สามก๊ก ฉบับนักบริหาร:บทที่ 3ฉ้อราษฎร์บังหลวง
อีกสองวันต่อมา ตั๋งโต๊ะเสียทีตกอยู่ในที่ล้อมของเตียวก๊ก เล่าปี่ กวนอู เตียวหุย คุมกำลังลงไปช่วยจนทัพเตียวก๊กแตกหนีกระจายไป ตั๋งโต๊ะจึงให้หาทั้งสามเข้าพบ ไต่ถามว่าพวกเจ้าเป็นขุนนางตำแหน่งใด เล่าปี่บอกว่าเรามิได้เป็นขุนนาง แต่เป็นกองอาสาสมัครประชาชน ได้ยินดังนั้นตั๋งโต๊ะทำกิริยาดูถูก ให้ขับสามสหายออกไปเสีย เตียวหุยโกรธหุนหันชักกระบี่จะเข้าไปฆ่าตั๋งโต๊ะ เล่าปี่ห้ามไว้ เขาเป็นคนของหลวง ขืนทำไปพวกเราจะกลายเป็นขบถ เตียวหุยน้อยใจบอกว่า คนชั่วอย่างตั๋งโต๊ะไม่ฆ่าเสียตอนนี้ มันใช้อำนาจราชการก่อความเดือดร้อนให้กับบ้านเมืองสืบไปเป็นแน่ ถ้าพี่ทั้งสองไม่ฆ่ามันเสีย เราจงแยกทางกันเถิด เล่าปี่เห็นเตียวหุยโกรธนักจึงปลอบใจว่า เราสามคนสาบานเป็นพี่น้องร่วมเป็นร่วมตาย จะแยกทางเสียสัตย์ต่อกันอย่างไรได้ เตียวหุยได้ฟังแล้วจึงคลายโกรธ
ตัวอย่างที่เห็นได้จากกรณีที่โลติด ครูเล่าปี่ ขุนนางตงฉินที่ซื่อสัตย์ต่อแผ่นดิน ทำดีแต่กลับถูกขันทีชั่วกล่าวโทษให้กลายเป็นร้าย รวมทั้งเหตุการณ์ที่ตั๋งโต๊ะ ผู้นำไร้ปัญญาที่มิรู้การหนักเบา มิรู้จักแยะแยะคนดีกับคนชั่ว ถือตัวยึดอัตตา แบ่งชั้นวรรณะ มิรู้จักอ่านคน รังเกียจกองอาสาประชาชนที่มีเล่าปี่ กวนอู เตียวหุยเป็นแกนนำ มองข้ามความสำคัญของคนเก่งคนดีมีความสามารถ ส่อให้เห็นถึงความไม่เป็นธรรมในสังคมที่นำพาไปสู่ความเสื่อมโทรมของสถานการณ์บ้านเมืองในยุคนั้นได้อย่างชัดเจน
สังคมที่ผู้นำมีอำนาจแต่ขาดจริยธรรมคุณธรรม ย่อมจะขาดเสียซึ่งความชอบธรรมในการปกครองบ้านเมืองโดยอัตโนมัติ วัฒนธรรมกับศีลธรรมในสังคมจะเสื่อมถอย คนดีมักจะกลายเป็นที่รังเกียจของสังคม คนถูกกลายเป็นผิด คนชั่วได้ดีด้วยอำนาจเส้นสายค้ำ การที่เล่าปี่ห้ามเตียวหุยมิให้ฆ่าทำร้ายตั๋งโต๊ะ บนหลักการเป็นเรื่องที่ถูกต้อง แต่โดยตรรกะทางโลกแล้ว หากตั๋งโต๊ะถูกเตียวหุยฆ่าเสียให้ตายได้ในหนนั้น ประวัติศาสตร์จีนจะไม่มีจอมทรราชตัวร้าย ที่ก่อความเดือดร้อนให้แก่บ้านเมืองอย่างสาหัสในเวลาต่อมาได้
เล่าปี่ กวนอู เตียวหุย แม้จะทำงานตามอุดมการณสร้างคุณต่อแผ่นดิน แต่ก็ยังต้องทำดีด้วยการอาศัยอยู่ภายใต้ร่มเงาของผู้อื่น จากเล่าเอี๋ยนเจ้าเมืองตุ้นก้วน สามสหายเดินทางไปถึงเมืองเองฉวน จูฮีนายทัพให้การต้อนรับขับสู้เป็นอย่างดี ขอร้องให้อยู่ช่วยกันปราบโจรโพกผ้าเหลือง สามพี้น้องเห็นจูฮีมีจิตใจดีก็รับคำ ออกเป็นทัพหน้าไปตีเตียวโป้น้องชายเตียวก๊กที่เมืองเยียงเซีย ระหว่างการสู้รบ เล่าปี่ยิงเกาทัณฑ์ไปปักที่ไหล่เตียวโป้ จนต้องพาทหารหนีเข้าเมืองและไม่ออกรบอีก ไม่ช้าในเมืองก่อขบถ ลูกน้องทรยศต่อนาย ลอบฆ่าเตียวโป้ตัดศีรษะส่งมาให้จูฮีกับเล่าปี่
อาศัยกำลังฝีมือของสามสหายร่วมสาบาน จูฮีปราบโจรโพกผ้าเหลืองที่เมืองอ้วนเซีย รวมทั้งอีก 15 หัวเมืองจนราบคาบ ได้รับความดีความชอบจากฮ่องเต้ ยกทัพกลับเมืองหลวง พร้อมกับนำเล่าปี่ กวนอู เตียวหุยไปด้วยเพื่อถวายตัวต่อฮ่องเต้ที่ลกเอี๋ยง จูฮีได้รับแต่งตั้งเป็นแม่ทัพม้ามีตำแหน่งเฝ้าและเป็นเจ้าเมืองโห้หลำ ส่วนเล่าปี่ กวนอู เตียวหุย เป็นคนบ้านนอก ขาดเส้นสายคอยวิ่งเต้นภายใน เฝ้าคอยบำเหน็จในเมืองหลวงประมาณเดือนเศษก็ยังไร้วี่แวว แต่ก็ได้ข่าวว่าโลติดพ้นโทษ เพราะแม่ทัพนายกองที่มีใจเป็นธรรมยังหลงเหลืออยู่บ้าง ช่วยกันกราบทูลว่าโลติดไม่มีความผิดเหมือนดั่งที่ถูกจูฮงขันทีกล่าวหา
มาถึงตอนนี้สามสหายร่วมสาบานพากันเศร้าสลดใจในความเหลวแหลกของราชสำนัก ใกล้จะหมดใจ เผอิญได้พบกับเตียวกิ๋นขุนนางฝ่ายในขี่เกวียนผ่านมา เล่าปี่ปรับทุกข์ให้ฟัง เตียวกิ๋นตกใจจึงรีบพาทั้งสามเข้าเฝ้า พบว่าเป็นความบกพร่องของขันทีทั้ง 10 ที่กีดกันมิให้นำความดีความชอบขึ้นกราบทูล พระเจ้าเลนเต้จึงสั่งให้ปูนบำเหน็จเล่าปี่ไปเป็นเจ้าเมืองอันห้อก้วน ส่วนกวนอูกับเตียวหุยมิได้โปรดว่าอย่างไร
เส้นทางที่เล่าปี่กว่าจะได้รับความดีความชอบ เป็นเส้นทางสายวิบากที่น้อยคนในยุคนั้นจะฟันฝ่าเข้า ถึงได้ ถ้ามีเส้นสายเงินทองโรยไปตามเส้นทางสายอำนาจ แม้มิได้ทำความดีความชอบอะไรมากมาย ก็มีโอกาสเป็นขุนน้ำขุนนางกับเขาได้ เล่าปี่ปกครองประชาชนโดยธรรม ทำหน้าที่ด้วยความสัตย์ซื่อ แก้ไขปัญหาข้อพิพาทต่าง ๆ ของชาวบ้านที่เมืองอันห้อก้วนอย่างเที่ยงธรรม แค่เดือนเดียวชาวเมืองก็ยกมือท่วมหัว สรรเสริญเล่าปี่กันถ้วนหน้า โดยมีกวนอูกับเตียวหุยคอยพิทักษ์ช่วยเหลืออยู่เคียงข้างมิได้ห่าง
เล่าปี่กินตำแหน่งเจ้าเมืองล่วงมาเพียง 4 เดือน ลกเอี๋ยงมีพระบรมราชโองการให้ลดจำนวนขุนนางฝ่ายทหารที่ครองตำแหน่งพลเรือนทั่วราชอาณาจักร อย่างที่รู้ ๆ กันอยู่ เล่าปี่มิได้มีเส้นสายในเมืองหลวง เมื่อได้ข่าวจึงแอบหวั่นใจอยู่ว่าอาจถูกปลด ในครั้งนั้น ต๊กอิ้วขุนนางฝ่ายในเป็นข้าหลวงตรวจการตัดทอนขุนนางฝ่ายทหารตามพระบรมราชโองการ
ต๊กอิ้วมาถึงอันห้อก้วน เล่าปี่รู้ข่าวออกไปรับถึงนอกเมือง ต๊กอิ้ววางมาดของขุนนางใหญ่โต แสดงกิริยาหยามเหยียดเล่าปี่ เวลาแจ้งข้อราชการใช้แส้ม้าชี้หน้าอย่างดูแคลน เตียวหุยจอมมุทะลุเห็นดังนั้นก็โกรธจัด แต่กัดฟันข่มใจไว้ เล่าปี่รักษาอารมณ์เชิญต๊กอิ้วเข้าเมือง ให้การต้อนรับตามธรรมเนียม ต๊กอิ้วขึ้นนั่งในที่สูงของผู้ว่าการ เล่าปี่ลดตัวลงมายืนอยู่ข้างล่าง
ต๊กอิ้วถามปูมหลังของเล่าปี่ พอรู้ว่าเป็นเชื้อพระวงศ์ อยู่เมืองตุ้นก้วน มีความชอบปราบจลาจลโจรโพกผ้าหลือง 34-35 ครั้ง จึงโปรดให้มาอยู่รักษาเมืองนี้ ต๊กอิ๋วตวาดว่า เจ้าบ้านนอกอวดคุยโต อวดอ้างเป็นเชื้อพระวงศ์ ที่ว่าออกรบตั้งหลายสิบครั้ง ดูสารรูปของเอ็งแล้ว ไม่เห็นสมทำการศึก บัดนี้ มีพระบรมราชโองการให้ข้ามาลดจำนวนผู้รักษาเมืองฝ่ายทหารลง เอ็งจะคิดอ่านทำประการใด
เล่าปี่ฟังคำแล้วมิได้ตอบ คำนับลาแล้วกลับไปที่อยู่ ให้ปลัดเมืองมาพบ เล่ากิริยาท่าทางของต๊กอิ้วให้ฟัง ปลัดเมืองจึงว่า ที่ต๊กอิ้ววางศักดาเช่นนั้น หาใช่อื่นใดไม่ เขาอยากจะเอาสินบนจากท่านเข้าพกตัวเอง เล่าปี่ถอนใจจึงว่า ข้าพเจ้ามาอยู่เมืองนี้ ท่านก็เห็นอยู่แล้วว่าข้าพเจ้ามิได้เบียดเบียนราษฎรแม้แต่ด้ายเส้นเดียวหรือเข็มเล่มหนึ่งก็มิเคย แล้วข้าพเจ้าจะหาสิ่งใดไปให้สินบนแก่ต๊กอิ้วได้ เห็นทีจะขัดสนเป็นแน่แท้
วันต่อมา ต๊กอิ้วกำเริบหนัก เรียกเสมียนพนักงานมาขู่เข็ญโบยตี บีบบังคับให้ใส่ไคล้เล่าปี่ข้อหาฉ้อราษฎร์บังหลวง และกดขี่ประชาชน เล่าปี่รู้ข่าวจะขอเข้าพบชี้แจงนายประตูห้ามมิให้เข้าไป เล่าปี่มิรู้จะทำประการใดกลับมาที่อยู่ด้วยความชอกช้ำใจ ฝ่ายเตียวหุยเห็นความอธรรมของต๊กอิ้ว มีความแค้นใจเสพสุรามึนเมาขี่ม้ามาถึงประตูที่พักต๊กอิ้ว เห็นคนเฒ่าคนแก่ประมาณ 50-60 คนยืนร้องไห้ พอถามจึงทราบว่าต๊กอิ้วโบยตีเสมียนเมืองเพื่อให้ใส่โทษเล่าปี่ พวกเรามาร้องคัดค้าน แต่นายประตูมิให้เข้าไป
เตียวหุยโกรธจัด ลงจากหลังม้า ผลักนายประตูที่มาขวางกระเด็นไป เห็นเสมียนถูกมัดมือเท้า ต๊กอิ้วนั่งขู่เข็ญต่าง ๆ นานา เตียวหุยมิรอช้าตรงเข้าจิกผมต๊กอิ้วกระชากลากตัวออกมากลางถนน จับต๊กอิ้วติดไว้กับหลักผูกม้า ร้องตวาดว่า อ้ายขี้ฉ้อระยำหมา มึงรู้จักกูน้อยไป แล้วหักกิ่งสน เฆี่ยนฟาดต๊กอิ้วไม่ยั้งมือจนเลือดโทรม เล่าปี่ กวนอูทราบข่าวมาห้าม เตียวหุยจึงว่า อ้ายระยำเป็นขุนนางกังฉิน ไม่ควรให้มันอยู่หนักแผ่นดิน
กวนอูจึงว่า พวกเราอาสาแผ่นดินมาหลายครั้ง ได้รับความชอบก็เพียงตำแหน่งต่ำ ๆ อ้ายขุนนางกังฉินยังมาหยามทำหยาบช้าข่มเหงดูหมิ่นเราอีก แผ่นดินนี้เหลวแหลก พุ่มไม้หนามหนา ย่อมไม่เหมาะที่หงส์จะอาศัย เล่าปี่เห็นด้วยจึงว่า เบื้องบนเป็นตัวอย่าง เบื้องล่างชอบทำตาม โทษฐานข่มเหงราษฎรต้องกุดหัวทิ้งเสีย แต่นี่เราจะไว้ชีวิต บัดนี้เราไม่พอใจอยู่รับราชการแล้ว ข้าหลวงขี้ฉ้อจงเอาตรานี้กลับไปเมืองด้วย พูดจบเล่าปี่เอาตราประจำตำแหน่งเจ้าเมืองคล้องไว้ที่คอต๊กอิ้ว แล้วเล่าปี่พาน้องชายทั้งสองกับพรรคพวกร่วมตายอีก 20 คนหนีออกจากเมืองอันห้อก้วน ท่ามกลางความอาลัยรักของราษฏร หมายมุ่งไปตายเอาดาบหน้า ต๊กอิ้วที่ถูกเฆี่ยนอาบเลือดสะบักสะบอม ก็ยังมิเข็ดหราบ หาได้สำนึกในความชั่วของตัวเองไม่ รุดไปแจ้งความต่อผู้ว่าราชการมณฑลเต๊งจิ๋ว สั่งให้ออกหมายจับบุคคลทั้งสามไปทั่วทุกหัวเมือง
ตัวอย่างที่เห็นได้จากกรณีที่โลติด ครูเล่าปี่ ขุนนางตงฉินที่ซื่อสัตย์ต่อแผ่นดิน ทำดีแต่กลับถูกขันทีชั่วกล่าวโทษให้กลายเป็นร้าย รวมทั้งเหตุการณ์ที่ตั๋งโต๊ะ ผู้นำไร้ปัญญาที่มิรู้การหนักเบา มิรู้จักแยะแยะคนดีกับคนชั่ว ถือตัวยึดอัตตา แบ่งชั้นวรรณะ มิรู้จักอ่านคน รังเกียจกองอาสาประชาชนที่มีเล่าปี่ กวนอู เตียวหุยเป็นแกนนำ มองข้ามความสำคัญของคนเก่งคนดีมีความสามารถ ส่อให้เห็นถึงความไม่เป็นธรรมในสังคมที่นำพาไปสู่ความเสื่อมโทรมของสถานการณ์บ้านเมืองในยุคนั้นได้อย่างชัดเจน
สังคมที่ผู้นำมีอำนาจแต่ขาดจริยธรรมคุณธรรม ย่อมจะขาดเสียซึ่งความชอบธรรมในการปกครองบ้านเมืองโดยอัตโนมัติ วัฒนธรรมกับศีลธรรมในสังคมจะเสื่อมถอย คนดีมักจะกลายเป็นที่รังเกียจของสังคม คนถูกกลายเป็นผิด คนชั่วได้ดีด้วยอำนาจเส้นสายค้ำ การที่เล่าปี่ห้ามเตียวหุยมิให้ฆ่าทำร้ายตั๋งโต๊ะ บนหลักการเป็นเรื่องที่ถูกต้อง แต่โดยตรรกะทางโลกแล้ว หากตั๋งโต๊ะถูกเตียวหุยฆ่าเสียให้ตายได้ในหนนั้น ประวัติศาสตร์จีนจะไม่มีจอมทรราชตัวร้าย ที่ก่อความเดือดร้อนให้แก่บ้านเมืองอย่างสาหัสในเวลาต่อมาได้
เล่าปี่ กวนอู เตียวหุย แม้จะทำงานตามอุดมการณสร้างคุณต่อแผ่นดิน แต่ก็ยังต้องทำดีด้วยการอาศัยอยู่ภายใต้ร่มเงาของผู้อื่น จากเล่าเอี๋ยนเจ้าเมืองตุ้นก้วน สามสหายเดินทางไปถึงเมืองเองฉวน จูฮีนายทัพให้การต้อนรับขับสู้เป็นอย่างดี ขอร้องให้อยู่ช่วยกันปราบโจรโพกผ้าเหลือง สามพี้น้องเห็นจูฮีมีจิตใจดีก็รับคำ ออกเป็นทัพหน้าไปตีเตียวโป้น้องชายเตียวก๊กที่เมืองเยียงเซีย ระหว่างการสู้รบ เล่าปี่ยิงเกาทัณฑ์ไปปักที่ไหล่เตียวโป้ จนต้องพาทหารหนีเข้าเมืองและไม่ออกรบอีก ไม่ช้าในเมืองก่อขบถ ลูกน้องทรยศต่อนาย ลอบฆ่าเตียวโป้ตัดศีรษะส่งมาให้จูฮีกับเล่าปี่
อาศัยกำลังฝีมือของสามสหายร่วมสาบาน จูฮีปราบโจรโพกผ้าเหลืองที่เมืองอ้วนเซีย รวมทั้งอีก 15 หัวเมืองจนราบคาบ ได้รับความดีความชอบจากฮ่องเต้ ยกทัพกลับเมืองหลวง พร้อมกับนำเล่าปี่ กวนอู เตียวหุยไปด้วยเพื่อถวายตัวต่อฮ่องเต้ที่ลกเอี๋ยง จูฮีได้รับแต่งตั้งเป็นแม่ทัพม้ามีตำแหน่งเฝ้าและเป็นเจ้าเมืองโห้หลำ ส่วนเล่าปี่ กวนอู เตียวหุย เป็นคนบ้านนอก ขาดเส้นสายคอยวิ่งเต้นภายใน เฝ้าคอยบำเหน็จในเมืองหลวงประมาณเดือนเศษก็ยังไร้วี่แวว แต่ก็ได้ข่าวว่าโลติดพ้นโทษ เพราะแม่ทัพนายกองที่มีใจเป็นธรรมยังหลงเหลืออยู่บ้าง ช่วยกันกราบทูลว่าโลติดไม่มีความผิดเหมือนดั่งที่ถูกจูฮงขันทีกล่าวหา
มาถึงตอนนี้สามสหายร่วมสาบานพากันเศร้าสลดใจในความเหลวแหลกของราชสำนัก ใกล้จะหมดใจ เผอิญได้พบกับเตียวกิ๋นขุนนางฝ่ายในขี่เกวียนผ่านมา เล่าปี่ปรับทุกข์ให้ฟัง เตียวกิ๋นตกใจจึงรีบพาทั้งสามเข้าเฝ้า พบว่าเป็นความบกพร่องของขันทีทั้ง 10 ที่กีดกันมิให้นำความดีความชอบขึ้นกราบทูล พระเจ้าเลนเต้จึงสั่งให้ปูนบำเหน็จเล่าปี่ไปเป็นเจ้าเมืองอันห้อก้วน ส่วนกวนอูกับเตียวหุยมิได้โปรดว่าอย่างไร
เส้นทางที่เล่าปี่กว่าจะได้รับความดีความชอบ เป็นเส้นทางสายวิบากที่น้อยคนในยุคนั้นจะฟันฝ่าเข้า ถึงได้ ถ้ามีเส้นสายเงินทองโรยไปตามเส้นทางสายอำนาจ แม้มิได้ทำความดีความชอบอะไรมากมาย ก็มีโอกาสเป็นขุนน้ำขุนนางกับเขาได้ เล่าปี่ปกครองประชาชนโดยธรรม ทำหน้าที่ด้วยความสัตย์ซื่อ แก้ไขปัญหาข้อพิพาทต่าง ๆ ของชาวบ้านที่เมืองอันห้อก้วนอย่างเที่ยงธรรม แค่เดือนเดียวชาวเมืองก็ยกมือท่วมหัว สรรเสริญเล่าปี่กันถ้วนหน้า โดยมีกวนอูกับเตียวหุยคอยพิทักษ์ช่วยเหลืออยู่เคียงข้างมิได้ห่าง
เล่าปี่กินตำแหน่งเจ้าเมืองล่วงมาเพียง 4 เดือน ลกเอี๋ยงมีพระบรมราชโองการให้ลดจำนวนขุนนางฝ่ายทหารที่ครองตำแหน่งพลเรือนทั่วราชอาณาจักร อย่างที่รู้ ๆ กันอยู่ เล่าปี่มิได้มีเส้นสายในเมืองหลวง เมื่อได้ข่าวจึงแอบหวั่นใจอยู่ว่าอาจถูกปลด ในครั้งนั้น ต๊กอิ้วขุนนางฝ่ายในเป็นข้าหลวงตรวจการตัดทอนขุนนางฝ่ายทหารตามพระบรมราชโองการ
ต๊กอิ้วมาถึงอันห้อก้วน เล่าปี่รู้ข่าวออกไปรับถึงนอกเมือง ต๊กอิ้ววางมาดของขุนนางใหญ่โต แสดงกิริยาหยามเหยียดเล่าปี่ เวลาแจ้งข้อราชการใช้แส้ม้าชี้หน้าอย่างดูแคลน เตียวหุยจอมมุทะลุเห็นดังนั้นก็โกรธจัด แต่กัดฟันข่มใจไว้ เล่าปี่รักษาอารมณ์เชิญต๊กอิ้วเข้าเมือง ให้การต้อนรับตามธรรมเนียม ต๊กอิ้วขึ้นนั่งในที่สูงของผู้ว่าการ เล่าปี่ลดตัวลงมายืนอยู่ข้างล่าง
ต๊กอิ้วถามปูมหลังของเล่าปี่ พอรู้ว่าเป็นเชื้อพระวงศ์ อยู่เมืองตุ้นก้วน มีความชอบปราบจลาจลโจรโพกผ้าหลือง 34-35 ครั้ง จึงโปรดให้มาอยู่รักษาเมืองนี้ ต๊กอิ๋วตวาดว่า เจ้าบ้านนอกอวดคุยโต อวดอ้างเป็นเชื้อพระวงศ์ ที่ว่าออกรบตั้งหลายสิบครั้ง ดูสารรูปของเอ็งแล้ว ไม่เห็นสมทำการศึก บัดนี้ มีพระบรมราชโองการให้ข้ามาลดจำนวนผู้รักษาเมืองฝ่ายทหารลง เอ็งจะคิดอ่านทำประการใด
เล่าปี่ฟังคำแล้วมิได้ตอบ คำนับลาแล้วกลับไปที่อยู่ ให้ปลัดเมืองมาพบ เล่ากิริยาท่าทางของต๊กอิ้วให้ฟัง ปลัดเมืองจึงว่า ที่ต๊กอิ้ววางศักดาเช่นนั้น หาใช่อื่นใดไม่ เขาอยากจะเอาสินบนจากท่านเข้าพกตัวเอง เล่าปี่ถอนใจจึงว่า ข้าพเจ้ามาอยู่เมืองนี้ ท่านก็เห็นอยู่แล้วว่าข้าพเจ้ามิได้เบียดเบียนราษฎรแม้แต่ด้ายเส้นเดียวหรือเข็มเล่มหนึ่งก็มิเคย แล้วข้าพเจ้าจะหาสิ่งใดไปให้สินบนแก่ต๊กอิ้วได้ เห็นทีจะขัดสนเป็นแน่แท้
วันต่อมา ต๊กอิ้วกำเริบหนัก เรียกเสมียนพนักงานมาขู่เข็ญโบยตี บีบบังคับให้ใส่ไคล้เล่าปี่ข้อหาฉ้อราษฎร์บังหลวง และกดขี่ประชาชน เล่าปี่รู้ข่าวจะขอเข้าพบชี้แจงนายประตูห้ามมิให้เข้าไป เล่าปี่มิรู้จะทำประการใดกลับมาที่อยู่ด้วยความชอกช้ำใจ ฝ่ายเตียวหุยเห็นความอธรรมของต๊กอิ้ว มีความแค้นใจเสพสุรามึนเมาขี่ม้ามาถึงประตูที่พักต๊กอิ้ว เห็นคนเฒ่าคนแก่ประมาณ 50-60 คนยืนร้องไห้ พอถามจึงทราบว่าต๊กอิ้วโบยตีเสมียนเมืองเพื่อให้ใส่โทษเล่าปี่ พวกเรามาร้องคัดค้าน แต่นายประตูมิให้เข้าไป
เตียวหุยโกรธจัด ลงจากหลังม้า ผลักนายประตูที่มาขวางกระเด็นไป เห็นเสมียนถูกมัดมือเท้า ต๊กอิ้วนั่งขู่เข็ญต่าง ๆ นานา เตียวหุยมิรอช้าตรงเข้าจิกผมต๊กอิ้วกระชากลากตัวออกมากลางถนน จับต๊กอิ้วติดไว้กับหลักผูกม้า ร้องตวาดว่า อ้ายขี้ฉ้อระยำหมา มึงรู้จักกูน้อยไป แล้วหักกิ่งสน เฆี่ยนฟาดต๊กอิ้วไม่ยั้งมือจนเลือดโทรม เล่าปี่ กวนอูทราบข่าวมาห้าม เตียวหุยจึงว่า อ้ายระยำเป็นขุนนางกังฉิน ไม่ควรให้มันอยู่หนักแผ่นดิน
กวนอูจึงว่า พวกเราอาสาแผ่นดินมาหลายครั้ง ได้รับความชอบก็เพียงตำแหน่งต่ำ ๆ อ้ายขุนนางกังฉินยังมาหยามทำหยาบช้าข่มเหงดูหมิ่นเราอีก แผ่นดินนี้เหลวแหลก พุ่มไม้หนามหนา ย่อมไม่เหมาะที่หงส์จะอาศัย เล่าปี่เห็นด้วยจึงว่า เบื้องบนเป็นตัวอย่าง เบื้องล่างชอบทำตาม โทษฐานข่มเหงราษฎรต้องกุดหัวทิ้งเสีย แต่นี่เราจะไว้ชีวิต บัดนี้เราไม่พอใจอยู่รับราชการแล้ว ข้าหลวงขี้ฉ้อจงเอาตรานี้กลับไปเมืองด้วย พูดจบเล่าปี่เอาตราประจำตำแหน่งเจ้าเมืองคล้องไว้ที่คอต๊กอิ้ว แล้วเล่าปี่พาน้องชายทั้งสองกับพรรคพวกร่วมตายอีก 20 คนหนีออกจากเมืองอันห้อก้วน ท่ามกลางความอาลัยรักของราษฏร หมายมุ่งไปตายเอาดาบหน้า ต๊กอิ้วที่ถูกเฆี่ยนอาบเลือดสะบักสะบอม ก็ยังมิเข็ดหราบ หาได้สำนึกในความชั่วของตัวเองไม่ รุดไปแจ้งความต่อผู้ว่าราชการมณฑลเต๊งจิ๋ว สั่งให้ออกหมายจับบุคคลทั้งสามไปทั่วทุกหัวเมือง