สามก๊ก ฉบับนักบริหาร:บทที่ 33 กวนอูอำลาโจโฉ

ฝ่ายอ้วนเสี้ยวพอรู้ว่างันเหลียงทหารเอกของตนตายก็ตกใจ ถามว่าใครเป็นคนฆ่า ทหารรายงานว่า คนฆ่างันเหลียงเป็นทหารหน้าแดงหนวดยาว ถือง้าวเป็นอาวุธ แต่มิรู้ว่าเป็นใคร ชีสิวที่ปรึกษาอ้วนเสี้ยวจึงว่า คนลักษณะนี้จะเป็นคนอื่นไปมิได้ น่าจะเป็นกวนอูน้องร่วมสาบานเล่าปี่ อ้วนเสี้ยวได้ฟังดังนั้นก็โกรธ ชี้หน้าด่าเล่าปี่ว่า เจ้าเป็นคนวางแผนให้กวนอูมาฆ่ายอดขุนพลของข้า แล้วข้าจะไว้ชีวิตเจ้าไว้ใย จึงสั่งให้ทหารคุมตัวเล่าปี่ไปตัดศีรษะเสีย

เล่าปี่ตกใจจึงว่า ท่านโปรดคำฟังชี้แจงก่อน ข้าพเจ้าเสียบ้านเมือง เสียครอบครัวสมัครพรรคพวกพี่น้องจนสิ้น เหลือตัวคนเดียวมาพึ่งท่าน อันกวนอูกับเตียวหุยจะเป็นหรือตายร้ายดีประการใดก็มิรู้แจ้ง ซึ่งนายคนหน้าแดงหนวดยาวนั้น อาจมิใช่กวนอูก็ได้ ขอให้ท่านโปรดพินิจด้วยเถิด อ้วนเสี้ยวได้ฟังก็ลังเลใจกลับหันมาโกรธชีจิ๋วว่าแกล้งใส่ร้ายจะให้ฆ่าเล่าปี่ผู้มีปัญญา จึงขอโทษเล่าปี่แล้วปรึกษาว่าจะแก้มือโจโฉอย่างไรดี

บุนทิวนายทหารเอกจึงอาสาออกรบขอแก้แค้นแทนเพื่อน เล่าปี่อยากตอบแทนคุณอ้วนเสี้ยวจึงอาสาขอออกรบร่วมกับบุนทิว อ้วนเสี้ยวก็อนุญาตโดยให้บุนทิวเป็นทัพหน้าเล่าปี่เป็นทัพหลัง พอทัพหน้าประจันกัน กวนอูขับม้าเซกเธาว์เข้าประชิดด้วยฝีเท้าอันรวดเร็ว แกว่งง้าวฟันบุนทิวตกม้าตายไปอีกคนหนึ่ง ส่วนเล่าปี่ยังมิทันข้ามแม่น้ำ ทราบว่าบุนทิวถูกฆ่าตายก็ตกใจ รีบขึ้นม้าแลเห็นทหารโจโฉหนุนเข้ามาเนืองแน่น แต่มิได้เห็นตัวกวนอู เห็นแต่ธงแดงเขียนอักษรว่ากวนอู ก็ยินดีร้องเรียกชื่อกวนอูด้วยเสียงอันดัง ตั้งใจรอคอยพบกวนอู แต่ทหารโจโฉลงเรือข้ามฟากมา เล่าปี่จึงสั่งให้ทหารถอยกลับ

อ้วนเสี้ยวสูญเสียนายทหารยอดฝีมือเอกสองคนในเวลาไล่เลี่ยกัน แม้จะมีทหารมากมายถึงเจ็ดสิบหมื่น แต่ขวัญกำลังใจของผู้นำอย่างอ้วนเสี้ยวก็หล่นวูบไปหลายตลบ งันเหลียงกับบุนทิวคือต้นทุนของกองทัพอ้วนเสี้ยวมาแต่ไหนแต่ไร เมื่อขาดสองขุนพลนี้แล้วถือได้ว่าทัพของอ้วนเสี้ยวมีปริมาณแต่ไร้คุณภาพ ผู้นำอย่างอ้วนเสี้ยวจึงตกอยู่ในสภาพหนาวเหน็บบนที่สูง แม้จะมีกุนซือเก่ง ๆ รอบกายแต่ก็อยู่ในสภาพเปล่าเปลี่ยวเดียวดาย

พออ้วนเสี้ยวรู้ว่า ทหารหน้าแดงหนวดยาวคือ กวนอู ได้ฆ่าบุนทิวทหารเอกอีกคนหนึ่งก็โกรธเป็นฟืนเป็นไฟตะคอกว่า อ้ายเล่าปี่หูยาวมึงวางแผนให้กวนอูฆ่ายอดขุนพลของกูถึง 2 คน จะเลี้ยงไว้ไม่ได้ ครั้นเล่าปี่มาหา อ้วนเสี้ยวสั่งให้ทหารเอาเล่าปี่ไปประหารชีวิตเสีย

ชะตาชีวิตของเล่าปี่ที่เข้ามาพึ่งใบบุญอ้วนเสี้ยว จึงตกต่ำอย่างชนิดที่ตัวเองก็มิได้ตระหนักว่าจะเป็นได้ถึงเพียงนี้ ภายในไม่กี่วันถูกอ้วนเสี้ยวสั่งประหารชีวิตถึงสองครั้ง เล่าปี่แข็งใจใช้ปฏิภาณถามอ้วนเสี้ยวว่าข้าพเจ้ามีโทษสิ่งใดท่านถึงจะเอาชีวิตข้าพเจ้าอีก ถึงท่านจะฆ่าข้าพเจ้า ก็ขอได้ชี้แจงความจริงข้อหนึ่งก่อน อันโจโฉนั้นเกลียดชังข้าพเจ้ามากเพียงใดท่านก็รู้อยู่แล้ว เมื่อรู้ว่าข้าพเจ้ามาอาศัยอยู่กับท่าน เกรงว่าจะเป็นกำลังช่วยเหลือท่านอีกแรง จึงได้วางอุบายใช้กวนอูน้องของข้าพเจ้าให้มาฆ่านายทหารเอกของท่าน เพื่อให้ท่านได้โกรธแล้วฆ่าข้าพเจ้าเสีย เท่ากับเป็นการยืมมือท่านฆ่าข้าพเจ้าให้ตายเปล่า

อ้วนเสี้ยวได้ยินดังนั้นก็เห็นจริง จึงแก้ขวยด้วยการดุที่ปรึกษาว่า ทุกคนทำให้เราหลงผิดเกือบจะฆ่าคนดีมีสติปัญญาถึง 2 ครั้ง 2 หน เล่าปี่จึงพูดกับอ้วนเสี้ยวว่า ข้าพเจ้าจะให้คนสนิทถือหนังสือไปบอกกวนอูว่าข้าพเจ้าอยู่กับท่าน กวนอูจะรีบรุดมาทันทีจะได้เป็นกำลังของท่านสืบไป ท่านเสียนายทหารเอกไป 2 คนเหมือนเสียเนื้อไป 2 ตัว ถ้าได้กวนอูมาก็เหมือนได้เสือ จะดียิ่งกว่าเนื้อ 2 ตัวอย่างแน่นอน

อ้วนเสี้ยวดีใจจึงว่า ถ้าข้าพเจ้าได้กวนอูไว้ใช้ย่อมดีกว่า 2 ทหารที่เสียไปถึง 10 เท่า อ้วนเสี้ยวคงลืมไปว่าตัวเองเคยดูหมิ่นขับไล่กวนอูว่าเป็นทหารเลว สะเออะมาเสนอตัวออกไปสู้ฮัวหยง ผู้นำที่มีจิตใจโลเลย่อมหาหลักเกณฑ์อะไรในการตัดสินใจมิได้ เล่าปี่จึงแต่งจดหมายลับถึงกวนอู แล้วส่งให้อ้วนเสี้ยวอ่านเมื่อพอใจแล้วก็รีบจัดส่ง นับแต่นั้นอ้วนเสี้ยวก็ได้แต่รักษาค่ายมั่นมิได้ยกกำลังออกไปรบกับโจโฉอีก

ข่าวที่เล่าปี่มาอาศัยกับอ้วนเสี้ยวแพร่ไปทั่ว โจโฉพยายามปกปิดมิให้ล่วงรู้ไปถึงกวนอู ด้วยเกรงว่ากวนอูจะหนีตนไปเสียตามสัญญา ส่วนกวนอูได้รู้ระแคะระคายครั้นได้รับจดหมายลับเล่าปี่ที่เขียนด้วยสำนวนเหน็บแนม ต่อว่ากวนอูที่เห็นแก่ลาภยศที่โจโฉปรนเปรอให้จนลืมพี่ลืมน้อง ลืมอุดมการณ์ที่ร่วมสา บานกันไว้

กวนอูถึงกับร้องไห้ด้วยความเสียใจ ทำหนังสือตอบอธิบายให้เล่าปี่ทราบถึงเงื่อนไข 3 ข้อที่ทำกับโจโฉ จะรีบอำลาโจโฉพร้อมกับนำพาพี่สะไภ้ทั้งสองเดินทางไปพบเล่าปี่โดยเร็ว ความตอนหนึ่งกวนอูกล่าวว่า คนเราเกิดมาแล้วชาติหนึ่ง หากไม่รู้คุณคนก็ไม่มีวันเจริญ ตอนข้าฯมาก็มาอย่างจะแจ้ง เมื่อข้าฯจะไปก็จะขอไปอย่างจะแจ้ง ข้าฯ จะต้องอำลาโจโฉก่อน

เช้าวันรุ่งขึ้นกวนอูจึงไปขอลาโจโฉที่จวน โจโฉรู้ทีให้ปิดประตูไม่รับแขก งดพบปะปรึกษาราชการทั้งปวง กวนอูเที่ยววนมาอีกในวันรุ่งขึ้น ประตูทำเนียบก็ปิดตายอยู่อย่างวันก่อน กวนอูจึงตัดสินใจแวะไปลาเตียวเลี้ยว นายประตูก็ห้ามอีกบอกว่าเตียวเลี้ยวยังป่วยอยู่ไม่รับแขก มาถึงขั้นนี้กวนอูจึงรู้ทันว่า โจโฉกับเตียวเลี้ยวแกล้งป่วยการเมือง ขืนคอยลาอยู่คงไม่ได้ไปหาเล่าปี่แน่ กวนอูจึงเขียนจดหมายลาโจโฉ แล้วเชิญภรรยาเล่าปี่ทั้งสองขึ้นรถ ตัวเองถือง้าวขี่ม้าเซกเธาว์ยกขบวนหนีออกทางประตูเมืองด้านทิศเหนือ

ฝ่ายโจโฉเมื่อรู้ว่ากวนอูหนีไปแล้วเสมียนได้มารายงานว่ากวนอูทำบัญชีทรัพย์สินเสื้อผ้าแพรต่วน แก้วแหวนเงินทอง แม้แต่ตราตั้งฮ่องเต้ที่โจโฉขอให้ กวนอูนำส่งคืนโจโฉจนหมดสิ้นทุกรายการ บรรดาที่ปรึกษากับนายทหารแนะให้โจโฉตามจับตัวกวนอู เทียหยกบอกว่าหากกวนอูไปอยู่กับอ้วนเสี้ยว อ้วนเสี้ยวก็จะเป็นเหมือนเสือติดปีก แต่โจโฉกลับตวาดอย่างอารมณ์เสีย สั่งห้ามมิให้ใครติดตามจับกวนอู โจโฉแสดงความเป็นผู้นำของตนออกมาอย่างเห็นได้ชัด ไม่มีใครเดาใจเดาความคิดของโจโฉออก

โจโฉเสียดายกวนอูแต่ก็ยังมีใจนักเลงพอในการวางมาดของผู้นำที่รักษาสัจจะให้ผู้อยู่ใต้บังคับบัญชาได้เห็น โจโฉพูดชมกวนอูด้วยความจริงใจต่อหน้าทุกคนว่า กวนอูคืนของให้ทั้งหมด สิ้นทรัพย์ไม่อาจจะซื้อใจเขาได้ ยศศักดิ์ก็ไม่คลอนแคลนจิตของเขา คนเช่นนี้ข้าฯ ต้องนับถือ ข้าฯว่าเราควรรีบตามไปส่งเขา ผูกใจเขาไว้บ้าง

โจโฉสั่งเตียวเลี้ยวรีบไปบอกกวนอูว่าจะไปส่ง กวนอูทราบข่าวจึงหยุดรอกลางทาง โจโฉตามไปถึงก็สรรเสริญกวนอูว่า ยินดีด้วยเป็นอย่างยิ่งที่ท่านมีความกตัญญูต่อเล่าปี่ ข้าพเจ้ารักษาเงื่อนไข 3 ข้อโดยมิเสียสัจ ท่านไปข้าพเจ้าไม่ห้าม แต่หนทางกันดารนัก จึงตามมามอบของเล็กน้อยเป็นค่าใช้จ่าย อีกทั้งยังอยากตอบแทนความชอบเหลือคณานับ ว่าแล้วโจโฉจึงมอบทองคำแท่งถาดหนึ่งให้กวนอู กวนอูพอรู้ว่าเป็นทองคำก็ไม่รับ คำนับแล้วบอกแก่โจโฉว่าข้าพเจ้ามีเงินเบี้ยหวัดที่พระราชทานพอใช้อยู่แล้ว ความ ชอบของข้าพเจ้ามีน้อยนัก ท่านสมุหนายกโปรดเอาไว้บำเหน็จแก่ทหารทั้งปวงเถิด

โจโฉเห็นความซื่อของกวนอูก็ยิ่งประทับใจ กล่าวว่า ข้าพเจ้าบุญน้อยมิได้ผูกมิตรคู่ใจอย่างท่านมาก่อน ถ้าท่านมิยอมรับทอง ขอได้โปรดรับเสื้อไว้สักตัวหนึ่ง เพื่อเป็นเครื่องหมายแห่งไมตรีจิตและความรู้คุณที่ข้าพเจ้ามีต่อท่าน แล้วโจโฉจึงให้นายทหารนำเสื้อลายทองไปให้กวนอู กวนอูเกรงลูกไม้โจโฉจะถูกทหารตะครุบตัว จึงยื่นง้าวออกไปรับเอาเสื้อนั้นมาสวม คำนับโจโฉแล้วว่า ข้าพเจ้าจะไม่ลืมความไมตรีกับพระคุณของท่านเลย แม้นยังมีชีวิตอยู่ ก็จะแทนคุณท่านต่อไป ว่าแล้วกวนอูก็คำนับลาโจโฉ

เคาทูทหารเอกจึงว่าแก่โจโฉว่า กวนอูนี้หยาบช้านัก ยื่นง้าวมารับเสื้อจากท่าน เป็นการดูหมิ่นกัน ควรจับตัวมาลงโทษ โจโฉห้ามว่า กวนอูตัวคนเดียว พวกเรามากันมากมาย จะมิให้กวนอูระแวงเราได้อย่างไร ว่าแล้วโจโฉจึงพาทหารกลับเมืองฮูโต๋ ตลอดทางพร่ำแต่สรรเสริญว่ากวนอูมีความสัตย์ซื่อเปี่ยมด้วยคุณธรรม คนอย่างนี้หาได้ยากยิ่งนักในแผ่นดิน

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ตัวอย่างกระทู้ธรรม ธรรมศึกษาชั้นตรี 5

I miss you all กับ I miss all of you ต่างกันอย่างไร

ปัญหาและเฉลยวิชาธรรม นักธรรมชั้นโท สอบในสนามหลวง วันเสาร์ ที่ ๑๙ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๔๘