บทที่ 20 เสือตัวนี้ต้องฆ่า แต่มิใช่ฆ่าตอนนี้

สถานการณ์การเมืองในดินแดนจีนยุคนั้น แม้จะไม่มีสงคราม แต่ก็ไม่มีสันติภาพ แต่ละหัวเมืองต่างส้องสุมกำลังคอยจ้องจะแย่งชิงดินแดน สร้างสมอำนาจกันอย่างเอาเป็นเอาตาย มีโจโฉเป็นเผด็จการอยู่ในเมืองหลวงฮูโต๋ ยึดอำนาจเหนือพระเจ้าเหี้ยนเต้ ลอบออกพระบรมราชโองการสั่งการโดยพละการตลอดเวลา

อยู่มาวันหนึ่ง ลิโป้ที่ยึดเมืองชีจิ๋วสั่งการให้ซงเหียนกับงุยซกไปกว้านซื้อม้าที่เมืองซัวตั๋ง ได้ม้ามา 300 ตัว ตกกลางคืนมีคนร้ายแอบตีชิงเอาม้าไปครึ่งหนึ่ง สืบได้ความว่าเตียวหุยน้องเล่าปี่ คุมพรรคพวกปลอมตัวเป็นโจรป่ามาแย่งชิงเอาม้าไป ลิโป้ไม่ชอบหน้าเตียวหุยเป็นทุนอยู่แล้วได้ยินดังนั้นก็โกรธ จัดแจงทหารพร้อมแล้วก็ยกไปเมืองเสียวพ่าย เพื่อจับเตียวหุยกับพวกที่เป็นโจร

เล่าปี่รู้ความก็ตกใจคุมทหารออกมาตั้งรับ ร้องถามลิโป้ว่า ที่ท่านยกกองทัพมานี้ด้วยเหตุใด ลิโป้ยกแส้ม้าชี้หน้าเล่าปี่แล้วร้องว่า ครั้งกิเหลงยกทัพมารบเสียวพ่าย เราได้ช่วยคิดอ่านแก้ไขท่านจึงรอดชีวิต แต่มิรู้จักบุญคุณคน ควรหรือมาตีชิงปล้นเอาม้าของเราไป

เตียวหุยได้ยินลิโป้กล่าวหยาบช้าแก่เล่าปี่ก็โกรธ มิทันที่เล่าปี่จะตอบ เตียวหุยร้องตอบลิโป้ว่า ตัวกูนี่แหละเว้ยไปตีชิงเอาม้ามึง แล้วมึงจะทำไมกู ทีมึงตีชิงเอาเมืองชีจิ๋วของพี่กูไป มึงคิดว่ากูไม่โกรธมึงหรอกหรือ ลิโป้ได้ยินดังนั้นก็บันดาลโทสะ ขับม้าออกรบกับเตียวหุยได้ร้อยเพลง เล่าปี่เกรงเตียวหุยจะเสียที สั่งให้ตีม้าล่อขึ้นยกทัพกลับเข้าเมือง ลิโป้จึงเข้าล้อมเมืองไว้ทั้งสี่ด้าน

เข้ามาในเมืองเล่าปี่จึงบอกเตียวหุยให้รู้ว่า ที่เกิดเหตุใหญ่เพราะตัวไปชิงเอาม้าลิโป้ เมื่อถูกคาดคั้นหนักเตียวหุยยอมคลายบอกที่ซ่อนม้าที่วัดก๊กอี้บนเนินเขา เล่าปี่จึงสั่งให้ทหารออกไปขอขมาลิโป้ เอาม้าที่เตียวหุยยึดมาไปคืน ลิโป้จึงค่อยคลายโกรธ แต่ตันก๋งกลับแนะว่า เหตุการณ์มาถึงขั้นนี้ ท่านจะรั้งรออยู่ทำไม ควรกำจัดเล่าปี่เสียตอนนี้ จะได้สิ้นเสี้ยนหนามที่จะคอยทำอันตรายแก่ท่าน ลิโป้เห็นชอบด้วย สั่งทหารเข้าตีเมืองเสียวพ่าย

ทัพเล่าปี่อ่อนกำลังกว่าต้านลิโป้ไม่ได้ บิต๊กกับซุนเขียนสองกุนซือจึงแนะนำเล่าปี่ว่า ศัตรูของศัตรูคือมิตรของเรา โจโฉมีความพยาบาทลิโป้อยู่ เราควรตีฝ่าหนีออกไปเมืองฮูโต๋ ขอทหารโจโฉแล้วจึงยกกลับมารบกับลิโป้ เล่าปี่เห็นชอบด้วยตกยามสามเดือนสว่างให้เตียวหุยเป็นกองหน้า กวนอูเป็นกองหลัง เล่าปี่กับครอบครัวอยู่กองกลาง ตีฝ่าวงล้อมมุ่งไปตั้งอยู่นอกเมืองฮูโต๋ เมืองเสียวพ่ายจึงตกเป็นของลิโป้ตั้งแต่นั้นมา

เล่าปี่สั่งให้ซุนเขียนเข้าไปแจ้งแก่โจโฉว่า ลิโป้ยกมาตีเมืองเสียวพ่ายแตก จึงหนีมาเพื่อขอพึ่งอยู่ด้วยกับท่าน โจโฉมีความยินดีแสดงใจนักเลง แต่งทหารออกไปรับเล่าปี่เข้ามาในเมืองแล้วว่า เล่าปี่อุปมาเหมือนหนึ่งคนแซ่เดียวกัน ทั้งสองฝ่ายต่างถ้อยทีถ้อยอาศัย โจโฉจึงบอกแก่เล่าปี่มิพึงต้องทุกข์ใจ เราจะช่วยท่านยกทัพไปตีชิงเมืองชีจิ๋วกำจัดลิโป้เสียให้ได้ เล่าปี่คำนับขอบใจโจโฉ แล้วก็ลากลับมายังค่ายทัพนอกเมือง

ลับหลังเล่าปี่ ซุนฮกแนะนำโจโฉว่า เล่าปี่มันเป็นมังกรเหมือนกัน มิควรคบไว้นานไปจะเป็นภัย บัดนี้เล่าปี่ตกอับมาอยู่ในเงื้อมมือเราควรจะฆ่าเสีย โจโฉไม่เห็นด้วยก็นิ่งฟัง ซุนฮกก็ลาไป กุยแกจึงว่าที่ซุนฮกแนะให้ฆ่าเล่าปี่นั้น มิอาจเห็นด้วย ทุกวันนี้ท่านโจโฉคิดการใหญ่ ควรหาผู้มีสติปัญญามาร่วมคิดการด้วยถึงจะถูก การฆ่าศัตรูเพียงคนเดียว แต่สูญเสียศรัทธาไปทั่วมิคุ้มกัน

เล่าปี่เป็นคนมีสติปัญญา หนีร้อนมาพึ่งเย็น ถ้าท่านสั่งฆ่าเล่าปี่ คนทั้งปวงที่หมายมีใจจะมาร่วมการด้วยก็จะกลับใจ สวนทางกับความรู้สึกนึกคิดประชานิยม โจโฉเห็นด้วยกับกุยแกจึงว่า ความคิดของท่านตรงกับใจข้า ครั้นเวลาเช้าโจโฉเข้าเฝ้าพระเจ้าเหี้ยนเต้ กราบบังคมทูลเรื่องราวทั้งหมด ขอตั้งเล่าปี่เป็นเจ้าเมืองอิจิ๋ว พระเจ้าเหี้ยนเต้ก็โปรดให้ตามที่โจโฉกราบบังคมทูล

เทียหยกกุนซืออีกคนหนึ่งของโจโฉจึงท้วงติงว่า เล่าปี่เป็นคนเก่งมีสติปัญญา มีหรือจะเป็นผู้น้อยอยู่ใต้บังคับบัญชาของใครนั้นหามิได้ นานไปจะเอาใจออกห่าง ให้ครองพื้นที่เท่ากับเลี้ยงเสือ ท่านจงจับตัวเล่าปี่ฆ่าเสียจึงจะถูก

โจโฉกำลังอยู่ในอารมณ์อยากใช้นอมินีจึงตัดบทว่า เสือตัวนี้เราต้องฆ่า แต่มิใช่ฆ่าตอนนี้ เรากำลังคิดการใหญ่ ต้องเอาใจดึงคนมีสติปัญญามาไว้ใช้งาน ถ้าฆ่าเล่าปี่คนทั้งปวงรู้เข้าก็จะเสียใจ อีกทั้งกุยแกก็เห็นด้วยเรื่องนี้มิต้องพูดท้วงติงอีกแล้ว วันต่อมาโจโฉจึงจัดทหารสามพันให้แก่เล่าปี่ ตั้งให้เป็นเจ้าเมืองอิจิ๋ว กำชับเล่าปี่ เมื่อได้จังหวะจึงยกไปตีเมืองเสียวพ่าย เกลี้ยกล่อมผู้คนจะได้เป็นกองกำลังไปกำจัดลิโป้ที่เมืองชีจิ๋ว เล่าปี่รับคำโจโฉ คำนับแล้วลาไปตั้งอยู่ที่เมืองอิจิ๋ว

การตัดสินใจช่วยเล่าปี่ของโจโฉ ลึกๆ ในใจโจโฉก็มิได้ไว้วางใจในตัวเล่าปี่มากมายนัก แต่เป็นกุศลกรรมของเล่าปี่ได้ทำไว้แต่หนหลัง การปราบโจรโพกผ้าเหลืองอย่างมีผล ความสุภาพอ่อมน้อมถ่อมตนในช่วงที่ร่วมทัพ 18 หัวเมืองภายใต้ร่มธงของกองซุนจ้าน ความห้าวหาญของกวนอู เตียวหุย ในการสู้รบกับทัพตั๋งโต๊ะกับลิโป้

ทั้งหมดนี้ยังตรึงประทับใจโจโฉอยู่มิคลาย โจโฉเป็นผู้นำที่มีวิสัยทัศน์อยากได้คนเก่งมีฝีมือกอปรด้วยสติปัญญามาร่วมงานด้วย อีกทั้งยังเห็นว่าเล่าปี่กับน้องทั้งสองมีฝีมือทางการสู้รบที่เคยพิสูจน์มาให้เห็นกั
นจะๆ มาแล้ว เอาไว้ใช้เพื่อกำจัดลิโป้ อ้วนสุด อ้วนเสี้ยวกับม้าเท้ง รวมทั้งกองกำลังต่างๆ ที่แข็งเมืองขึ้นได้ในอนาคตโดยที่ตัวโจโฉเองเพียงแต่คอยชักใยอยู่เบื้องหลังมิต้องลำ
บากออกหน้า

นี่คือมุมมองเหนือชั้นของโจโฉที่กุนซือหลายคนมองข้าม นโยบายการสร้างนอมินีของโจโฉ จึงเป็นนโยบายที่ถูกต้องตามสถานการณ์ในขณะ นั้น โดยมิต้องต่อท่อให้เปลืองเงินจากท้องพระคลังมากมายนัก เพราะแนวนโยบายกับปูมหลังของเล่าปี่ก็มิใช่คนทุจริตฉ้อราษฎร์บังหลวงในทุกครั้งที่มี
โอกาส ไม่เคยมีประวัติทางการเมืองที่ชอบไข่เน่าๆ ไว้แล้วทิ้ง ปล่อยให้กาลเวลากับความอ่อนแอของกฎหมายตรวจสอบล้าไป กลบความไม่ถูกต้องของพรรคพวกและของตัวเองตามธรรมชาติความอ่อนแอ่ของการปกครอง อีกทั้งเล่าปี่กับพวกต่างยึดมั่นในปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงอยู่แล้ว โจโฉคิดได้ดังนี้จึงกระหยิ่มใจที่ตนจะหลอกใช้เล่าปี่ได้สำเร็จ ขณะเดียวกันภายในใจของเล่าปี่ก็นึกกระหยิ่มที่มาพึ่งใบบุญโจโฉ กับหลอกใช้โจโฉในครั้งนี้ได้สำเร็จเช่นกัน

นอกจากได้กองกำลังของเล่าปี่มาเป็นพวกแล้ว โจโฉยังตั้งหน้าตั้งตาเสาะแสวงหาคนดีมีสติปํญญาและคนมีฝีมือมาไว้เป็นพวก เลี้ยงดูผู้อยู่ใต้บังคับบัญชาด้วยความรักใคร่ไว้วางใจ ฝ่ายบุ๋นกุนซือล้วนเป็นคนมีปัญญาวิชามารครบเครื่องอาทิ ซุนฮก ซุนฮิว กุยแก เทียหยก รองลงไปก็มี ลิยอยกับหมันทอง โจโฉเลือกกุนซือโดยพยายามเลือกคนที่ไม่มีความไฝ่สูงทางการเมือง โจโฉรู้ว่า ถ้าคนที่มีความฝักไฝ่ทางการเมือง ผู้นั้นย่อมนำพาตนเองไปสู่ความมักใหญ่ไฝ่สูง คอรัปชั่นฉ้อราษฎร์บังหลวง โอกาสที่จะทรยศหักหลังผู้คนแลผู้บังคับบัญชาจะมีสูงกว่าคนที่ไม่มีความทะเยอทะยานทาง
การเมือง

ทางด้านฝ่ายบู๊ คนดีมีฝีมือที่โจโฉรักใคร่นับถือมากที่สุดได้แก่ เตียนอุยชาวเมืองตันลิว แฮหัวตุ้นนายทหารเอกญาติโจโฉนำมาฝาก เตียนอุยเป็นคนร่างใหญ่ กล้าหาญเข้มแข็ง เป็นนักฆ่าคนแก้แค้นแทนเพื่อน ฆ่าแล้วตัดศีรษะหิ้วเข้าตลาด ผู้คนมิกล้าเข้าใกล้ ชำนาญถือหอก 2 ง่ามหนัก 80 ชั่ง ขึ้นม้าชอบหนีบอาวุธไว้กับตัว ครั้งหนึ่งลมพายุพัดจัด เสาธงใหญ่หน้าค่ายเอนจะล้มลง เตียนอุยใช้มือข้างเดียวยันเสาธงขึ้นตรงดังเก่าได้อย่างง่ายดาย และเตียนอุยคนนี้แหละที่เคยช่วยชีวิตโจโฉรอดพ้นจากลิโป้ที่ปักเอี้ยง

โจโฉเชื่อในปรัชญาเดียวกันกับอริสโตเติลที่บอกว่า ความดีของมนุษย์ต้องสิ้นสุด เมื่อเริ่มเล่นการเมือง การเลือกนายทหารโจโฉจึงเลือกบุคลากรที่เป็นทหารอาชีพ มีจิตวิญญาณเป็นทหารจริง ๆ โดยไม่ไฝ่โลภทางการเมือง บทเรียนชีวิตในอดีตของโจโฉผ่านประสบการณ์เลวร้ายจากการกระทำของบรรดาแม่ทัพนายกอง ที่นำการเมืองเข้ามาปะปน จนกลายเป็นกองทัพแห่งความโลภขวนขวายอันมิรู้สิ้นสุด โจโฉได้รับบทเรียนชีวิต ได้ เห็นผู้นำหลายคน ถูกทำลายจากความคิดผิดๆ ทางการเมืองทั้งสิ้น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ตัวอย่างกระทู้ธรรม ธรรมศึกษาชั้นตรี 5

I miss you all กับ I miss all of you ต่างกันอย่างไร

ปัญหาและเฉลยวิชาธรรม นักธรรมชั้นโท สอบในสนามหลวง วันเสาร์ ที่ ๑๙ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๔๘