ตอนที่ 495. เทพารักษ์ม้าอ้วน

เบ้งเฮ็กถูกขงเบ้งจับตัวเป็นครั้งที่สี่ และได้รับการปล่อยตัวอีกครั้งหนึ่งเพื่อให้เตรียมกำลังมาต่อสู้กันใหม่ เบ้งเฮ็กเริ่มท้อแท้เพราะสิ้นกำลังความคิด แต่ได้รับการแนะนำจากเบ้งฮิวผู้น้องให้ไปขอความช่วยเหลือจากโต้สู้ไต้อ๋องหัวหน้าเผ่าชนกลุ่มน้อยอีกเผ่าหนึ่ง ซึ่งมีถิ่นฐานอยู่ในภูมิทำเลอันเป็นแดนสารพัดพิษ

            เบ้งเฮ็กและเบ้งฮิวได้ฟังสรรพคุณของชัยภูมิแห่งแดนพิษจากโต้สู้ไต้อ๋องแล้ว มีความยินดีเป็นอันมาก และขอบคุณโต้สู้ไต้อ๋องที่ตกลงให้ความช่วยเหลือในครั้งนี้ โต้สู้ไต้อ๋องจึงเชิญสองพี่น้องให้ยกทหารเข้ามาตั้งอยู่ภายในเทือกเขาและแต่งโต๊ะเลี้ยงสุราเฉลิมฉลองกันทุกวัน เพื่อคอยท่าขงเบ้งยกกองทัพติดตามมา

            ฝ่ายขงเบ้งหลังจากปล่อยเบ้งเฮ็กกลับไปแล้วเป็นเวลาหลายวัน เห็นเหตุการณ์เงียบสงบ ไม่มีข่าวคราวจากหน่วยสอดแนมว่าเบ้งเฮ็กจะยกกลับมาแต่ประการใด ก็คิดว่าเบ้งเฮ็กคงพาทหารถอยกลับเข้าไปในแดนพม่าแล้ว จึงสั่งให้เคลื่อนทัพติดตามไป ในขณะเดียวกันก็ส่งหน่วยลาดตระเวนระยะไกลออกไปสืบหาข่าวคราวว่าเบ้งเฮ็กพาทหารไปในทิศทางใด

            หน่วยสอดแนมได้กลับมารายงานว่า เบ้งเฮ็กได้พาทหารเข้าไปตั้งอยู่ในเขาอิมตองสัน แล้วให้ทหารตัดต้นไม้และเอาก้อนศิลามาปิดกั้นทางเข้าไว้หมดสิ้นแล้ว และยังให้ทหารคอยคุ้มกันรักษาเส้นทางไว้เป็นสามารถ หากจะยกตามไปก็จะได้ยากลำบากแก่ทหาร

            ขงเบ้งได้ฟังดังนั้นจึงให้หาลิคีมาสอบถามว่าเส้นทางเดินทัพเข้าไปยังเทือกเขาอิมตองสันมีทางอื่นนอกจากทางที่ถูกปิดไว้บ้างหรือไม่ ลิคีได้ตอบว่าดินแดนแถบนี้ล่วงลึกเข้ามายังพุกามประเทศ ข้าพเจ้ายังไม่เคยเดินทางมาถึงเลย สภาพภูมิประเทศเป็นประการใดข้าพเจ้าไม่แจ้ง เคยได้ยินแต่ข่าวเล่าลือว่าเส้นทางเข้าออกเขาอิมตองสันมีอยู่สองทาง แต่ไม่รู้ว่าจะอยู่ทางไหน

            ขงเบ้งได้ฟังดังนั้นจึงสั่งให้เคลื่อนทัพติดตามเบ้งเฮ็กไปที่เขาอิมตองสัน ในขณะนั้นเจียวอ้วนซึ่งเป็นปลัดทัพได้เข้ามาทักท้วงขงเบ้งว่า มหาอุปราชยกกองทัพมาครั้งนี้จับตัว เบ้งเฮ็กได้ถึงสี่ครั้ง เห็นจะขยาดเกรงขาม คงไม่กล้ายกไปรุกรานบ้านเมืองเราอีก ขณะนี้มิรู้ที่เบ้งเฮ็กหลบหนีไปอยู่ที่แห่งใดแน่ชัด ทั้งเป็นฤดูร้อนอากาศร้อนจัด ทหารทั้งปวงได้ยากลำบาก ชอบที่มหาอุปราชจะได้เลิกทัพกลับไปเมืองเสฉวนก่อน ถ้าเมื่อใดเบ้งเฮ็กคิดการกำเริบจึงค่อยยกมาทำการใหม่

            ขงเบ้งจึงว่า “บัดนี้เบ้งเฮ็กกลัวเราจึงเข้าหนีซ่อนอยู่ในที่กันดาร แม้เรายกกลับไปเบ้งเฮ็กก็จะได้ทียกออกตั้งตัวทำการถนัด จำเราจะยกติดตามไปจับเอาตัวให้ได้ในเวลาที่ยังบอบช้ำอยู่ฉะนี้จึงจะชอบ”

            เจียวอ้วนได้ฟังดังนั้นก็จำนนต่อถ้อยคำ ขงเบ้งจึงสั่งให้เคลื่อนทัพและให้อองเป๋งคุมทหารร้อยคนรีบล่วงหน้าไปตรวจสอบเส้นทาง

            อองเป๋งคุมทหารลาดตระเวนไปถึงปากทางเข้าเทือกเขาอิมตองสันด้านทิศตะวันตก อากาศร้อนจัด ทหารลาดตระเวนหิวกระหายน้ำเป็นอันมาก จึงพากันหยุดม้าแล้วลงไปหาน้ำท่าอาบกินให้เป็นที่เย็นกายสบายใจ

            แต่บังเอิญธารน้ำที่ทหารของอองเป๋งลงไปอาบกินนั้นคือธารแอสวน ครั้นอาบกินเสร็จจะกลับมาขึ้นม้าทหารลาดตระเวนเหล่านั้นก็พากันหน้าตาบูดเบี้ยว ตกอกตกใจ พูดจาประการใดไม่ได้ พากันเป็นใบ้ไปทั้งสิ้น

            อองเป๋งเห็นดังนั้นก็ตกใจ ซักถามทหารว่าประสบเหตุเภทภัยประการใด ทุกคนได้แต่แสดงท่าทางตื่นตระหนกตกใจแต่พูดไม่ได้ อองเป๋งจนปัญญามิรู้ว่าจะจัดการประการใด จึงรีบพาทหารย้อนกลับมาหาขงเบ้ง แล้วรายงานความให้ขงเบ้งทราบ

            ขงเบ้งทราบรายงานแล้วก็ตกใจ สงสัยว่าเบ้งเฮ็กจะแสร้งใส่ยาเบื่อไว้ในลำธาร จึงขึ้นเกวียนน้อยสำหรับตัวแล้วพาทหารซึ่งสนิทสิบคนให้อองเป๋งนำทางไปที่ธารแอสวน

            เมื่อไปถึงริมธารแอสวนแล้วขงเบ้งลงจากเกวียนเดินไปที่ริมธาร พิเคราะห์ดูน้ำในลำธารนั้นเห็นใสดุจดังตาตั๊กแตน แต่ไม่เห็นท้องธาร ก็รู้ว่าบึงนั้นลึก ไม่เห็นสัตว์น้ำว่ายแหวกอยู่ในน้ำแต่ประการใด แม้แมลงบนผิวน้ำก็เงียบสงบราวกับว่าเป็นลำธารในภาพวาดฉะนั้น ขงเบ้งทอดสายตาไปตลอดแนวลำธารก็ไม่เห็นสัตว์ป่าลงมาดื่มกินน้ำตามปกติแม้แต่สักตัวเดียวก็ยิ่งคิดสงสัยว่าไฉนลำธารนี้จึงแปลกประหลาดกว่าลำธารทั้งปวง เพราะไม่มีสัตว์ใดอยู่ในลำธารหรืออยู่ในที่ใกล้เลย

            ขงเบ้งทอดสายตาขึ้นไปบนเนินข้างลำธาร เห็นมีต้นไม้ใหญ่ใบหนาครึ้ม ข้างต้นไม้นั้นมีศาลเทพารักษ์เก่าชำรุดผุพัง แต่ยังเห็นร่องรอยทรวดทรงสถาปัตย์เป็นแบบจีน มีต้นไม้งอกขึ้นเต็มตามหลังคาราวกับว่าเป็นศาลดึกดำบรรพ์ ก็รู้สึกแปลกประหลาดใจว่าไฉนในแดนพุกามจึงมีศาลเทพารักษ์ของจีนสถิตอยู่ ขงเบ้งจึงเดินขึ้นไปบนเนินนั้น ตรงไปที่ศาลเทพารักษ์ แต่บันไดศาลเทพารักษ์นั้นพังสลายสิ้น ขงเบ้งจึงต้องเหนี่ยวเถาวัลย์รั้งตัวขึ้นไปบนศาล

            ขงเบ้งทอดสายตาพิเคราะห์ไปทั่วบริเวณ เห็นศาลเทพารักษ์นั้นล้วนทำด้วยแท่งศิลา ตัดเป็นแท่ง ๆ แล้วเอามาเรียงต่อกัน มีป้ายศิลาเก่าคร่ำคร่าทรุดเอียงอยู่ที่หน้าประตูศาล จารึกความพออ่านออกได้ความว่า “ศาลเจ้าม้าอ้วน” ขงเบ้งมองเข้าไปข้างในศาลเห็นรูปปั้นเทพารักษ์เก่าคร่ำคร่าองค์หนึ่ง จารึกความไว้ที่แท่นว่า “ครั้งพระเจ้าฮั่นเบ้งเต้ได้ราชสมบัติ ม้าอ้วนคนนี้พาทหารมาทางนี้ได้” 

            ขงเบ้งอ่านความจารึกแล้วก็รู้ว่าศาลเทพารักษ์นี้คือศาลเทพารักษ์ม้าอ้วนที่สร้างขึ้นเป็นอนุสรณ์มาตั้งแต่ครั้งแผ่นดินตังฮั่น เพื่อสดุดีวีรกรรมของยอดขุนพลม้าอ้วนที่กรีฑาทัพจีนยกล่วงเข้ามาถึงแดนพุกาม ขงเบ้งมีความเลื่อมใสศรัทธาในวีรชนผู้นี้ จึงตรงเข้าไปที่รูปปั้นเทพารักษ์ คุกเข่าลงกราบรูปปั้นเทพารักษ์นั้น แล้วอธิษฐานต่อเทพารักษ์ม้าอ้วนว่า “ตัวข้าพเจ้าขงเบ้งนี้ถือความสัตย์ ตั้งใจจะทำนุบำรุงเชื้อพระวงศ์พระเจ้าฮั่นเบ้งเต้ บัดนี้รับสั่งเจ้าข้าพเจ้าซึ่งเป็นเชื้อพระวงศ์ให้ข้าพเจ้ามาปราบข้าศึกต่างประเทศ สำเร็จแล้วจึงจะกลับรบเอาเมืองกังตั๋งแลเมืองฮูโต๋ เชื้อเชิญพระวงศ์พระเจ้าฮั่นเบ้งเต้ขึ้นครองสมบัติสืบไป ข้าพเจ้ามาถึงตำบลนี้มิได้แจ้งเหตุผลประการใด ทหารลงกินน้ำในธารวิปริตเป็นใบ้ไปสิ้น ท่านจงเมตตาข้าพเจ้า คิดถึงคุณพระเจ้าฮั่นเบ้งเต้ เชิญช่วยแนะนำให้สติข้าพเจ้าด้วย”

            ขงเบ้งกล่าวคำอธิษฐานแล้วก็โขกศีรษะกับพื้นเป็นการแสดงความคารวะอย่างสูงสุดต่อเทพารักษ์ม้าอ้วน แล้วเงยหน้ามองรูปปั้นเทพารักษ์ก็รู้สึกว่ามีสีหน้าเปี่ยมด้วยความเมตตาอาทร ขงเบ้งก็รู้สึกชื่นอกชื่นใจ ลุกขึ้นยืนแล้วคำนับแสดงความเคารพอีกครั้งหนึ่ง จากนั้นจึงหันหลังเดินลงจากศาลเทพารักษ์

            พอเท้าเหยียบพื้นสายลมเย็นประหลาดวูบหนึ่งโชยมากระทบใบหน้าเป็นที่ประหลาดนัก ขงเบ้งมองไปข้างหน้าเห็นชายชราผู้หนึ่ง หน้าตาคล้ายกับเทพารักษ์ที่สถิตอยู่ในศาล แต่ประกายตาเจิดจ้าแจ่มใสเต็มไปด้วยความเมตตาอาทร แต่งตัวแบบคนโบราณ ถือไม้เท้าหัวมังกร กำลังเดินมาที่ศาลเทพารักษ์

            ขงเบ้งรู้สึกสังหรณ์ใจจึงตรงเข้าไปคำนับทักทาย และถามว่าท่านผู้อาวุโสมีชื่อเสียงเรียงนามใด และมีถิ่นฐานอยู่ที่ใด ชายชรานั้นตอบสั้น ๆ แต่เพียงว่า บ้านเดิมของเราอยู่แดนไกล แต่ได้มาอาศัยอยู่ในถิ่นแถบนี้ช้านานแล้ว บัดนี้เราได้ข่าวว่ามหาอุปราชแห่งแผ่นดินฮั่นผู้มีชื่อเสียงเกริกฟ้าก้องดินเดินทางมาที่ศาลเทพารักษ์แห่งนี้ เราใคร่จะได้สนทนาด้วยจึงได้รีบมา

            กล่าวแล้วชายชราก็ผายมือเป็นทีเชิญขงเบ้งเข้าไปนั่งสนทนากันที่ตั่งหินโบราณ  ใกล้ ๆ กับศาลเทพารักษ์ แล้วเดินนำหน้าขงเบ้งไป ขงเบ้งเห็นดังนั้นก็เดินตามชายชราไปที่ตั่งหินและนั่งลงสนทนากัน

            ขงเบ้งเห็นท่วงท่าของชายชรามีอาการอย่างเดียวกับคนจีน ผิดแผกจากชาวชนกลุ่มน้อยในแถบนี้ ทั้งอาการไปมาก็แปลกประหลาด จึงหลากใจว่าชะรอยชายชราผู้นี้จะเป็นเทพารักษ์ม้าอ้วน ซึ่งได้ยินคำอธิษฐานรำลึกถึงพระคุณพระเจ้าฮั่นเบ้งเต้แล้วจึงปรากฏกายให้ได้เห็น

            ขงเบ้งคิดดังนั้นจึงกล่าวว่า ข้าพเจ้าเป็นมหาอุปราชแห่งจ๊กก๊ก ถือรับสั่งของพระเจ้าเล่าเสี้ยนเชื้อสายของพระเจ้าฮั่นเบ้งเต้ ให้ยกกองทัพมาปราบปรามศัตรูผู้รุกราน แต่เมื่อทหารเดินทางมาถึงที่นี่หลงอาบกินน้ำในธารก็พากันเป็นใบ้ไปสิ้น มิรู้ต้นสายปลายเหตุประการใด ท่านผู้เฒ่าพอจะทราบความนี้บ้างหรือไม่

            ชายชรานั้นฟังคำขงเบ้งตลอดแล้วจึงกล่าวว่า “ตัวข้าพเจ้าคนแก่นี้ได้ยินกิตติศัพท์มาช้านานว่า มหาอุปราชนี้มีน้ำใจสัตย์ซื่อโอบอ้อมอารีแก่ราษฎร บัดนี้ข้าพเจ้าเห็นท่านมาก็มีความยินดี จึงมาคำนับท่าน” แล้วกล่าวสืบไปว่าลำธารนี้มี่ชื่อว่าแอสวน น้ำในลำธารเป็นพิษร้าย ใครดื่มกินก็จะเป็นใบ้ ล่วงเจ็ดวันก็จะถึงแก่ความตาย ใช่แต่จะมีเพียงเท่านี้ ถัดจากลำธารนี้ไปก็ยังมีลำธารอื่นอีกสามแห่ง แห่งหนึ่งน้ำเย็น ใครอาบกินก็จะขาดใจตาย อีกแห่งหนึ่งน้ำสีดำ ผู้ใดอาบกินก็เจ็บปวดร้าวไปทั้งตัวจนขาดใจตาย อีกแห่งหนึ่งน้ำร้อน ผู้ใดอาบกินก็จะเปื่อยเน่าพุพองถึงกระดูกจนกระทั่งตาย ลำธารน้ำทั้งสี่แห่งนี้ล้วนมีพิษร้ายแรง ตั้งแต่เวลาเช้าจนถึงเวลาเที่ยงมีหมอกหนาลอยจากลำธาร หากผู้ใดสูดดมหรือสัมผัสกับไอหมอกก็จะป่วยไข้และถึงแก่ความตายในไม่กี่วัน

            ขงเบ้งได้ฟังพิษร้ายของลำธารทั้งสี่ก็ตกใจ กล่าวว่าเดชะบุญที่หน่วยลาดตระเวนส่วนน้อยมาพบกับลำธารพิษเสียก่อน หากกองทัพใหญ่เคลื่อนมาก่อนก็จะพากันตายสิ้น ขงเบ้งกล่าวแล้วก็ทอดถอนใจใหญ่รำพึงว่า เมื่อภูมิประเทศไม่เป็นใจฉะนี้ เห็นจะปราบปรามเบ้งเฮ็กฉลองพระคุณพระเจ้าเล่าปี่ไม่สำเร็จ ตราบใดที่เบ้งเฮ็กยังเป็นศัตรูก่อกวนอยู่ฉะนี้ ซึ่งเราจะยกกองทัพไปตีเมืองฮูโต๋และเมืองกังตั๋งก็จะอับจน “ตัวเราเป็นคนอาภัพ มิได้บำรุงพระเจ้าเล่าเสี้ยนแล้วก็จะตายเสียดีกว่า”

            ชายชราได้ฟังคำขงเบ้งเป็นทำนองรำพึงรำพันรันทดใจแฝงด้วยความรู้สึกเศร้าสลดหดหู่ก็รู้สึกสะท้อนใจ จ้องมองหน้าขงเบ้งอยู่ครู่หนึ่ง แล้วถอนหายใจพลางกล่าวว่า มหาอุปราชมีความสัตย์ซื่อต่อแผ่นดินฮั่นดังนี้ เรารู้สึกสะเทือนใจยิ่งนัก แต่ก็ภาคภูมิใจว่าวันเวลาแม้ห่างไกลกันช้านาน แต่วีรชนก็มีจิตใจที่มิได้แตกต่างกัน มหาอุปราชอย่าปรารมภ์สืบไปเลย เราจะบอกยาแก้เบื่อเมาล้างพิษร้ายของลำธารทั้งสี่ให้เอง

            ขงเบ้งได้ยินดังนั้นก็มีความยินดีและมั่นใจว่าดีร้ายชายชราผู้นี้คงจะเป็นเทพารักษ์ม้าอ้วนเป็นมั่นคง จึงกล่าวว่าท่านผู้เฒ่าทรงภูมิปัญญา ภักดีต่อแผ่นดิน ย่อมรู้หนทางแก้พิษร้ายเป็นแน่แท้ ขอจงได้เมตตาสอนสั่งแก่ข้าพเจ้าเพื่อความร่มเย็นเป็นสุขของแผ่นดินและอาณาประชาราษฎรเถิด

            ชายชรานั้นจึงว่า ห่างจากเขาอิมตองสันไปทางตะวันตกแปดร้อยเส้นเป็นเขาชื่อชั้นซก ข้ามเขาไปยี่สิบเส้นก็ถึงแม่น้ำบั้นอั๋น มีบ้านหลังหนึ่งปลูกอยู่ริมแม่น้ำมากว่าสิบปีแล้ว เจ้าของบ้านชื่อเบ้งเจียด ด้านหลังเรือนหลังนี้มีลำธารอีกสายหนึ่งชื่ออันลกจัว เป็นลำธารที่แยกมาจากแม่น้ำบั้นอั๋น แต่เมื่อไหลมาถึงลำธารนี้แล้วน้ำนั้นก็จะมีสรรพคุณเป็นยาแก้พิษ ที่สามารถแก้พิษร้ายของธารน้ำทั้งสี่ได้ และที่หน้าเรือนของเบ้งเจียดมีดงต้นไม้หอมชื่อฮุยเหียบอยู่ดงหนึ่ง ใบของต้นฮุยเหียบมีสรรพคุณกินแก้พิษของธารน้ำทั้งสี่ได้ มหาอุปราชจงพาทหารที่ต้องพิษไปอาบกินน้ำและเก็บใบยาสำหรับพกพาเข้าไปในแดนพิษเถิด

            ขงเบ้งได้ฟังดังนั้นก็มีความยินดี คุกเข่าลงคำนับชายชรานั้น แล้วกล่าวว่าพระคุณของผู้เฒ่าที่บอกกล่าวความลับทั้งนี้เป็นพระคุณล้นพ้นแก่ทหารฮั่นทั้งปวง แต่ท่านผู้เฒ่ายังมิได้บอกชื่อแซ่ให้ข้าพเจ้าทราบ ขออย่าได้รังเกียจกรุณาบอกชื่อแซ่แก่ข้าพเจ้าด้วย สำเร็จราชการกลับไปเมืองเสฉวนแล้ว จะได้ตอบแทนพระคุณท่านให้ถึงขนาด

            ชายชรานั้นไม่ยอมบอกชื่อแซ่ ลุกเดินขึ้นไปบนศาลเทพารักษ์แล้วหายลับตาไป ขงเบ้งเห็นดังนั้นก็มั่นใจว่าชายชราผู้นี้คือเทพารักษ์ม้าอ้วน จึงคำนับขอบคุณอีกครั้งหนึ่ง แล้วขึ้นเกวียนพาทหารกลับไปที่ค่าย

            วันรุ่งขึ้นขงเบ้งจึงพาอองเป๋งและทหารซึ่งเป็นใบ้ไปที่บ้านของเบ้งเจียดตามคำบอกเล่าของชายชรา พบกับเบ้งเจียด “ห่มเสื้อขาว ใส่หมวกสาน ผมเหลือง ตาแดง” เบ้งเจียดเห็นขงเบ้งก็ถามขึ้นก่อนว่า ท่านคือมหาอุปราชเมืองเสฉวนจูกัดเหลียงใช่หรือไม่.

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ตัวอย่างกระทู้ธรรม ธรรมศึกษาชั้นตรี 5

I miss you all กับ I miss all of you ต่างกันอย่างไร

ปัญหาและเฉลยวิชาธรรม นักธรรมชั้นโท สอบในสนามหลวง วันเสาร์ ที่ ๑๙ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๔๘