สามก๊ก ฉบับนักบริหาร : บทที่ 28 นกหลุดกรงสู่ฟ้า ปลาหลุดแหสู่ทะเล

 เล่าปี่จึงถามว่า แล้วเตียวสิ้ว เตียวล่อ หันซุยเล่า ท่านเห็นเป็นประการใด
      
       โจโฉตบมือฉาด แหงนหน้าหัวเราะด้วยเสียงอันดังแล้วว่า คนขนาดนั้น ท่านเอามาว่าใยให้เสียปาก อันผู้มีสติปัญญานั้น คิดการสิ่งใดก็กว้างขวางโอบอ้อมอารี อุปมาเหมือนบุคคลกลืนแก้วทิพย์ไว้ในท้อง ไปสถานที่ใดแม้จะมืดค่ำก็สว่างด้วยรัศมีแก้ว คิดการ หนัก เบา ใหญ่ น้อย ทีเสีย ทีได้ ยักยอก ถ่ายเท โยกย้าย มิให้ผู้ใดล่วงรู้ได้ ถึงจะนับได้ว่ามีสติปัญญาลึกซึ้ง คนอย่างนี้จึงจักครองโลกได้
      
       เล่าปี่ถามว่า แล้วคนอย่างนี้คือผู้ใด
       โจโฉเอามือชี้ที่ตัวเล่าปี่แล้วชี้เข้าที่ตัวเอง แล้วบอกว่า คนที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลกนั้นคือท่านกับข้าพเจ้านี่แหละ เล่าปี่ได้ยินดังนั้นก็สะดุ้งใจ ตะเกียบพลัดหลุดจากมือ พอดีฟ้าผ่าเปรี้ยงฝนตกหนัก เล่าปี่ทำเป็นตกใจ เอามือปิดหู ก้มลงเก็บของที่ตก ละล่ำละลักว่า ข้าพเจ้าใจไม่ดี ฟ้าผ่าใกล้เหลือเกิน โจโฉหัวเราะแล้วว่า เกิดเป็นชายเหตุใดกลัวเสียงฟ้า เล่าปี่จึงเลี่ยงตอบว่า นักปราชญ์มักเตือนมิให้ผู้ใดประมาทลมและฟ้า ไฉนคนอย่างข้าพเจ้าจะไม่กลัว
      
       ฝ่ายกวนอูกับเตียวหุยไปซ้อมยิงเกาทัณฑ์กลับมาที่พักไม่พบเล่าปี่ พอทราบว่าโจโฉให้ทหารมาเชิญตัวพี่ใหญ่ไปก็ตกใจ ระแวงว่าโจโฉคิดทำร้าย หยิบกระบี่รุดไปตามเล่าปี่ถึงกลางสวน โจโฉถามว่าเจ้าทั้งสองมาทำไม กวนอู เตียวหุยเห็นเล่าปี่เป็นปรกติดีจึงแก้ว่า พวกข้าพเจ้าทราบว่าท่านสมุหนายกเชิญพี่ใหญ่มากินโต๊ะ จึงใคร่จะมารำกระบี่ให้ชมเล่น



       โจโฉตอบว่า เรามิได้เลี้ยงกันแบบหงเหมินเอี้ยน ท่านทำดังนี้เหมือนครั้ง ฌ้อปาอ๋องคิดร้ายแก่เล่าปัง เชิญมาร่วมโต๊ะเสวยแล้วคิดอุบายให้หันจวงรำกระบี่ เรามิได้คิดร้ายต่อเล่าปี่เหมือนฌ้อปาอ๋องคิดร้ายต่อเล่าปัง ซึ่งท่านทำดังนี้จึงไม่ควร ว่าแล้วโจโฉสั่งให้รินสุราส่งให้กวนอู เตียวหุยดื่ม เมื่อสนทนาจนได้เวลาอันสมควร ทั้งสามจึงลาโจโฉกลับที่พัก
      
       นับตั้งแต่วันที่เล่าปี่ลงนามในผ้าแพรขาวทำตามรับสั่งพระเจ้าเหี้ยนเต้ร่วมโค่นล้มโจโฉ จนถึงวันที่โจโฉหยั่งเชิงลองใจเล่าปี่ในสวน เล่าปี่เริ่มร้อนที่อยู่ รู้ว่าสถานภาพของตัวเองในฮูโต๋นับวันมีแต่จะคับขัน แม้โจโฉจะยังมิได้คิดร้ายด้วย แต่พฤติกรรมถืออำนาจล่วงเกินฮ่องเต้ จึงเป็นข้อต่างของอุดมการณ์การเมืองที่เล่าปี่รับโจโฉไม่ได้
      
       ครั้นอยู่มาวันหนึ่ง โจโฉเชิญเล่าปี่ไปกินโต๊ะที่ทำเนียบอีก ขณะที่กำลังเสพสุราอยู่ หมันทองที่ปรึกษาเข้ามารายงานโจโฉว่า กองซุนจ้านเจ้าเมืองปักเป๋งแพ้แก่อ้วนเสี้ยว กองซุนจ้านไม่ยอมเป็นเชลยจึงฆ่าบุตรกับภรรยาสิ้น แล้วเชือดคอตัวเองตาย
      
       เล่าปี่รู้ข่าวถึงกับหลั่งน้ำตาสงสารกองซุนจ้าน ด้วยเคยเป็นเพื่อนเรียนหนังสือมาด้วยกัน ในยามตกทุกข์ยากกอนซุนจ้านช่วยเหลือเจือจานเล่าปี่ เป็นผู้ช่วยทูลพระเจ้าเหี้ยนเต้จนเล่าปี่ได้เป็นเจ้าเมืองเพงงวนก๋วน ฝ่ายอ้วนเสี้ยวเมื่อได้เมืองปักเป๋งแล้ว ติดต่อให้อ้วนสุดกำลังยกพลไปสมทบ โจโฉทราบข่าวนี้จึงปริวิตกว่า ถ้าสองพี่น้องคู่นี้รวมตัวสมทบกันได้ ก็จะเป็นภัยต่อนครหลวงฮูโต๋ โจโฉคิดได้ดังนี้แต่ก็นิ่งอยู่มิได้กล่าวประการใดด้วยยังหาทางออกที่ดีไม่ได้
      
       เล่าปี่เห็นช่องทางที่จะปลีกตัวจากโจโฉ จึงขออาสายกทหารไปสกัดจับอ้วนสุด โจโฉเห็นด้วย รุ่งเช้าจึง พาเล่าปี่เข้าเฝ้าทูลลาพระเจ้าเหี้ยนเต้ แล้วมอบทหารห้าหมื่นคนให้แก่เล่าปี่เป็นแม่ทัพบังคับบัญชา เล่าปี่ได้ทีเร่งรีบนำกองทหารออกจากพระนครฮูโต๋ ก่อนออกจากเมือง ตังสินเข้ามากระซิบเล่าปี่ว่า ท่านอย่าลืมเรื่องสำคัญที่เราคิดกันไว้ เล่าปี่จึงว่า ข้าพเจ้ามิได้ลืม ออกไปครั้งนี้ทำให้มีช่องทางกว้างขึ้น ท่านเป็นเสนาบดีเป็นผู้ใหญ่ที่อยู่ข้างหลัง จงระวังอย่าให้ความนี้แพร่งพรายออกไป จะเป็นภัยอันตรายใหญ่หลวง ข้าพเจ้าได้ทีเมื่อใดจะมีหนังสือมาบอก



       เทียหยกกับกุยแกกลับจากราชการต่างเมือง พอทราบข่าวว่าโจโฉมอบทหารให้เล่าปี่ไปรบอ้วนสุดก็ตกใจ รีบเข้าไปทัดทานโจโฉว่า เมื่อครั้งเล่าปี่เป็นเจ้าเมืองอิจิ๋ว เราขอให้ท่านจับเล่าปี่ฆ่าเสียแต่ท่านไม่เห็นด้วย บัดนี้ท่านกลับให้กองทัพแก่เล่าปี่คุมไปทำศึกภายนอก อุปมาเหมือนปล่อยมังกรลงทะเล หรือปล่อยเสือเข้าป่าก็มิผิด สืบไปภายหน้าจะปราบเล่าปี่ได้คงขัดสน
      
       กุยแกสำทับซ้ำว่า ท่านไม่ฆ่าเล่าปี่ ท่านก็ไม่ควรปล่อยให้เล่าปี่หลุดมือไป โบราณบอกว่า ปล่อยศัตรูไปวันเดียว เป็นภัยต่อตัวร้อยชาติ ท่านควรสำนึกในเรื่องนี้ให้จงหนัก โจโฉได้ฟังกุนซือที่ปรึกษาว่าดังนี้ก็แลเห็นจริง จึงให้เคาทูคุมทหาร 500 คนรีบไปเชิญเล่าปี่ให้ยกทัพกลับ เคาทูควบม้าไล่ไปทั้งกลางวันและกลางคืน พอไปทันก็แจ้งแก่เล่าปี่ว่า ท่านสมุหนายกอยากจะปรึกษาข้อราชการกับท่าน ขอเชิญท่านให้ยกทัพกลับ
      
       เล่าปี่รู้ทันตอบเคาทูว่า ตามกฎการศึกกองทัพเมื่อลงสนามแล้ว แม้พระบรมราชโองการก็มิอาจใช้บัง คับได้ ก่อนมาข้าพเจ้าก็ได้เข้าเฝ้าทูลลาพระเจ้าเหี้ยนเต้ และได้รับคำสั่งจากท่านสมุหนายกเป็นเด็ดขาดแล้ว ซึ่งจะกลับไปกลับมาเพื่อปรึกษากันอีกหาชอบไม่ ท่านจงกลับไปแจ้งแก่ท่านสมุหนายกตามนี้เถิด เคาทูมิรู้จะทำอย่างไรด้วยโจโฉสั่งแต่เพียงให้เชิญเล่าปี่กลับ มิได้สั่งให้จับกุมตัว จึงควบม้ากลับฮูโต๋รายงานตามที่เล่าปี่สั่ง เทียหยกกับกุยแกตบอกผางกล่าวว่า เล่าปี่ขัดคำสั่งครั้งนี้ ถือว่าได้กลายเป็นศัตรูกันแล้ว โจโฉจึงว่า เราได้ให้จูเหลงกับล่อเจียวคนสนิทกำกับไปในกองทัพด้วย เล่าปี่จะทำการเป็นศัตรูกับเรากระไรได้



       ฝ่ายเล่าปี่สั่งกวนอูกับเตียวหุยให้เร่งรีบนำพาทหารออกเดินทางอย่างรวดเร็ว กวนอู เตียวหุยถามว่า เหตุใดพี่ท่านจึงเดินทัพเร่งรีบอย่างนี้ เล่าปี่จึงว่า ตัวเราตกอยู่ในเงื้อมมือโจโฉ พวกเราเหมือนปลาที่หลุดออกจากข้องต้องรีบลงทะเล เหมือนนกที่หลุดออกจากกรงต้องรีบบินพุ่งสู่ท้องฟ้า ครั้งนี้จึงเป็นโอกาสเดียวที่จะหลุดรอดออกมาได้ เล่าปี่เร่งเดินทัพถึงเมืองชีจิ๋ว สกัดทัพอ้วนสุดได้ทันการ จึงเกิดการสู้รบกันอย่างหนัก
      
       ทัพเล่าปี่นำโดยกวนอูกับเตียวหุยฮึกเหิมกว่าตีทัพอ้วนสุดแตกพ่ายยับเยิน ตัวอ้วนสุดหนีไปตำบลกังเต๋ง ชีวิตตกต่ำสุดขีด ทะเลาะกับพ่อครัวที่แค้นถูกทำโทษมาก่อน อ้วนสุดร้องด่าตวาดด้วยเสียงอันดังอาเจียนออกมาเป็นโลหิต ล้มลงจากเตียงขาดใจตาย ตอนอ้วนสุดตายนั้น พระเจ้าเหี้ยนเต้มาอยู่เมืองหลวงฮูโต๋ได้สี่ปีแปดเดือน
      
       อ้วนอิ๋นหลานอ้วนสุดพอน้าตาย เอาศพใส่โลงแล้วพาครอบครัวพร้อมตราหยกแผ่นดินจะกลับเมืองลำหยง ครั้นถึงเมืองโลกั๋งถูกชีจิ๋วเป๋งชาวเมืองโกเหลงสกัดฆ่าอ้วนอิ๋นกับครอบครัวตายจนสิ้น แย่งตราหยกได้เอาไปให้โจโฉที่เมืองฮูโต๋ โจโฉดีใจที่ได้ตราหยก ถึงกับแต่งตั้งชีจิ๋วเป๋งเป็นเจ้าเมืองโกเหลงพร้อมปูนบำเหน็จเงินทองของมีค่าให้อีกมากมาย
      
       ชีวิตของอ้วนสุดจึงสมควรยกมาเป็นอุทาหรณ์ คนเรายามมีชีวิตอยู่มิได้ดำเนินอยู่หนทางแห่งความชอบธรรม โลภ เห็นแก่ได้ ใจกับวิสัยทัศน์คับแคบ มักใหญ่ไฝ่สูงมิประมาณตน แม้ได้มาแล้วซึ่งตราหยกแผ่นดิน แต่ก็เป็นฮ่องเต้ได้แค่ในความฝันเท่านั้น
      
       เล่าปี่พอรู้ว่าอ้วนสุดตาย จึงมอบให้จูเหลงกับล่อเจียวถือหนังสือเข้าเมืองหลวง แจ้งว่าเสร็จศึกอ้วนสุดแล้ว แต่ก็ขอทหารห้าหมื่นไว้เพื่อรักษาเมืองชีจิ๋ว โจโฉรู้ว่าเสียรู้เล่าปี่ ทั้งโกรธทั้งอาย หาแพะรับบาปตามประสานายใหญ่ สั่งประหารชีวิตจูเหลงกับล่อเจียวในข้อหาที่เสียรู้เล่าปี่เพื่อกลบเกลื่อนการที่ตัวเองผิดพลาด ดีที่ซุกฮกค้านไว้ด้วยเหตุผลที่ว่า ทั้งสองอยู่ใต้บังคับบัญชาของแม่ทัพเล่าปี่ ขัดคำสั่งหาได้ไม่ โจโฉจึงยอมทำตามอย่างเสียมิได้ เล่าปี่ตีจากตั้งตัวได้ต้องบันทึกไว้ว่า เป็นเพราะความใจป้ำใจนักเลงของโจโฉโดยแท้ เล่าปี่ถึงได้รอดชีวิตออกมาตั้งตัวได้

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ตัวอย่างกระทู้ธรรม ธรรมศึกษาชั้นตรี 5

I miss you all กับ I miss all of you ต่างกันอย่างไร

ปัญหาและเฉลยวิชาธรรม นักธรรมชั้นโท สอบในสนามหลวง วันเสาร์ ที่ ๑๙ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๔๘