ตอนที่ 51. เมื่อเสือได้ลิ้มรสเลือด

 ลิโป้ยกทหารออกจากเมืองหลวงมารบด้วยลิฉุย กุยกี ต้องกลยุทธวิธีแห่งสงครามจรยุทธ์ หลอกล่อให้รบพัวพันอยู่ถึงสามวันสามคืน จึงทั้งอ่อนล้าเรี่ยวแรงลง ทั้งคิดถึงยอดหวานใจเตียวเสี้ยน ซึ่งกำลังอยู่ในช่วงข้าวใหม่ปลามัน จิตใจสู้รบจึงไม่กล้าแกร่งเหมือนกับเมื่อครั้งรบด้วยกองทัพปฏิวัติ

            ครั้นได้ข่าวว่ากองทัพของเตียวเจ และหวนเตียว ยกเข้าตีเมืองหลวงจึงคิดห่วงใยการข้างในพระนคร ซึ่งกล่องดวงใจเตียวเสี้ยนอยู่ในที่นั้นด้วย และเกรงว่าเมืองหลวงจะได้รับอันตรายเพราะรู้ดีว่าระบบและกำลังป้องกันพระนครไม่ได้เข้มแข็งมั่นคง ดังนั้นลิโป้จึงตัดสินใจตีฝ่าทหารของกุยกีที่ปิดล้อมอยู่ด้านเชิงเขาเพื่อจะกลับไปช่วยเมืองหลวง

            ทหารของลิฉุย กุยกี ไล่ตามตีลิโป้อย่างไม่ลดละ ครั้นลิโป้จะหันเข้ามารบครั้งใดก็ถอยเสีย แต่พอลิโป้หันกลับรุดไปเมืองเตียงอัน ทั้งลิฉุย กุยกี ก็ยกทหารเข้าตามตีอีก ลิโป้รบพลางถอยพลางอยู่ตลอดทาง ต้องสูญเสียทหารไปเป็นจำนวนมาก

            ครั้นมาใกล้กำแพงพระนคร ทหารของลิโป้เห็นทหารของเตียวเจและหวนเตียวเป็นจำนวนมากล้อมเมืองหลวงและกำลังโจมตีกำแพงพระนครก็เกิดความรักตัวกลัวตาย จึงพากันไปเข้าสวามิภักดิ์กับทหารของเตียวเจและหวนเตียวเป็นจำนวนมาก ลิโป้เห็นเช่นนั้นก็หมดกำลังใจต่อสู้

            อาการที่ลูกน้องทิ้งนายแบบลิโป้นี้  ด้านหนึ่งเป็นไปได้ว่าทหารของลิโป้เหล่านั้นเป็นคนใช้ไม่ได้ ทอดทิ้งนายในยามยาก  แต่ในอีกด้านหนึ่งก็เป็นไปได้ด้วยว่าเกิดแต่เหตุที่ลิโป้เป็นนายแต่ตำแหน่งหน้าที่ ไม่มีน้ำใจต่อลูกน้อง

            ด้วยคนนั้นมีใจ ครั้นใจไม่มีน้ำใจหล่อเลี้ยงผูกพันไว้ต่อกันแล้ว ยามใดมีโอกาสหรือยามใดเป็นยามยาก ความสัมพันธ์ของคนที่อาศัยแต่เพียงตำแหน่งและหน้าที่จึงย่อมขาดสะบั้นลงโดยง่าย

            ลิโป้เหลือทหารที่ยังคงจงรักภักดีเพียงไม่กี่คนจึงเห็นเหลือกำลังที่จะทำการสู้รบขับไล่กองทัพที่ล้อมพระนครอยู่นั้น จึงได้แต่พาทหารที่เหลืออยู่รวนเรโดยรอบพระนครอยู่ถึงสองสามวัน คิดไม่ตกว่าจะแก้ไขสถานการณ์ประการใด

            การข้างในพระนครนั้น ทหารรักษาพระนครยังคงต่อสู้ป้องกันเมืองหลวงเป็นสามารถ ยิงเกาทัณฑ์ ทิ้งก้อนศิลา และทรายคั่วจากเชิงเทินกำแพงเมืองใส่ทหารที่ล้อมพระนครบาดเจ็บล้มตายลงเป็นจำนวนมาก

            ขณะนั้นลูกน้องเก่าของตั๋งโต๊ะสองคนคือลิบ้องและอ่องหอง ซึ่งเอาตัวรอดจากการตามล้างบางพรรคพวกตั๋งโต๊ะของอ้องอุ้น โดยอาศัยวิชาจิ้งจกเปลี่ยนสี ทำทีเข้าเป็นพวกของอ้องอุ้น จึงยังคงรักษาตำแหน่งขุนนางในเมืองหลวงเอาไว้ได้ ครั้นได้ทราบข่าวสี่ทหารเอกของตั๋งโต๊ะเจ้านายเก่ายกกองทัพมาโจมตีเมืองหลวงก็มีความยินดียิ่งนัก เห็นโอกาสที่พวกตัวจะเป็นใหญ่อีกครั้งหนึ่ง ทั้งเห็นเป็นโอกาสที่จะแก้แค้นเอากับอ้องอุ้น ดังนั้นจึงระดมลูกน้องเก่าของตั๋งโต๊ะที่เคยกินอยู่ได้เสียในทางผลประโยชน์กันมาแต่ก่อนแล้วก่อการเป็นไส้ศึกขึ้นในเมือง

            ครั้นเห็นเป็นทีที่ภายในเมืองหลวงกำลังชุลมุนสู้รบกับกองทัพของสี่ทหารเอกอยู่บนเชิงเทินพระนคร จึงพาพรรคพวกไล่ฆ่าฟันทหารฝ่ายเมืองหลวงที่รักษาประตูเมืองอยู่นั้น แล้วเปิดประตูเมืองทั้งสี่ด้าน กองทัพของลิฉุย กุยกี เตียวเจ และหวนเตียว จึงกรูกันเข้าพระนคร ฆ่าฟันทหารที่รักษาเชิงเทินบาดเจ็บล้มตายเป็นอันมาก ทหารฝ่ายเมืองหลวงที่เหลืออยู่ก็ยอมเข้าสวามิภักดิ์แต่โดยดี

            ลิโป้เห็นเมืองหลวงแตกก็ตกใจ รีบตีฝ่าทหารของลิฉุย กุยกี เข้าไปในพระราชวัง ไปพบอ้องอุ้นที่ตึกบัญชาการแล้วว่า บัดนี้เมืองหลวงตกอยู่ในมือข้าศึกแล้ว ให้รีบขึ้นม้าตีฝ่าออกไปด้วยกัน

            อ้องอุ้นบัดนี้เห็นทีคับขัน  ครั้นจะหนีก็คงหนีไม่รอดเพราะชราภาพ ทั้งไม่ต้องการให้ถูกตราหน้าในภายหลังว่าทอดทิ้งฮ่องเต้ในยามวิกฤติจึงตัดสินใจรักษาชื่อเสียงเกียรติคุณแล้วว่ากับลิโป้ว่า “เราจะหนีเอาตัวรอดนั้นไม่ควร ถึงจะตายก็เอาความชอบไว้ภายหน้า ท่านจะไปก็ไปเถิด แต่ช่วยเอาเนื้อความทั้งนี้ไปแจ้งแก่หัวเมืองทั้งปวงว่าเราคำนับไปด้วย บัดนี้เกิดเหตุขึ้นในเมืองหลวงให้หัวเมืองทั้งปวงตั้งใจทำนุบำรุงแผ่นดิน ยกกองทัพเข้ามาช่วยกำจัดศัตรูราชสมบัติเสีย”

            อ้องอุ้นในยามเข้าตาจนจึงเพิ่งคิดถึงการทำนุบำรุงแผ่นดิน เพิ่งคิดขอให้หัวเมืองต่าง ๆ ยกทัพเข้ามากำจัดศัตรูแผ่นดิน ซึ่งถ้าหากไม่ตั้งอยู่ในความประมาทคิดถึงเรื่องนี้และทำในเรื่องนี้เสียก่อนก็จะไม่ตกอยู่ในสภาพอับจนเยี่ยงนี้ ถึงกระนั้นก็ยังคงคิดไว้ลายเสือเฒ่าให้ลิโป้ช่วยบอกกล่าวบรรดาหัวเมืองต่างๆ ถึงเกียรติคุณของตนที่ยอมตายอยู่กับฮ่องเต้เพื่อจะได้มีชื่อเสียงปรากฏไว้ในประวัติศาสตร์

            ลิโป้ฟังคำอ้องอุ้นแล้วยังพยายามชักชวนให้รีบหนีอีกหลายหน แต่อ้องอุ้นก็ยืนหยัดเจตนาเดิม พอดีขณะนั้นทหารของลิฉุย กุยกี เตียวเจ และหวนเตียว ยกตามมาและเข้าล้อมพระราชวังไว้ทั้งสี่ด้าน แต่ไม่กล้าบุกรุกผ่านประตูพระราชวังเข้าไป เพราะสี่ทหารเอกและทหารเหล่านั้นเดิมทีล้วนเป็นทหารอาชีพ เคารพต่อกฎมณเฑียรบาล จึงยังคงเกรงพระบรมเดชานุภาพของฮ่องเต้ ต่างคนต่างก็อออยู่แต่ภายนอกกำแพงพระราชวัง

            ลิโป้เห็นสถานการณ์คับขัน ทั้งเพลิงก็ลุกไหม้ขึ้นภายนอกพระราชวังหลายแห่ง ครั้นจะเข้าไปรับเอาเตียวเสี้ยนและครอบครัวออกมาก็ไม่ทันการ จึงรีบตีฝ่าออกจากประตูพระราชวังพาทหารร้อยเศษตีฝ่าหนีออกจากเมืองหลวงตรงไปหาอ้วนสุด ณ เมืองลำหยง

            อ้องอุ้นครั้นลิโป้ไปแล้วจึงเดินทางเข้าไปเฝ้าพระเจ้าเหี้ยนเต้ถึงพระตำหนักที่ประทับ กราบบังคมทูลรายงานสถานการณ์ให้ทรงทราบว่าบัดนี้สี่ทหารเอกของตั๋งโต๊ะยึดได้เมืองหลวงแล้ว และยกทหารมาล้อมพระราชวังไว้ทั้งสี่ด้าน ดังนั้นจึงขอกราบบังคมทูลอัญเชิญเสด็จออกพระบัญชรสันติภาพ บนชั้นสองของพระที่นั่งเพื่อระงับการจลาจลต่อไป

            พระเจ้าเหี้ยนเต้จึงเสด็จออกพระบัญชรสันติภาพ ประทับบนระเบียงชั้นสองของพระตำหนักพร้อมด้วยขันที อาลักษณ์ และอ้องอุ้น แล้วโปรดให้ลิฉุย กุยกี เตียวเจ และหวนเตียว เข้าเฝ้า ณ พื้นเบื้องล่างของพระบัญชรนั้น

            สี่ทหารเอกรับทราบพระราชกระแสแล้วก็พากันมาเฝ้าอยู่ข้างล่าง กราบถวายบังคมแล้ว พระเจ้าเหี้ยนเต้จึงรับสั่งถามว่าพวกเจ้ายกทหารมาล้อมพระราชวังนี้มีประสงค์สิ่งใด
สี่ทหารเอกกราบบังคมทูลว่าที่กระทำการดังนี้จะคิดเป็นกบฏต่อแผ่นดินนั้นหามิได้ เนื่องจากเบื้องก่อนนี้ตั๋งโต๊ะเป็นผู้สำเร็จราชการแผ่นดิน และอัครมหาเสนาบดี ได้ทำนุบำรุงบ้านเมืองและราษฎรให้เป็นสุข แต่อ้องอุ้นคบคิดกับลิโป้สังหารตั๋งโต๊ะเสีย แล้วยึดอำนาจไว้เสียเองโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย พวกข้าพระพุทธเจ้าปรารถนาจะสร้างความถูกต้องขึ้นในบ้านเมือง ธำรงบทกฎหมายให้ศักดิ์สิทธิ์ เป็นหลักและขื่อแปของบ้านเมืองเพื่อให้เกิดความสงบสุขสืบไป

            ดังนั้นจึงขอพระราชทานเอาตัวอ้องอุ้นมาประหารเสียในฐานะเป็นกบฏต่อแผ่นดิน เสร็จการแล้วข้าพระพุทธเจ้าทั้งปวงก็จะกลับคืนสู่ที่ตั้งตามเดิม

            อ้องอุ้นได้ยินดังนั้นจึงกราบบังคมทูลว่าข้าพระพุทธเจ้าเป็นขุนนางรับราชการในพระราชวงศ์ฮั่นด้วยความสัตย์สุจริตติดต่อกันถึงสี่แผ่นดิน เห็นตั๋งโต๊ะเป็นทรราชย์คิดแย่งชิงราชสมบัติ เบียดเบียนบ้านเมืองและราษฎร ข้าพระพุทธเจ้าจึงคิดกำจัดภัยแผ่นดินเสีย บัดนี้มีความวุ่นวายขึ้นในพระราชวังอันเนื่องมาแต่ความต้องการตัวข้าพระพุทธเจ้า ดังนั้นข้าพระพุทธเจ้าจึงพร้อมพลีชีวิตถวายเป็นราชพลี เพื่อให้เหตุการณ์วุ่นวายได้สงบลง และขอกราบถวายบังคมลา ณ บัดนี้

            ว่าแล้วอ้องอุ้นก็กระโดดลงจากระเบียงชั้นสองลงมาที่พื้นข้างหน้าสี่ทหารเอก ด้วยความชราภาพและความสูง จึงทำให้อ้องอุ้นแขนขาหักทรุดอยู่กับที่ แต่ปากนั้นยังกล้าอยู่และร้องขึ้นว่า “ไอ้ศัตรูราชสมบัติ กูอยู่ที่นี่แล้ว”

            สี่ทหารเอกอยากรู้ความถึงเหตุผลและผู้คนที่เกี่ยวข้องในการสังหารตั๋งโต๊ะ จึงถามอ้องอุ้นว่าตั๋งโต๊ะมีผิดสิ่งใดจึงคบคิดกับลิโป้ฆ่าเสีย และมีใครร่วมเกี่ยวข้องด้วยบ้าง อ้องอุ้นจึงว่าฆ่าเสียเพราะตั๋งโต๊ะเป็นศัตรูราชสมบัติ เป็นทรราชย์ ข่มเหงและทำร้ายขุนนางแลราษฎร พวกเจ้าก็รู้อยู่แก่ใจ หามีใครร่วมมือด้วยกูไม่

            สี่ทหารเอกจึงว่าต่อไปว่าครั้นเราทั้งสี่คนมีหนังสือมาสวามิภักดิ์ขอทำราชการด้วย เหตุใดตัวจึงจ้องอาฆาตพยาบาทคิดสังหารพวกเราสี่คนเล่า อ้องอุ้นจึงว่าเพราะพวกเจ้าเป็นพวกทรราชย์ ขณะนั้นอ้องอุ้นบาดเจ็บได้ความทรมานนัก จึงยั่วสี่ทหารเอกว่าพวกมึงเป็นกบฏ กูอยู่ในเงื้อมมือพวกมึงแล้ว จะฆ่าก็เร่งฆ่าเสียเถิด

            สี่ทหารเอกได้ฟังก็โกรธ ทั้งเห็นจะซักไซร้ไล่เลียงให้อ้องอุ้นเปิดปากว่ามีใครเป็นพวกคบคิดสังหารตั๋งโต๊ะไม่เป็นผลแล้ว จึงเอาดาบฟันอ้องอุ้นถึงแก่ความตาย แล้วสั่งให้ทหารไปจับเอาบุตร ภรรยา และญาติพี่น้องอ้องอุ้นฆ่าเสียทั้งสิ้น 

            หลังจากอ้องอุ้นกระโดดลงไปให้สี่ทหารเอกฆ่าแล้ว พระเจ้าเหี้ยนเต้สลดพระทัยอาลัยนักจึงเสด็จเข้า สี่ทหารเอกกราบถวายบังคมลาแล้วพากันไปปรึกษาที่ตึกบัญชาการกองกำลังรักษาพระนคร แต่คงให้ทหารล้อมพระราชวังไว้อ้างว่าเป็นการถวายการอารักขาฮ่องเต้

            สี่ทหารเอกเมื่อมาถึงกองบัญชาการกองกำลังรักษาพระนครแล้ว ก็ให้ทหารของตัวเข้าประจำการ เป็นทหารสังกัดกองกำลังรักษาพระนคร ทหารหน่วยต่าง ๆ ในพระนครที่เข้าสวามิภักดิ์เป็นจำนวนมากก็ให้ทำหน้าที่ในหน่วยสังกัดเดิม

            สี่ทหารเอกนั้นแรกเริ่มคิดอ่านกันแต่เพียงเพื่อเสี่ยงตายต่อสู้เอาตัวรอด แล้วก้าวมาถึงขั้นคิดสังหารอ้องอุ้นเพื่อแก้แค้น ครั้นยึดพระนครได้แล้วก็เริ่มสัมผัสว่าสถานการณ์ทั้งปวงได้ตกอยู่ภายใต้อำนาจการควบคุมของกองกำลังรักษาพระนคร ซึ่งพวกตนเป็นคณะผู้บัญชาการแล้วโดยไม่ได้คิดฝัน มารู้ตัวอีกทีหนึ่งก็กลายเป็นคณะรัฐประหารที่ยึดอำนาจรัฐจากอ้องอุ้นมาไว้ในกำมือเสียแล้ว

            คนหนึ่งประมาทจนอำนาจรัฐหลุดจากมือแล้วถูกสังหารอย่างทารุณ แต่อีกสี่คนเพียงแค่เสี่ยงเอาตัวรอดกลับบังเอิญได้อำนาจรัฐมาครอง ดูประหนึ่งว่าฟ้านั้นไร้กฎเกณฑ์ แต่ความจริงนี่คือกฎเกณฑ์ของฟ้า เนื่องเพราะกฎเกณฑ์ของฟ้านั้นไม่ขึ้นต่อการคำนวณทางคณิตศาสตร์ ไม่ขึ้นต่อกฎเกณฑ์ของตรรกะ และไม่ขึ้นต่อเจตจำนงของผู้คน แต่ใครเล่าจักเข้าถึงกฎเกณฑ์ของฟ้าได้

            เมื่อรู้ตัวว่าได้ครองอำนาจรัฐอยู่ในมือฉะนี้แล้ว ลิฉุย กุยกี จึงคิดก้าวต่อไปถึงขนาดคิดล้มราชวงศ์ฮั่น สังหารฮ่องเต้ ตั้งระบอบการปกครองโดยสภารัฐประหาร แต่เตียวเจ และหวนเตียว คัดค้านว่าแผ่นดินมีธรรมเนียมการปกครองในระบอบกษัตริย์ ราชวงศ์ฮั่นได้สถาปนามาร่วม 400 ปีแล้ว หัวเมืองจำนวนมากยังคงจงรักภักดีต่อราชวงศ์ฮั่น เจ้าเมืองจำนวนมากก็เป็นพวก “แซ่เล่า” เชื้อสายของพระเจ้าฮั่นโกโจ-เล่าปัง ทั้งราษฎรก็เคยชินในระบอบกษัตริย์ หากล้มฮ่องเต้เสียแล้วบรรดาหัวเมืองก็จะยกกองทัพเข้ามา ราษฎรก็จะก่อการจลาจล พวกเราก็จะคุมสถานการณ์ไว้ไม่ได้ ดีร้ายอำนาจวาสนาที่มีอยู่ในวันนี้ก็จะสูญสิ้นไป กระไรเลยควรคงราชวงศ์ฮั่นและพระเจ้าเหี้ยนเต้ไว้ดังเดิม แล้วพวกเราครองอำนาจรัฐแบบตั๋งโต๊ะ บ้านเมืองก็จะเป็นปกติสุขสืบไป

            ที่ประชุมสภารัฐประหารเห็นชอบด้วยกับความคิดของเตียวเจ และหวนเตียว และตกลงกันต่อไปว่าต้องรีบสลายตัวสภารัฐประหาร แล้วกราบบังคมทูลให้พระเจ้าเหี้ยนเต้โปรดเกล้าฯ ให้ดำรงตำแหน่งขุนนางตามระบอบการปกครองปกติ เพื่อสลายคราบเผด็จการออกไปแล้วใช้เสื้อคลุมของฮ่องเต้คุ้มตัวให้ได้ครองอำนาจเผด็จการได้โดยชอบด้วยกฎหมาย จากนั้นแล้วจึงค่อยคิดอ่านกำจัดศัตรูทางการเมืองอย่างเป็นขั้นตอน วางฐานอำนาจภายใต้ฮ่องเต้ให้มั่นคงยั่งยืน

            เมื่อปรึกษาพร้อมกันแล้วจึงพากันไปขอเข้าเฝ้าพระเจ้าเหี้ยนเต้ พระเจ้าเหี้ยนเต้เสด็จขึ้นให้สี่ทหารเอกเข้าเฝ้า แล้วรับสั่งถามว่าเดิมทีพวกเจ้ายกกองทัพมาอ้างว่าต้องการตัวอ้องอุ้น บัดนี้อ้องอุ้นก็ตายแล้วเหตุใดจึงยังไม่ยกทัพกลับไปอีกเล่า

            สี่ทหารเอกบัดนี้ประดุจดั่งเสือร้ายที่เพิ่งได้สัมผัสรสเลือดจึงย่อมเป็นวิสัยเสือที่ไหนเลยจะละวางเสียแต่เพียงเท่านี้ มีแต่จะกระทำการตามอำเภอใจของสัตว์เดรัจฉานต่อไปเท่านั้น. 

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ตัวอย่างกระทู้ธรรม ธรรมศึกษาชั้นตรี 5

ปัญหาและเฉลยวิชาธรรม นักธรรมชั้นโท สอบในสนามหลวง วันเสาร์ ที่ ๑๙ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๔๘

I miss you all กับ I miss all of you ต่างกันอย่างไร