สามก๊ก ฉบับนักบริหาร : บทที่ 1 กลุ่มม็อบโจรโพกผ้าเหลือง
แผ่นดินจีนนี้กว้างใหญ่ มวลชนมากมายหลายเผ่าพันธุ์ แต่ก็หนีหลีกพ้นจากทฤษฎีแห่งวิภาษวิธี (Dialectic Theory) วัฏจักรแห่งวิวัฒนาการของสังคมมนุษย์หาได้ไม่ ตามที่มีปรากฏคำจารึกโบราณในข้อเขียนของบัณฑิตในยุคก่อนซานกวั๊ะเอี๋ยนอี้ว่า สถานการณ์ในแผ่นดินนี้ เมื่อแตกแยกมานาน ก็จักรวมสมาน รวมสมานมานาน ก็จักแตกแยก ยุคชุนชิว 5 อธิราชแย่งชิงความเป็นใหญ่ ยุคจ้านกั๋วแผ่นดินจีนแยกออกเป็น 7 ก๊กเรืองอำนาจ ก่อสงครามแย่งชิงความเป็นใหญ่เป็นเวลายาวนานถึงกว่า 500 ปี
มาถึงยุคจิ๋น ก๊กจิ๋นของจักรพรรดิจิ๋นซีฮ่องเต้รวมแผ่นดินจีนเป็นเอกภาพได้ แต่ก็อยู่ไม่นาน หลังราชวงศ์จิ๋นสิ้นอำนาจก็เกิดสงครามระหว่างก๊กฌ้อกับก๊กฮั่น-(ฌ้อปาอ๋องกับเล่าปัง) ท้ายที่สุดก๊กฮั่นเป็นฝ่ายชนะ เล่าปังเป็นผู้นำที่บริหารการศึกสงครามเหนือกว่า รู้จักบริหารทรัพยากรมนุษย์ได้ดีกว่าจึงเป็นฝ่ายชนะ มาถึงยุคตงฮั่นจึงได้สถาปนาขึ้นเป็นปฐมวงศ์ฮั่นพระนามว่า พระเจ้าฮั่นโกโจฮ่องเต้ในปี พ.ศ. 631
ราชวงศ์ฮั่นสืบราชสันตติวงศ์ต่อเนื่องมา จนถึงรัชสมัยยุวกษัตริย์มีพระนามว่า ฮั่นบูเต้ ทรงพระชันษาเพียง 10 พรรษาขึ้นครองราชย์ กลุ่มขันทีในราชสำนักกำเริบเสิบสาน ทำการโค่นอำนาจตู้ไทเฮากับตู้เสียนพี่ชายลงได้ ยึดกุมอำนาจบริหารราชการแผ่นดิน หลังจากนั้นได้เกิดการช่วงชิงอำนาจผลัดแผ่นดินกันบ่อยครั้ง มีการสถาปนาองค์ฮ่องเต้ล้วนแต่เป็นยุวกษัตริย์ ด้วยกลยุทธ์ตัวแทนนอมินีแฝงตัวใช้อำนาจบริหารราชการแผ่นดินหลังม่าน นับแต่พระเจ้าอันเต้ ซุ่นเต้ จื้อเต้ ล้วนเป็นยุวกษัตริย์ที่ถูกใช้เป็นหุ่นเชิด บางองค์ถูกปลงพระชนม์ด้วยยาพิษกับวิธีการอื่น ๆ ในการยึดอำนาจผลัดแผ่นดิน
มาถึงรัชสมัยพระเจ้าฮวนเต้(พ.ศ. 690) หาพระราชบุตรมิได้ ทรงขอเลนเต้สามัญชนบุตรขุนนางชายแดนมาเลี้ยง จนเลนเต้ได้เสวยราชย์ (พ.ศ. 711) มีพระราชบุตรสององค์ คือ หองจูเปียน กับหองจูเหียบ พระเจ้าเลนเต้ด้อยความสามารถ มิได้ตั้งอยู่ในโบราณราชประเพณี กาลวิบัติของฮ่องเต้องค์นี้ เกิดขึ้นจากข้าราชบริพารที่อยู่แวดล้อมมิได้เป็นคนดีมีศีลสัตย์ ฉาบหน้าล้วนวางท่ามีเกียรติ แฝงอุดมด้วยวาระซ่อนเร้น ยึดถือประโยชน์ส่วนตน มิได้สนใจในทุกข์สุขของประชาราษฏร์
ฮ่องเต้กับโฮเฮาอัครมเหสี รวมทั้งตังไทฮอพระราชมารดาคนสามัญ หลงเชื่อ ฟังแต่พวกขันทีประจบสอพลอ ยกย่องขันทีให้เป็นใหญ่ในแผ่นดินยิ่งกว่าขุนนางทั้งปวง พระเจ้าเลนเต้ทรงมีอำนาจราชศักดิ์ แต่ทรงบริหารราชการแผ่นดินกับอำนาจที่พระองค์มีอยู่ไม่เป็น ที่ควรแข็งมิแข็ง ที่ควรอ่อนมิอ่อน อีกทั้งยังได้แม่ทัพชื่อโฮจิ๋น เป็นพี่ชายของอัครมเหสีโฮเฮา มีรากเหง้ามาจากคนฆ่าสัตว์ขายหมู เป็นคนทึ่ม ไร้ความรู้ทางการทหารและการปกครองบ้านเมือง คนในราชสำนักรวมทั้งพวกขันทีทั้ง 10 มิได้ซื่อสัตย์ต่อหน้าที่ รับสินบาทคาดสินบน บิดเบือนคำเพ็ดทูล จริงเป็นเท็จ เท็จเป็นจริง ชอบเป็นผิด และผิดเป็นชอบ
ขุนนางตงฉินใหญ่ที่ซื่อสัตย์รักความยุติธรรมยังหลงเหลืออยู่บ้าง มิยอมเข้าด้วยกับระบบสายอำนาจที่ไร้ธรรมมิยอมเข้าด้วย ขุนนางดี ๆ จึงมักถูกถอด ถูกขับออกจากราชการ หรือไม่ก็ถูกหาเหตุบีบให้ลาออก ราชการบ้านเมืองจึงแปรปรวน ความเป็นธรรมหาได้ยากในแผ่นดิน เบื้องบนเป็นตัวอย่าง เบื้องล่างจึ่งชอบทำตาม บรรดาขุนศึกต่างตั้งตัวเป็นใหญ่ ผู้มีฐานะดีมีเงินต่างปรับตัวกลายเป็นอิทธิพลท้องถิ่น ใช้อำนาจกดขี่ข่มเหงราษฎร แย่งยึดที่ดินทำกินของสุจริตชน อาณาประ ชาราษฎร์เดือดร้อนทุกหย่อมหญ้า
นับวันอำนาจรัฐเริ่มอ่อนแอ กลุ่มอิทธิพลจับสายโยงประโยชน์กับขุนนางต่อท่อ ปลุกม็อบให้ราษฎรลุกขึ้นต่อต้าน ทีแรกว่าจ้างม็อบคนละ 300 อีแปะบ้าง 500 อีแปะ รวมข้าวห่อกับกระบอกน้ำต่อการชุมนุมแต่ละครั้ง จนกลุ่มม็อบขยายใหญ่มากขึ้นทุกวัน หัวหน้าแกนนำปลุกระดมมวลชน ก่อม็อบปลุกม็อบ ทุกแห่งหนมีแต่การสร้างภาพ อ้างคุณธรรมจอมปลอม อ้างทำเพื่อประชาชน อ้างทำเพื่อแผ่นดิน หาคนที่มีจริยธรรม คุณธรรมและความสัตย์ซื่อต่อแผ่นดินแทบไม่มี นับวันความแตกร้าวในสังคมมีมากขึ้น ความโกลาหลบนแผ่นดินจึงมิอาจหลีกเลี่ยงได้
บ้านเมืองที่เกิดกลียุค กฎหมายขาดความศักดิ์สิทธิ์ คนในชาติแบ่งแยกออกเป็นก๊กเป็นก๊วน ตำแหน่งขุนนาง ตำแหน่งนายอำเภอ ตำแหน่งเจ้าเมืองสามารถหาซื้อได้ด้วยการติดสินบนขุนนางชั่วรวมทั้งพวก 10 ขันทีในราชสำนัก เมื่อตำแหน่งที่ได้มานั้นต้องลงทุนสูง เมื่ออยู่ในตำแหน่งจึงต้องหาทางถอนทุนคืนในทุกวิถีทางที่มือจะเอื้อมไปถึงได้
สังคมมีแต่อำนาจเถื่อน เอารัดเอาเปรียบกัน กฎเกณฑ์สังคมเต็มไปด้วยมาตรฐานซ้ำซ้อน หันไปทางไหนจะพบแต่การฉ้อราษฎร์บังหลวง ผู้คนในสังคมภายใต้ระบบนี้ ต่างยึดคติพจน์ นกยังต้องหาที่เหมาะสำหรับทำรัง ไม่พันธุ์ดี ต้องได้ดินดี ถึงจะเจริญงอกงามได้ การวิ่งเข้าหาสายอำนาจ กับการหาโอกาสให้แก่ตัวเอง กลายเป็น Social Norm อันเป็นปรกติวิสัยของคนยุคนั้น
เมื่ออำนาจรัฐเสื่อม แผ่นดินจีนยุคนั้นจึงร้อนระอุด้วยไฟแห่งการก่อขบถจลาจล มีกลุ่มของเตียวก๊กที่มาจากกลุ่มวังลิก๊กกุ๋นกำเริบเสิบสานมากที่สุด ให้อ้วนยี่เอาเงินทองไปติดสินบนฮองสีขันทีให้เป็นไส้ศึก คอยคาบข่าวที่ออกมาจากราชสำนัก เตียวก๊กเมื่อกำหนดวันก่อการแล้ว จึงให้ตองจิ๋วคนสนิทถือหนังสือลับไปนัดหมายกับฮองสีขันที ตองจิ๋วกลับทรยศเอาหนังสือลับไปขายให้ขุนนาง ความแตกพระเจ้าเลนเต้ทรงให้ขุนพลโฮจิ๋นพี่ชายโฮเฮาออกปราบจลาจล จับอ้วนยี่ฆ่าเสีย แล้วจับฮองสีขันทีโยนไปตายในคุก
เมื่อเหตุการณ์แปรผันข่าวการก่อการรั่วไหล เตียวก๊กตกกระไดพลอยโจนประกาศแข็งเมืองตั้งตัวเองขึ้นเป็นเทียนจงกุ๋น หรือเจ้าพระยาสวรรค์ มีกำลังพลสี่สิบห้าหมื่น แจกผ้าเหลืองให้โพกหัวเป็นเครื่องหมาย ชาวบ้านที่ไม่มีอะไรจะเสียมากไปกว่านี้อีกแล้ว รวมทั้งผู้อดอยากหิวโหยหลายหมื่นคน เริ่มนับถือเลื่อมใสเตียวก๊ก อาสาสมัครเป็นทหารกบฏเพิ่มมากขึ้น
ม็อบโพกผ้าเหลืองชูธงลุกขึ้นสู้ ในเดือนอ้าย พ.ศ. 427 โจรโพกผ้าเหลืองก่อกบฏเต็มรูปแบบ บุกสังหารปล้นเผาจวนขุนนาง แต่ละครั้งที่บุกโจมตี จะพากันร้องตะโกนสะโลแกนด้วยเสียงอันดัง "ฟ้าครามสิ้นแล้ว ฟ้าเหลืองขึ้นแทน ปีชวดนี้แล ใต้ฟ้ารุ่งเรือง" ไฟสงครามลามไหม้ เพียง 10 วันม็อบป่วนขยายไปทั่ว สั่นสะเทือนไปถึงราชธานี ลำพังแต่กองกำลังทหารหลวงไม่อาจจะปราบให้สงบราบคาบได้
มาถึงยุคจิ๋น ก๊กจิ๋นของจักรพรรดิจิ๋นซีฮ่องเต้รวมแผ่นดินจีนเป็นเอกภาพได้ แต่ก็อยู่ไม่นาน หลังราชวงศ์จิ๋นสิ้นอำนาจก็เกิดสงครามระหว่างก๊กฌ้อกับก๊กฮั่น-(ฌ้อปาอ๋องกับเล่าปัง) ท้ายที่สุดก๊กฮั่นเป็นฝ่ายชนะ เล่าปังเป็นผู้นำที่บริหารการศึกสงครามเหนือกว่า รู้จักบริหารทรัพยากรมนุษย์ได้ดีกว่าจึงเป็นฝ่ายชนะ มาถึงยุคตงฮั่นจึงได้สถาปนาขึ้นเป็นปฐมวงศ์ฮั่นพระนามว่า พระเจ้าฮั่นโกโจฮ่องเต้ในปี พ.ศ. 631
ราชวงศ์ฮั่นสืบราชสันตติวงศ์ต่อเนื่องมา จนถึงรัชสมัยยุวกษัตริย์มีพระนามว่า ฮั่นบูเต้ ทรงพระชันษาเพียง 10 พรรษาขึ้นครองราชย์ กลุ่มขันทีในราชสำนักกำเริบเสิบสาน ทำการโค่นอำนาจตู้ไทเฮากับตู้เสียนพี่ชายลงได้ ยึดกุมอำนาจบริหารราชการแผ่นดิน หลังจากนั้นได้เกิดการช่วงชิงอำนาจผลัดแผ่นดินกันบ่อยครั้ง มีการสถาปนาองค์ฮ่องเต้ล้วนแต่เป็นยุวกษัตริย์ ด้วยกลยุทธ์ตัวแทนนอมินีแฝงตัวใช้อำนาจบริหารราชการแผ่นดินหลังม่าน นับแต่พระเจ้าอันเต้ ซุ่นเต้ จื้อเต้ ล้วนเป็นยุวกษัตริย์ที่ถูกใช้เป็นหุ่นเชิด บางองค์ถูกปลงพระชนม์ด้วยยาพิษกับวิธีการอื่น ๆ ในการยึดอำนาจผลัดแผ่นดิน
มาถึงรัชสมัยพระเจ้าฮวนเต้(พ.ศ. 690) หาพระราชบุตรมิได้ ทรงขอเลนเต้สามัญชนบุตรขุนนางชายแดนมาเลี้ยง จนเลนเต้ได้เสวยราชย์ (พ.ศ. 711) มีพระราชบุตรสององค์ คือ หองจูเปียน กับหองจูเหียบ พระเจ้าเลนเต้ด้อยความสามารถ มิได้ตั้งอยู่ในโบราณราชประเพณี กาลวิบัติของฮ่องเต้องค์นี้ เกิดขึ้นจากข้าราชบริพารที่อยู่แวดล้อมมิได้เป็นคนดีมีศีลสัตย์ ฉาบหน้าล้วนวางท่ามีเกียรติ แฝงอุดมด้วยวาระซ่อนเร้น ยึดถือประโยชน์ส่วนตน มิได้สนใจในทุกข์สุขของประชาราษฏร์
ฮ่องเต้กับโฮเฮาอัครมเหสี รวมทั้งตังไทฮอพระราชมารดาคนสามัญ หลงเชื่อ ฟังแต่พวกขันทีประจบสอพลอ ยกย่องขันทีให้เป็นใหญ่ในแผ่นดินยิ่งกว่าขุนนางทั้งปวง พระเจ้าเลนเต้ทรงมีอำนาจราชศักดิ์ แต่ทรงบริหารราชการแผ่นดินกับอำนาจที่พระองค์มีอยู่ไม่เป็น ที่ควรแข็งมิแข็ง ที่ควรอ่อนมิอ่อน อีกทั้งยังได้แม่ทัพชื่อโฮจิ๋น เป็นพี่ชายของอัครมเหสีโฮเฮา มีรากเหง้ามาจากคนฆ่าสัตว์ขายหมู เป็นคนทึ่ม ไร้ความรู้ทางการทหารและการปกครองบ้านเมือง คนในราชสำนักรวมทั้งพวกขันทีทั้ง 10 มิได้ซื่อสัตย์ต่อหน้าที่ รับสินบาทคาดสินบน บิดเบือนคำเพ็ดทูล จริงเป็นเท็จ เท็จเป็นจริง ชอบเป็นผิด และผิดเป็นชอบ
ขุนนางตงฉินใหญ่ที่ซื่อสัตย์รักความยุติธรรมยังหลงเหลืออยู่บ้าง มิยอมเข้าด้วยกับระบบสายอำนาจที่ไร้ธรรมมิยอมเข้าด้วย ขุนนางดี ๆ จึงมักถูกถอด ถูกขับออกจากราชการ หรือไม่ก็ถูกหาเหตุบีบให้ลาออก ราชการบ้านเมืองจึงแปรปรวน ความเป็นธรรมหาได้ยากในแผ่นดิน เบื้องบนเป็นตัวอย่าง เบื้องล่างจึ่งชอบทำตาม บรรดาขุนศึกต่างตั้งตัวเป็นใหญ่ ผู้มีฐานะดีมีเงินต่างปรับตัวกลายเป็นอิทธิพลท้องถิ่น ใช้อำนาจกดขี่ข่มเหงราษฎร แย่งยึดที่ดินทำกินของสุจริตชน อาณาประ ชาราษฎร์เดือดร้อนทุกหย่อมหญ้า
นับวันอำนาจรัฐเริ่มอ่อนแอ กลุ่มอิทธิพลจับสายโยงประโยชน์กับขุนนางต่อท่อ ปลุกม็อบให้ราษฎรลุกขึ้นต่อต้าน ทีแรกว่าจ้างม็อบคนละ 300 อีแปะบ้าง 500 อีแปะ รวมข้าวห่อกับกระบอกน้ำต่อการชุมนุมแต่ละครั้ง จนกลุ่มม็อบขยายใหญ่มากขึ้นทุกวัน หัวหน้าแกนนำปลุกระดมมวลชน ก่อม็อบปลุกม็อบ ทุกแห่งหนมีแต่การสร้างภาพ อ้างคุณธรรมจอมปลอม อ้างทำเพื่อประชาชน อ้างทำเพื่อแผ่นดิน หาคนที่มีจริยธรรม คุณธรรมและความสัตย์ซื่อต่อแผ่นดินแทบไม่มี นับวันความแตกร้าวในสังคมมีมากขึ้น ความโกลาหลบนแผ่นดินจึงมิอาจหลีกเลี่ยงได้
บ้านเมืองที่เกิดกลียุค กฎหมายขาดความศักดิ์สิทธิ์ คนในชาติแบ่งแยกออกเป็นก๊กเป็นก๊วน ตำแหน่งขุนนาง ตำแหน่งนายอำเภอ ตำแหน่งเจ้าเมืองสามารถหาซื้อได้ด้วยการติดสินบนขุนนางชั่วรวมทั้งพวก 10 ขันทีในราชสำนัก เมื่อตำแหน่งที่ได้มานั้นต้องลงทุนสูง เมื่ออยู่ในตำแหน่งจึงต้องหาทางถอนทุนคืนในทุกวิถีทางที่มือจะเอื้อมไปถึงได้
สังคมมีแต่อำนาจเถื่อน เอารัดเอาเปรียบกัน กฎเกณฑ์สังคมเต็มไปด้วยมาตรฐานซ้ำซ้อน หันไปทางไหนจะพบแต่การฉ้อราษฎร์บังหลวง ผู้คนในสังคมภายใต้ระบบนี้ ต่างยึดคติพจน์ นกยังต้องหาที่เหมาะสำหรับทำรัง ไม่พันธุ์ดี ต้องได้ดินดี ถึงจะเจริญงอกงามได้ การวิ่งเข้าหาสายอำนาจ กับการหาโอกาสให้แก่ตัวเอง กลายเป็น Social Norm อันเป็นปรกติวิสัยของคนยุคนั้น
เมื่ออำนาจรัฐเสื่อม แผ่นดินจีนยุคนั้นจึงร้อนระอุด้วยไฟแห่งการก่อขบถจลาจล มีกลุ่มของเตียวก๊กที่มาจากกลุ่มวังลิก๊กกุ๋นกำเริบเสิบสานมากที่สุด ให้อ้วนยี่เอาเงินทองไปติดสินบนฮองสีขันทีให้เป็นไส้ศึก คอยคาบข่าวที่ออกมาจากราชสำนัก เตียวก๊กเมื่อกำหนดวันก่อการแล้ว จึงให้ตองจิ๋วคนสนิทถือหนังสือลับไปนัดหมายกับฮองสีขันที ตองจิ๋วกลับทรยศเอาหนังสือลับไปขายให้ขุนนาง ความแตกพระเจ้าเลนเต้ทรงให้ขุนพลโฮจิ๋นพี่ชายโฮเฮาออกปราบจลาจล จับอ้วนยี่ฆ่าเสีย แล้วจับฮองสีขันทีโยนไปตายในคุก
เมื่อเหตุการณ์แปรผันข่าวการก่อการรั่วไหล เตียวก๊กตกกระไดพลอยโจนประกาศแข็งเมืองตั้งตัวเองขึ้นเป็นเทียนจงกุ๋น หรือเจ้าพระยาสวรรค์ มีกำลังพลสี่สิบห้าหมื่น แจกผ้าเหลืองให้โพกหัวเป็นเครื่องหมาย ชาวบ้านที่ไม่มีอะไรจะเสียมากไปกว่านี้อีกแล้ว รวมทั้งผู้อดอยากหิวโหยหลายหมื่นคน เริ่มนับถือเลื่อมใสเตียวก๊ก อาสาสมัครเป็นทหารกบฏเพิ่มมากขึ้น
ม็อบโพกผ้าเหลืองชูธงลุกขึ้นสู้ ในเดือนอ้าย พ.ศ. 427 โจรโพกผ้าเหลืองก่อกบฏเต็มรูปแบบ บุกสังหารปล้นเผาจวนขุนนาง แต่ละครั้งที่บุกโจมตี จะพากันร้องตะโกนสะโลแกนด้วยเสียงอันดัง "ฟ้าครามสิ้นแล้ว ฟ้าเหลืองขึ้นแทน ปีชวดนี้แล ใต้ฟ้ารุ่งเรือง" ไฟสงครามลามไหม้ เพียง 10 วันม็อบป่วนขยายไปทั่ว สั่นสะเทือนไปถึงราชธานี ลำพังแต่กองกำลังทหารหลวงไม่อาจจะปราบให้สงบราบคาบได้