ตอนที่ 511. ศึกเมืองลำอั๋น
ในขณะที่จูล่งกำลังสิ้นกำลังและอับจนปัญญาที่จะตีฝ่าข้าศึกออกไปจากวงล้อมนั้น กวนหินและเตียวเปาซึ่งได้รับคำสั่งของขงเบ้งก็ได้ยกกองทัพมาช่วยเหลือไว้ได้ทันท่วงที และยกทหารเป็นสามสายบุกขึ้นภูเขาที่แฮหัวหลิมตั้งฐานบัญชาการอยู่
แฮหัวหลิมกำลังตกใจที่ข้าศึกรุกจู่โจมเข้ามาอย่างผิดคาดหมาย และไม่รู้ว่าจะหนีลงจากเขาประการใด ทหารคนสนิทก็มารายงานว่าทางด้านหลังภูเขามีทางหนีลงจากภูเขาได้ และมีเส้นทางตลอดไปถึงเมืองลำอั๋น แฮหัวหลิมได้ฟังดังนั้นก็ดีใจ สำรวจทหารซึ่งใกล้ชิดเห็นเหลืออยู่ร้อยคนเศษ จึงพากันหนีลงทางด้านหลังเขาไปเมืองลำอั๋น
กวนหินและเตียวเปาพาทหารบุกขึ้นไปถึงยอดเขาก่อน ไม่เห็นแฮหัวหลิมและทหารก็แปลกประหลาดใจ พอดีจูล่งและเตงจี๋ยกทหารขึ้นไปถึงจึงปรึกษากันว่า ไฉนจู่ ๆ แฮหัวหลิมจึงหายไปจากยอดเขาได้ จูล่งซึ่งมีประสบการณ์ในการศึกมาอย่างโชกโชนจึงว่า แฮหัวหลิมย่อมบินหนีไปไม่ได้ หากต้องมีทางลงเขาไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง จึงให้ทหารออกค้นหาก็พบว่ามีเส้นทางลงเขาทางด้านหลังได้ จูล่งจึงว่าแฮหัวหลิมคงจะหนีไปโดยเส้นทางนี้เป็นมั่นคง
สามนายทัพแห่งจ๊กก๊กเห็นชอบพร้อมกันแล้ว จึงพาทหารลงจากหลังเขาไล่ตามแฮหัวหลิมไปจนถึงเมืองลำอั๋น แต่ปรากฏว่าแฮหัวหลิมหนีเข้าไปในเมืองได้เรียบร้อยแล้ว และเกณฑ์ให้ทหารขึ้นรักษาเชิงเทินค่ายคูประตูหอรบไว้อย่างมั่นคง
จูล่งเห็นดังนั้นจึงตกลงกับกวนหินและเตียวเปาให้ตั้งค่ายประชิดเมืองไว้เป็นสามด้าน และยกทหารออกไปท้ารบกับแฮหัวหลิม แต่ปรากฏว่าแฮหัวหลิมคุมเชิงตั้งมั่นอยู่แต่ในเมือง ไม่ตอบโต้คำท้าแต่ประการใด
จูล่ง กวนหิน เตียวเปา ตั้งค่ายล้อมเมืองลำอั๋นอยู่ถึงสิบวัน แต่จะเข้าตีเมืองนั้นไม่ได้ เพราะกำแพงเมืองสูงใหญ่ คูเมืองก็กว้างและลึก ทั้งทหารรักษาการณ์ก็แน่นหนา จึงปรึกษากันว่าจะคิดอ่านประการใดจึงจะตีเมืองลำอั๋นได้สำเร็จ
ขณะที่ปรึกษากันนั้นทหารรักษาการณ์ก็เข้ามารายงานว่า บัดนี้ขงเบ้งได้ให้กองทัพหลังตั้งอยู่ที่เมืองไกเอี๋ยง กองทัพปีกซ้ายตั้งอยู่ที่เมืองเอี้ยงเป๋ง และกองทัพปีกขวาตั้งอยู่ที่เมืองจือเสีย ตัวขงเบ้งเองคุมกองทัพหลวงใกล้จะถึงเมืองลำอั๋นแล้ว
จูล่ง กวนหิน และเตียวเปา ทราบรายงานดังนั้นจึงพากันไปคอยรับขงเบ้ง ครั้นขงเบ้งมาถึงจึงเข้าไปคำนับ แล้วรายงานว่าได้ติดตามแฮหัวหลิมมาจนถึงเมืองนี้และล้อมเมืองไว้ถึงสิบวันแล้ว แต่แฮหัวหลิมไม่ออกรบ ครั้นจะยกทหารเข้าตีเมืองก็ขัดสน
ขงเบ้งได้ฟังดังนั้นก็หันหน้าไปมองที่กำแพงเมือง แล้วกล่าวว่าแฮหัวหลิมเด็กน้อย คิดแต่จะอาศัยกำแพงเมืองสูงใหญ่และคูเมืองที่กว้างลึกรักษาตัว ครั้นจะรั้งรอไม่ตีเมืองนี้หากพระเจ้าโจยอยรู้ก็จะยกกองทัพโอบหลังไปตีเมืองฮันต๋งแล้วตีกระหนาบเข้ามา เราก็จะขัดสน
เตงจี๋ได้ฟังคำขงเบ้งดังนั้นจึงเสนอว่า “แฮหัวหลิมเป็นเชื้อสายอยู่กับโจยอย แม้เราจับตัวแฮหัวหลิมกับทหารร้อยหนึ่งได้ โจยอยก็จะสิ้นความคิดท้อน้ำใจลง เห็นการเราจะสำเร็จโดยง่าย”
ขงเบ้งได้ฟังดังนั้นก็พยักหน้า แล้วชวนจูล่ง กวนหิน เตียวเปา และเตงจี๋เข้าไปปรึกษากันข้างในค่าย แล้วถามว่าเมืองเทียนซุยทางด้านทิศตะวันตกและเมืองอันต๋งทางด้านทิศเหนือของเมืองลำอั๋นซึ่งเป็นเมืองบริวารของเมืองลำอั๋นนี้มีผู้ใดรักษาเมือง
หัวหน้าหน่วยสอดแนมได้รายงานว่า ม้าจุ้นเป็นเจ้าเมืองเทียนซุย และซุยเหลียงเป็นเจ้าเมืองอันต๋ง
ขงเบ้งได้ฟังดังนั้นจึงเรียกทหารซึ่งวางใจสิบกว่าคน สั่งให้ปลอมตัวเป็นทหารของแฮหัวหลิมถือหนังสือลับปลอมเป็นหนังสือของแฮหัวหลิมไปให้กับม้าจุ้นเจ้าเมืองเทียนซุย และซุยเหลียงเจ้าเมืองอันต๋ง เป็นใจความว่าขณะนี้เมืองลำอั๋นถูกกองทัพจ๊กก๊กล้อมอยู่ ให้ม้าจุ้นและซุยเหลียงรีบยกทหารมาช่วย หากล่าช้าไปข้าศึกตีเมืองได้ก็จะต้องรับโทษหนักถึงประหารชีวิต นายทหารคนสนิทรับคำสั่งและหนังสือลับดังกล่าวแล้ว คำนับลาขงเบ้งเดินทางไปเมืองเทียนซุยและเมืองอันต๋ง จากนั้นขงเบ้งจึงเรียกอุยเอี๋ยน กวนหิน และเตียวเปามากระซิบสั่งแผนการลับ แล้วกำชับว่าให้ปฏิบัติตามแผนนี้อย่าให้ขาดเกินก็จะได้เมืองลำอั๋น เมืองเทียนซุย และเมืองอันต๋งทั้งสามเมือง
ครั้นกระซิบสิ้นความแล้ว ขงเบ้งจึงถามว่ามีข้อใดยังไม่กระจ่างแจ้งหรือมีข้อใดจะไต่ถามเพิ่มเติมบ้าง สามนายทหารมีสีหน้าเบิกบาน คำนับขงเบ้งแล้วกล่าวว่าแผนการของมหาอุปราชลึกซึ้งนัก แล้วลาออกไปจัดแจงตามแผนการที่ขงเบ้งสั่งการ
ครั้นสามนายทหารนำทหารออกไปแล้ว วันรุ่งขึ้นขงเบ้งจึงสั่งให้ทหารขนเอาฟืนและเชื้อเพลิงจำนวนมากไปสุมไว้ที่ใกล้กำแพงเมืองลำอั๋น แล้วจุดเพลิงขึ้นที่ฟืนนั้น
แฮหัวหลิมและทหารซึ่งรักษาเมืองลำอั๋นเห็นขงเบ้งทำการเช่นนั้นก็พากันหัวเราะเยาะเย้ยว่า นี่หรือที่เขาล่ำลือว่าจูกัดเหลียงมีสติปัญญา คิดอ่านกลอุบายในการสงครามล้ำลึกนัก เห็นประจักษ์แก่ตาแล้วว่าความคิดอ่านเสมอด้วยเด็กทารกเท่านั้น อันกองไฟเพียงเท่านี้ไหนเลยจะเผาทำลายกำแพงเมืองอันสูงใหญ่ให้พังลงมาได้
ฝ่ายซุยเหลียงเจ้าเมืองอันต๋งเมื่อได้ทราบความตามหนังสือลับปลอมของแฮหัวหลิมแล้วก็คิดว่าแฮหัวหลิมนี้เป็นราชบุตรเขยของพระเจ้าวุยอ๋อง หากเราจะนิ่งเฉยไม่รีบยกไปช่วยย่อมผิดกฎพระอัยการศึก มีโทษถึงตายเจ็ดชั่วโคตร จำจะยกกองทัพไปช่วยแฮหัวหลิมให้พ้นภัยจึงจะรอดจากอันตราย
ทหารของขงเบ้งเห็นซุยเหลียงเชื่อถือจึงกล่าวสืบไปว่า แฮหัวหลิมกำชับให้ท่านแจ้งแก่ม้าจุ้นเจ้าเมืองเทียนซุยให้ยกกองทัพหนุนไปช่วยพร้อมกันด้วย ซุยเหลียงสำคัญว่าเป็นความจริงจึงสั่งทหารให้ไปเร่งม้าจุ้นให้รีบยกกองทัพหนุนไปช่วยแฮหัวหลิม
ทหารของซุยเหลียงยังไม่ทันออกไปจากเมือง ทหารของขงเบ้งอีกคนหนึ่งซึ่งปลอมเป็นทหารแฮหัวหลิมก็เข้ามาแจ้งแก่ซุยเหลียงว่า ขณะนี้ม้าจุ้นเจ้าเมืองเทียนซุยได้ทราบข่าวศึกและยกกองทัพไปช่วยเมืองลำอั๋นแล้ว ให้ท่านรีบยกกองทัพตามไป
ซุยเหลียงเห็นเป็นการเร่งร้อนจึงให้ทหารเลวเพียงสี่พันอยู่รักษาเมือง ตัวซุยเหลียงคุมทหารซึ่งมีฝีมือที่เหลือทั้งหมดยกออกจากเมืองตรงไปเมืองลำอั๋น แต่พอซุยเหลียงยกกองทัพออกมาจากเมืองอันต๋งเหลือระยะทางสามร้อยเส้นจะถึงเมืองลำอั๋นก็เห็นแสงเพลิงลุกขึ้นทางเมืองลำอั๋น
ในทันใดนั้นกวนหินซึ่งรับคำสั่งของขงเบ้งให้ยกทหารมาตั้งคอยสกัดโจมตีกองทัพเมืองอันต๋งก็ได้ยกทหารออกจากที่ซุ่มโห่ร้องรุกเข้าตีกองทหารของซุยเหลียงอย่างรวดเร็ว ซุยเหลียงรู้ตัวว่าต้องกลอุบายก็สั่งทหารให้ถอยทัพจะหนีกลับไปทางเมือง แต่ถูกเตียวเปาคุมทหารอีกกองหนึ่งมาสกัดไว้ ทหารเมืองเสฉวนทั้งสองกองได้โห่ร้องรุกเข้าฆ่าฟันทหารของซุยเหลียงบาดเจ็บล้มตายลงเป็นจำนวนมาก
ซุยเหลียงชำนาญภูมิประเทศแถบนั้น พอเห็นช่องโอกาสก็พาทหารคนสนิทไม่กี่คนหนีตีฝ่าออกไปทางซอกเขาซึ่งเป็นทางลัดไปเมืองอันต๋ง
ฝ่ายอุยเอี๋ยนเมื่อได้รับคำสั่งจากขงเบ้งแล้วรีบยกทหารออกไปซุ่มอยู่ที่ใกล้เมืองอันต๋ง ครั้นเห็นซุยเหลียงยกทหารออกพ้นเขตเมืองไปแล้ว จึงให้ทหารปลอมตัวเป็นทหารของซุยเหลียงไปร้องเรียกที่หน้าประตูเมืองว่า ซุยเหลียงเกรงว่าข้าศึกจะย้อนรอยมาตีเอาเมือง จึงให้พวกเรามาช่วยป้องกันรักษาเมือง ทหารที่รักษาประตูเข้าใจว่าเป็นพวกเดียวกันก็เปิดประตูเมืองรับ อุยเอี๋ยนจึงคุมทหารเข้ายึดเมืองอันต๋งได้โดยสะดวก แล้วให้ทหารขึ้นรักษาเชิงเทินไว้ ตัวอุยเอี๋ยนคุมทหารมาตั้งซุ่มอยู่ที่ปากทางเข้าเมือง
ครั้นอุยเอี๋ยนเห็นซุยเหลียงพาทหารหนีกลับมาทางเมืองอันต๋งก็จุดประทัดสัญญาณขึ้น ทหารของอุยเอี๋ยนจึงโห่ร้องออกจากที่ซุ่ม เข้าล้อมซุยเหลียงและทหารไว้อย่างแน่นหนา ซุยเหลียงเห็นดังนั้นก็ตกใจ สั่งทหารให้ตีฝ่าออกไปแต่อุยเอี๋ยนก็สั่งให้ทหารระดมยิงเกาทัณฑ์สกัดไว้ แล้วกระชับวงล้อมประชิดเข้ามา และให้ทหารร้องบอกแก่ซุยเหลียงว่า กองทัพเมืองเสฉวนยึดเมืองอันต๋งได้แล้ว ให้ยอมจำนนแต่โดยดี มิฉะนั้นก็จะตายด้วยลูกเกาทัณฑ์เป็นมั่นคง
ซุยเหลียงสังเกตเห็นวงล้อมทางด้านที่จะไปยังเมืองเทียนซุยเบาบางก็ทำทีแสร้งว่าจะยอมจำนน ทหารเมืองเสฉวนเห็นข้าศึกจะยอมจำนนก็พากันลดอาวุธลง ในทันใดนั้นซุยเหลียงก็ให้สัญญาณแก่ทหารรีบรุดตีฝ่าวงล้อมออกไปได้ แล้วอาศัยความชำนาญภูมิประเทศหนีไปทางเมืองเทียนซุย
ครั้นหนีไปใกล้ปากทางที่จะไปเมืองเทียนซุย เห็นบริเวณนั้นเงียบสงัดผิดจากปกติที่เป็นมาก็ประหลาดใจ จึงคิดว่าชะรอยข้าศึกจะมาดักซุ่มอยู่ที่นี่ ซุยเหลียงจึงชักม้ากลับหลัง แต่ทันใดนั้นเสียงประทัดสัญญาณก็ดังขึ้น เห็นขงเบ้งขี่เกวียนน้อยถือพัดขนนกยกทหารออกมาจากแนวป่า ซุยเหลียงเห็นดังนั้นก็ตกใจ ชักม้าจะหนีไปอีกทางหนึ่ง
ในทันใดนั้นกวนหินและเตียวเปาก็คุมทหารตีเป็นวงล้อมกระหนาบกระชับเข้ามา ซุยเหลียงเหลียวซ้ายแลขวาเห็นวงล้อมแน่นหนาและทหารซึ่งเหลือติดตามมาก็น้อยตัวนัก จึงลงจากหลังม้าเดินกลับไปหาขงเบ้ง คุกเข่าลงคำนับแล้วยอมสวามิภักดิ์แต่โดยดี
ขงเบ้งเห็นดังนั้นก็เชิญให้ซุยเหลียงลุกขึ้นแล้วกล่าวว่าเมื่อท่านยอมนอบน้อมต่อเราแล้ว ก็ชอบที่จะสร้างความชอบไว้แก่เราจึงจะควร ซุยเหลียงจึงว่าเมื่อมหาอุปราชไว้ชีวิตข้าพเจ้า ก็จะยอมทำการสนองพระคุณจนสุดกำลัง มหาอุปราชมีสิ่งใดจะใช้สอยก็ได้โปรดบัญชา
ขงเบ้งจึงพาซุยเหลียงและทหารกลับมาที่ค่าย แล้วเรียกซุยเหลียงมาถามว่า เมืองลำอั๋นนี้แต่ก่อนที่แฮหัวหลิมจะเข้าไปอาศัย ผู้ใดเป็นผู้รักษาเมือง
ซุยเหลียงจึงบอกว่า เจ้าเมืองนี้ชื่อเอียวเหลงซึ่งเป็นหลานของเอียวฮู แลเอียวฮูกับข้าพเจ้ามีความชอบพอใกล้ชิดสนิทกัน
ขงเบ้งจึงว่า ถ้าเช่นนั้นเราจะให้ท่านเข้าไปในเมืองเกลี้ยกล่อมเอียวเหลงให้จับตัว แฮหัวหลิมมามอบแก่เรา เราจะปูนบำเหน็จความชอบตั้งให้เป็นเจ้าเมืองลำอั๋น พร้อมกับข้าวของเงินทองเป็นอันมาก
ซุยเหลียงจึงว่า การเพียงเท่านี้มหาอุปราชจงวางใจเถิด ว่าแล้วก็คำนับลาขงเบ้งเดินทางไปเมืองลำอั๋น ขงเบ้งก็ให้ถอยทัพออกมาไกลจากตัวเมืองสองร้อยเส้น
ครั้นซุยเหลียงไปถึงเมืองลำอั๋นก็ร้องบอกแก่นายประตูว่าเราชื่อซุยเหลียงเป็นเจ้าเมืองอันต๋ง บัดนี้มีราชการเร่งด่วนให้รีบเปิดประตู เอียวเหลงอยู่บนหอรบ เห็นซุยเหลียงก็จำได้จึงสั่งให้เปิดประตูรับซุยเหลียงเข้ามา ต่างฝ่ายต่างคำนับกันตามธรรมเนียมแล้ว ซุยเหลียงก็เล่าความซึ่งถูกขงเบ้งวางกลอุบายจับตัวแล้วเกลี้ยกล่อมให้เป็นพวก และให้มาเกลี้ยกล่อมเอียวเหลงทุกประการ
เอียวเหลงได้ฟังคำซุยเหลียงแล้วจึงว่า “พระเจ้าโจยอยมีคุณต่อเราเป็นอันมาก ซึ่งจะคิดขบถไปเข้าด้วยข้าศึกนั้นไม่ชอบ เราจะคิดซ้อนกลขงเบ้งเอาชัยชนะให้จงได้”
ซุยเหลียงได้ฟังดังนั้นก็ดีใจ กล่าวว่าความคิดของท่านต้องด้วยความคิดของข้าพเจ้า จงมาช่วยกันคิดอ่านซ้อนกลจับตัวขงเบ้งด้วยกันเถิด เอียวเหลงจึงพาซุยเหลียงเข้าไปหาแฮหัวหลิม แล้วเล่าเนื้อความให้แฮหัวหลิมฟังทุกประการ
แฮหัวหลิมได้ฟังดังนั้นก็ดีใจ ปรึกษากับซุยเหลียงและเอียวเหลงว่าเราจะซ้อนกลไฉนจึงจะได้ตัวขงเบ้งเล่า
เอียวเหลงจึงว่า ข้าพเจ้าจะทำทีว่าคล้อยตามที่ซุยเหลียงเกลี้ยกล่อม เปิดประตูเมืองรับขงเบ้งเข้ามา เมื่อขงเบ้งมาถึงก็ล้อมจับตัวแล้วฆ่าเสีย เมืองเราก็จะพ้นจากอันตราย
แฮหัวหลิมได้ฟังก็เห็นด้วย จึงสั่งซุยเหลียงให้กลับไปแจ้งแก่ขงเบ้งว่าได้เกลี้ยกล่อมเอียวเหลงแล้ว ตกลงที่จะจับตัวแฮหัวหลิมตามแผนการของขงเบ้ง แต่เนื่องจากทหารของแฮหัวหลิมมีมากกว่าทหารของเอียวเหลงจึงเกรงว่าทหารแฮหัวหลิมจะป้องกันขัดขวาง ดังนั้นในเวลาคืนวันนี้ให้ขงเบ้งยกทหารเข้าไปในเมือง ลำอั๋น เอียวเหลงจะเปิดประตูเมืองคอยรับ แล้วเข้าไปช่วยกันจับตัวแฮหัวหลิมก็จะได้ตัวโดยง่าย.
แฮหัวหลิมกำลังตกใจที่ข้าศึกรุกจู่โจมเข้ามาอย่างผิดคาดหมาย และไม่รู้ว่าจะหนีลงจากเขาประการใด ทหารคนสนิทก็มารายงานว่าทางด้านหลังภูเขามีทางหนีลงจากภูเขาได้ และมีเส้นทางตลอดไปถึงเมืองลำอั๋น แฮหัวหลิมได้ฟังดังนั้นก็ดีใจ สำรวจทหารซึ่งใกล้ชิดเห็นเหลืออยู่ร้อยคนเศษ จึงพากันหนีลงทางด้านหลังเขาไปเมืองลำอั๋น
กวนหินและเตียวเปาพาทหารบุกขึ้นไปถึงยอดเขาก่อน ไม่เห็นแฮหัวหลิมและทหารก็แปลกประหลาดใจ พอดีจูล่งและเตงจี๋ยกทหารขึ้นไปถึงจึงปรึกษากันว่า ไฉนจู่ ๆ แฮหัวหลิมจึงหายไปจากยอดเขาได้ จูล่งซึ่งมีประสบการณ์ในการศึกมาอย่างโชกโชนจึงว่า แฮหัวหลิมย่อมบินหนีไปไม่ได้ หากต้องมีทางลงเขาไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง จึงให้ทหารออกค้นหาก็พบว่ามีเส้นทางลงเขาทางด้านหลังได้ จูล่งจึงว่าแฮหัวหลิมคงจะหนีไปโดยเส้นทางนี้เป็นมั่นคง
สามนายทัพแห่งจ๊กก๊กเห็นชอบพร้อมกันแล้ว จึงพาทหารลงจากหลังเขาไล่ตามแฮหัวหลิมไปจนถึงเมืองลำอั๋น แต่ปรากฏว่าแฮหัวหลิมหนีเข้าไปในเมืองได้เรียบร้อยแล้ว และเกณฑ์ให้ทหารขึ้นรักษาเชิงเทินค่ายคูประตูหอรบไว้อย่างมั่นคง
จูล่งเห็นดังนั้นจึงตกลงกับกวนหินและเตียวเปาให้ตั้งค่ายประชิดเมืองไว้เป็นสามด้าน และยกทหารออกไปท้ารบกับแฮหัวหลิม แต่ปรากฏว่าแฮหัวหลิมคุมเชิงตั้งมั่นอยู่แต่ในเมือง ไม่ตอบโต้คำท้าแต่ประการใด
จูล่ง กวนหิน เตียวเปา ตั้งค่ายล้อมเมืองลำอั๋นอยู่ถึงสิบวัน แต่จะเข้าตีเมืองนั้นไม่ได้ เพราะกำแพงเมืองสูงใหญ่ คูเมืองก็กว้างและลึก ทั้งทหารรักษาการณ์ก็แน่นหนา จึงปรึกษากันว่าจะคิดอ่านประการใดจึงจะตีเมืองลำอั๋นได้สำเร็จ
ขณะที่ปรึกษากันนั้นทหารรักษาการณ์ก็เข้ามารายงานว่า บัดนี้ขงเบ้งได้ให้กองทัพหลังตั้งอยู่ที่เมืองไกเอี๋ยง กองทัพปีกซ้ายตั้งอยู่ที่เมืองเอี้ยงเป๋ง และกองทัพปีกขวาตั้งอยู่ที่เมืองจือเสีย ตัวขงเบ้งเองคุมกองทัพหลวงใกล้จะถึงเมืองลำอั๋นแล้ว
จูล่ง กวนหิน และเตียวเปา ทราบรายงานดังนั้นจึงพากันไปคอยรับขงเบ้ง ครั้นขงเบ้งมาถึงจึงเข้าไปคำนับ แล้วรายงานว่าได้ติดตามแฮหัวหลิมมาจนถึงเมืองนี้และล้อมเมืองไว้ถึงสิบวันแล้ว แต่แฮหัวหลิมไม่ออกรบ ครั้นจะยกทหารเข้าตีเมืองก็ขัดสน
ขงเบ้งได้ฟังดังนั้นก็หันหน้าไปมองที่กำแพงเมือง แล้วกล่าวว่าแฮหัวหลิมเด็กน้อย คิดแต่จะอาศัยกำแพงเมืองสูงใหญ่และคูเมืองที่กว้างลึกรักษาตัว ครั้นจะรั้งรอไม่ตีเมืองนี้หากพระเจ้าโจยอยรู้ก็จะยกกองทัพโอบหลังไปตีเมืองฮันต๋งแล้วตีกระหนาบเข้ามา เราก็จะขัดสน
เตงจี๋ได้ฟังคำขงเบ้งดังนั้นจึงเสนอว่า “แฮหัวหลิมเป็นเชื้อสายอยู่กับโจยอย แม้เราจับตัวแฮหัวหลิมกับทหารร้อยหนึ่งได้ โจยอยก็จะสิ้นความคิดท้อน้ำใจลง เห็นการเราจะสำเร็จโดยง่าย”
ขงเบ้งได้ฟังดังนั้นก็พยักหน้า แล้วชวนจูล่ง กวนหิน เตียวเปา และเตงจี๋เข้าไปปรึกษากันข้างในค่าย แล้วถามว่าเมืองเทียนซุยทางด้านทิศตะวันตกและเมืองอันต๋งทางด้านทิศเหนือของเมืองลำอั๋นซึ่งเป็นเมืองบริวารของเมืองลำอั๋นนี้มีผู้ใดรักษาเมือง
หัวหน้าหน่วยสอดแนมได้รายงานว่า ม้าจุ้นเป็นเจ้าเมืองเทียนซุย และซุยเหลียงเป็นเจ้าเมืองอันต๋ง
ขงเบ้งได้ฟังดังนั้นจึงเรียกทหารซึ่งวางใจสิบกว่าคน สั่งให้ปลอมตัวเป็นทหารของแฮหัวหลิมถือหนังสือลับปลอมเป็นหนังสือของแฮหัวหลิมไปให้กับม้าจุ้นเจ้าเมืองเทียนซุย และซุยเหลียงเจ้าเมืองอันต๋ง เป็นใจความว่าขณะนี้เมืองลำอั๋นถูกกองทัพจ๊กก๊กล้อมอยู่ ให้ม้าจุ้นและซุยเหลียงรีบยกทหารมาช่วย หากล่าช้าไปข้าศึกตีเมืองได้ก็จะต้องรับโทษหนักถึงประหารชีวิต นายทหารคนสนิทรับคำสั่งและหนังสือลับดังกล่าวแล้ว คำนับลาขงเบ้งเดินทางไปเมืองเทียนซุยและเมืองอันต๋ง จากนั้นขงเบ้งจึงเรียกอุยเอี๋ยน กวนหิน และเตียวเปามากระซิบสั่งแผนการลับ แล้วกำชับว่าให้ปฏิบัติตามแผนนี้อย่าให้ขาดเกินก็จะได้เมืองลำอั๋น เมืองเทียนซุย และเมืองอันต๋งทั้งสามเมือง
ครั้นกระซิบสิ้นความแล้ว ขงเบ้งจึงถามว่ามีข้อใดยังไม่กระจ่างแจ้งหรือมีข้อใดจะไต่ถามเพิ่มเติมบ้าง สามนายทหารมีสีหน้าเบิกบาน คำนับขงเบ้งแล้วกล่าวว่าแผนการของมหาอุปราชลึกซึ้งนัก แล้วลาออกไปจัดแจงตามแผนการที่ขงเบ้งสั่งการ
ครั้นสามนายทหารนำทหารออกไปแล้ว วันรุ่งขึ้นขงเบ้งจึงสั่งให้ทหารขนเอาฟืนและเชื้อเพลิงจำนวนมากไปสุมไว้ที่ใกล้กำแพงเมืองลำอั๋น แล้วจุดเพลิงขึ้นที่ฟืนนั้น
แฮหัวหลิมและทหารซึ่งรักษาเมืองลำอั๋นเห็นขงเบ้งทำการเช่นนั้นก็พากันหัวเราะเยาะเย้ยว่า นี่หรือที่เขาล่ำลือว่าจูกัดเหลียงมีสติปัญญา คิดอ่านกลอุบายในการสงครามล้ำลึกนัก เห็นประจักษ์แก่ตาแล้วว่าความคิดอ่านเสมอด้วยเด็กทารกเท่านั้น อันกองไฟเพียงเท่านี้ไหนเลยจะเผาทำลายกำแพงเมืองอันสูงใหญ่ให้พังลงมาได้
ฝ่ายซุยเหลียงเจ้าเมืองอันต๋งเมื่อได้ทราบความตามหนังสือลับปลอมของแฮหัวหลิมแล้วก็คิดว่าแฮหัวหลิมนี้เป็นราชบุตรเขยของพระเจ้าวุยอ๋อง หากเราจะนิ่งเฉยไม่รีบยกไปช่วยย่อมผิดกฎพระอัยการศึก มีโทษถึงตายเจ็ดชั่วโคตร จำจะยกกองทัพไปช่วยแฮหัวหลิมให้พ้นภัยจึงจะรอดจากอันตราย
ทหารของขงเบ้งเห็นซุยเหลียงเชื่อถือจึงกล่าวสืบไปว่า แฮหัวหลิมกำชับให้ท่านแจ้งแก่ม้าจุ้นเจ้าเมืองเทียนซุยให้ยกกองทัพหนุนไปช่วยพร้อมกันด้วย ซุยเหลียงสำคัญว่าเป็นความจริงจึงสั่งทหารให้ไปเร่งม้าจุ้นให้รีบยกกองทัพหนุนไปช่วยแฮหัวหลิม
ทหารของซุยเหลียงยังไม่ทันออกไปจากเมือง ทหารของขงเบ้งอีกคนหนึ่งซึ่งปลอมเป็นทหารแฮหัวหลิมก็เข้ามาแจ้งแก่ซุยเหลียงว่า ขณะนี้ม้าจุ้นเจ้าเมืองเทียนซุยได้ทราบข่าวศึกและยกกองทัพไปช่วยเมืองลำอั๋นแล้ว ให้ท่านรีบยกกองทัพตามไป
ซุยเหลียงเห็นเป็นการเร่งร้อนจึงให้ทหารเลวเพียงสี่พันอยู่รักษาเมือง ตัวซุยเหลียงคุมทหารซึ่งมีฝีมือที่เหลือทั้งหมดยกออกจากเมืองตรงไปเมืองลำอั๋น แต่พอซุยเหลียงยกกองทัพออกมาจากเมืองอันต๋งเหลือระยะทางสามร้อยเส้นจะถึงเมืองลำอั๋นก็เห็นแสงเพลิงลุกขึ้นทางเมืองลำอั๋น
ในทันใดนั้นกวนหินซึ่งรับคำสั่งของขงเบ้งให้ยกทหารมาตั้งคอยสกัดโจมตีกองทัพเมืองอันต๋งก็ได้ยกทหารออกจากที่ซุ่มโห่ร้องรุกเข้าตีกองทหารของซุยเหลียงอย่างรวดเร็ว ซุยเหลียงรู้ตัวว่าต้องกลอุบายก็สั่งทหารให้ถอยทัพจะหนีกลับไปทางเมือง แต่ถูกเตียวเปาคุมทหารอีกกองหนึ่งมาสกัดไว้ ทหารเมืองเสฉวนทั้งสองกองได้โห่ร้องรุกเข้าฆ่าฟันทหารของซุยเหลียงบาดเจ็บล้มตายลงเป็นจำนวนมาก
ซุยเหลียงชำนาญภูมิประเทศแถบนั้น พอเห็นช่องโอกาสก็พาทหารคนสนิทไม่กี่คนหนีตีฝ่าออกไปทางซอกเขาซึ่งเป็นทางลัดไปเมืองอันต๋ง
ฝ่ายอุยเอี๋ยนเมื่อได้รับคำสั่งจากขงเบ้งแล้วรีบยกทหารออกไปซุ่มอยู่ที่ใกล้เมืองอันต๋ง ครั้นเห็นซุยเหลียงยกทหารออกพ้นเขตเมืองไปแล้ว จึงให้ทหารปลอมตัวเป็นทหารของซุยเหลียงไปร้องเรียกที่หน้าประตูเมืองว่า ซุยเหลียงเกรงว่าข้าศึกจะย้อนรอยมาตีเอาเมือง จึงให้พวกเรามาช่วยป้องกันรักษาเมือง ทหารที่รักษาประตูเข้าใจว่าเป็นพวกเดียวกันก็เปิดประตูเมืองรับ อุยเอี๋ยนจึงคุมทหารเข้ายึดเมืองอันต๋งได้โดยสะดวก แล้วให้ทหารขึ้นรักษาเชิงเทินไว้ ตัวอุยเอี๋ยนคุมทหารมาตั้งซุ่มอยู่ที่ปากทางเข้าเมือง
ครั้นอุยเอี๋ยนเห็นซุยเหลียงพาทหารหนีกลับมาทางเมืองอันต๋งก็จุดประทัดสัญญาณขึ้น ทหารของอุยเอี๋ยนจึงโห่ร้องออกจากที่ซุ่ม เข้าล้อมซุยเหลียงและทหารไว้อย่างแน่นหนา ซุยเหลียงเห็นดังนั้นก็ตกใจ สั่งทหารให้ตีฝ่าออกไปแต่อุยเอี๋ยนก็สั่งให้ทหารระดมยิงเกาทัณฑ์สกัดไว้ แล้วกระชับวงล้อมประชิดเข้ามา และให้ทหารร้องบอกแก่ซุยเหลียงว่า กองทัพเมืองเสฉวนยึดเมืองอันต๋งได้แล้ว ให้ยอมจำนนแต่โดยดี มิฉะนั้นก็จะตายด้วยลูกเกาทัณฑ์เป็นมั่นคง
ซุยเหลียงสังเกตเห็นวงล้อมทางด้านที่จะไปยังเมืองเทียนซุยเบาบางก็ทำทีแสร้งว่าจะยอมจำนน ทหารเมืองเสฉวนเห็นข้าศึกจะยอมจำนนก็พากันลดอาวุธลง ในทันใดนั้นซุยเหลียงก็ให้สัญญาณแก่ทหารรีบรุดตีฝ่าวงล้อมออกไปได้ แล้วอาศัยความชำนาญภูมิประเทศหนีไปทางเมืองเทียนซุย
ครั้นหนีไปใกล้ปากทางที่จะไปเมืองเทียนซุย เห็นบริเวณนั้นเงียบสงัดผิดจากปกติที่เป็นมาก็ประหลาดใจ จึงคิดว่าชะรอยข้าศึกจะมาดักซุ่มอยู่ที่นี่ ซุยเหลียงจึงชักม้ากลับหลัง แต่ทันใดนั้นเสียงประทัดสัญญาณก็ดังขึ้น เห็นขงเบ้งขี่เกวียนน้อยถือพัดขนนกยกทหารออกมาจากแนวป่า ซุยเหลียงเห็นดังนั้นก็ตกใจ ชักม้าจะหนีไปอีกทางหนึ่ง
ในทันใดนั้นกวนหินและเตียวเปาก็คุมทหารตีเป็นวงล้อมกระหนาบกระชับเข้ามา ซุยเหลียงเหลียวซ้ายแลขวาเห็นวงล้อมแน่นหนาและทหารซึ่งเหลือติดตามมาก็น้อยตัวนัก จึงลงจากหลังม้าเดินกลับไปหาขงเบ้ง คุกเข่าลงคำนับแล้วยอมสวามิภักดิ์แต่โดยดี
ขงเบ้งเห็นดังนั้นก็เชิญให้ซุยเหลียงลุกขึ้นแล้วกล่าวว่าเมื่อท่านยอมนอบน้อมต่อเราแล้ว ก็ชอบที่จะสร้างความชอบไว้แก่เราจึงจะควร ซุยเหลียงจึงว่าเมื่อมหาอุปราชไว้ชีวิตข้าพเจ้า ก็จะยอมทำการสนองพระคุณจนสุดกำลัง มหาอุปราชมีสิ่งใดจะใช้สอยก็ได้โปรดบัญชา
ขงเบ้งจึงพาซุยเหลียงและทหารกลับมาที่ค่าย แล้วเรียกซุยเหลียงมาถามว่า เมืองลำอั๋นนี้แต่ก่อนที่แฮหัวหลิมจะเข้าไปอาศัย ผู้ใดเป็นผู้รักษาเมือง
ซุยเหลียงจึงบอกว่า เจ้าเมืองนี้ชื่อเอียวเหลงซึ่งเป็นหลานของเอียวฮู แลเอียวฮูกับข้าพเจ้ามีความชอบพอใกล้ชิดสนิทกัน
ขงเบ้งจึงว่า ถ้าเช่นนั้นเราจะให้ท่านเข้าไปในเมืองเกลี้ยกล่อมเอียวเหลงให้จับตัว แฮหัวหลิมมามอบแก่เรา เราจะปูนบำเหน็จความชอบตั้งให้เป็นเจ้าเมืองลำอั๋น พร้อมกับข้าวของเงินทองเป็นอันมาก
ซุยเหลียงจึงว่า การเพียงเท่านี้มหาอุปราชจงวางใจเถิด ว่าแล้วก็คำนับลาขงเบ้งเดินทางไปเมืองลำอั๋น ขงเบ้งก็ให้ถอยทัพออกมาไกลจากตัวเมืองสองร้อยเส้น
ครั้นซุยเหลียงไปถึงเมืองลำอั๋นก็ร้องบอกแก่นายประตูว่าเราชื่อซุยเหลียงเป็นเจ้าเมืองอันต๋ง บัดนี้มีราชการเร่งด่วนให้รีบเปิดประตู เอียวเหลงอยู่บนหอรบ เห็นซุยเหลียงก็จำได้จึงสั่งให้เปิดประตูรับซุยเหลียงเข้ามา ต่างฝ่ายต่างคำนับกันตามธรรมเนียมแล้ว ซุยเหลียงก็เล่าความซึ่งถูกขงเบ้งวางกลอุบายจับตัวแล้วเกลี้ยกล่อมให้เป็นพวก และให้มาเกลี้ยกล่อมเอียวเหลงทุกประการ
เอียวเหลงได้ฟังคำซุยเหลียงแล้วจึงว่า “พระเจ้าโจยอยมีคุณต่อเราเป็นอันมาก ซึ่งจะคิดขบถไปเข้าด้วยข้าศึกนั้นไม่ชอบ เราจะคิดซ้อนกลขงเบ้งเอาชัยชนะให้จงได้”
ซุยเหลียงได้ฟังดังนั้นก็ดีใจ กล่าวว่าความคิดของท่านต้องด้วยความคิดของข้าพเจ้า จงมาช่วยกันคิดอ่านซ้อนกลจับตัวขงเบ้งด้วยกันเถิด เอียวเหลงจึงพาซุยเหลียงเข้าไปหาแฮหัวหลิม แล้วเล่าเนื้อความให้แฮหัวหลิมฟังทุกประการ
แฮหัวหลิมได้ฟังดังนั้นก็ดีใจ ปรึกษากับซุยเหลียงและเอียวเหลงว่าเราจะซ้อนกลไฉนจึงจะได้ตัวขงเบ้งเล่า
เอียวเหลงจึงว่า ข้าพเจ้าจะทำทีว่าคล้อยตามที่ซุยเหลียงเกลี้ยกล่อม เปิดประตูเมืองรับขงเบ้งเข้ามา เมื่อขงเบ้งมาถึงก็ล้อมจับตัวแล้วฆ่าเสีย เมืองเราก็จะพ้นจากอันตราย
แฮหัวหลิมได้ฟังก็เห็นด้วย จึงสั่งซุยเหลียงให้กลับไปแจ้งแก่ขงเบ้งว่าได้เกลี้ยกล่อมเอียวเหลงแล้ว ตกลงที่จะจับตัวแฮหัวหลิมตามแผนการของขงเบ้ง แต่เนื่องจากทหารของแฮหัวหลิมมีมากกว่าทหารของเอียวเหลงจึงเกรงว่าทหารแฮหัวหลิมจะป้องกันขัดขวาง ดังนั้นในเวลาคืนวันนี้ให้ขงเบ้งยกทหารเข้าไปในเมือง ลำอั๋น เอียวเหลงจะเปิดประตูเมืองคอยรับ แล้วเข้าไปช่วยกันจับตัวแฮหัวหลิมก็จะได้ตัวโดยง่าย.