นคนหนึ่งนามว่าเกียงอุย “เกียงอุยซึ่งเป็นนายทหารอยู่ในเมืองนั้น มีสติปัญญาหลักแหลมมาแต่น้อย ได้เรียนวิชาชำนาญในกลสงครามแล้วมีกตัญญูต่อบิดามารดา ชาวเมืองทั้งปวงก็ยำเกรงนับถือ”
เกียงอุยนั้นถึงจะมีอายุอยู่ในวัยฉกรรจ์ แต่ด้วยเหตุที่มีสติปัญญาหลักแหลมลึกซึ้งและทรงภูมิวิทยาเจนจบซึ่งพิชัยสงคราม แม้จะยังเป็นทหารชั้นผู้น้อยแต่เป็นที่นับถือของเจ้าเมือง ครั้นเกียงอุยทราบว่าม้าจุ้นจะยกกองทัพไปช่วยเมืองลำอั๋น จึงเข้าไปหาม้าจุ้น.