ตอนที่ 509. ลายเสือเฒ่า
ขงเบ้งได้รับพระบรมราชานุญาตแล้วจึงกรีฑาทัพใหญ่ไปตีวุยก๊กครั้งที่หนึ่ง โดยเดินทัพไปทางเมืองฮันต๋ง ในขณะที่วุยก๊กได้แต่งตั้งให้แฮหัวหลิมเป็นแม่ทัพยกกองทัพเมืองเสเหลียงยี่สิบหมื่นมาขัดตาทัพอยู่ที่เมืองเตียงอัน
ขงเบ้งได้ฟังแผนยุทธการของอุยเอี๋ยนแล้วเห็นว่าเป็นการเสี่ยงภัย เพราะการจัดกองทัพไปตั้งอยู่ระหว่างกลางเมืองเตียงอันกับเมืองลกเอี๋ยงนั้น แม้จะมีความเป็นไปได้ว่าจะลวงแฮหัวหลิมให้ยกไปรบแล้วกองทัพหลวงของขงเบ้งจะรุกเข้าตีเมืองเตียงอัน แต่มีความเสี่ยงภัยมากมายนัก เพราะถ้าหากแฮหัวหลิมหรือผู้รักษาเมืองลกเอี๋ยงทราบข่าวศึกก็จะรุมตีกระหนาบกองทัพของอุยเอี๋ยนให้แตกพ่ายยับเยินได้โดยง่าย ขงเบ้งพิเคราะห์ดังนั้นแล้วจึงว่า แผนการครั้งนี้มีจุดอ่อนตรงที่ประมาทแก่ข้าศึกว่าจะไม่รุมตีกระหนาบ เพราะหากข้าศึกตีกระหนาบแล้วกองทัพของท่านก็จะเสียทีและเสียหายยับเยิน เรากำลังทำศึกครั้งแรกต้องการชัยชนะเป็นการเอาฤกษ์เอาชัย จึงไม่ควรเสี่ยงภัยแม้แต่สักน้อยนิด
อุยเอี๋ยนได้ฟังคำขงเบ้งก็ฮึดฮัดขัดใจ แล้วแย้งว่าแม้นมหาอุปราชไม่ทำตามแผนการของข้าพเจ้าแล้ว ก็จะต้องยกกองทัพเข้าตีเมืองเตียงอันโดยตรง แม้หากจะได้ชัยชนะก็จะสูญเสียทหารเป็นอันมาก เห็นจะไม่สามารถรุดหน้าเข้ายึดเมืองลกเอี๋ยงได้
ขงเบ้งจึงว่า ความวิตกของท่านนั้นอย่าได้ปรารมภ์สืบไปเลย เราจะคิดอ่านเข้าตีเมืองเตียงอันซึ่งหน้าแล้วจะยึดเมืองให้ได้
อุยเอี๋ยนเห็นขงเบ้งยืนกรานก็ไม่พอใจ แต่ด้วยวินัยกองทัพเข้มงวดกวดขันอุยเอี๋ยนจึงจำต้องยอมรับแล้วลาขงเบ้งกลับออกไป ขงเบ้งจึงบัญชาให้จูล่งแม่ทัพกองทัพหน้าเร่งรุดเข้าตีเอาเมืองเตียงอัน
ฝ่ายแฮหัวหลิมคุมทหารตั้งอยู่ในเมืองเตียงอัน ครั้นทราบข่าวว่ากองทัพหน้าของจูล่งกำลังเคลื่อนมาทางเขาฮองเบงสัน จึงตั้งให้ฮันเต๊กนายทหารเอกเมืองเสเหลียงพร้อมกับบุตรชายสี่คน คือฮันเอ๋ง ฮันเอี๋ยว ฮันเขง และฮันกี๋ คุมทหารเมืองเสเหลียงแปดหมื่นเป็นกองทัพหน้ายกออกไปรบกับจูล่ง และสั่งให้ปูนบำเหน็จล่วงหน้าแก่ฮันเต๊กเป็นอันมาก
ฮันเต๊กได้รับมอบหมายให้เป็นแม่ทัพหน้ายกไปรบกับจูล่งก็มีความยินดี คำนับขอบคุณแฮหัวหลิมและรับเอาของบำเหน็จมาแจกจ่ายแก่ทหารและสั่งให้เคลื่อนทัพยกไปสกัดกองทัพหน้าของจูล่งที่เขาฮองเบงสัน ตัวฮันเต๊กนั้นใช้ขวานใหญ่ด้ามยาวเป็นอาวุธ ติดตามด้วยบุตรซึ่งรูปร่างกำยำแข็งแรงทั้งสี่คน คุมทหารอยู่หน้าขบวนทัพ
พอฮันเต๊กเห็นกองทัพของจูล่งเคลื่อนใกล้เข้ามา ก็สั่งให้ทหารตั้งขบวนเตรียมรบกันด้วยฝีมือทหารเอก จูล่งเห็นกองทัพวุยก๊กยกมาตั้งสกัดเป็นขบวนดังนั้นก็สั่งทหารให้ตั้งขบวนแล้วขี่ม้าออกไปในลานรบ
ฮันเต๊กเห็นจูล่งอยู่ในวัยชรา แม้จะดูสง่าน่าเกรงขามแต่ก็คิดว่าตัวเองหนุ่มกว่า ไหนเลยจูล่งจะต้านทานฝีมือได้ จึงชักม้าเข้าไปหาจูล่งแล้วร้องด่าว่า ตัวท่านชราภาพแล้ว ไฉนจึงไม่อยู่กับลูกหลาน กลับร่วมการกับพวกกบฏยกกองทัพมารุกรานแดนเราทำให้บ้านเมืองและราษฎรเดือดร้อนฉะนี้
จูล่งไม่โต้ตอบ กระตุ้นม้ากรายทวนปราดเข้าหาฮันเต๊ก ฮันเอ๋งยืนม้าอยู่ด้านหลังเห็นดังนั้นจึงรีบชักม้าออกหน้าบิดาเข้าสกัดจูล่ง พอประทวนกันได้สามเพลงจูล่งก็เอาทวนแทงถูกฮันเอ๋งตกม้าตาย
ฮันเอี๋ยวเห็นฮันเอ๋งพี่ชายถึงแก่ความตายก็โกรธ ควบม้ารำดาบพุ่งเข้ารบกับจูล่ง ในขณะนั้นฮันเขงเกรงว่าฮันเอี๋ยวซึ่งเป็นพี่ชายมีกำลังน้อยอาจจะสู้กำลังของจูล่งไม่ได้ เกรงว่าจะเสียที จึงชวนฮันกี๋ขี่ม้ากรายดาบเข้าล้อมจูล่งไว้เป็นสามด้าน
สามพี่น้องบุตรชายของฮันเต๊ก เมื่อล้อมจูล่งไว้แล้วก็กำเริบ คิดว่าด้วยกำลังฝีมือของสามพี่น้องจะสามารถจับตัวจูล่งได้โดยง่าย ต่างคนต่างฮึกห้าวเหิมหาญ เข้ารุกรบกับจูล่งอย่างดุเดือด
จูล่งแม้จะตกอยู่ในท่ามกลางวงล้อม แต่ด้วยประสบการณ์การสงครามอันยาวนานก็ควบคุมสติมั่น หลอกซ้ายล่อขวาเพียงชั่วสามเพลงก็เอาทวนแทงถูกฮันกี๋ตกลงจากหลังม้า ทหารของฮันเต๊กเห็นดังนั้นก็พากันวิ่งเข้าไปพยุงฮันกี๋หนีออกมาจากลานรบ
ทหารเมืองเสฉวนเห็นนายทัพได้ทีมีชัยแก่ข้าศึกก็กรูกันเข้าโจมตีทหารของวุยก๊ก ในขณะนั้นทหารวุยก๊กกำลังเสียขวัญแตกตื่น จึงถูกทหารเมืองเสฉวนโจมตีจนแตกพ่าย ฮันเต๊กเห็นว่าจะสู้ไม่ได้ จึงสั่งให้ถอยทัพกลับเข้าเมือง
จูล่งเห็นได้ทีก็เร่งให้ทหารไล่ตามตี ตัวจูล่งขี่ม้ารุดออกหน้าทหารไล่ตามฮันเขงไป ฮันเขงในขณะขับม้าหนีก็กุมเกาทัณฑ์ไว้มั่น พอได้ระยะก็น้าวเกาทัณฑ์ยิงจูล่ง ติดต่อกันถึงสามลูก แต่จูล่งก็ยังคงว่องไวปราดเปรียวเกินวัย เห็นฮันเขงยิงเกาทัณฑ์มาก็เอาทวนปัดลูกเกาทัณฑ์ตกลงพื้นทั้งสามดอก
ฮันเขงเห็นเกาทัณฑ์พลาดเป้าก็โกรธ ชักม้าย้อนกลับจะมารบกับจูล่ง แต่พอฮันเขงขี่ม้าเข้ามาใกล้จูล่งก็เอาเกาทัณฑ์น้าวยิงไปด้วยกระบวนท่าที่เคยใช้เกาทัณฑ์ยิงสายลดใบเรือของชีเซ่ง เตงฮอง เมื่อครั้งสงครามเซ็กเพ็ก ลูกเกาทัณฑ์แล่นไปอย่างรวดเร็วรุนแรงและแม่นยำถูกที่หน้าผากฮันเขงตกม้าตายในทันที
ฮันเอี๋ยวซึ่งหนีนำหน้าฮันเขง เห็นฮันเขงขี่ม้าย้อนกลับเข้ารบกับจูล่งก็เกรงว่าจะเสียที จึงขี่ม้าย้อนกลับมาช่วย พอเห็นฮันเขงถูกยิงตกม้าตายก็โกรธ เร่งฝีเท้าม้าเงื้อง่าดาบจะเข้าไปฟันจูล่ง
จูล่งหลบดาบของฮันเอี๋ยวได้แล้วเอี้ยวตัวกลับ คว้าจับตัวฮันเอี๋ยวได้บนหลังม้า แล้วส่งต่อให้ทหารมัดตัวกลับไปค่าย ตัวจูล่งยังคงควบม้าอย่างรวดเร็วไล่ตามตีจนทะลวงเข้าไปในท่ามกลางหมู่ทหารของฮันเต๊กในขณะที่ทหารวุยก๊กพากันแตกตื่นหนีแยกออกเป็นทาง
ม้าขาวของจูล่งจู่โจมไปทางไหน ทหารวุยก๊กก็แตกเป็นทาง ดุจดังเรือน้อยใบสีขาวแล่นอยู่กลางทะเลก็มิปาน ฮันเต๊กเห็นทหารเมืองเสฉวนองอาจกล้าหาญ ฝีมือรบรวดเร็วดุจเทพยดาก็ตกใจ รีบขี่ม้าหนีพลางรำพึงว่า “จูล่งคนนี้เขาลือชื่อว่าฝีมือเข้มแข็งนักก็สมทุกประการ”
ในขณะนั้นเตงจี๋เห็นจูล่งขี่ม้าไล่ตามทหารวุยก๊กไปอย่างรวดเร็วแต่ผู้เดียวก็เกรงว่าจูล่งอายุมากแล้วจะเป็นอันตราย จึงเร่งทหารให้รีบรุดหน้าหนุนไปช่วยจูล่ง และฆ่าฟันทหารวุยก๊กบาดเจ็บล้มตายลงเป็นจำนวนมาก
ฮันเต๊กตั้งหน้าตั้งตาหนีท่าเดียว เห็นจูล่งขี่ม้าไล่ตามกระชั้นชิดเข้ามา และสะพานประตูเมืองกำลังถูกชักปิด ก็เกรงว่าน้ำหนักของเกราะจะเป็นตัวถ่วงรั้งไม่ให้กระโดดไปที่สะพานได้ทัน จึงรีบวิ่งลงจากหลังม้า ถอดเกราะทิ้ง แล้ววิ่งกระโดดข้ามสะพานที่กำลังถูกชักปิดอย่างรวดเร็ว ทหารติดตามจำนวนหนึ่งก็กระโดดข้ามตามฮันเต๊กเข้าเมืองได้ ทหารซึ่งหนีไม่ทันก็ถูกฆ่าฟันบาดเจ็บล้มตายและถูกจับเป็นเชลยจนหมดสิ้น
จูล่งเห็นจะหักเข้ายึดเมืองไม่ได้จึงคุมทหารกลับค่ายที่เขาฮองเบงสัน เตงจี๋เห็นฝีมือสู้รบของจูล่งรวดเร็วปราดเปรียวนัก เพียงชั่วการรบครั้งเดียวก็สามารถกำจัดนายทหารของข้าศึกได้ถึงสี่คน ก็สรรเสริญจูล่งว่า “ไม่เสียทีท่านเป็นชาติทหาร อายุถึงเจ็ดสิบแล้ว ยังมีฝีมือเข้มแข็งหาผู้เสมอมิได้”
จูล่งได้ฟังก็มีความยินดี สูดหายใจลึก ๆ แล้วกล่าวอย่างภาคภูมิใจว่า “มหาอุปราชดูหมิ่นว่าเราแก่ กลัวจะได้ความอัปยศแก่ข้าศึก ตัวเราถึงมาตรว่าแก่ฉะนี้แล้ว แม้จะให้สู้กับทหารหนุ่มที่มีวิชาแลฝีมือเราก็ไม่กลัว”
กล่าวแล้วจูล่งจึงเขียนรายงานถึงขงเบ้ง รายงานความศึกที่ได้รบกับฮันเต๊กให้ขงเบ้งทราบทุกประการ แล้วให้ทหารถือหนังสือและคุมตัวฮันเอี๋ยวไปมอบแก่ขงเบ้งพร้อมกันด้วย
ขงเบ้งได้รับทราบรายงานชัยชนะของจูล่งแล้วมีความยินดีเป็นอันมาก ในขณะเดียวกันก็สั่งทหารให้เรียกกวนหิน เตียวเปา เข้ามาพบ แล้วกล่าวว่าจูล่งทำศึกครั้งนี้มีชัยชนะแก่ข้าศึก เห็นจะกำเริบใจยกออกไปรบกับทหารวุยก๊กอีก จูล่งแม้จะมีกำลังฝีมือเข้มแข็ง แต่บัดนี้ชราภาพอายุถึงเจ็ดสิบแล้ว กำลังย่อมอ่อนล้าลงตามวัย เกรงว่าจะพลาดพลั้งเสียทีแก่ข้าศึก อันจูล่งนี้สมเป็นชายชาติทหาร เป็นสัญลักษณ์ของเกียรติภูมิของทหารเสือแคว้นจ๊กรุ่นราวคราวเดียวกับบิดาเจ้าทั้งสอง จะให้ได้ความอัปยศแก่ข้าศึกมิได้เป็นอันขาด ดังนั้นจึงให้เจ้าทั้งสองคุมทหารคนละกอง กองละห้าพัน ยกไปซุ่มอยู่ในป่าแถบเขาฮองเบงสัน หากเห็นจูลงพลาดพลั้งเสียทีประการใดก็ให้เข้าช่วยแก้ไขอย่าให้ได้อายแก่ข้าศึก
กวนหินและเตียวเปารับคำสั่งขงเบ้งแล้วออกไปจัดแจงทหารยกไปตามคำสั่งตั้งแต่คืนวันนั้น
ฝ่ายฮันเต๊กเมื่อหนีกลับเข้าเมืองได้แล้วก็ร้องไห้เข้าไปรายงานให้แฮหัวหลิมทราบ
แฮหัวหลิมทราบความก็โกรธ รีบคุมกองทัพออกจากเมืองเตียงอันยกไปที่เขาฮองเบงสัน จูล่งทราบว่าแฮหัวหลิมคุมทหารยกมาเองก็คิดว่าแฮหัวหลิมเป็นทหารหนุ่มลุแก่โทสะ เห็นจะจับตัวได้โดยง่าย จึงขี่ม้าถือทวนประจำกายพาทหารพันหนึ่งยกออกจากค่ายตรงไปที่กองทัพของแฮหัวหลิม
พอเข้าไปใกล้จูล่งเห็นแฮหัวหลิม “แต่งตัวใส่หมวกทอง ถือดาบยาว ออกยืนม้าอยู่หน้าทหาร” ภายใต้ธงประจำตัวนายทัพ ก็รู้ว่าเป็นพระญาติของพระเจ้าโจยอย เห็นเป็นนายทหารหนุ่มท่าทางมากด้วยโทสะ จึงขี่ม้าออกไปหน้าทหารแล้วร้องถามว่าแฮหัวหลิมเด็กน้อย เจ้าไม่เกรงกลัวความตายหรือ จึงบังอาจยกมารบกับเรา
ฮันเต๊กซึ่งเพิ่งเสียทีแก่จูล่ง แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าของแฮหัวหลิมและเห็นว่ากองทัพ วุยก๊กมีจำนวนมากกว่ากองทัพของจ๊กก๊กที่เผชิญหน้ากันอยู่ก็ฮึกเหิมขึ้น กล่าวอาสากับแฮหัวหลิมว่า จูล่งผู้นี้ได้สังหารบุตรข้าพเจ้าเสีย ความแค้นพยาบาทมีแก่ข้าพเจ้าเป็นอันมาก ขอได้โปรดอนุญาตให้ข้าพเจ้าได้แก้แค้นแทนบุตรด้วยเถิด
แฮหัวหลิมกำลังจะกระตุ้นม้าออกไปรบกับจูล่ง พอได้ยินคำอาสาของฮันเต๊กก็รั้งม้าไว้แล้วอนุญาตให้ฮันเต๊กออกไปรบได้
ฮันเต๊กพอได้รับอนุญาตก็ชักม้าปราดเข้ารบกับจูล่ง กลองศึกของทั้งสองฝ่ายดังขึ้นยังไม่ทันสิ้นเพลงที่สามจูล่งก็เอาทวนแทงฮันเต๊กตกม้าตาย เตงจี๋คุมทหารอยู่เห็นจูล่งได้ทีจึงสั่งทหารให้โจมตีกองทัพวุยก๊ก ทหารเมืองเสฉวนก็โห่ร้องลั่นกลองรบแล้วรุดเข้าโจมตีทหารวุยก๊กอย่างดุเดือด
ทหารวุยก๊กเห็นนายทหารเอกถูกจูล่งสังหารในชั่วพริบตาก็พากันคร้ามเกรงแตกตื่นตกใจ พอถูกทหารเมืองเสฉวนรุกเข้าตีก็แตกตื่นวิ่งหนี แฮหัวหลิมไม่เคยการสงคราม เห็นทหารแตกตื่นก็ไม่คิดสู้รบ รีบออกคำสั่งให้ถอยทัพ
จูล่งและเตงจี๋เห็นได้ทีก็สั่งทหารให้ไล่ตามตี ฆ่าฟันทหารวุยก๊กบาดเจ็บล้มตายลงเป็นอันมาก พอเห็นว่าทหารวุยก๊กหนีไปไกลแล้ว จูล่งจึงสั่งทหารให้ถอยกลับเข้าค่าย ในขณะที่แฮหัวหลิมก็ถอยทหารไปตั้งค่ายไกลออกไปแปดสิบเส้น
ครั้นตั้งค่ายเสร็จแฮหัวหลิมจึงเรียกแม่ทัพนายกองมาปรึกษาว่า “จูล่งคนนี้เราได้ยินลือชื่ออยู่ก็นานแล้ว แต่ยังไม่รู้จักหน้า บัดนี้เห็นฝีมือเข้มแข็งนัก ไม่มีผู้ใดจะอาสาต่อสู้ เราจะคิดประการใดจึงจะเอาชัยชนะได้”
ฝ่ายเทียบูซึ่งเป็นบุตรเทียหยกขุนนางเก่าของพระเจ้าวุยอ๋องโจโฉซึ่งมาในกองทัพด้วย ได้ฟังคำแม่ทัพดังนั้นจึงกล่าวว่า จูล่งผู้นี้แม้จะมีฝีมือเข้มแข็งกำลังมาก แต่หาได้มากสติปัญญาด้วยไม่ ดังนั้นการจะรบกับจูล่งซึ่งหน้าเห็นจะไม่ได้ ชอบจะใช้กลอุบายจึงจะได้ชัยชนะโดยง่าย
เทียบูเห็นแฮหัวหลิมสนใจฟังข้อเสนอจึงกล่าวสืบไปว่า ในวันพรุ่งนี้ขอให้ท่านยกกองทัพไปรบกับจูล่งอีกครั้งหนึ่ง แต่ให้จัดทหารซุ่มไว้ในซอกเขาสองข้างทาง แล้วแสร้งทำเสียทีล่อจูล่งให้ตามมาที่จุดซุ่ม และให้ทหารเข้าล้อมจับตัว เห็นจะได้ตัวจูล่งโดยง่าย
แฮหัวหลิมได้ฟังอุบายของเทียบูก็เห็นชอบ จึงสั่งให้ตั้งฮีและชีเจ๊กคุมทหารคนละสามหมื่นยกไปตั้งซุ่มอยู่ในป่าในซอกเขาทั้งสองข้างทาง ถ้าจูล่งไล่ตามมาก็ให้จับตัวจูล่งให้จงได้.
ขงเบ้งได้ฟังแผนยุทธการของอุยเอี๋ยนแล้วเห็นว่าเป็นการเสี่ยงภัย เพราะการจัดกองทัพไปตั้งอยู่ระหว่างกลางเมืองเตียงอันกับเมืองลกเอี๋ยงนั้น แม้จะมีความเป็นไปได้ว่าจะลวงแฮหัวหลิมให้ยกไปรบแล้วกองทัพหลวงของขงเบ้งจะรุกเข้าตีเมืองเตียงอัน แต่มีความเสี่ยงภัยมากมายนัก เพราะถ้าหากแฮหัวหลิมหรือผู้รักษาเมืองลกเอี๋ยงทราบข่าวศึกก็จะรุมตีกระหนาบกองทัพของอุยเอี๋ยนให้แตกพ่ายยับเยินได้โดยง่าย ขงเบ้งพิเคราะห์ดังนั้นแล้วจึงว่า แผนการครั้งนี้มีจุดอ่อนตรงที่ประมาทแก่ข้าศึกว่าจะไม่รุมตีกระหนาบ เพราะหากข้าศึกตีกระหนาบแล้วกองทัพของท่านก็จะเสียทีและเสียหายยับเยิน เรากำลังทำศึกครั้งแรกต้องการชัยชนะเป็นการเอาฤกษ์เอาชัย จึงไม่ควรเสี่ยงภัยแม้แต่สักน้อยนิด
อุยเอี๋ยนได้ฟังคำขงเบ้งก็ฮึดฮัดขัดใจ แล้วแย้งว่าแม้นมหาอุปราชไม่ทำตามแผนการของข้าพเจ้าแล้ว ก็จะต้องยกกองทัพเข้าตีเมืองเตียงอันโดยตรง แม้หากจะได้ชัยชนะก็จะสูญเสียทหารเป็นอันมาก เห็นจะไม่สามารถรุดหน้าเข้ายึดเมืองลกเอี๋ยงได้
ขงเบ้งจึงว่า ความวิตกของท่านนั้นอย่าได้ปรารมภ์สืบไปเลย เราจะคิดอ่านเข้าตีเมืองเตียงอันซึ่งหน้าแล้วจะยึดเมืองให้ได้
อุยเอี๋ยนเห็นขงเบ้งยืนกรานก็ไม่พอใจ แต่ด้วยวินัยกองทัพเข้มงวดกวดขันอุยเอี๋ยนจึงจำต้องยอมรับแล้วลาขงเบ้งกลับออกไป ขงเบ้งจึงบัญชาให้จูล่งแม่ทัพกองทัพหน้าเร่งรุดเข้าตีเอาเมืองเตียงอัน
ฝ่ายแฮหัวหลิมคุมทหารตั้งอยู่ในเมืองเตียงอัน ครั้นทราบข่าวว่ากองทัพหน้าของจูล่งกำลังเคลื่อนมาทางเขาฮองเบงสัน จึงตั้งให้ฮันเต๊กนายทหารเอกเมืองเสเหลียงพร้อมกับบุตรชายสี่คน คือฮันเอ๋ง ฮันเอี๋ยว ฮันเขง และฮันกี๋ คุมทหารเมืองเสเหลียงแปดหมื่นเป็นกองทัพหน้ายกออกไปรบกับจูล่ง และสั่งให้ปูนบำเหน็จล่วงหน้าแก่ฮันเต๊กเป็นอันมาก
ฮันเต๊กได้รับมอบหมายให้เป็นแม่ทัพหน้ายกไปรบกับจูล่งก็มีความยินดี คำนับขอบคุณแฮหัวหลิมและรับเอาของบำเหน็จมาแจกจ่ายแก่ทหารและสั่งให้เคลื่อนทัพยกไปสกัดกองทัพหน้าของจูล่งที่เขาฮองเบงสัน ตัวฮันเต๊กนั้นใช้ขวานใหญ่ด้ามยาวเป็นอาวุธ ติดตามด้วยบุตรซึ่งรูปร่างกำยำแข็งแรงทั้งสี่คน คุมทหารอยู่หน้าขบวนทัพ
พอฮันเต๊กเห็นกองทัพของจูล่งเคลื่อนใกล้เข้ามา ก็สั่งให้ทหารตั้งขบวนเตรียมรบกันด้วยฝีมือทหารเอก จูล่งเห็นกองทัพวุยก๊กยกมาตั้งสกัดเป็นขบวนดังนั้นก็สั่งทหารให้ตั้งขบวนแล้วขี่ม้าออกไปในลานรบ
ฮันเต๊กเห็นจูล่งอยู่ในวัยชรา แม้จะดูสง่าน่าเกรงขามแต่ก็คิดว่าตัวเองหนุ่มกว่า ไหนเลยจูล่งจะต้านทานฝีมือได้ จึงชักม้าเข้าไปหาจูล่งแล้วร้องด่าว่า ตัวท่านชราภาพแล้ว ไฉนจึงไม่อยู่กับลูกหลาน กลับร่วมการกับพวกกบฏยกกองทัพมารุกรานแดนเราทำให้บ้านเมืองและราษฎรเดือดร้อนฉะนี้
จูล่งไม่โต้ตอบ กระตุ้นม้ากรายทวนปราดเข้าหาฮันเต๊ก ฮันเอ๋งยืนม้าอยู่ด้านหลังเห็นดังนั้นจึงรีบชักม้าออกหน้าบิดาเข้าสกัดจูล่ง พอประทวนกันได้สามเพลงจูล่งก็เอาทวนแทงถูกฮันเอ๋งตกม้าตาย
ฮันเอี๋ยวเห็นฮันเอ๋งพี่ชายถึงแก่ความตายก็โกรธ ควบม้ารำดาบพุ่งเข้ารบกับจูล่ง ในขณะนั้นฮันเขงเกรงว่าฮันเอี๋ยวซึ่งเป็นพี่ชายมีกำลังน้อยอาจจะสู้กำลังของจูล่งไม่ได้ เกรงว่าจะเสียที จึงชวนฮันกี๋ขี่ม้ากรายดาบเข้าล้อมจูล่งไว้เป็นสามด้าน
สามพี่น้องบุตรชายของฮันเต๊ก เมื่อล้อมจูล่งไว้แล้วก็กำเริบ คิดว่าด้วยกำลังฝีมือของสามพี่น้องจะสามารถจับตัวจูล่งได้โดยง่าย ต่างคนต่างฮึกห้าวเหิมหาญ เข้ารุกรบกับจูล่งอย่างดุเดือด
จูล่งแม้จะตกอยู่ในท่ามกลางวงล้อม แต่ด้วยประสบการณ์การสงครามอันยาวนานก็ควบคุมสติมั่น หลอกซ้ายล่อขวาเพียงชั่วสามเพลงก็เอาทวนแทงถูกฮันกี๋ตกลงจากหลังม้า ทหารของฮันเต๊กเห็นดังนั้นก็พากันวิ่งเข้าไปพยุงฮันกี๋หนีออกมาจากลานรบ
ทหารเมืองเสฉวนเห็นนายทัพได้ทีมีชัยแก่ข้าศึกก็กรูกันเข้าโจมตีทหารของวุยก๊ก ในขณะนั้นทหารวุยก๊กกำลังเสียขวัญแตกตื่น จึงถูกทหารเมืองเสฉวนโจมตีจนแตกพ่าย ฮันเต๊กเห็นว่าจะสู้ไม่ได้ จึงสั่งให้ถอยทัพกลับเข้าเมือง
จูล่งเห็นได้ทีก็เร่งให้ทหารไล่ตามตี ตัวจูล่งขี่ม้ารุดออกหน้าทหารไล่ตามฮันเขงไป ฮันเขงในขณะขับม้าหนีก็กุมเกาทัณฑ์ไว้มั่น พอได้ระยะก็น้าวเกาทัณฑ์ยิงจูล่ง ติดต่อกันถึงสามลูก แต่จูล่งก็ยังคงว่องไวปราดเปรียวเกินวัย เห็นฮันเขงยิงเกาทัณฑ์มาก็เอาทวนปัดลูกเกาทัณฑ์ตกลงพื้นทั้งสามดอก
ฮันเขงเห็นเกาทัณฑ์พลาดเป้าก็โกรธ ชักม้าย้อนกลับจะมารบกับจูล่ง แต่พอฮันเขงขี่ม้าเข้ามาใกล้จูล่งก็เอาเกาทัณฑ์น้าวยิงไปด้วยกระบวนท่าที่เคยใช้เกาทัณฑ์ยิงสายลดใบเรือของชีเซ่ง เตงฮอง เมื่อครั้งสงครามเซ็กเพ็ก ลูกเกาทัณฑ์แล่นไปอย่างรวดเร็วรุนแรงและแม่นยำถูกที่หน้าผากฮันเขงตกม้าตายในทันที
ฮันเอี๋ยวซึ่งหนีนำหน้าฮันเขง เห็นฮันเขงขี่ม้าย้อนกลับเข้ารบกับจูล่งก็เกรงว่าจะเสียที จึงขี่ม้าย้อนกลับมาช่วย พอเห็นฮันเขงถูกยิงตกม้าตายก็โกรธ เร่งฝีเท้าม้าเงื้อง่าดาบจะเข้าไปฟันจูล่ง
จูล่งหลบดาบของฮันเอี๋ยวได้แล้วเอี้ยวตัวกลับ คว้าจับตัวฮันเอี๋ยวได้บนหลังม้า แล้วส่งต่อให้ทหารมัดตัวกลับไปค่าย ตัวจูล่งยังคงควบม้าอย่างรวดเร็วไล่ตามตีจนทะลวงเข้าไปในท่ามกลางหมู่ทหารของฮันเต๊กในขณะที่ทหารวุยก๊กพากันแตกตื่นหนีแยกออกเป็นทาง
ม้าขาวของจูล่งจู่โจมไปทางไหน ทหารวุยก๊กก็แตกเป็นทาง ดุจดังเรือน้อยใบสีขาวแล่นอยู่กลางทะเลก็มิปาน ฮันเต๊กเห็นทหารเมืองเสฉวนองอาจกล้าหาญ ฝีมือรบรวดเร็วดุจเทพยดาก็ตกใจ รีบขี่ม้าหนีพลางรำพึงว่า “จูล่งคนนี้เขาลือชื่อว่าฝีมือเข้มแข็งนักก็สมทุกประการ”
ในขณะนั้นเตงจี๋เห็นจูล่งขี่ม้าไล่ตามทหารวุยก๊กไปอย่างรวดเร็วแต่ผู้เดียวก็เกรงว่าจูล่งอายุมากแล้วจะเป็นอันตราย จึงเร่งทหารให้รีบรุดหน้าหนุนไปช่วยจูล่ง และฆ่าฟันทหารวุยก๊กบาดเจ็บล้มตายลงเป็นจำนวนมาก
ฮันเต๊กตั้งหน้าตั้งตาหนีท่าเดียว เห็นจูล่งขี่ม้าไล่ตามกระชั้นชิดเข้ามา และสะพานประตูเมืองกำลังถูกชักปิด ก็เกรงว่าน้ำหนักของเกราะจะเป็นตัวถ่วงรั้งไม่ให้กระโดดไปที่สะพานได้ทัน จึงรีบวิ่งลงจากหลังม้า ถอดเกราะทิ้ง แล้ววิ่งกระโดดข้ามสะพานที่กำลังถูกชักปิดอย่างรวดเร็ว ทหารติดตามจำนวนหนึ่งก็กระโดดข้ามตามฮันเต๊กเข้าเมืองได้ ทหารซึ่งหนีไม่ทันก็ถูกฆ่าฟันบาดเจ็บล้มตายและถูกจับเป็นเชลยจนหมดสิ้น
จูล่งเห็นจะหักเข้ายึดเมืองไม่ได้จึงคุมทหารกลับค่ายที่เขาฮองเบงสัน เตงจี๋เห็นฝีมือสู้รบของจูล่งรวดเร็วปราดเปรียวนัก เพียงชั่วการรบครั้งเดียวก็สามารถกำจัดนายทหารของข้าศึกได้ถึงสี่คน ก็สรรเสริญจูล่งว่า “ไม่เสียทีท่านเป็นชาติทหาร อายุถึงเจ็ดสิบแล้ว ยังมีฝีมือเข้มแข็งหาผู้เสมอมิได้”
จูล่งได้ฟังก็มีความยินดี สูดหายใจลึก ๆ แล้วกล่าวอย่างภาคภูมิใจว่า “มหาอุปราชดูหมิ่นว่าเราแก่ กลัวจะได้ความอัปยศแก่ข้าศึก ตัวเราถึงมาตรว่าแก่ฉะนี้แล้ว แม้จะให้สู้กับทหารหนุ่มที่มีวิชาแลฝีมือเราก็ไม่กลัว”
กล่าวแล้วจูล่งจึงเขียนรายงานถึงขงเบ้ง รายงานความศึกที่ได้รบกับฮันเต๊กให้ขงเบ้งทราบทุกประการ แล้วให้ทหารถือหนังสือและคุมตัวฮันเอี๋ยวไปมอบแก่ขงเบ้งพร้อมกันด้วย
ขงเบ้งได้รับทราบรายงานชัยชนะของจูล่งแล้วมีความยินดีเป็นอันมาก ในขณะเดียวกันก็สั่งทหารให้เรียกกวนหิน เตียวเปา เข้ามาพบ แล้วกล่าวว่าจูล่งทำศึกครั้งนี้มีชัยชนะแก่ข้าศึก เห็นจะกำเริบใจยกออกไปรบกับทหารวุยก๊กอีก จูล่งแม้จะมีกำลังฝีมือเข้มแข็ง แต่บัดนี้ชราภาพอายุถึงเจ็ดสิบแล้ว กำลังย่อมอ่อนล้าลงตามวัย เกรงว่าจะพลาดพลั้งเสียทีแก่ข้าศึก อันจูล่งนี้สมเป็นชายชาติทหาร เป็นสัญลักษณ์ของเกียรติภูมิของทหารเสือแคว้นจ๊กรุ่นราวคราวเดียวกับบิดาเจ้าทั้งสอง จะให้ได้ความอัปยศแก่ข้าศึกมิได้เป็นอันขาด ดังนั้นจึงให้เจ้าทั้งสองคุมทหารคนละกอง กองละห้าพัน ยกไปซุ่มอยู่ในป่าแถบเขาฮองเบงสัน หากเห็นจูลงพลาดพลั้งเสียทีประการใดก็ให้เข้าช่วยแก้ไขอย่าให้ได้อายแก่ข้าศึก
กวนหินและเตียวเปารับคำสั่งขงเบ้งแล้วออกไปจัดแจงทหารยกไปตามคำสั่งตั้งแต่คืนวันนั้น
ฝ่ายฮันเต๊กเมื่อหนีกลับเข้าเมืองได้แล้วก็ร้องไห้เข้าไปรายงานให้แฮหัวหลิมทราบ
แฮหัวหลิมทราบความก็โกรธ รีบคุมกองทัพออกจากเมืองเตียงอันยกไปที่เขาฮองเบงสัน จูล่งทราบว่าแฮหัวหลิมคุมทหารยกมาเองก็คิดว่าแฮหัวหลิมเป็นทหารหนุ่มลุแก่โทสะ เห็นจะจับตัวได้โดยง่าย จึงขี่ม้าถือทวนประจำกายพาทหารพันหนึ่งยกออกจากค่ายตรงไปที่กองทัพของแฮหัวหลิม
พอเข้าไปใกล้จูล่งเห็นแฮหัวหลิม “แต่งตัวใส่หมวกทอง ถือดาบยาว ออกยืนม้าอยู่หน้าทหาร” ภายใต้ธงประจำตัวนายทัพ ก็รู้ว่าเป็นพระญาติของพระเจ้าโจยอย เห็นเป็นนายทหารหนุ่มท่าทางมากด้วยโทสะ จึงขี่ม้าออกไปหน้าทหารแล้วร้องถามว่าแฮหัวหลิมเด็กน้อย เจ้าไม่เกรงกลัวความตายหรือ จึงบังอาจยกมารบกับเรา
ฮันเต๊กซึ่งเพิ่งเสียทีแก่จูล่ง แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าของแฮหัวหลิมและเห็นว่ากองทัพ วุยก๊กมีจำนวนมากกว่ากองทัพของจ๊กก๊กที่เผชิญหน้ากันอยู่ก็ฮึกเหิมขึ้น กล่าวอาสากับแฮหัวหลิมว่า จูล่งผู้นี้ได้สังหารบุตรข้าพเจ้าเสีย ความแค้นพยาบาทมีแก่ข้าพเจ้าเป็นอันมาก ขอได้โปรดอนุญาตให้ข้าพเจ้าได้แก้แค้นแทนบุตรด้วยเถิด
แฮหัวหลิมกำลังจะกระตุ้นม้าออกไปรบกับจูล่ง พอได้ยินคำอาสาของฮันเต๊กก็รั้งม้าไว้แล้วอนุญาตให้ฮันเต๊กออกไปรบได้
ฮันเต๊กพอได้รับอนุญาตก็ชักม้าปราดเข้ารบกับจูล่ง กลองศึกของทั้งสองฝ่ายดังขึ้นยังไม่ทันสิ้นเพลงที่สามจูล่งก็เอาทวนแทงฮันเต๊กตกม้าตาย เตงจี๋คุมทหารอยู่เห็นจูล่งได้ทีจึงสั่งทหารให้โจมตีกองทัพวุยก๊ก ทหารเมืองเสฉวนก็โห่ร้องลั่นกลองรบแล้วรุดเข้าโจมตีทหารวุยก๊กอย่างดุเดือด
ทหารวุยก๊กเห็นนายทหารเอกถูกจูล่งสังหารในชั่วพริบตาก็พากันคร้ามเกรงแตกตื่นตกใจ พอถูกทหารเมืองเสฉวนรุกเข้าตีก็แตกตื่นวิ่งหนี แฮหัวหลิมไม่เคยการสงคราม เห็นทหารแตกตื่นก็ไม่คิดสู้รบ รีบออกคำสั่งให้ถอยทัพ
จูล่งและเตงจี๋เห็นได้ทีก็สั่งทหารให้ไล่ตามตี ฆ่าฟันทหารวุยก๊กบาดเจ็บล้มตายลงเป็นอันมาก พอเห็นว่าทหารวุยก๊กหนีไปไกลแล้ว จูล่งจึงสั่งทหารให้ถอยกลับเข้าค่าย ในขณะที่แฮหัวหลิมก็ถอยทหารไปตั้งค่ายไกลออกไปแปดสิบเส้น
ครั้นตั้งค่ายเสร็จแฮหัวหลิมจึงเรียกแม่ทัพนายกองมาปรึกษาว่า “จูล่งคนนี้เราได้ยินลือชื่ออยู่ก็นานแล้ว แต่ยังไม่รู้จักหน้า บัดนี้เห็นฝีมือเข้มแข็งนัก ไม่มีผู้ใดจะอาสาต่อสู้ เราจะคิดประการใดจึงจะเอาชัยชนะได้”
ฝ่ายเทียบูซึ่งเป็นบุตรเทียหยกขุนนางเก่าของพระเจ้าวุยอ๋องโจโฉซึ่งมาในกองทัพด้วย ได้ฟังคำแม่ทัพดังนั้นจึงกล่าวว่า จูล่งผู้นี้แม้จะมีฝีมือเข้มแข็งกำลังมาก แต่หาได้มากสติปัญญาด้วยไม่ ดังนั้นการจะรบกับจูล่งซึ่งหน้าเห็นจะไม่ได้ ชอบจะใช้กลอุบายจึงจะได้ชัยชนะโดยง่าย
เทียบูเห็นแฮหัวหลิมสนใจฟังข้อเสนอจึงกล่าวสืบไปว่า ในวันพรุ่งนี้ขอให้ท่านยกกองทัพไปรบกับจูล่งอีกครั้งหนึ่ง แต่ให้จัดทหารซุ่มไว้ในซอกเขาสองข้างทาง แล้วแสร้งทำเสียทีล่อจูล่งให้ตามมาที่จุดซุ่ม และให้ทหารเข้าล้อมจับตัว เห็นจะได้ตัวจูล่งโดยง่าย
แฮหัวหลิมได้ฟังอุบายของเทียบูก็เห็นชอบ จึงสั่งให้ตั้งฮีและชีเจ๊กคุมทหารคนละสามหมื่นยกไปตั้งซุ่มอยู่ในป่าในซอกเขาทั้งสองข้างทาง ถ้าจูล่งไล่ตามมาก็ให้จับตัวจูล่งให้จงได้.