ตอนที่ 47. กลเสน่หาล้างปัญญากุนซือ

 ตั๋งโต๊ะยามนี้ไม่สนใจสิ่งใดอื่น จ้องอยู่แต่กับเตียวเสี้ยนไม่วางตา แล้วถามเตียวเสี้ยนว่าเจ้านี้อายุเท่าใด เตียวเสี้ยนทำค้อนอายคำนับแล้วตอบว่าตัวข้าพเจ้านี้เพิ่งอายุได้สิบหกปี แล้วบิดกายทำทีเอียงอายอย่างเย้ายวน ตั๋งโต๊ะยิ่งมีใจปฎิพัทธ์ประดุจดั่งโคแก่เห็นหญ้าอ่อน แล้วว่าเจ้านี้โฉมสะคราญนัก กระบวนร้องก็หวานล้ำ กระบวนรำก็อ่อนช้อย ตรึงตาตรึงใจคนยิ่งนัก

            อ้องอุ้นเห็นเป็นทีจึงคุกเข่าลงคำนับตั๋งโต๊ะ แล้วว่าทุกวันนี้ข้าพเจ้าทำราชการเป็นสุขอยู่ด้วยบารมีของท่าน ไม่มีสิ่งใดที่จะแทนคุณท่านได้ จึงขอยกเตียวเสี้ยนผู้บุตรีให้เป็นภรรยาท่าน

            ตั๋งโต๊ะได้ยินเช่นนั้นก็ยินดียิ่งนัก แล้วว่าในบรรดาขุนนางทั้งปวงนี้หามีใครรักภักดีเราเหมือนท่านไม่ เราจะแทนคุณท่านจนถึงขนาด อ้องอุ้นได้ยินเช่นนั้นจึงสั่งให้เตรียมเกี้ยวจัดขบวนและส่งเตียวเสี้ยนให้กับตั๋งโต๊ะแต่ราตรีนั้น ตั๋งโต๊ะเห็นเช่นนั้นก็ดีใจนัก สั่งทหารให้นำขบวนเตียวเสี้ยนกลับไปยังจวนแล้วตั๋งโต๊ะก็ลาอ้องอุ้นกลับไป  อ้องอุ้นตามไปส่งตั๋งโต๊ะถึงที่จวน

            ขณะอ้องอุ้นเดินทางกลับ ในระหว่างทางพบลิโป้ขี่ม้าถือทวนเข้ามาแล้วถามว่าท่านยกเตียวเสี้ยนให้เป็นภรรยาข้าพเจ้าแล้ว เหตุใดจึงส่งให้กับตั๋งโต๊ะเล่า เช่นนี้จะมิเป็นการลวงข้าพเจ้าดอกหรือ

            อ้องอุ้นเห็นดังนั้นจึงว่าที่นี่เป็นกลางทาง ไม่สมควรที่จะกล่าวเรื่องนี้ ขอเชิญท่านตามไปที่จวนข้าพเจ้าเถิด ลิโป้ก็ตามไป อ้องอุ้นจึงเชิญลิโป้ขึ้นไปยังห้องหนังสือแล้วกล่าวกับลิโป้ตามแผนการซึ่งคิดไว้นั้นว่า เมื่อวานนี้ไปเข้าเฝ้าพระเจ้าเหี้ยนเต้    ตั๋งโต๊ะได้เข้ามาแสดงความยินดีว่าทราบข่าวการยกเตียวเสี้ยนให้เป็นภรรยาลิโป้ จึงมีความประสงค์จะมาพูดจาสู่ขอให้ถูกต้องตามธรรมเนียมเพื่อเป็นเกียรติยศสืบไป ดังนั้น    อ้องอุ้นจึงมาเตรียมการต้อนรับตั๋งโต๊ะอยู่ที่บ้าน

            อ้องอุ้นเล่าความให้ลิโป้ฟังต่อไปว่าเมื่อตั๋งโต๊ะมาถึงบ้านแล้วก็ให้เตียวเสี้ยนออกไปคำนับ ตั๋งโต๊ะว่ามีความยินดีด้วยลิโป้และวันนี้เป็นฤกษ์ดีแล้ว จะขอรับเตียวเสี้ยนไปแต่งงานกับลิโป้ตามประเพณี แล้วว่า “ซึ่งมหาอุปราชว่าทั้งนี้ท่านคิดดูเถิด เราเป็นผู้น้อยจะอาจขัดได้หรือ เราจึงส่งบุตรให้ไป”

            ลิโป้ฟังอ้องอุ้นแล้วเชื่อว่าเป็นความจริง ขออภัยอ้องอุ้นแล้วลากลับบ้าน รอฟังข่าวว่าตั๋งโต๊ะจะส่งเตียวเสี้ยนมาให้ตามธรรมเนียม รออยู่จนดึกก็ไม่มีความเคลื่อนไหวใด ๆ รุ่งเช้าขึ้นลิโป้เข้าไปในจวนของตั๋งโต๊ะตามปกติ ถามผู้คนในจวนว่าตั๋งโต๊ะอยู่ที่ไหน ผู้คนในจวนจึงเล่าความให้ลิโป้ฟังว่าเมื่อคืนนี้ตั๋งโต๊ะได้หญิงงามมาคนหนึ่ง จนเวลานี้ยังไม่ตื่น ลิโป้ได้ฟังก็โกรธ จึงเข้าไปในที่พักของตั๋งโต๊ะ เห็นเตียวเสี้ยนตื่นแล้วกำลังล้างหน้าอยู่

            เตียวเสี้ยนเห็นลิโป้ก็ทำเป็นร้องไห้ เอาผ้าเช็ดน้ำตาเป็นทีว่าถูกข่มขืนบังคับใจ  ลิโป้เห็นเช่นนั้นก็มีใจโกรธตั๋งโต๊ะแล้วรีบเดินออกไปที่ห้องนอก พบเข้ากับตั๋งโต๊ะซึ่งเพิ่งตื่นนอน ตั๋งโต๊ะถามว่ามีราชการสิ่งใด ลิโป้ตอบด้วยความไม่พอใจว่าไม่มีราชการสิ่งใด

            ในขณะนั้นเตียวเสี้ยนเดินตามออกมาที่ประตูเผยมู่ลี่ดูเห็นลิโป้อยู่กับตั๋งโต๊ะก็ใช้มารยาหญิงสบตาให้ลิโป้ด้วยสีหน้าท่าทางอันโศกสลด ลิโป้ไม่รู้กลสตรีก็สงสาร และมีความรักเตียวเสี้ยนเพิ่มขึ้นเป็นอันมาก

            ตั๋งโต๊ะเหลือบไปเห็นลิโป้จ้องเตียวเสี้ยนอยู่ ความหึงหวงก็เกิดขึ้น จึงว่ากับลิโป้ว่าวันนี้ไม่มีราชการสิ่งใดเจ้ากลับไปเถิด ตั้งแต่นั้นมาตั๋งโต๊ะก็ระแวงหึงหวงลิโป้ ในขณะที่ลิโป้ก็โกรธแค้นชิงชังตั๋งโต๊ะขึ้นเป็นลำดับ

            หลังจากได้เตียวเสี้ยนมาแล้ว ตั๋งโต๊ะลุ่มหลงในกลเสน่หาจนไม่เป็นใจปฏิบัติหน้าที่ราชการตามปกติ จนวันหนึ่งตั๋งโต๊ะป่วย เตียวเสี้ยนก็แสร้งพยายามเอาอกเอาใจรักษาพยาบาลอย่างใกล้ชิดทำให้ตั๋งโต๊ะยิ่งเพิ่มความรัก ความหลงต่อเตียวเสี้ยนมากขึ้น

            วันหนึ่งลิโป้เข้าไปหาตั๋งโต๊ะถึงในที่ ตั๋งโต๊ะหลับอยู่ เตียวเสี้ยนเห็นลิโป้จึงเอามือชี้ไปที่ตั๋งโต๊ะและกลับมาชี้เข้าที่อกตัวแล้วร้องไห้  ลิโป้เห็นกริยาเตียวเสี้ยนเช่นนั้นก็ยิ่งสงสารและเพิ่มความเสน่หาอาลัยมากยิ่งขึ้น ขณะนั้นตั๋งโต๊ะตื่นขึ้น เห็นลิโป้เข้ามาและจ้องไปที่ด้านหลังมุ้งไม่กระพริบตา หันกลับไปเห็นเตียวเสี้ยนยืนอยู่ก็โกรธ ตวาดว่า “อ้ายลิโป้นี้เสียแรงกูไว้ใจรักดังบุตรในอุทร บังอาจหยอกเมียกูได้” แล้วขับไล่ลิโป้ออกไปและห้ามไม่ให้ลิโป้เข้ามาพบอีก

            ลิโป้ได้ความอัปยศนักจึงรีบกลับไป สวนเข้ากับลิยู ลิยูจึงถามว่าเกิดเหตุใดขึ้น  ลิโป้จึงเล่าความที่ตั๋งโต๊ะไล่นั้นให้ลิยูทราบ ลิยูทราบแล้วก็ตกใจรีบเข้าไปหาตั๋งโต๊ะแล้วว่าท่านจะคิดการใหญ่ จะมาผิดใจกับลิโป้นั้นไม่ควร การใหญ่จะเสียไป ตั๋งโต๊ะฟังแล้วก็สะดุ้งถามลิยูว่าจะแก้ไขประการใด ลิยูเสนอว่าให้เรียกลิโป้มาทำความเข้าใจ แล้วมอบข้าวของมีค่าเป็นการทำขวัญลิโป้ ตั๋งโต๊ะก็เห็นด้วยและทำตามคำแนะนำของลิยู หลังจากนั้นแล้วตั๋งโต๊ะกับลิโป้ก็มีความเป็นปกติดังแต่ก่อน

            แต่กระนั้นจิตใจพิศวาสที่ผูกพันอยู่หาได้สร่างไปไม่ วันหนึ่งลิโป้ตามตั๋งโต๊ะเข้าไปในพระราชวัง ในระหว่างที่ตั๋งโต๊ะเข้าเฝ้าอยู่นั้น ลิโป้จึงขับม้ามาที่บ้านของตั๋งโต๊ะ ผูกม้าไว้หน้าบ้านแล้วเข้าไปหาเตียวเสี้ยนถึงข้างใน เตียวเสี้ยนจึงใช้อุบายหญิงบอก   ลิโป้ว่าให้ลงไปคอยที่ในสวนจะลงตามไป เพราะหากอยู่ที่ข้างในนี้จะเป็นที่ครหา ลิโป้จึงลงไปคอยในสวน เตียวเสี้ยนก็ตามไป แล้วจดจ้องมองต้นทางที่ตั๋งโต๊ะจะกลับมานั้นแล้วจึงว่ากับลิโป้ว่า อ้องอุ้นยกข้าพเจ้าให้เป็นภรรยาท่าน แต่ตั๋งโต๊ะกลับชิงเอา แล้วมาทำข่มเหง ในอกจึงหมองอยู่ ถึงเดือนเศษแล้วคิดจะฆ่าตัวตายแต่ยังไม่ได้ร่ำลาลิโป้ บัดนี้พบหน้าลิโป้แล้วจะขอลาตาย ว่าแล้วก็ขึ้นไปบนรั้วจะกระโดดน้ำตาย ลิโป้เห็นก็ตกใจจึงรีบวิ่งเข้าไปอุ้มเตียวเสี้ยนลงจากรั้ว แล้วร้องไห้ว่าได้ประจักษ์ความรักของเตียวเสี้ยนอยู่ หากกีดขวางด้วยตั๋งโต๊ะ

            เตียวเสี้ยนก็กล่าวด้วยมารยาหญิงอีกว่าเกิดมาชาตินี้ทรมานนัก ไม่ได้อยู่รับใช้  ลิโป้ตามธรรมเนียม จะขอตายให้พ้นความเวทนา หากชาติหน้ามีจริงจะขอเป็นภรรยาปรนนิบัติรับใช้ลิโป้

            ลิโป้ฟังเช่นนั้นน้ำใจรักเจือหลงก็เดือดขึ้นถึงที่สุด  กล่าวกับเตียวเสี้ยนว่าชาตินี้ถ้าไม่ได้เตียวเสี้ยนมาครองจะไม่ขออยู่เป็นลูกผู้ชายให้อายฟ้าดินอีกต่อไป เตียวเสี้ยนจึงว่าวันเวลาในความทุกข์ทรมานวันหนึ่งเท่ากับปีหนึ่ง บัดนี้ต้องทุกข์ทรมานมาเดือนเศษแล้ว จะคิดอ่านประการใดก็เร่งคิดเถิด

            ลิโป้ก็รับคำแล้วว่าออกมานานแล้วตั๋งโต๊ะจะสงสัย จะรีบกลับเข้าไปในวังก่อน เตียวเสี้ยนเห็นเช่นนั้นจึงสำทับว่าหากลิโป้กลัวตั๋งโต๊ะก็จะไม่ได้เห็นหน้ากันสืบไป ลิโป้ว่าขอเวลาไปวางแผนตรึกตรองสักครั้งหนึ่งก่อน เตียวเสี้ยนจึงใช้อุบายหญิงปรามาสว่า “ข้าพเจ้าได้ยินลือชาปรากฏแต่ชื่อท่านดังเสียงฟ้า ข้าพเจ้าเอามือปิดหูไว้ด้วยกลัวอำนาจว่าเข้มแข็งกล้าหาญในการสงครามหาผู้ใดเสมอมิได้ บัดนี้ข้าพเจ้าได้เห็นแลฟังวาจาของท่านนั้นไม่สมกับคำลือ เมื่อพิเคราะห์ดูเห็นว่าท่านกลัวอำนาจตั๋งโต๊ะเป็นอันมากอยู่ฉะนี้ เห็นจะคิดการไปมิตลอดเสียแล้ว”

            ว่าแล้วก็ทำร้องไห้ เอามือปลดเอามือลิโป้ออกจากตัวแล้วจะกระโดดน้ำตาย     ลิโป้ครั้นถูกคนที่ตัวรักหลงกล่าวปรามาสเช่นนี้ เลือดทรนงในกายก็พุ่งพล่าน วางทวนไว้กับรั้วแล้วปลอบเตียวเสี้ยนอยู่ต่อไป

            ฝ่ายตั๋งโต๊ะเมื่อเฝ้าอยู่เหลียวมาไม่เห็นลิโป้ก็กริ่งใจ ครั้นเสด็จขึ้นแล้วจึงรีบกลับบ้าน เห็นม้าลิโป้ผูกอยู่หน้าบ้านก็โกรธ รีบขึ้นไปบนจวนก็ไม่เห็นลิโป้และไม่เห็นทั้งเตียวเสี้ยน ถามหญิงรับใช้ได้ความว่าอยู่ในสวนก็ยิ่งสะดุ้งใจคิดว่าลิโป้คงอยู่ด้วย   เตียวเสี้ยนเป็นแน่ จึงรีบตามลงไปที่สวน

            เตียวเสี้ยนเห็นตั๋งโต๊ะก็แกล้งจะกระโดดน้ำตาย ลิโป้ก็เข้าอุ้มไว้อีก ตั๋งโต๊ะมาเห็นเตียวเสี้ยนกำลังดิ้นอยู่ในมือของลิโป้มิได้รู้มารยาหญิงก็โกรธลิโป้เป็นอันมาก ตวาดด่าลิโป้เสียงอันดังลั่น ลิโป้ได้ยินเสียงตั๋งโต๊ะก็รีบวางเตียวเสี้ยนลงแล้ววิ่งหนี   ตั๋งโต๊ะหยิบเอาทวนของลิโป้ที่พิงไว้ข้างรั้วซัดไปที่ลิโป้แต่ไม่ถูก ลิโป้วิ่งหนีออกไปได้ ตั๋งโต๊ะวิ่งไปหยิบทวนแล้วไล่ตามลิโป้ไป สวนกับลิยูชนกันจนล้มลงทั้งคู่ ลิยูจึงเข้าประคองตั๋งโต๊ะแล้วพาขึ้นไปบนจวน แล้วลิยูจึงว่าข้าพเจ้ามาที่จวนพบลิโป้กำลังวิ่งออกไปบอกว่าท่านกำลังไล่ตามฆ่าจึงวิ่งเข้ามาเพื่อจะห้ามก็พอดีชนกันขึ้น

            แล้วลิยูจึงยกประวัติศาสตร์สมัยเลียดก๊ก เมื่อครั้งฌ้อช้องอ๋องพระราชทานลูกสาวเจ้าเมืองหนึ่งแก่ทหารเอก ทำให้ทหารเอกผู้นั้นมีใจภักดีต่อฌ้อช้องอ๋อง ครั้นเกิดสงครามฌ้อช้องอ๋องก็ได้ทหารเอกผู้นี้ต่อสู้ทำลายข้าศึกจนแตกไป ดังนั้นจึง  เสนอให้ตั๋งโต๊ะถือเอาแบบอย่างของฌ้อช้องอ๋องยกเตียวเสี้ยนให้กับลิโป้เสีย เพื่อผูกใจลิโป้ไว้สืบไป

            ตั๋งโต๊ะฟังคำลิยูแล้วใจหนึ่งก็เห็นด้วย แต่อีกใจหนึ่งก็เต็มไปด้วยความพิศวาสลุ่มหลงเตียวเสี้ยน ลังเลตัดสินใจทางใดทางหนึ่งไม่ได้ จึงขอลิยูว่าไว้ไตร่ตรองคืนหนึ่งก่อน แล้วจะตัดสินใจในวันพรุ่ง

            ในขณะที่ลิยูกล่าวกับตั๋งโต๊ะอยู่นั้น เตียวเสี้ยนได้ยินความโดยตลอด ครั้นลิยูกลับไปแล้วจึงเข้าไปกอดเอาเท้าตั๋งโต๊ะไว้ แล้วร้องไห้และว่าวันนี้ลิโป้ทำหยาบช้าให้เป็นที่อัปยศ เป็นความอัปยศทั้งตัวเองและเป็นความอัปยศต่ออัครมหาเสนาบดี

            ตั๋งโต๊ะจึงปลอบใจว่าตัวเราชราแล้ว ลิโป้ยังหนุ่มองอาจกล้าหาญและมีน้ำใจรักเตียวเสี้ยนเป็นอันมาก ดังนั้นจะยกเตียวเสี้ยนให้กับลิโป้เพื่อได้ครองรักกันสืบไป เตียวเสี้ยนได้ยินก็ทำเป็นตกใจแล้วว่า บัดนี้เมื่อเป็นภรรยาของตั๋งโต๊ะแล้วก็ย่อมมีฐานะเป็นมารดาของลิโป้ด้วย การที่จะยกแม่ให้เป็นเมียลูกเป็นการเสื่อมเสียเกียรติยศและผิดธรรมเนียม “อุปมาเหมือนท่านเขียนรูปนกยูง แล้วเอาหมึกมาทาเสียให้ดำเสียสีไปฉะนี้ ข้าพเจ้าได้ความอัปยศนัก ซึ่งจะครองชีวิตอยู่ดูหน้าคนสืบไปนั้นไม่ได้”

            ว่าแล้วก็ทำเป็นลุกขึ้นคว้าเอากระบี่ที่แขวนอยู่ข้างผนัง ชักกระบี่ออกจะเชือดคอตาย ตั๋งโต๊ะเห็นก็ตกใจวิ่งเข้าไปชิงเอากระบี่เสีย แล้วว่าที่พูดมานั้นเป็นการพูดเล่นเพื่อเป็นการลองใจว่า เตียวเสี้ยนนั้นจะมีน้ำใจใฝ่ด้วยลิโป้หรือไม่ บัดนี้ประจักษ์น้ำใจรักภักดีแล้ว เตียวเสี้ยนเห็นเป็นทีจึงกราบเอาที่ตักตั๋งโต๊ะซบหน้าลงแล้วร้องไห้แล้วว่า เหตุเช่นนี้เกิดจากลิยูไม่รักภักดีท่านและตัวข้าพเจ้า จึงคิดการให้ผิดธรรมเนียม ให้ยกข้าพเจ้าแก่ลิโป้เป็นการทำลายเกียรติยศท่านและข้าพเจ้า

            ตั๋งโต๊ะได้ฟังคำเตียวเสี้ยนชอบด้วยเหตุและผล ทั้งได้เห็นถึงน้ำใจรักภักดีและน้ำใจตัวนั้นก็ปฎิพัทธ์พิศวาสในเตียวเสี้ยนเป็นล้นพ้น จึงกล่าวว่าจะไม่เชื่อฟังคำลิยูอีกต่อไป

            เตียวเสี้ยนเห็นเป็นทีจึงสำทับซ้ำว่าถ้าขืนอยู่ที่นี่สืบไป ลิยูก็คงมากล่าวชักนำท่านอีก วันใดน้ำใจท่านคล้อยตามข้าพเจ้าก็จะเป็นอันตราย ที่นี่จึงเป็นที่ที่ข้าพเจ้าหาความสุขไม่ได้อีกต่อไป ขอให้ไปอยู่ที่เมืองหลวงแห่งที่สองจึงจะพ้นภัย

            ตั๋งโต๊ะก็รับคำแล้วว่าในวันพรุ่งนี้จะพาเตียวเสี้ยนไปอยู่เมืองหลวงแห่งที่สอง

            ครั้นรุ่งขึ้นลิยูจึงเข้ามาหาตั๋งโต๊ะแล้วถามว่าตกลงใจประการใด ถ้าเห็นชอบด้วยแล้ววันนี้เป็นฤกษ์ดีให้รีบยกเตียวเสี้ยนแก่ลิโป้เถิด ตั๋งโต๊ะจึงแก้ว่าความคิดนี้ผิดธรรมเนียม การยกแม่ให้เป็นเมียลูกนั้นทำไม่ได้ ที่ลิโป้ทำหยาบช้าต่อเตียวเสี้ยนตัวเองได้รับความอัปยศนัก แต่ไม่เอาโทษแล้ว ให้ไปบอกลิโป้ว่าอย่ามายุ่งเรื่องนี้อีก

            ลิยูจึงว่าท่านไม่ฟังคำข้าพเจ้าในครั้งนี้ การที่คิดไว้จะเสียไปเพราะหญิงคนนี้เป็นมั่นคง ตั๋งโต๊ะได้ฟังลิยูเซ้าซี้ก็โกรธหนักจึงว่า “ซึ่งท่านจะขืนให้เราเอาภรรยายกให้แก่ลิโป้นั้นเราไม่ฟังคำท่านแล้ว ถ้าท่านมีใจรักลิโป้อยู่จงเอาภรรยาท่านมายกให้แก่ลิโป้เองเถิด แต่นี้สืบไปอย่าให้ผู้ใดเอาเนื้อความข้อนี้มาซ้ำว่าฉะนี้อีก ถ้าผู้ใดมิฟังเราจะตัดศีรษะเสีย”

            ลิยูได้ฟังเช่นนั้นก็รีบลาออกมาแล้วว่ากับทหารทั้งปวงซึ่งมารอคอยตั๋งโต๊ะอยู่ว่า “เราท่านทั้งนี้จะพากันฉิบหาย เพราะอีเตียวเสี้ยนคนนี้เป็นมั่นคง” ว่าแล้วลิยูก็กลับไปบ้าน

            อานุภาพแห่งพลังเสน่หาอันเกิดแต่มายาหญิงครั้งนี้ได้ทำให้ตั๋งโต๊ะไม่เชื่อถือเชื่อฟังคำของลิยูที่ปรึกษาอีกต่อไป โดยลืมไปสิ้นว่าอำนาจวาสนาที่มีขึ้นได้ในวันนี้ล้วนเกิดแต่สติปัญญาความคิดของลิยู.

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ตัวอย่างกระทู้ธรรม ธรรมศึกษาชั้นตรี 5

ปัญหาและเฉลยวิชาธรรม นักธรรมชั้นโท สอบในสนามหลวง วันเสาร์ ที่ ๑๙ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๔๘

I miss you all กับ I miss all of you ต่างกันอย่างไร