ตอนที่ 510. เสือเฒ่ายังรู้พลาด
จูล่งขุนพลเฒ่าผู้มีเกียรติภูมิลือลั่นแห่งเสฉวน ได้สังหารนายทัพของวุยก๊กถึงสามคนและจับเป็นอีกหนึ่งคนในศึกยกแรก และตีทัพหน้าวุยก๊กแตกพ่ายไป แฮหัวหลิมบุตรเขยของโจโฉซึ่งเป็นแม่ทัพวุยก๊กจึงเห็นชอบกับแผนการของเทียบูวางกลอุบายซุ่มจับจูล่งระหว่างทางเขาฮองเบงสันกับค่ายของแฮหัวหลิม
ตั้งฮีและชีเจ๊กรับคำสั่งของแฮหัวหลิมแล้วจึงคำนับลาออกมาจัดแจงทหารแล้วยกออกไปซุ่มอยู่ในป่าสองข้างทางตั้งแต่คืนวันนั้น
วันรุ่งขึ้นแฮหัวหลิมจึงยกกองทัพไปที่หน้าค่ายของจูล่ง ให้ทหารตีม้าล่อฆ้องกลองโห่ร้องท้าให้จูล่งยกทหารออกมารบกันใหม่
จูล่งเห็นดังนั้นจึงพาเตงจี๋และทหารออกจากค่ายจะไปรบกับแฮหัวหลิม เตงจี๋เห็นลักษณะทัพข้าศึกฮึกเหิมทั้ง ๆ ที่เพิ่งพ่ายแพ้ไปใหม่ ๆ ก็ประหลาดใจ สงสัยว่าชะรอยข้าศึกจะคิดกลอุบายประการหนึ่งประการใด จึงมีท่าทีมั่นใจดังนี้
เตงจี๋แคลงใจดังนั้นแล้วจึงกล่าวกับจูล่งว่า “เวลาวานนี้ทหารแฮหัวหลิมเสียทีแก่เรา ก็ล้มตายเป็นอันมาก ยังไม่เกรงฝีมือยกมารบกับเราอีกเล่า เกลือกแฮหัวหลิมจะทำกลอุบายลวงเรา ให้ท่านดำริดูจงควรก่อน”
จูล่งกำลังลำพองใจในชัยชนะ และทะนงตนว่ามีฝีมือรบพุ่งกล้าหาญ เป็นที่ครั่นคร้ามแก่ข้าศึก ทั้งพอรู้อุปนิสัยใจคอของแฮหัวหลิมจึงแย้งว่า คนแบบแฮหัวหลิมความคิดน้อยนัก เป็นเพียงเด็กไม่สิ้นกลิ่นน้ำนม ไหนเลยจะคิดกลอุบายมาทำร้ายเราได้ ซึ่งยกมาครั้งนี้ก็เพราะหยิ่งยโส แพ้แล้วไม่รู้จักแพ้ เราจะยกออกไปรบกับแฮหัวหลิมแล้วจะจับเป็นแฮหัวหลิมให้จงได้
จูล่งกล่าวแล้วก็ขี่ม้าออกไปกลางลานรบ ฝ่ายล่อซุยซึ่งเป็นนายทหารของแฮหัวหลิมเกรงว่าผู้เป็นนายอาจพลาดพลั้งได้รับอันตราย จึงชักม้าแซงขึ้นหน้าแฮหัวหลิมออกไปรบกับจูล่ง
ล่อซุยรบกับจูล่งได้เกือบสามเพลงก็ทำทีเป็นสู้ไม่ได้ แล้วชักม้าหนีไปทางจุดซุ่ม จูล่งไม่ทันกลก็ขี่ม้าไล่ตามไป เตงจี๋เห็นดังนั้นก็สั่งทหารให้ยกตามจูล่งไป
ในขณะที่ทหารเมืองเสฉวนไล่ตามตีนั้น ทหารองครักษ์ประจำตัวแฮหัวหลิมเกรงว่าแฮหัวหลิมจะเป็นอันตรายจากลูกหลง จึงให้แฮหัวหลิมรีบหนีกลับไปที่ค่าย แล้วคอยรบสกัดจูล่งและทหารของเตงจี๋ไว้ พอเห็นว่าแฮหัวหลิมหนีไปไกลแล้ว ทหารองครักษ์ทั้งแปดคนและบรรดาทหารที่อารักขาแฮหัวหลิมก็พากันหนีตามไป
จูล่งแม้จะอยู่ในวัยชราแต่ฝีมือขับม้ากลับมิได้อ่อนด้อยไปตามวัย จึงเร่งรุดฝีเท้าม้ารุดหน้าทหารเมืองเสฉวน ไล่ตามตีทหารวุยก๊กล้ำหน้าลึกเข้าไปจนถึงจุดซุ่ม ในทันใดนั้นเสียงประทัดสัญญาณก็ดังสนั่นหวั่นไหวทั้งสองแนวป่า ทหารวุยก๊กที่ซุ่มอยู่ทั้งสองข้างทางได้โห่ร้องโบกธงทิวปลิวไสวเข้าจู่โจมรุมล้อมจูล่งไว้
เตงจี๋คุมทหารมาพันเศษ เห็นทหารจำนวนมากล้อมจูล่งไว้และมีทหารอีกกองหนึ่งออกมาสกัดขวางไว้ก็ตกใจ จะชักม้าหนีกลับไปตามทางเดิมแต่ชีเจ๊กได้คุมทหารออกมา สกัดขวางไว้ทางด้านซ้าย แล้วตั้งฮีก็ยกทหารออกมาสกัดไว้ทางด้านขวา ล้อมทั้งจูล่งและเตงจี๋ไว้เป็นสองวงอย่างแน่นหนา
ทหารวุยก๊กรุมล้อมจูล่งและกองทหารของเตงจี๋เป็นสองวงดังนั้นแล้ว ก็รุกรบผลักดันจนจูล่งต้องถอยไปทางเชิงเขาด้านทิศเหนือ ในขณะที่เตงจี๋ก็คุมทหารต่อสู้ป้องกันตัวเป็นสามารถ
เมื่อจูล่งถูกกดดันไปจนถึงเนินเขาด้านทิศเหนือแล้วก็พยายามตีฝ่าวงล้อมออกไป แต่ทหารวุยก๊กหนุนเนื่องเข้ามาเป็นอันมาก จูล่งแต่ผู้เดียวขี่ม้ารบตีฝ่าไปทางด้านตะวันตก พอทหารวุยก๊กทำท่าจะแตกสลาย ทหารอีกกองหนึ่งก็หนุนเนื่องเข้ามา ไม่อาจตีฝ่าไปได้ จูล่งจึงตีฝ่าไปทางด้านตะวันออก แต่พอแนวสกัดเบาบางลง ก็มีทหารวุยก๊กหนุนเนื่องเข้ามาช่วยอีก จูล่งเพียรพยายามตีฝ่าออกไปหลายครั้ง แต่ก็ไม่สามารถตีฝ่าออกไปได้
จูล่งเงยหน้าขึ้นไปดูบนเนินเขา เห็นแฮหัวหลิมคุมทหารสั่งการให้ทหารวุยก๊กคอยหนุนเนื่องเข้าล้อมสกัดก็โกรธ ชักม้าตีฝ่าทหารจะขึ้นไปบนเนินเขาเพื่อจะจับตัวแฮหัวหลิม
แฮหัวหลิมเห็นดังนั้นก็สั่งทหารให้กลิ้งก้อนศิลาและท่อนไม้สกัดจูล่งไว้เป็นอันมาก แต่จูล่งก็หลบหลีกและฆ่าฟันทหารที่ต้านทานบาดเจ็บล้มตายเป็นหลายคน
แต่พอขึ้นไปใกล้จะถึงกลางเนินเขา ทั้งก้อนศิลา ทั้งท่อนไม้และลูกเกาทัณฑ์ก็ถูกทิ้งและยิงมาอย่างหนาแน่น ไม่อาจตีฝ่าขึ้นไปได้อีก จูล่งจึงชักม้าถอยลงมาที่เชิงเขา และฆ่าฟันทหารวุยก๊กที่สกัดกั้นบาดเจ็บล้มตายเป็นจำนวนมาก พวกที่กลัวตายก็แตกหนีเป็นทาง
แฮหัวหลิมออกคำสั่งให้ทหารวุยก๊กพยายามล้อมและล่อรบให้จูล่งอ่อนกำลังหวังจะจับเป็นให้จงได้ แต่จูล่งก็ทรหดเข้มแข็งนัก รบพุ่งตีฝ่าอย่างกล้าหาญท่ามกลางทหารวุยก๊กเนืองแน่นตั้งแต่เช้าจนค่ำก็มิได้เพลี่ยงพล้ำแก่ข้าศึก
แต่พอค่ำลงด้วยวัยชราจูล่งก็เริ่มอ่อนแรง เห็นทหารวุยก๊กล้อมอยู่แต่ไกลและมีทีท่าไม่กล้าเข้ามาใกล้ จูล่งจึงลงจากหลังม้า นั่งพักอยู่ที่โขดหินหลังเงื้อมศิลาเพื่อป้องกันมิให้ข้าศึกลอบยิงด้วยเกาทัณฑ์
ในยามแรกของคืนนั้นพระจันทร์แจ่มจรัสฟ้าทรงกลดงามตา ทหารวุยก๊กแม้ไม่กล้าเข้าใกล้ตัวจูล่ง แต่ได้ล้อมไว้อย่างแน่นหนา จุดคบเพลิงสว่างไสวทั้งสี่ด้านดุจเวลากลางวัน และระดมยิงเกาทัณฑ์เข้ามาเป็นระยะ ๆ ในขณะที่ได้โห่ร้องข่มขวัญและเรียกให้จูล่งรีบยอมจำนนแต่โดยดี
จูล่งยังคงนั่งนิ่งด้วยอาการอันสงบ ทหารวุยก๊กเห็นดังนั้นก็กระชับวงล้อมใกล้เข้าไป และระดมยิงเกาทัณฑ์ไปที่จูล่งเป็นอันมาก
จูล่งเห็นทหารวุยก๊กเข้ามาใกล้และตกอยู่ในระยะเกาทัณฑ์แล้ว จึงจับทวนขึ้นหลังม้าตีฝ่าออกไปอีกครั้งหนึ่ง ทหารวุยก๊กเห็นจูล่งขี่ม้าตรงมาก็ระดมยิงเกาทัณฑ์สกัดเป็นม่านกั้นไว้ จูล่งก็ควงทวนอย่างเร็วรี่ดุจจักรผัน ปัดลูกเกาทัณฑ์ตกไปจนหมดสิ้น แต่ไม่อาจตีฝ่าออกไปได้ เพราะแรงเกาทัณฑ์ยิงมาดุจห่าฝนหนุนเนื่องไม่ขาดระยะ จูล่งจึงชักม้าถอยกลับมาที่เดิม ในขณะที่ทหารวุยก๊กก็ยิ่งล้อมกระชั้นเข้ามา
จูล่งจนท่าดังนั้นก็ทอดถอนใจใหญ่ แหงนหน้ามองพระจันทร์อันโคจรสูงขึ้นเหนือฟากฟ้าเบื้องตะวันออก แล้วรำพึงว่า “เราทำศึกมาแต่หนุ่มจนแก่ถึงเพียงนี้ก็ไม่เคยเสียทีแก่ผู้ใด ครั้งนี้เห็นเราจะเป็นอันตรายเสียมั่นคง”
จูล่งรำพึงดังนั้นแล้วก็ตัดสินใจสู้ตายอย่างชายชาติทหารเสือ จะไม่ยอมจำนนให้เป็นที่อัปยศแก่เกียรติภูมิยอดนายทหารเสือของพระเจ้าเล่าปี่เป็นอันขาด จูล่งสูดหายใจเฮือกใหญ่ รำลึกถึงพระคุณของพระเจ้าเล่าปี่และขงเบ้งแล้วกระชับทวนในมือไว้มั่นกะจะตีฝ่าออกไป แม้นตายก็จะไม่เสียดายแก่ชีวิต ขอเอาเลือดเนื้อและชีวิตพลีไว้แก่ผู้เป็นนาย ให้จารึกไว้ในประวัติศาสตร์สืบไป
ในขณะที่จูล่งเตรียมกระตุ้นม้าตีฝ่าออกไปนั้น ก็เห็นทหารวุยก๊กด้านหลังแนวล้อมแตกฮืออลหม่าน และมีเสียงโห่ร้องของทหารตีกระหนาบเข้ามาทั้งด้านตะวันออกและด้านตะวันตก จูล่งเขม้นตามองไปตามเสียงทั้งสองด้าน เห็นธงประจำทัพจ๊กก๊กลุยฝ่าทหารวุยก๊กเข้ามาก็ใจชื้น แม้จะยังไม่รู้ว่าเป็นทหารกองใดยกมาช่วย
ความจริงทหารทั้งสองกองที่ยกมานั้นคือกองทัพของกวนหินและเตียวเปาซึ่งขงเบ้งสั่งให้ยกมาตั้งซุ่มอยู่ในบริเวณป่าใกล้เขาฮองเบงสัน เพื่อคอยช่วยเหลือจูล่งมิให้ได้ความอัปยศแก่ข้าศึก ทั้งกวนหินและเตียวเปาต่างให้ทหารสอดแนมติดตามความเคลื่อนไหวของกองทัพจูล่งอย่างใกล้ชิด เห็นจูล่งได้ชัยชนะในวันแรกก็ยังคงสงบกองทัพนิ่งไว้ตามคำสั่งของขงเบ้ง ครั้นวันต่อมาเห็นจูล่งยกทหารออกมารบและไล่ตามตีทหารวุยก๊กไปเป็นเวลาช้านานแล้วยังไม่กลับไป ก็สังหรณ์ใจว่ากองทัพหน้าของจูล่งอาจประสบเหตุเภทภัย จึงยกทหารติดตามมา
ครั้นประสบเหตุว่ากองทัพหน้าของจูล่งถูกล้อมไว้อย่างหนาแน่น ทั้งกวนหินและเตียวเปาจึงแบ่งกำลังยกเข้าตีกระหนาบทั้งด้านตะวันออกและด้านตะวันตกพร้อมกัน ทหารวุยก๊กไม่ทันรู้ตัวก็แตกตื่นอลหม่าน
ชีเจ๊กเห็นเตียวเปายกทหารจู่โจมเข้ามาดังนั้นจึงขี่ม้าเข้าสกัดเตียวเปาไว้ แต่ชีเจ๊กไม่รู้จักตัวเตียวเปามาก่อน เห็นแต่ทวนยาวสามวาสองศอก ก็คิดว่านายทหารเมืองเสฉวนหน้าอ่อนผู้นี้ไม่มีสิ่งใดเป็นที่น่ายำเกรง จึงเข้ารบกับเตียวเปา
เตียวเปารบกับชีเจ๊กได้สามเพลงก็เอาทวนประจำตัวเตียวหุยผู้บิดาแทงชีเจ๊กตกม้าตาย แล้วตัดศีรษะชีเจ๊กผูกข้างอานม้าไว้ เร่งทหารตีฝ่ารุกเข้าไปช่วยจูล่ง
ในขณะเดียวกันนั้นกวนหินก็คุมทหารจู่โจมกระหนาบเข้ามาทางอีกด้านหนึ่ง ตั้งฮีนายทหารวุยก๊กไม่รู้จักกวนหิน แต่เห็นเป็นนายทหารหนุ่มถือง้าวนิลนาคะ แม้ประหลาดตาแต่ก็คิดว่าหย่อนประสบการณ์ในการรบ จึงขี่ม้าเข้าสกัดกวนหิน
กวนหินเห็นนายทหารวุยก๊กสกัดขวางหน้าไว้ดังนั้นก็ขี่ม้าเข้ารบกับตั้งฮี เพียงชั่วเพลงเดียวเท่านั้นก็ใช้ง้าวนิลนาคะของกวนอูผู้บิดาฟันตั้งฮีตัวขาดสองท่อนและตัดศีรษะผูกอานม้าไว้ และเร่งให้ทหารตีฝ่าเข้าไปช่วยจูล่ง
ทหารเมืองเสฉวนทั้งด้านตะวันตกและด้านตะวันออกเห็นนายทัพได้ชัยชนะแก่นายทหารข้าศึกก็โห่ร้องกึกก้อง พากันชิงขึ้นหน้ารุกเข้าจู่โจมฆ่าฟันทหารวุยก๊กบาดเจ็บล้มตายเป็นอันมาก
จูล่งเห็นทหารวุยก๊กแตกตื่นกระจายและเมื่อทหารจ๊กก๊กตีฝ่าใกล้เข้ามา เห็นธงประจำตัวนายทัพถนัดว่าจารึกชื่อกวนหินและเตียวเปาก็มีความยินดี รำพึงว่าคิดไม่ถึงว่าชีวิตคนแก่อย่างเรารอดมาได้ในวันนี้ก็ด้วยน้ำมือเด็กรุ่นหลาน จูล่งรำพึงดังนั้นใจก็ประหวัดไปถึงกวนอูและเตียวหุยมิตรร่วมรบแต่อดีต ก็รู้สึกภาคภูมิใจในลูกเสือทั้งสอง น้ำตาก็ไหลพรากโดยไม่รู้สึกตัว
เตียวเปาตีฝ่าเข้ามาถึงตัวจูล่งแล้วรีบลงจากหลังม้า ตรงเข้าไปคำนับตามประสาผู้น้อยผู้ใหญ่ แล้วแจ้งแก่จูล่งว่า “มหาอุปราชเห็นว่าท่านชรากลัวจะเสียทีแก่ข้าศึก จึงให้ข้าพเจ้าคุมทหารห้าพันยกตามท่านมา”
จูล่งขอบใจหลานและมีความยินดีเป็นอันมาก เตียวเปาจึงพาจูล่งลงมาจากเนินเขาไปทางด้านตะวันตก พอดีกวนหินเข้าไปถึงก็แจ้งแก่จูล่งว่า ขงเบ้งใช้ให้มาช่วยและได้ตัดศีรษะนายทหารวุยก๊กมามอบแก่ท่านอาด้วยแล้ว
จูล่งเห็นดังนั้นก็มีความยินดี กล่าวกับกวนหิน เตียวเปาว่า “ซึ่งหลานทั้งสองมาช่วยนี้ก็ดีแล้ว แม้เราช่วยกันคิดอ่านจับตัวแฮหัวหลิมให้ได้ก็จะมีความชอบเป็นอันมาก”
กวนหินและเตียวเปาได้ฟังคำจูล่งก็เห็นด้วย จึงถามว่าแฮหัวหลิมอยู่ที่ไหน จูล่งก็ชี้มือไปที่ยอดเขาซึ่งแฮหัวหลิมยืนม้าบัญชาการอยู่ กวนหินและเตียวเปาเห็นดังนั้นจึงนำทหารยกขึ้นไปบนเขาจะจับตัวแฮหัวหลิม ส่วนจูล่งก็ขี่ม้าจะไปช่วยเตงจี๋ซึ่งถูกล้อมอยู่อีกวงหนึ่ง
ฝ่ายเตงจี๋คุมทหารสู้รบป้องกันตัวอยู่ท่ามกลางวงล้อม ครั้นทหารวุยก๊กถูกทหารกวนหินและเตียวเปาจู่โจมกระหนาบเข้าตีโดยไม่รู้เนื้อรู้ตัว แนวล้อมก็คลายออก เตงจี๋จึงพาทหารตีฝ่าออกมาได้ จูล่งได้พบกับเตงจี๋แล้วจึงกล่าวว่า “ตัวเราทำศึกมาแต่ครั้งพระเจ้าเล่าปี่ก็ไม่เคยอัปยศแก่ผู้ใด ควรหรือมาเสียทีแพ้รู้อ้ายแฮหัวหลิมลูกเล็กได้ หากว่าเตียวเปากับกวนหินหลานเรายกมาช่วย เราจึงรอดจากความตาย บัดนี้เตียวเปากับกวนหินเขาก็ยกตามแฮหัวหลิมขึ้นไปแล้ว ตัวเราคนแก่นี้ก็จะลากกายตามไปแก้แค้นให้จงได้”
จูล่งกล่าวแล้วก็นำทหารบุกขึ้นไปบนเขาซึ่งแม้เป็นเวลากลางคืนแต่พระจันทร์ก็สว่างไสวดุจกลางวัน ทหารจ๊กก๊กของกวนหิน เตียวเปาและจูล่ง ต่างคุมกำลังยกขึ้นไปบนเขาเป็นสามทาง ฆ่าฟันทหารวุยก๊กซึ่งคอยสกัดบาดเจ็บล้มตายลงเป็นอันมาก
แฮหัวหลิมเห็นเหตุการณ์พลิกผันดังนั้นก็ตกใจ จะหนีลงจากเขาทั้งด้านหน้า ด้านซ้าย ด้านขวาก็ไม่ได้ เพราะทหารจ๊กก๊กกำลังยกหนุนเนื่องกันขึ้นมา และทหารวุยก๊กที่เหลืออยู่ก็น้อยตัวนัก.
ตั้งฮีและชีเจ๊กรับคำสั่งของแฮหัวหลิมแล้วจึงคำนับลาออกมาจัดแจงทหารแล้วยกออกไปซุ่มอยู่ในป่าสองข้างทางตั้งแต่คืนวันนั้น
วันรุ่งขึ้นแฮหัวหลิมจึงยกกองทัพไปที่หน้าค่ายของจูล่ง ให้ทหารตีม้าล่อฆ้องกลองโห่ร้องท้าให้จูล่งยกทหารออกมารบกันใหม่
จูล่งเห็นดังนั้นจึงพาเตงจี๋และทหารออกจากค่ายจะไปรบกับแฮหัวหลิม เตงจี๋เห็นลักษณะทัพข้าศึกฮึกเหิมทั้ง ๆ ที่เพิ่งพ่ายแพ้ไปใหม่ ๆ ก็ประหลาดใจ สงสัยว่าชะรอยข้าศึกจะคิดกลอุบายประการหนึ่งประการใด จึงมีท่าทีมั่นใจดังนี้
เตงจี๋แคลงใจดังนั้นแล้วจึงกล่าวกับจูล่งว่า “เวลาวานนี้ทหารแฮหัวหลิมเสียทีแก่เรา ก็ล้มตายเป็นอันมาก ยังไม่เกรงฝีมือยกมารบกับเราอีกเล่า เกลือกแฮหัวหลิมจะทำกลอุบายลวงเรา ให้ท่านดำริดูจงควรก่อน”
จูล่งกำลังลำพองใจในชัยชนะ และทะนงตนว่ามีฝีมือรบพุ่งกล้าหาญ เป็นที่ครั่นคร้ามแก่ข้าศึก ทั้งพอรู้อุปนิสัยใจคอของแฮหัวหลิมจึงแย้งว่า คนแบบแฮหัวหลิมความคิดน้อยนัก เป็นเพียงเด็กไม่สิ้นกลิ่นน้ำนม ไหนเลยจะคิดกลอุบายมาทำร้ายเราได้ ซึ่งยกมาครั้งนี้ก็เพราะหยิ่งยโส แพ้แล้วไม่รู้จักแพ้ เราจะยกออกไปรบกับแฮหัวหลิมแล้วจะจับเป็นแฮหัวหลิมให้จงได้
จูล่งกล่าวแล้วก็ขี่ม้าออกไปกลางลานรบ ฝ่ายล่อซุยซึ่งเป็นนายทหารของแฮหัวหลิมเกรงว่าผู้เป็นนายอาจพลาดพลั้งได้รับอันตราย จึงชักม้าแซงขึ้นหน้าแฮหัวหลิมออกไปรบกับจูล่ง
ล่อซุยรบกับจูล่งได้เกือบสามเพลงก็ทำทีเป็นสู้ไม่ได้ แล้วชักม้าหนีไปทางจุดซุ่ม จูล่งไม่ทันกลก็ขี่ม้าไล่ตามไป เตงจี๋เห็นดังนั้นก็สั่งทหารให้ยกตามจูล่งไป
ในขณะที่ทหารเมืองเสฉวนไล่ตามตีนั้น ทหารองครักษ์ประจำตัวแฮหัวหลิมเกรงว่าแฮหัวหลิมจะเป็นอันตรายจากลูกหลง จึงให้แฮหัวหลิมรีบหนีกลับไปที่ค่าย แล้วคอยรบสกัดจูล่งและทหารของเตงจี๋ไว้ พอเห็นว่าแฮหัวหลิมหนีไปไกลแล้ว ทหารองครักษ์ทั้งแปดคนและบรรดาทหารที่อารักขาแฮหัวหลิมก็พากันหนีตามไป
จูล่งแม้จะอยู่ในวัยชราแต่ฝีมือขับม้ากลับมิได้อ่อนด้อยไปตามวัย จึงเร่งรุดฝีเท้าม้ารุดหน้าทหารเมืองเสฉวน ไล่ตามตีทหารวุยก๊กล้ำหน้าลึกเข้าไปจนถึงจุดซุ่ม ในทันใดนั้นเสียงประทัดสัญญาณก็ดังสนั่นหวั่นไหวทั้งสองแนวป่า ทหารวุยก๊กที่ซุ่มอยู่ทั้งสองข้างทางได้โห่ร้องโบกธงทิวปลิวไสวเข้าจู่โจมรุมล้อมจูล่งไว้
เตงจี๋คุมทหารมาพันเศษ เห็นทหารจำนวนมากล้อมจูล่งไว้และมีทหารอีกกองหนึ่งออกมาสกัดขวางไว้ก็ตกใจ จะชักม้าหนีกลับไปตามทางเดิมแต่ชีเจ๊กได้คุมทหารออกมา สกัดขวางไว้ทางด้านซ้าย แล้วตั้งฮีก็ยกทหารออกมาสกัดไว้ทางด้านขวา ล้อมทั้งจูล่งและเตงจี๋ไว้เป็นสองวงอย่างแน่นหนา
ทหารวุยก๊กรุมล้อมจูล่งและกองทหารของเตงจี๋เป็นสองวงดังนั้นแล้ว ก็รุกรบผลักดันจนจูล่งต้องถอยไปทางเชิงเขาด้านทิศเหนือ ในขณะที่เตงจี๋ก็คุมทหารต่อสู้ป้องกันตัวเป็นสามารถ
เมื่อจูล่งถูกกดดันไปจนถึงเนินเขาด้านทิศเหนือแล้วก็พยายามตีฝ่าวงล้อมออกไป แต่ทหารวุยก๊กหนุนเนื่องเข้ามาเป็นอันมาก จูล่งแต่ผู้เดียวขี่ม้ารบตีฝ่าไปทางด้านตะวันตก พอทหารวุยก๊กทำท่าจะแตกสลาย ทหารอีกกองหนึ่งก็หนุนเนื่องเข้ามา ไม่อาจตีฝ่าไปได้ จูล่งจึงตีฝ่าไปทางด้านตะวันออก แต่พอแนวสกัดเบาบางลง ก็มีทหารวุยก๊กหนุนเนื่องเข้ามาช่วยอีก จูล่งเพียรพยายามตีฝ่าออกไปหลายครั้ง แต่ก็ไม่สามารถตีฝ่าออกไปได้
จูล่งเงยหน้าขึ้นไปดูบนเนินเขา เห็นแฮหัวหลิมคุมทหารสั่งการให้ทหารวุยก๊กคอยหนุนเนื่องเข้าล้อมสกัดก็โกรธ ชักม้าตีฝ่าทหารจะขึ้นไปบนเนินเขาเพื่อจะจับตัวแฮหัวหลิม
แฮหัวหลิมเห็นดังนั้นก็สั่งทหารให้กลิ้งก้อนศิลาและท่อนไม้สกัดจูล่งไว้เป็นอันมาก แต่จูล่งก็หลบหลีกและฆ่าฟันทหารที่ต้านทานบาดเจ็บล้มตายเป็นหลายคน
แต่พอขึ้นไปใกล้จะถึงกลางเนินเขา ทั้งก้อนศิลา ทั้งท่อนไม้และลูกเกาทัณฑ์ก็ถูกทิ้งและยิงมาอย่างหนาแน่น ไม่อาจตีฝ่าขึ้นไปได้อีก จูล่งจึงชักม้าถอยลงมาที่เชิงเขา และฆ่าฟันทหารวุยก๊กที่สกัดกั้นบาดเจ็บล้มตายเป็นจำนวนมาก พวกที่กลัวตายก็แตกหนีเป็นทาง
แฮหัวหลิมออกคำสั่งให้ทหารวุยก๊กพยายามล้อมและล่อรบให้จูล่งอ่อนกำลังหวังจะจับเป็นให้จงได้ แต่จูล่งก็ทรหดเข้มแข็งนัก รบพุ่งตีฝ่าอย่างกล้าหาญท่ามกลางทหารวุยก๊กเนืองแน่นตั้งแต่เช้าจนค่ำก็มิได้เพลี่ยงพล้ำแก่ข้าศึก
แต่พอค่ำลงด้วยวัยชราจูล่งก็เริ่มอ่อนแรง เห็นทหารวุยก๊กล้อมอยู่แต่ไกลและมีทีท่าไม่กล้าเข้ามาใกล้ จูล่งจึงลงจากหลังม้า นั่งพักอยู่ที่โขดหินหลังเงื้อมศิลาเพื่อป้องกันมิให้ข้าศึกลอบยิงด้วยเกาทัณฑ์
ในยามแรกของคืนนั้นพระจันทร์แจ่มจรัสฟ้าทรงกลดงามตา ทหารวุยก๊กแม้ไม่กล้าเข้าใกล้ตัวจูล่ง แต่ได้ล้อมไว้อย่างแน่นหนา จุดคบเพลิงสว่างไสวทั้งสี่ด้านดุจเวลากลางวัน และระดมยิงเกาทัณฑ์เข้ามาเป็นระยะ ๆ ในขณะที่ได้โห่ร้องข่มขวัญและเรียกให้จูล่งรีบยอมจำนนแต่โดยดี
จูล่งยังคงนั่งนิ่งด้วยอาการอันสงบ ทหารวุยก๊กเห็นดังนั้นก็กระชับวงล้อมใกล้เข้าไป และระดมยิงเกาทัณฑ์ไปที่จูล่งเป็นอันมาก
จูล่งเห็นทหารวุยก๊กเข้ามาใกล้และตกอยู่ในระยะเกาทัณฑ์แล้ว จึงจับทวนขึ้นหลังม้าตีฝ่าออกไปอีกครั้งหนึ่ง ทหารวุยก๊กเห็นจูล่งขี่ม้าตรงมาก็ระดมยิงเกาทัณฑ์สกัดเป็นม่านกั้นไว้ จูล่งก็ควงทวนอย่างเร็วรี่ดุจจักรผัน ปัดลูกเกาทัณฑ์ตกไปจนหมดสิ้น แต่ไม่อาจตีฝ่าออกไปได้ เพราะแรงเกาทัณฑ์ยิงมาดุจห่าฝนหนุนเนื่องไม่ขาดระยะ จูล่งจึงชักม้าถอยกลับมาที่เดิม ในขณะที่ทหารวุยก๊กก็ยิ่งล้อมกระชั้นเข้ามา
จูล่งจนท่าดังนั้นก็ทอดถอนใจใหญ่ แหงนหน้ามองพระจันทร์อันโคจรสูงขึ้นเหนือฟากฟ้าเบื้องตะวันออก แล้วรำพึงว่า “เราทำศึกมาแต่หนุ่มจนแก่ถึงเพียงนี้ก็ไม่เคยเสียทีแก่ผู้ใด ครั้งนี้เห็นเราจะเป็นอันตรายเสียมั่นคง”
จูล่งรำพึงดังนั้นแล้วก็ตัดสินใจสู้ตายอย่างชายชาติทหารเสือ จะไม่ยอมจำนนให้เป็นที่อัปยศแก่เกียรติภูมิยอดนายทหารเสือของพระเจ้าเล่าปี่เป็นอันขาด จูล่งสูดหายใจเฮือกใหญ่ รำลึกถึงพระคุณของพระเจ้าเล่าปี่และขงเบ้งแล้วกระชับทวนในมือไว้มั่นกะจะตีฝ่าออกไป แม้นตายก็จะไม่เสียดายแก่ชีวิต ขอเอาเลือดเนื้อและชีวิตพลีไว้แก่ผู้เป็นนาย ให้จารึกไว้ในประวัติศาสตร์สืบไป
ในขณะที่จูล่งเตรียมกระตุ้นม้าตีฝ่าออกไปนั้น ก็เห็นทหารวุยก๊กด้านหลังแนวล้อมแตกฮืออลหม่าน และมีเสียงโห่ร้องของทหารตีกระหนาบเข้ามาทั้งด้านตะวันออกและด้านตะวันตก จูล่งเขม้นตามองไปตามเสียงทั้งสองด้าน เห็นธงประจำทัพจ๊กก๊กลุยฝ่าทหารวุยก๊กเข้ามาก็ใจชื้น แม้จะยังไม่รู้ว่าเป็นทหารกองใดยกมาช่วย
ความจริงทหารทั้งสองกองที่ยกมานั้นคือกองทัพของกวนหินและเตียวเปาซึ่งขงเบ้งสั่งให้ยกมาตั้งซุ่มอยู่ในบริเวณป่าใกล้เขาฮองเบงสัน เพื่อคอยช่วยเหลือจูล่งมิให้ได้ความอัปยศแก่ข้าศึก ทั้งกวนหินและเตียวเปาต่างให้ทหารสอดแนมติดตามความเคลื่อนไหวของกองทัพจูล่งอย่างใกล้ชิด เห็นจูล่งได้ชัยชนะในวันแรกก็ยังคงสงบกองทัพนิ่งไว้ตามคำสั่งของขงเบ้ง ครั้นวันต่อมาเห็นจูล่งยกทหารออกมารบและไล่ตามตีทหารวุยก๊กไปเป็นเวลาช้านานแล้วยังไม่กลับไป ก็สังหรณ์ใจว่ากองทัพหน้าของจูล่งอาจประสบเหตุเภทภัย จึงยกทหารติดตามมา
ครั้นประสบเหตุว่ากองทัพหน้าของจูล่งถูกล้อมไว้อย่างหนาแน่น ทั้งกวนหินและเตียวเปาจึงแบ่งกำลังยกเข้าตีกระหนาบทั้งด้านตะวันออกและด้านตะวันตกพร้อมกัน ทหารวุยก๊กไม่ทันรู้ตัวก็แตกตื่นอลหม่าน
ชีเจ๊กเห็นเตียวเปายกทหารจู่โจมเข้ามาดังนั้นจึงขี่ม้าเข้าสกัดเตียวเปาไว้ แต่ชีเจ๊กไม่รู้จักตัวเตียวเปามาก่อน เห็นแต่ทวนยาวสามวาสองศอก ก็คิดว่านายทหารเมืองเสฉวนหน้าอ่อนผู้นี้ไม่มีสิ่งใดเป็นที่น่ายำเกรง จึงเข้ารบกับเตียวเปา
เตียวเปารบกับชีเจ๊กได้สามเพลงก็เอาทวนประจำตัวเตียวหุยผู้บิดาแทงชีเจ๊กตกม้าตาย แล้วตัดศีรษะชีเจ๊กผูกข้างอานม้าไว้ เร่งทหารตีฝ่ารุกเข้าไปช่วยจูล่ง
ในขณะเดียวกันนั้นกวนหินก็คุมทหารจู่โจมกระหนาบเข้ามาทางอีกด้านหนึ่ง ตั้งฮีนายทหารวุยก๊กไม่รู้จักกวนหิน แต่เห็นเป็นนายทหารหนุ่มถือง้าวนิลนาคะ แม้ประหลาดตาแต่ก็คิดว่าหย่อนประสบการณ์ในการรบ จึงขี่ม้าเข้าสกัดกวนหิน
กวนหินเห็นนายทหารวุยก๊กสกัดขวางหน้าไว้ดังนั้นก็ขี่ม้าเข้ารบกับตั้งฮี เพียงชั่วเพลงเดียวเท่านั้นก็ใช้ง้าวนิลนาคะของกวนอูผู้บิดาฟันตั้งฮีตัวขาดสองท่อนและตัดศีรษะผูกอานม้าไว้ และเร่งให้ทหารตีฝ่าเข้าไปช่วยจูล่ง
ทหารเมืองเสฉวนทั้งด้านตะวันตกและด้านตะวันออกเห็นนายทัพได้ชัยชนะแก่นายทหารข้าศึกก็โห่ร้องกึกก้อง พากันชิงขึ้นหน้ารุกเข้าจู่โจมฆ่าฟันทหารวุยก๊กบาดเจ็บล้มตายเป็นอันมาก
จูล่งเห็นทหารวุยก๊กแตกตื่นกระจายและเมื่อทหารจ๊กก๊กตีฝ่าใกล้เข้ามา เห็นธงประจำตัวนายทัพถนัดว่าจารึกชื่อกวนหินและเตียวเปาก็มีความยินดี รำพึงว่าคิดไม่ถึงว่าชีวิตคนแก่อย่างเรารอดมาได้ในวันนี้ก็ด้วยน้ำมือเด็กรุ่นหลาน จูล่งรำพึงดังนั้นใจก็ประหวัดไปถึงกวนอูและเตียวหุยมิตรร่วมรบแต่อดีต ก็รู้สึกภาคภูมิใจในลูกเสือทั้งสอง น้ำตาก็ไหลพรากโดยไม่รู้สึกตัว
เตียวเปาตีฝ่าเข้ามาถึงตัวจูล่งแล้วรีบลงจากหลังม้า ตรงเข้าไปคำนับตามประสาผู้น้อยผู้ใหญ่ แล้วแจ้งแก่จูล่งว่า “มหาอุปราชเห็นว่าท่านชรากลัวจะเสียทีแก่ข้าศึก จึงให้ข้าพเจ้าคุมทหารห้าพันยกตามท่านมา”
จูล่งขอบใจหลานและมีความยินดีเป็นอันมาก เตียวเปาจึงพาจูล่งลงมาจากเนินเขาไปทางด้านตะวันตก พอดีกวนหินเข้าไปถึงก็แจ้งแก่จูล่งว่า ขงเบ้งใช้ให้มาช่วยและได้ตัดศีรษะนายทหารวุยก๊กมามอบแก่ท่านอาด้วยแล้ว
จูล่งเห็นดังนั้นก็มีความยินดี กล่าวกับกวนหิน เตียวเปาว่า “ซึ่งหลานทั้งสองมาช่วยนี้ก็ดีแล้ว แม้เราช่วยกันคิดอ่านจับตัวแฮหัวหลิมให้ได้ก็จะมีความชอบเป็นอันมาก”
กวนหินและเตียวเปาได้ฟังคำจูล่งก็เห็นด้วย จึงถามว่าแฮหัวหลิมอยู่ที่ไหน จูล่งก็ชี้มือไปที่ยอดเขาซึ่งแฮหัวหลิมยืนม้าบัญชาการอยู่ กวนหินและเตียวเปาเห็นดังนั้นจึงนำทหารยกขึ้นไปบนเขาจะจับตัวแฮหัวหลิม ส่วนจูล่งก็ขี่ม้าจะไปช่วยเตงจี๋ซึ่งถูกล้อมอยู่อีกวงหนึ่ง
ฝ่ายเตงจี๋คุมทหารสู้รบป้องกันตัวอยู่ท่ามกลางวงล้อม ครั้นทหารวุยก๊กถูกทหารกวนหินและเตียวเปาจู่โจมกระหนาบเข้าตีโดยไม่รู้เนื้อรู้ตัว แนวล้อมก็คลายออก เตงจี๋จึงพาทหารตีฝ่าออกมาได้ จูล่งได้พบกับเตงจี๋แล้วจึงกล่าวว่า “ตัวเราทำศึกมาแต่ครั้งพระเจ้าเล่าปี่ก็ไม่เคยอัปยศแก่ผู้ใด ควรหรือมาเสียทีแพ้รู้อ้ายแฮหัวหลิมลูกเล็กได้ หากว่าเตียวเปากับกวนหินหลานเรายกมาช่วย เราจึงรอดจากความตาย บัดนี้เตียวเปากับกวนหินเขาก็ยกตามแฮหัวหลิมขึ้นไปแล้ว ตัวเราคนแก่นี้ก็จะลากกายตามไปแก้แค้นให้จงได้”
จูล่งกล่าวแล้วก็นำทหารบุกขึ้นไปบนเขาซึ่งแม้เป็นเวลากลางคืนแต่พระจันทร์ก็สว่างไสวดุจกลางวัน ทหารจ๊กก๊กของกวนหิน เตียวเปาและจูล่ง ต่างคุมกำลังยกขึ้นไปบนเขาเป็นสามทาง ฆ่าฟันทหารวุยก๊กซึ่งคอยสกัดบาดเจ็บล้มตายลงเป็นอันมาก
แฮหัวหลิมเห็นเหตุการณ์พลิกผันดังนั้นก็ตกใจ จะหนีลงจากเขาทั้งด้านหน้า ด้านซ้าย ด้านขวาก็ไม่ได้ เพราะทหารจ๊กก๊กกำลังยกหนุนเนื่องกันขึ้นมา และทหารวุยก๊กที่เหลืออยู่ก็น้อยตัวนัก.