สามก๊ก ฉบับนักบริหาร:บทที่ 36 จุดจบของผู้นำอย่างซุนเซ็ก

ในยุคสมัยพระเจ้าเหี้ยนเต้ 1800 ปีก่อน นักรบที่ก่อร่างสร้างตัวได้รวดเร็วเป็นปึกแผ่น ต้องยกให้ซุนเซ็ก ผู้ประกาศศักดาโวหารท่ามกลางขุนทหารของตนด้วยเสียงอันดังว่า เมื่อคิดการใหญ่ ต้องเริ่มที่คน การใช้คนนั้น ต้องไม่สงสงสัย ถ้าระแวงสงสัย ใครจะไว้ใจเรา ยิ่งได้จิวยี่ขุนศึกเก่าของซุนเกี๋ยนผู้พ่อกับทหารเอกของเล่าอิ้ว คือไทสูจู้ มาเป็นกำลัง ด้วยกองทหารเพียง 3000 คนกับม้าอีก 500 ตัว ที่ซุนเซ็กใช้ตราหยกแผ่นดินไปแลกมาจากผู้นำโฉดโลภอย่างอ้วนสุด ทำให้ซุนเซ็กเปิดโอกาสบุกขยายอาณาเขตยึดได้ 9 หัวเมือง ปักหลักเป็นใหญ่อยู่แคว้นกังตั๋ง กลายเป็นขุมกำลังที่แม้แต่โจโฉยังมิอาจมองข้ามได้

จากความสำเร็จของซุนเซ็กที่เกิดขึ้นในชั่วเวลาอันสั้นทำให้ซุกเซ็กกลายเป็นคนที่มีความเชื่อมั่นในตัวเองสูง สูงเกินกว่าที่จะเป็นสิ่งดีสำหรับตนเอง ด้วยวัยเพียงยี่สิบต้น ๆ ซุนเซ็กทำงานใหญ่สร้างอาณาจักรตังหงอเป็นปึกแผ่น จึงยังมิรู้จักพิษแห่งรสชาติของความเป็นใหญ่ หาได้ตระหนักถึงปรัชญาชีวิตที่ว่า ยิ่งขึ้นไปอยู่ในที่สูงมากเท่าใด ตีนเริ่มห่างดิน ก็ยิ่งหนาวว้าเหว่มากขึ้นเท่านั้น ผู้คนรอบข้างมิกล้าขัด มีแต่คนคอยเอาใจพะเน้าพะนอ ข่าวการตั้งกองกำลังที่เข้มแข็งกระจายไปมากเท่าใด ผู้คนก็เริ่มจับตามองด้วยความอิจฉา คอยหาเหตุจับผิด เข้าทำนอง อันที่จริงเขาก็อยากให้เราดี แต่เมื่อเด่นขึ้นทุกทีเขาหมั่นไส้ จงทำดี แต่อย่าเด่น จะเป็นภัย ไม่มีใครอยากเห็นเราเด่นเกิน

ในจำนวนนี้มีเค้าก๋อง เจ้าเมืองง่อกุ๋นซึ่งตกเป็นเมืองขึ้นของกังตั๋งรวมอยู่ด้วย เค้าก๋องไม่พอใจที่เห็นซุนเซ็ก เด็กเมื่อวานซืนทำการใหญ่กำแหงหาญ ในสายตากับความคิดของเค้าก๋อง จึงเห็นซุนเซ็กเป็นคนที่ทำการหยาบช้า กำเริบเสิบสานทะนงตน พอได้โอกาสเค้าก๋องลอบทำหนังสือให้คนถือสารไปฟ้องโจโฉ แนะนำโจโฉให้มีรับสั่งพระเจ้าเหี้ยนเต้ เรียกตัวซุนเซ็กไปทำราชการในเมืองหลวง ขืนปล่อยละไว้ซุนเซ็กจะต้องเป็นขบถต่อแผ่นดิน มิควรปล่อยให้กลายเป็นเสี้ยนหนามของราชบัลลังก์

บังเอิญทหารลาดตระเวนเมืองกังตั๋งจับตัวคนถือสารได้ซุนเซ็กเห็นหนังสือก็โกรธ ฆ่าผู้ถือหนังสือเสีย แล้วใช้อุบายไปเชิญเค้าก๋องมากินโต๊ะ พอได้จังหวะซุนเซ็กควักหนังสือมาให้เค้าก๋องดู เค้าก๋องจนต่อหลักฐานพูดไม่ออก ซุนเซ็กจึงสั่งให้ทหารจับเค้าก๋องมัดแล้วนำไปฆ่าเสีย ครอบครัวบ่าวไพร่กับพรรคพวกที่ง่อกุ๋นพอรู้ข่าว ต่างแตกตื่นหนีภัยกันกระจัดกระจาย ในจำนวนนั้นมีทหารสนิทของเค้าก๋อง 3 นายแค้นคิดพยาบาทซุนเซ็ก ได้ชวนกันไปซุ่มอยู่ในป่าใกล้เมืองกังตั๋ง คอยทีลอบทำร้ายซุนเซ็กด้วยใจอาฆาต

ซุนเซ็กเป็นผู้นำที่ไม่เชื่อถือในเรื่องของไสยศาสตร์เครื่องลางของขลัง เป็นผู้นำหนึ่งในจำนวนไม่กี่คนสมัยนั้นที่ไม่มีความเชื่อในเรื่องของเทพหรือสิ่งศักดิ์สิทธิ์ซุนเซ็กเป็นคนยึดหลักอเทวนิยม วันหนึ่งใน ขณะที่ซุนเซ็กกำลังต้อนรับตันจิ๋นนายทหารอ้วนเสี้ยว ที่ถูกส่งมาเจรจาหาทางร่วมมือบุกตีเมืองหลวงฮูโต๋เพื่อกำจัดโจโฉศัตรูของราชบัลลังก์ เห็นนายทหารทั้งปวงที่ร่วมกินโต๊ะพูดจาซุบซิบแล้วจูงมือพากันลงไปจากหอรบ

ซุนเซ็กแปลกใจจึงถามคนใช้ได้ความว่า ผู้คนแตกตื่นลงไปต้อนรับอิเกียดเซียนผู้วิเศษ ซุนเซ็กเห็นผู้คนต่างพากันนั่งกราบไหว้เต้าหยินนักพรตผู้นี้อย่างล้มหลาม แปลกใจจึงเข้าไปชะโงกดูใกล้ ๆ นายทหารทั้งปวงชวนซุนเซ็กให้เข้าไปกราบไหว้ด้วย ซุนเซ็กเดือดดาลอย่างหนัก ตวาดด้วยเสียงอันดัง กูเป็นผู้ครองเมืองกังตั๋ง เป็นเจ้าชีวิตของพวกมึง ไฉนกูจะต้องไปกราบมัน ยิ่งรู้ว่าอิเกียดแต่งตัวงดงามราวเทพยดามือถือไม้เท้านั่งบนเกี้ยวแลดูสง่า ชาวเมืองทั้งปวงถือดอกไม้ธูปเทียนมาคำนับอิเกียด

ซุนเซ็กก็ยิ่งโกรธหนัก ด่าอิเกียดว่า เป็นนักตุ๋นหลอกลวงชาวบ้าน เร่งให้ทหารเลวทั้งปวงไปจับตัวอิเกียดมาฆ่าเสีย แต่ไม่มีทหารคนใดยอมทำตาม แก้ต่างว่า อิเกียดเป็นคนดี ไม่มีพิษภัย อยู่นอกเมือง ใช้ชีวิตอย่างสมถะ เป็นคนใจบุญ รักเผื่อแผ่ราษฎร ช่วยรักษาคนให้หายจากโรคร้ายต่าง ๆ ด้วยน้ำมนตร์โดยไม่เรียกเงิน ชาวบ้านทั้งปวงจึงนับถืออิเกียด หากไปจับอิเกียดมาฆ่าเสียนั้นจึงเป็นการมิควร รังแต่จะสร้างความหมองใจให้แก่ราษฏรส่วนใหญ่ที่มีศรัทธาในตัวเซียนอิเกียด ซุนเซ็กได้ฟังดังนั้นก็ยิ่งโกรธ เร่งทหารให้ไปเอาตัวมาให้จงได้ ใครขวางคัดค้านจะตัดศีรษะเสีย แม้แต่เตียวเจียวกุนซือใหญ่ติงเอาไว้ซุนเซ็กก็มิฟัง

พอซุนเซ็กกลับเข้ามาถึงในที่พักยังมิทันหายหงุดหงิดเรื่องของอิเกียดผู้วิเศษ เห็นมีผ้ายันต์ปิดไว้ตามผนัง ตามขอบประตู ก็ได้ความว่า นางงอฮูหยินผู้เป็นมารดามีศรัทธานับถืออิเกียดอย่างแรงอีกคนหนึ่ง นำวัตถุมงคลของเซียนอิเกียดมาปิดไว้เต็มบ้าน ซุนเซ็กก็ยิ่งเดือดดาลหนักแต่ก็ไม่กล้าดุด่าแม่ตัวเอง สภาพการณ์ของซุนเซ็กตอนนี้จึงไม่ต่างอะไรกับบรรดาพระยิว กับพวกปุโรหิตในกรุงเยรูซาเล็มสองร้อยปีก่อนยุคสามก๊ก เมื่อมีนักบุญจากเมืองนาซาเรธ สอนแนวคิดปรัชญาธรรมใหม่ จนได้กลายเป็นที่ศรัทธาของชาวบ้าน ผู้คนขนานนามว่าเป็นราชาแห่งราชันย์ ผู้มีอำนาจทางสังฆจักรยุคนั้นจึงทนไม่ได้ ต้องหาทางกำจัดนักบุญผู้นั้นด้วยการจับไปไต่สวน ตั้งข้อหาหนักให้ตายด้วยการตรึงไว้บนไม้กางเขน ซุนเซ็กก็ตกเป็นทาสความคิดในแนวเดียวกัน

ด้วยความกลัดกลุ้ม ซุนเซ็กจึงจัดกระบวนออกไปล่าสัตว์นอกเมืองให้คลายใจ ระหว่างที่ล่าสัตว์อยู่นั้น ซุนเซ็กไม่มีอาวุธ มีแต่คันกับลูกเกาทัณฑ์ ถูก 3 ทหารของเค้าก๋องรุมทำร้ายจนได้รับบาดเจ็บ คนหนึ่งเอาทวนแทงถูกเท้าซ้ายซุนเซ็ก คนหนึ่งยิงด้วยเกาทัณฑ์ถูกที่หน้าผาก ซุนเซ็กตกใจดึงลูกเกาทัณฑ์ออก แล้วยิงสวนกลับไปโดนทหารคนหนึ่งตาย อีกสองคนเอาทวนไล่แทงซุนเซ็กปากก็ร้องว่า กูเป็นทหารเค้าก๋อง ที่ทำการครั้งนี้หวังแก้แค้นแทนนาย ซุนเซ็กไม่มีอาวุธ ใช้แต่คันเกาทัณฑ์ปัดป้องเป็นสามารถ แต่ก็ถูกทวนแทงบาดเจ็บเลือดโทรมกายหลายแห่ง

เทียเภานายทหารซุนเซ็กขี่ม้าคุมทหาร 9-10 คนตามมาทัน ขับม้าไล่ฆ่าฟันทั้งสองคนเป็นชิ้น ๆจนตาย ช่วยซุกเซ็กไว้ได้อย่างหวุดหวิด ซุนเซ็กจึงให้คนไปตามหาหมอฮัวโต๋มารักษาบาดแผล แต่หมอฮัวโต๋ไม่อยู่ไปตระเวนรักษาคนที่เมืองหลวง ได้แต่ลูกศิษย์หมอฮัวโต๋มารักษา หมอบอกว่าแผลที่โดนทวนรักษาให้หายได้ แต่แผลเกาทัณฑ์นั้นมีพิษเข้าถึงกระดูก การรักษาต้องไปอยู่ในที่สงบ ภายในร้อยวันอย่า ได้มีอารมณ์โกรธ ถ้าระงับความโกรธไม่ได้พิษยาก็จะกำเริบกระจายไปทั่วร่างเป็นอันตรายได้ ซุกเซ็กก็ทำตามที่หมอสั่ง พักอยู่ในความสงบได้เพียงยี่สิบกว่าวัน แต่ความที่เป็นคนใจร้อน อยากหายเร็ว ๆ จึงมิอาจจะระงับใจได้ ยิ่งได้ข่าวจากเมืองหลวงว่า โจโฉมีความเกรงกลัวซุนเซ็กอยู่ แต่กุยแกบอกโจโฉว่า เหตุใดจะต้องไปเกรงกลัวซุนเซ็ก คนอย่างซุนเซ็กเป็นคนใจเร็วหาปัญญามิได้ คิดสิ่งใดก็โอหังทำใหญ่ นานไปจะต้องตายด้วยฝีมือทหารเลว

ซุนเซ็กได้ฟังดังนี้ก็ยิ่งโกรธมากขึ้น ปักใจจะร่วมกับอ้วนเสี้ยวยกทัพไปยึดเมืองหลวงฮูโต๋ กำจัดโจโฉ แล้วจับกุยแกฆ่าเสียให้หายแค้น พอดีมีเรื่องของอิเกียดเกิดขึ้นอีก กังตั๋งฝนแล้ง ซุนเซ็กจึงคิดลองดีกับอิเกียด ถ้าเรียกฝนมาได้ก็จะปล่อยตัวไป อิเกียดตกลงทำพิธีเรียกฝน แต่ก็ประกาศพยากรณ์ชะตาตัวเองกับชาวเมืองที่มาเฝ้าดูว่า บัดนี้ความตายได้มาถึงตัวเราแล้ว ไม่มีผู้ใดมาช่วยให้รอดชีวิตได้ ซุนเซ็กให้ทหารขนเอาฟืนกับฟางมาสุมไว้ใต้โรงพิธี ถ้าพ้นเที่ยงวันหากฝนยังไม่ตก ก็ให้จุดเพลิงเผาอิเกียดให้ตาย

ครั้นเวลาเที่ยงวันฝนไม่ตก ซุนเซ็กจึงร้องด่าอิเกียดว่าเป็นคนลวงโลก ให้ทหารจับตัวอิเกียดมัดไว้บนกองฟืนแล้วจุดไฟเผา พอเพลิงเริ่มลุกโหม ฟ้าพยับร้องสนั่น ฝนตกห่าใหญ่ดับเพลิงที่เผาอยู่จนดับสิ้น อิเกียดร้องให้ฝนหยุดตก ฝนก็หายไปทันที ขุนนางกับราษฎรเห็นกับตาว่าอีเกียดทำการอัศจรรย์ ต่างพากันลุยโคลนเข้าไปแก้มัดอิเกียด คำนับกราบไหว้แล้วอุ้มตัวออกมา ซุนเซ็กก็ยิ่งโกรธรุ่มร้อนด้วยริษยาจิต ร้องว่าที่ฝนตกก็ด้วยอำนาจของเทพยดา หาใช่ความเก่งกาจของอิเกียดไม่ อิเกียดเป็นคนโกหก ซุนเซ็กจึงสั่งให้จับอิเกียดฆ่าเสีย นำศพไปประจานไว้ที่ทางสามแพร่ง มิให้ผู้ใดทำตัวเป็นเยี่ยงอย่างสืบไป

ตามเนื้อเรื่องซุนเซ็กหลังจากฆ่าอิเกียดตายแล้ว เกิดสติคลุ้มคลั่งเห็นภาพอิเกียดมาหลอนหลอกตลอดเวลา ขุนนางกับราษฎร รวมทั้งมารดาและนางไต้เกี้ยวภรรยา ต่างเชื่อว่าที่ซุนเซ็กต้องถึงแก่ความตายเพราะไปดูหมิ่นทำร้ายเซียนอิเกียด แต่ซุนเซ็กก็ยืนกรานจนลมหายใจเฮือกสุดท้ายว่าที่เขาตายสาเหตุ มิใช่มาจากสั่งฆ่าอิเกียด แต่ตายเพราะดวงชะตาของเขามีบุญสร้างมาเพียงเท่านี้

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ปัญหาและเฉลยวิชาอนุพุทธประวัติ นักธรรมชั้นโท สอบในสนามหลวง วันอาทิตย์ ที่ ๒๐ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๔๘

I miss you all กับ I miss all of you ต่างกันอย่างไร

ตัวอย่างกระทู้ธรรม ธรรมศึกษาชั้นตรี 5