สามก๊ก ฉบับนักบริหาร:บทที่ 22 10 ข้อดี-ข้อด้อยของกุยแก

โจโฉเหลิงอำนาจ หลงลืมตัว ตั้งอยู่บนความประมาท มิได้ตั้งอยู่บนความถูกต้อง ยึดเมืองอ้วนเซียได้ แต่ไปผิดลูกเมียเขาหลงนางเจ๋าซือ มิได้บริหารบ้านเมือง จนแตกทัพในศึกอ้วนเซีย มิเพียงเสียแม่ทัพเตียนอุย แต่ยังต้องเสียโจงั่งลูกชายกับโจอั๋นบิ๋นหลานชาย ถึงกระนั้นโชคยังดีที่อิกิ๋มมาช่วยทันทำให้โจโฉเป็นฝ่ายมีชัย

ค.ศ.198 ความฟุ้งเฟ้อทะเยอทะยานของคนมีมิรู้สิ้นสุด อ้วนสุดผู้มีตราหยกของแผ่นดินตัดสินใจกระชากฟ้ากับแผ่นดินให้ต่ำด้วยการประกาศตั้งตั
วเป็นฮ่องเต้ โจโฉจึงยกทัพ 17 หมื่นประสานกับซุนเซ็ก เล่าปี่ กับลิโป้ บุกโจมตีอ้วนสุดพร้อมกันทั้ง 4 ด้าน อ้วนสุดหวั่นภัยนำตราหยกแผ่นดินหนีเอาตัวรอดไปอยู่เมืองห้วยหนำ ให้โลหองคุมทหาร 10 หมื่นอยู่รักษาเมืองลำหยงโดยลำพัง

ฝ่ายราษฏรชาวบ้านรายทางทั้งปวงพอรู้ว่ากองทัพโจโฉผ่านมาต่างพากันแตกตื่นทิ้งไร่นา โจโฉกำลังอินกับแนวนโยบายประชานิยม เห็นดังนั้น จึงมีคำสั่งกำชับนายทัพนายกองทั้งปวงว่า ถ้าผู้ใดเบียดเบียนชาว บ้าน หรือแม้แต่เหยียบพืชผลข้าวโพดสาลีเสียแต่ต้นหนึ่ง ก็จะตัดศีรษะผู้นั้นเสีย พร้อมกับป่าวร้องให้ชาวบ้านกลับมาภูมิลำเนาเดิม ราษฎรพอรู้ว่าโจโฉสั่งทหารดังนั้น ต่างยินดีพากันสรรสริญโจโฉมหาอุปราชที่มีใจปรา ณีประชาชนหาใครเสมอเหมือน ถ้ามีการโหวตคะแนนนิยม โจโฉกับลูกพรรคจะได้คะแนนแดงเทือกท่วมท้นทุกเขตแคว้นอย่างมิพึงต้องสงสัย

ทหารนายกองต่างระมัดระวัง ถึงไร่สวนก็ลงจากหลังม้า จูงม้าค่อยแหวกต้นข้าวโพดสาลีด้วยเกรงอาญาโจโฉ ส่วนโจโฉขี่ม้าให้ทหารเลวคอยแหวกทางไปข้างหน้า พอดีม้าตื่นเพราะเสียงนก ม้าโจโฉเผ่นทะยานเข้าไปเหยียบพืชผลชาวบ้านเสียหายเป็นจำนวนมาก

โจโฉจึงคิดกุศโลบายหวังให้ผู้คนเห็นว่าตัวเองมีสัตย์ธรรม จึงให้นายทหารนายกองพิจารณาความผิดตน เมื่อผิดแล้วก็ต้องว่าไปตามผิด โจโฉทำเป็นชักกระบี่ที่เหน็บไว้ออกมาจะเชือดคอตนเอง กุยแกตกใจเข้ายุดกระบี่ไว้แล้วห้ามว่า ที่มหาอุปราชคิดทำดังนี้ก็ควรอยู่ แต่ตัวข้าฯกับแม่ทัพนายกองแลราษฎรทั้งปวงก็จะไร้ที่พึ่ง ความเดือดร้อนจะเกิดขึ้นทั่วแผ่นดิน โจโฉเหลี่ยมจัดทำเป็นทอดใจใหญ่แล้วจึงว่า ที่ท่านว่านั้นก็ชอบอยู่ แต่ท่านจะขอเป็นคำขาดมิได้ จำเราจะต้องทำให้เป็นตัวอย่าง ว่าแล้ว

โจโฉก็ยกกระบี่เฉือนผมบนศีรษะส่งให้ทหารเอาไปร้องประกาศโดยทั่วว่า มหาอุปราชกระทำผิดแล้วคิดจะทำโทษฆ่าตัวเสีย นายทัพนายกองทั้งปวงห้ามเอาไว้ มหาอุปราชจึงตัดผมออกแทนศีรษะให้คนทั้งปวงยึดเป็นธรรมเนียมเอาไว้ ทหารแลราษฎรทั้งปวงพากันสรรเสริญโจโฉมากขึ้นกว่าแต่ก่อน ทั้งยังยำเกรงความเข้มงวดในอาญาศึกของโจโฉเป็นอันมาก ในยามศึกแท้ๆ โจโฉก็มิวายที่จะเล่นการเมืองสร้างคะแนนนิยมให้กับตนเพื่อกลบเกลื่อนความชั่วอื่นๆ โจโฉจึงเร่งนำทัพทหารไปรบกับเตียวสิ้วหวังแก้แค้นที่แพ้ศึกเมื่อปีก่อน

แต่สงครามหนนี้เตียวสิ้วไม่หมูเหมือนปีก่อน มีกาเซี่ยงผู้ชำนาญในพิชัยสงครามคนหนึ่งของยุคนั้นเป็นกุนซือ อีกทั้งยังได้รับกำลังหนุนจากเล่าเปียวแห่งเมืองเกงจิ๋ว จึงตีทัพโจโฉแตกร่นไป โจโฉพยายามเข้าตีเมืองหลายครั้งแต่ไม่สำเร็จ เสบียงอาหารใกล้หมด จึงตกอยู่ในสถานการณ์ลำบาก

โจโฉสั่งให้อองเฮาผู้รับผิดชอบกองเสบียงลดส่วนอาหาร ทำให้ทหารไม่พอใจประท้วงกันทั้งค่าย โจโฉหมดทางเรียกอองเฮาเข้ามา ออกปากขอศีรษะอองเฮาให้เป็นแพะรับบาป รับหน้าทหารทั้งกองทัพที่ขาดเสบียงโดยป้ายความรับผิดชอบไปที่อองเฮา

ในขณะที่ทหารจะลงดาบตัดคออองเฮานั้น โจโฉได้แอบแหวกม่านดูการประหารลูกน้องผู้ไม่มีความผิด พลางพนมมือคารวะขออโหสิเซ่นวิญญาณอองเฮา แอบสั่งการลับให้เลี้ยงดูครอบครัวลูกเมียของอองเฮามิให้ขัดสนชั่วชีวิต นี่คือพฤติกรรมแสดงถึงความเหี้ยมโหดในกมลสันดานของโจโฉที่เห็นชีวิตคนไร้ค่าเป็นผักป
ลา เข้าแนวปรัชญาชีวิตของตน ที่ยอมฆ่าคนทั้งโลก แต่ไม่ยอมให้โลกทรยศ หรือแม้แต่เสียเปรียบโลกก็มิยอม

ในขณะที่โจโฉกำลังเข้าตาจน ม้าเร็วได้นำใบบอกจากพระนครฮูโต๋ว่า อ้วนเสี้ยวเจ้าเมืองกิจิ๋วกำลังเตรียมยกทัพมาประชิดพระนคร โจโฉรู้ว่าขืนยืนหยัดสู้รบกับเตี้ยวสิ้วต่อไปคงต้องเสียพระนครฮูโต๋แก่อ้วนเสี้ยวเป็
นแน่แท้ จึงสั่งให้ยกทัพกลับ ระหว่างทางผ่านมาที่ซึ่งเตียนอุยถูกฆ่าตาย โจโฉร้องไห้โฮ นายทหารพากันตกใจถามว่าท่านสมุหนายกร้องไห้ด้วยเหตุผลใด

โจโฉสะอื้นตอบว่า ข้าพเจ้าคิดถึงเตียนอุยซึ่งตายที่นี่เมื่อปีที่แล้ว โจโฉจึงให้แต่งโต๊ะรินสุราเซ่นไหว้เตียนอุยกับบรรดาทหารที่เสียชีวิตทั้งมวลในสมรภูม
ิครั้งนั้น รวมทั้งลูกกับหลานชายของตนด้วย บรรดาทหารทั้งปวงก็ร้องไห้ตามโจโฉ และรักเคารพโจโฉมากยิ่งขึ้นต่างเห็นเป็นนายที่เห็นความสำคัญของลูกน้องใต้บังคับบัญช


เมื่ออ้วนเสี้ยวรู้ข่าวโจโฉยกทัพกลับฮูโต๋ จึงมีหนังสือถึงโจโฉว่าจะยกทัพไปตีกองซุนจ้านเจ้าเมืองปักเป๋ง ขอให้โจโฉจัดทหารและเสบียงไปช่วย ถ้าขัดขืนจะยกทัพตีเมืองฮูโต๋ โจโฉอ่านหนังสือแล้วก็โกรธ จึงว่าอ้วนเสี้ยวโอหังนัก จะยกทัพไปจับมันฆ่าเสีย แต่ทหารเรามีน้อยและอิดโรย เห็นจะต้องงดเอาไว้ก่อน

กุยแกจึงว่า ครั้งพระเจ้าฮั่นโกโจกับพระเจ้าฌ้อปาอ๋องทำศึกกัน พระเจ้าฮั่นโกโจมีทหารน้อย แต่เอาชนะฌ้อปาอ๋องที่มีทหารมากกว่าหลายเท่าได้ด้วยสติปัญญา ข้าพเจ้าเห็นเหตุผลที่ฝ่ายเราจะชนะ 10 ประการ และเหตุผลที่อ้วนเสี้ยวจะแพ้ 10 ประการ โจโฉถามว่า ชนะ 10 ประการ แพ้ 10 ประการนั้นเป็นฉันใด ไหนเจ้าลองว่ามาซิ

กุยแกจึงว่า ท่านกับอ้วนเสี้ยว มีลักษณะผิดกัน 10 ประการในเชิงเปรียบเทียบดังนี้

1. อ้วนเสี้ยวเป็นคนเจ้ายศเจ้าอย่าง ถือตัวว่าข้าดีคนเดียว มิได้เอาความคิดผู้ใด ส่วนท่านมิได้ถือตัว ใจคอกว้างขวาง สิ่งใดที่ทำผู้น้อยขัดท่านว่าผิดแลชอบ ท่านก็เห็นด้วย มิได้ดูหมิ่นหยามใคร

2. อ้วนเสี้ยวเป็นคนเจ้าอารมณ์ คิดเอาแต่ได้ ทำการโดยโวหาร ส่วนท่านนั้นโอบอ้อมอารีต่อคนทั่วไป ทำการสิ่งใดก็ฟังเสียงคนทั้งปวงเป็นใหญ่ จึงมีผู้นิยมนับถือท่านมาก

3. อ้วนเสี้ยวบริหารบ้านเมืองไม่สิทธิ์ขาด ไม่เคร่งต่อตัวบทกฎหมาย ส่วนท่านบริหารบ้านเมืองด้วยความเข้มแข็งเด็ดขาด ยึดถือตัวบทกฎหมาย กิจการต่าง ๆ เรียบร้อย เป็นที่เคารพศรัทธามีสง่า

4. อ้วนเสี้ยวปากปราศรัย น้ำใจเชือดคอ เห็นแก่ญาติมิตร คนใช้ สารถีคนรถ ลูกเมียตัวเองร่ำรวยเป็นใหญ่ ส่วนท่านนั้นปากกับใจตรงกัน เข้าใจและใช้คนตามความสามารถ ตั้งอยู่บนความยุติธรรม ถึงญาติพี่น้องทำผิด ก็มิได้เข้าด้วย มิได้เห็นแก่หน้าผู้ใด

5. อ้วนเสี้ยวเพ้อฝัน โลเลตัดสินใจไม่เด็ดขาด ทำการสิ่งใด เอาดีเป็นร้าย เอาร้ายเป็นดี ขาดความเชื่อมั่นในตัวเอง ส่วนท่านนั้น มีสติปัญญาไหวพริบดี ตัดสินใจรวดเร็วเฉียบขาด ถูกมากกว่าผิด ทำให้การทุกอย่างดำเนินตามนโยบายลุล่วงด้วยดี

6. อ้วนเสี้ยวชุบเลี้ยงแต่พวกผู้ลากมากดี ชุบเลี้ยงผู้ใดมิเป็นส่ำ ต่อหน้าว่ารัก ลับหลังว่าชัง ส่วนท่านนั้น ชุบเลี้ยงดูคนตามความสามารถ รักผู้ใดก็รักโดยสุจริตทั้งต่อหน้าและลับหลัง

7. อ้วนเสี้ยวชอบคนประจบสอพลอ ใครอยู่ใกล้ก็ชอบผู้นั้น ใครอยู่ห่างถึงดีซื่อสัตย์แค่ไหนก็มีใจชัง ส่วนท่านนั้น ไม่ว่าคนใกล้หรือไกล ถ้าดีแล้ว ชุบเลี้ยงเสมอหน้า มิได้รังเกียจปูมหลังมาจากไหน

8. อ้วนเสี้ยวฟังความข้างเดียว หลงคำคนยุยง คิดผิด ทำผิดมิได้หยุด ส่วนท่านนั้น แม้จะมีคนเป่าหู แต่ก็เป็นตัวของตัวเอง คิดการหนักหน่วง เห็นว่าแน่นอนแล้วจึงจะทำการ

9. อ้วนเสี้ยวแยกผิดถูกไม่เป็น ส่วนท่านนั้น รู้ดีชั่ว รู้ถูกผิดอย่างแจ่มแจ้งชัดเจน

10. อ้วนเสี้ยวมิได้ชำนาญการศึก อ่อนในพิชัยสงคราม ทำศึกโดยประมาท มุ่งชนะเอาแต่ได้โดยมิรู้ชั้นเชิงข้าศึก ส่วนท่านนั้น ชำนาญในพิชัยสงคราม ถึงข้าศึกจำนวนมาก ท่านก็เอาชนะได้

โจโฉได้ฟังที่กุยแกพูดก็หัวเราะชอบใจ บอกว่าท่านกุยแกยกย่องข้าฯ มากเกินไปเสียแล้ว

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ตัวอย่างกระทู้ธรรม ธรรมศึกษาชั้นตรี 5

I miss you all กับ I miss all of you ต่างกันอย่างไร

ปัญหาและเฉลยวิชาธรรม นักธรรมชั้นโท สอบในสนามหลวง วันเสาร์ ที่ ๑๙ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๔๘