บทที่ 19 ซุนเซ็กสร้างตัวสร้างกังตั๋ง
ในช่วงที่โจโฉตั้งตัวติด ยึดอำนาจครอบงำพระเจ้าเหี้ยนเต้ในเมืองหลวงฮูโต๋ มัวสาละวนอยู่กับ การใช้กลเม็ดการเมืองวิชามารสารพัดพิษ อาศัยอำนาจฮ่องเต้ส่วนกลาง เล่นงานกองกำลังหัวเมืองที่มิใช่นอมินีของตัวเอง มีกลุ่มก๊กใหญ่ๆ ที่คอยทีเผลอ คิดการหวนตีโจโฉยึดเมืองหลวง
อาทิ ก๊กของลิโป้ที่ยึดเมืองชีจิ๋วจากเล่าปี่ อ้วนสุดเจ้าเมืองลำหยง ม้าเท้งเจ้าเมืองเสเหลียง อ้วนเสี้ยวเจ้าเมืองปุดไฮที่ตั้งตัวเป็นใหญ่อยู่แถบดินแดนเหอเป่ย รวมทั้ง 2 ก๊กสุดท้ายคือ เล่าเปียวเจ้าเมืองเกงจิ๋ว กับเล่าปี่เจ้าเมืองเสียวพ่าย ที่ยังพอมีเยื่อใยกับโจโฉอยู่บ้าง แม้ว่าต่างฝ่ายต่างให้หน้ากัน แต่มิได้ไว้ใจในกันและกัน มวลสรรพสิ่งทั้งหลายบนโลกใบนี้ ถ้าการเมืองเข้ามาแตะหรือครอบงำเมื่อใดแล้ว ย่อมไม่มีมิตรหรือศัตรูแท้ที่ถาวร มีแต่ผลประโยชน์เท่านั้นที่จีรัง
ด้านทิศตะวันออกเฉียงใต้ เกิดผู้นำรุ่นใหม่มีกึ๋นไฟแรง คือ ซุนเซ็ก เริ่มก่อร่างสร้างตัวขึ้นมาเป็นก๊กใหญ่ในแคว้นกังตั๋งอย่างเงียบ ๆ รวมตัวเป็นปึกแผ่นมั่นคงน่าเกรงขาม ซุนเซ็ก เป็นลูกชายของซุนเกี๋ยนเจ้าเมืองเตียงสา ผู้สืบสายโลหิตมาจากซุนหวู่ บิดาแห่งตำรับพิชัยสงคราม ซุนเกี๋ยนเคยไปร่วมทัพ 18 หัวเมืองกับอ้วนเสี้ยว ยกทัพตีเข้าเมืองลกเอี๋ยงเพื่อโค่นล้มตั๋งโต๊ะ บังเอิญได้พบตราหยกแผ่นดินเลยแอบเก็บเอาไว้
เมื่ออ้วนเสี้ยวขอตรายก ซุนเกี๋ยนไม่ยอมให้จึงขัดใจกันยกทัพกลับ ระหว่างทางรบกับเล่าเปียวเจ้าเมืองเกงจิ๋วที่ออกมาขัดขวางเพื่อแย่งชิงตราหยกแต่ไม่ส
ำเร็จ ต่อมาอ้วนสุดเจ้าเมืองลำหยงผิดใจกับเล่าเปียว เห็นว่าศัตรูของศัตรูคือมิตรของตน จึงชวนซุนเกี๋ยนร่วมรบกับเล่าเปียว ซุนเกี๋ยนรบชนะ
แต่พอรุกเข้าไปถึงซอกเขาฮีสัน(เซี่ยนซาน) ซุนเกี๋ยนพลาดท่าถูกยิงด้วยเกาทัณฑ์ถึงแก่ความตายแค่อายุ 37 ปี ศพฝังไว้ที่ตำบลขยกโอ๋ ซุนเซ็กบุตรชายคนโตของซุนเกี๋ยน สืบเชื้อสายพ่อ มีบุคลิกลักษณะผู้นำที่ดี เป็นนักรบมีฝีมือวรยุทธสูงส่งแสดงออกมาแต่วัยเยาว์ จิตใจกว้างขวาง มีความรู้ความสามารถ องอาจกล้าหาญ รู้จักใช้คน รู้จักผูกใจคน
เมื่อซุนเกี๋ยนผู้พ่อเสียชีวิต ซุนเซ็กในวัยเพียง 17 ปี รับราชการอยู่ด้วยกับอ้วนสุดเจ้าเมืองลำหยง คอยเวลาที่จะได้มีโอกาสแก้แค้นเล่าเปียวเจ้าเมืองเกงจิ๋วที่ทำให้บิดาเสียชีวิต อ้วนสุดรักใคร่แต่งตั้งซุนเซ็กให้เป็นเก้าอุ้ยตำแหน่งนายทหาร ใช้ให้ซุนเซ็กไปตีเมืองเก๋งกวนได้เมืองหนึ่ง
ต่อมาซุนเซ็กไปตีเมืองโลกั๋งได้อีกเมืองหนึ่ง ซุนเซ็กชนะศึกกลับมาถึงลำหยง อ้วนสุดกำลังเลี้ยงโต๊ะขุนนางนายทหาร อุตส่าห์บากบั่นเอาชีวิตเข้าแลกชนะศึกกลับมา อ้วนสุดกลับมิได้แสดงให้เห็นถึงความสำคัญของผลงาน ไม่เพียงแต่มิได้บำเหน็จความดีความชอบแม้แต่จะเอ่ยชมสักคำก็ไม่มี ซุนเซ็กกลับมาถึงที่พักจึงน้อยใจอ้วนสุดถึงกับร้องไห้ พอดีจูตี เตียเภา นายทหารเก่าแก่ของซุนเกี๋ยนผู้พ่อมาพบเข้า จึงว่า ท่านเป็นคนมีสกุลรุนชาติ มานั่งร้องไห้อยู่ฉะนี้ เหมือนมิใช่ชายชาติทหาร ควรคิดอ่านขอกำลังทหารจากอ้วนสุดยกไปช่วยงอเก๋งผู้เป็นน้าชายที่เมืองตันเอี๋ยง ก็จะได้มีกองกำลังพอที่จะตั้งตัวได้ ลิบองที่ปรึกษาอ้วนสุดชอบพอกับซุนเซ็กก็เห็นดีด้วย แต่เกรงว่าอ้วนสุดใจแคบจะมิให้กำลังทหาร
ซุนเซ็กจึงคิดอุบายขอยืมทหาร 3 พันคนจากอ้วนสุดเพื่อยกทัพไปตีเล่าเปียวแก้แค้นแทนบิดา ทีแรกอ้วนสุดอิดออดไม่ยอม ซุนเซ็กจึงนำเอาตราหยกแผ่นดินที่ซุนเกี๋ยนผู้พ่อแอบซ่อนไว้เป็นประกัน อ้วนสุดโลภอยากได้ตราหยกอยู่แล้วจึงยอมให้ยืมทหาร 3000 คนโดยแถมม้าให้อีก 500 ตัว ซุนเซ็กจึงขอจูตี ลิห้อม เทียเภา ฮันต๋ง อุยกาย นายทหารหาญทั้งหลายที่เคยร่วมรบกับซุนเกี๋ยนผู้พ่อ อ้วนสุดกำลังปลื้มตราหยกก็ให้ ย้ำสั่งว่าเมื่อทำการเสร็จแล้วให้รีบกลับมา อย่าเพิ่งทำการสิ่งใดด้วยท่านยังอ่อนความคิดอยู่ กลับมาแล้วจะตั้งให้เป็นขุนนางชั้นผู้ใหญ่
ซุนเซ็กจึงยกทหารออกจากลำหยง ระหว่างทางพบจิวยี่นายทหารของซุนเกี๋ยนและชอบพอกันตั้งแต่เล็กเพราะบ้านอยู่ติดกัน จิวยี่พอรู้ว่าซุนเซ็กนำตราหยกแผ่นดินไปจำนำเพื่อขอทหารอ้วนสุดแค่ 3 พันคนก็แกล้งตำหนิเอา ซุนเซ็กหัวเราะตอบตรงใจจิวยี่ว่า ผู้นำอย่างอ้วนสุดไม่มีวันเป็นใหญ่ได้ แม้จะมีตราหยกอยู่ในมือ ก็เป็นฮ่องเต้ได้แต่ในฝันเท่านั้น จิวยี่จึงขออาสาทำการใหญ่ด้วยกับซุนเซ็ก พอได้จิวยี่มาร่วมด้วย
ซุนเซ็กดีใจสุดขีด ถึงกับประกาศว่า ข้าฯ รอคอยท่าน เหมือนต้นกล้ารอคอยน้ำทิพย์ การใหญ่ข้างหน้าจะต้องสำเร็จอย่างแน่นอน จิวยี่แนะนำให้ซุนเซ็กรับคนเก่งมีสติปัญญาเข้ามาร่วมงานอีกสองคนคือ เตียวเจียวชาวเมืองเพ้งเสีย กับเตียวเหียนชาวเมืองกองเหลง ที่หนีภัยโจรมาอยู่กังตั๋ง เมื่อซุนเซ็กได้คนเก่ง ๆ ทั้งบู๋บุ๋นแล้ว จึงคิดอ่านจะรบกับเล่าเปียว โดยตรงเข้าตีเล่าอิ้วเจ้าเมืองด่านหน้าเมืองเกงจิ๋วให้แตกเสียก่อน
ภายใต้เล่าอิ้วมีนายทหารคนหนึ่งชื่อไทสูจู้ บุคคลผู้นี้มิได้เป็นแค่ทหารโดยอาชีพ แต่มีจิตวิญญาณเป็นยอดนักรบ จิตใจเด็ดเดี่ยว ยึดมั่นความซื่อตรง พอได้ข่าวซุนเซ็กยกทัพมา ไทสู้จู้ขออาสาเป็นกองหน้าไปจับตัวซุนเซ็กมาให้ได้ เล่าอิ้วไม่ยอมกลับตะคอกเอาว่า ตัวเป็นเด็กน้อยยังอ่อนความคิด อย่าสะเออะเดี๋ยวจะเสียการใหญ่ แล้วให้เตียวเอ๋งเป็นแม่ทัพไปรบกับทัพซุนเซ็ก ไทสูจู้จึงโกรธนึกน้อยใจเล่าอิ้วตั้งแต่นั้นมา
เตียวเอ๋งไปตั้งค่ายที่ตำบลเตโกะพร้อมเสบียงอาหารข้าวสิบหมื่นถัง ออกรบพันตูกับซุนเซ็ก เจียมขิมชาวเมืองฉิวฉุนกับจิวท่ายชาวเมืองแฮฌ้อที่เป็นโจรป่า ได้ยินกิตติศัพท์ถึงความเก่งกาจมีปัญญาใจอารีย์ต่อราษฎรของซุนเซ็ก จึงพาพรรคพวกกว่าสามร้อยคนมาเข้าด้วยกับซุนเซ็ก อ้อมไปลอบจุดเพลิงเผาค่ายเตียวเอ๋ง
เตียวเอ๋งโดนศึกกระหนาบมิทันรู้ตัวจึงแตกทัพ เล่าอิ้วโกรธสั่งนำเตียวเอ๋งไปฆ่า แต่ที่ปรึกษาทั้งหลายขอไว้ พอดีทหารมาแจ้งข่าวว่า ซุนเซ็กกับทหารเพียง 12 คนขึ้นเขาไปบูชาศาลเจ้าฮั่นกองบู๊ที่เนินเขา เล่าอิ้วเห็นว่านี่เป็นกลอุบาย แต่ไทสูจู้เห็นว่าครั้งนี้เป็นโอกาสจับซุนเซ็ก ไม่ฟังเสียงถือทวนขึ้นม้าร้องประกาศจะไปจับซุนเซ็ก มีทหารเพียงคนเดียวที่เห็นความเด็ดเดี่ยวของไทสูจู้จึงอาสาไปด้วย นอกนั้นพากันหัวเราะเยาะได้แต่ดูไม่ทำตาม
ไทสูจู้พบซุนเซ็กจึงร้องถามว่า คนไหนชื่อซุนเซ็ก ออกมาให้จับแต่โดยดี ซุนเซ็กประทับใจในความกล้าหาญเด็ดเดี่ยวของไทสูจู้ อยากได้คนผู้นี้มาร่วมในกองทัพ ทำการสู้รบกับไทสูจู้ตัวต่อตัวอย่างโชกเลือด จนชุดรบขาดวิ่น ฝนตกหนักทั้งสองฝ่ายจึงถอยกลับเข้าค่าย ซุนเซ็กปรารภกับจิวยี่ อยากได้ไทสูจู้มาเป็นกำลัง จิวยี่จึงวางแผนจับเป็นไทสูจู้ได้สำเร็จ ทัพเล่าอิ้วแตกกระเจิง
ซุนเซ็กเห็นไทสูจู้ถูกจับมัดตัวมา จึงเดินเข้าไปแก้มัดแล้วว่า "เล่าอิ้วไม่รู้จักใช้คนดีมีฝีมืออย่างท่าน ถึงได้รบแพ้พลอยให้ท่านเสียชื่อเสียงไปด้วย" ไทสูจู้ตอบว่า "นายทัพที่รบแพ้ ไหนหรือจะกล้าคิด" ซุนเซ็กจึงกล่าวว่า "เสียดายที่เรามาพบกันช้าเกินไป ชีวิตนี้มิได้ร่วมงานใหญ่ด้วยกัน น่าเสียดายยิ่งนัก"
ไทสูจู้เหลือบไปเห็นชุดเสื้อผ้าซุนเซ็กที่รบกับตนจนขาดวิ่นแขวนไว้กลางห้อง จึงเริ่มเข้าใจจนเกิดความเลื่อมใสซุนเซ็ก เห็นซุนเซ็กมีความจริงใจ จึงจะยอมทำการด้วย ซุนเซ็กดีใจจะจัดโต๊ะเลี้ยง ไทสูจู้ไม่ยอมรับเลี้ยงบอกว่า "กองทัพแตกพ่าย ไพร่พลปั่นป่วน ข้าฯ จะกลับไปรวบรวมไพร่พล แล้วกลับมาช่วยท่านรบ ให้งานใหญ่สำเร็จก่อนแล้วค่อยรับเลี้ยง" ซุนเซ็กจึงสั่งให้ทหารปล่อยตัวไทสูจู้กลับไปท่าม กลางเสียงคัดค้านของนายทหาร ที่ต่างคิดว่าไทสูจู้ต้องคิดหนี
วันรุ่งขึ้นไทสูจู้ขับม้ากลับมาตามสัญญา พร้อมทั้งนำทหารนับพันคนมาเข้าด้วยกับซุนเซ็ก จิวยี่ขยายปริศนาชุดรบที่ขาดวิ่นของซุนเซ็กมี 3 นัยว่า อันวีรบุรุษนั้นถ้าพบผู้มีฝีมือทัดเทียม นับเป็นความสุขของชีวิต ซุนเซ็กนำเสื้อขาดมาแขวนไว้สำหรับรำลึกถึงการสู้รบกับไทสูจู้ในวันนั้น นัย 2 มีว่า ซุนเซ็กมุ่งสืบทอดภารกิจของพ่อ มุ่งทำการใหญ่รวบรวมเหล่าผู้เก่งกล้า เก็บเสื้อรบนี้เพื่อคอยเตือนว่า จะครองแผ่นดินได้ต้องครองใจคนก่อน ซุนเซ็กกล่าวเติมนัย 3 ว่า หากวันใดได้ไทสูจู้มาได้ดื่มสุราแลดูเสื้อตัวนี้ จะสุขใจยิ่งนัก เมื่อคิดการใหญ่ ต้องเริ่มที่คน การใช้คนนั้น ต้องไม่สงสัย ถ้าเราระแวง แล้วใครจะไว้ใจเรา
อาทิ ก๊กของลิโป้ที่ยึดเมืองชีจิ๋วจากเล่าปี่ อ้วนสุดเจ้าเมืองลำหยง ม้าเท้งเจ้าเมืองเสเหลียง อ้วนเสี้ยวเจ้าเมืองปุดไฮที่ตั้งตัวเป็นใหญ่อยู่แถบดินแดนเหอเป่ย รวมทั้ง 2 ก๊กสุดท้ายคือ เล่าเปียวเจ้าเมืองเกงจิ๋ว กับเล่าปี่เจ้าเมืองเสียวพ่าย ที่ยังพอมีเยื่อใยกับโจโฉอยู่บ้าง แม้ว่าต่างฝ่ายต่างให้หน้ากัน แต่มิได้ไว้ใจในกันและกัน มวลสรรพสิ่งทั้งหลายบนโลกใบนี้ ถ้าการเมืองเข้ามาแตะหรือครอบงำเมื่อใดแล้ว ย่อมไม่มีมิตรหรือศัตรูแท้ที่ถาวร มีแต่ผลประโยชน์เท่านั้นที่จีรัง
ด้านทิศตะวันออกเฉียงใต้ เกิดผู้นำรุ่นใหม่มีกึ๋นไฟแรง คือ ซุนเซ็ก เริ่มก่อร่างสร้างตัวขึ้นมาเป็นก๊กใหญ่ในแคว้นกังตั๋งอย่างเงียบ ๆ รวมตัวเป็นปึกแผ่นมั่นคงน่าเกรงขาม ซุนเซ็ก เป็นลูกชายของซุนเกี๋ยนเจ้าเมืองเตียงสา ผู้สืบสายโลหิตมาจากซุนหวู่ บิดาแห่งตำรับพิชัยสงคราม ซุนเกี๋ยนเคยไปร่วมทัพ 18 หัวเมืองกับอ้วนเสี้ยว ยกทัพตีเข้าเมืองลกเอี๋ยงเพื่อโค่นล้มตั๋งโต๊ะ บังเอิญได้พบตราหยกแผ่นดินเลยแอบเก็บเอาไว้
เมื่ออ้วนเสี้ยวขอตรายก ซุนเกี๋ยนไม่ยอมให้จึงขัดใจกันยกทัพกลับ ระหว่างทางรบกับเล่าเปียวเจ้าเมืองเกงจิ๋วที่ออกมาขัดขวางเพื่อแย่งชิงตราหยกแต่ไม่ส
ำเร็จ ต่อมาอ้วนสุดเจ้าเมืองลำหยงผิดใจกับเล่าเปียว เห็นว่าศัตรูของศัตรูคือมิตรของตน จึงชวนซุนเกี๋ยนร่วมรบกับเล่าเปียว ซุนเกี๋ยนรบชนะ
แต่พอรุกเข้าไปถึงซอกเขาฮีสัน(เซี่ยนซาน) ซุนเกี๋ยนพลาดท่าถูกยิงด้วยเกาทัณฑ์ถึงแก่ความตายแค่อายุ 37 ปี ศพฝังไว้ที่ตำบลขยกโอ๋ ซุนเซ็กบุตรชายคนโตของซุนเกี๋ยน สืบเชื้อสายพ่อ มีบุคลิกลักษณะผู้นำที่ดี เป็นนักรบมีฝีมือวรยุทธสูงส่งแสดงออกมาแต่วัยเยาว์ จิตใจกว้างขวาง มีความรู้ความสามารถ องอาจกล้าหาญ รู้จักใช้คน รู้จักผูกใจคน
เมื่อซุนเกี๋ยนผู้พ่อเสียชีวิต ซุนเซ็กในวัยเพียง 17 ปี รับราชการอยู่ด้วยกับอ้วนสุดเจ้าเมืองลำหยง คอยเวลาที่จะได้มีโอกาสแก้แค้นเล่าเปียวเจ้าเมืองเกงจิ๋วที่ทำให้บิดาเสียชีวิต อ้วนสุดรักใคร่แต่งตั้งซุนเซ็กให้เป็นเก้าอุ้ยตำแหน่งนายทหาร ใช้ให้ซุนเซ็กไปตีเมืองเก๋งกวนได้เมืองหนึ่ง
ต่อมาซุนเซ็กไปตีเมืองโลกั๋งได้อีกเมืองหนึ่ง ซุนเซ็กชนะศึกกลับมาถึงลำหยง อ้วนสุดกำลังเลี้ยงโต๊ะขุนนางนายทหาร อุตส่าห์บากบั่นเอาชีวิตเข้าแลกชนะศึกกลับมา อ้วนสุดกลับมิได้แสดงให้เห็นถึงความสำคัญของผลงาน ไม่เพียงแต่มิได้บำเหน็จความดีความชอบแม้แต่จะเอ่ยชมสักคำก็ไม่มี ซุนเซ็กกลับมาถึงที่พักจึงน้อยใจอ้วนสุดถึงกับร้องไห้ พอดีจูตี เตียเภา นายทหารเก่าแก่ของซุนเกี๋ยนผู้พ่อมาพบเข้า จึงว่า ท่านเป็นคนมีสกุลรุนชาติ มานั่งร้องไห้อยู่ฉะนี้ เหมือนมิใช่ชายชาติทหาร ควรคิดอ่านขอกำลังทหารจากอ้วนสุดยกไปช่วยงอเก๋งผู้เป็นน้าชายที่เมืองตันเอี๋ยง ก็จะได้มีกองกำลังพอที่จะตั้งตัวได้ ลิบองที่ปรึกษาอ้วนสุดชอบพอกับซุนเซ็กก็เห็นดีด้วย แต่เกรงว่าอ้วนสุดใจแคบจะมิให้กำลังทหาร
ซุนเซ็กจึงคิดอุบายขอยืมทหาร 3 พันคนจากอ้วนสุดเพื่อยกทัพไปตีเล่าเปียวแก้แค้นแทนบิดา ทีแรกอ้วนสุดอิดออดไม่ยอม ซุนเซ็กจึงนำเอาตราหยกแผ่นดินที่ซุนเกี๋ยนผู้พ่อแอบซ่อนไว้เป็นประกัน อ้วนสุดโลภอยากได้ตราหยกอยู่แล้วจึงยอมให้ยืมทหาร 3000 คนโดยแถมม้าให้อีก 500 ตัว ซุนเซ็กจึงขอจูตี ลิห้อม เทียเภา ฮันต๋ง อุยกาย นายทหารหาญทั้งหลายที่เคยร่วมรบกับซุนเกี๋ยนผู้พ่อ อ้วนสุดกำลังปลื้มตราหยกก็ให้ ย้ำสั่งว่าเมื่อทำการเสร็จแล้วให้รีบกลับมา อย่าเพิ่งทำการสิ่งใดด้วยท่านยังอ่อนความคิดอยู่ กลับมาแล้วจะตั้งให้เป็นขุนนางชั้นผู้ใหญ่
ซุนเซ็กจึงยกทหารออกจากลำหยง ระหว่างทางพบจิวยี่นายทหารของซุนเกี๋ยนและชอบพอกันตั้งแต่เล็กเพราะบ้านอยู่ติดกัน จิวยี่พอรู้ว่าซุนเซ็กนำตราหยกแผ่นดินไปจำนำเพื่อขอทหารอ้วนสุดแค่ 3 พันคนก็แกล้งตำหนิเอา ซุนเซ็กหัวเราะตอบตรงใจจิวยี่ว่า ผู้นำอย่างอ้วนสุดไม่มีวันเป็นใหญ่ได้ แม้จะมีตราหยกอยู่ในมือ ก็เป็นฮ่องเต้ได้แต่ในฝันเท่านั้น จิวยี่จึงขออาสาทำการใหญ่ด้วยกับซุนเซ็ก พอได้จิวยี่มาร่วมด้วย
ซุนเซ็กดีใจสุดขีด ถึงกับประกาศว่า ข้าฯ รอคอยท่าน เหมือนต้นกล้ารอคอยน้ำทิพย์ การใหญ่ข้างหน้าจะต้องสำเร็จอย่างแน่นอน จิวยี่แนะนำให้ซุนเซ็กรับคนเก่งมีสติปัญญาเข้ามาร่วมงานอีกสองคนคือ เตียวเจียวชาวเมืองเพ้งเสีย กับเตียวเหียนชาวเมืองกองเหลง ที่หนีภัยโจรมาอยู่กังตั๋ง เมื่อซุนเซ็กได้คนเก่ง ๆ ทั้งบู๋บุ๋นแล้ว จึงคิดอ่านจะรบกับเล่าเปียว โดยตรงเข้าตีเล่าอิ้วเจ้าเมืองด่านหน้าเมืองเกงจิ๋วให้แตกเสียก่อน
ภายใต้เล่าอิ้วมีนายทหารคนหนึ่งชื่อไทสูจู้ บุคคลผู้นี้มิได้เป็นแค่ทหารโดยอาชีพ แต่มีจิตวิญญาณเป็นยอดนักรบ จิตใจเด็ดเดี่ยว ยึดมั่นความซื่อตรง พอได้ข่าวซุนเซ็กยกทัพมา ไทสู้จู้ขออาสาเป็นกองหน้าไปจับตัวซุนเซ็กมาให้ได้ เล่าอิ้วไม่ยอมกลับตะคอกเอาว่า ตัวเป็นเด็กน้อยยังอ่อนความคิด อย่าสะเออะเดี๋ยวจะเสียการใหญ่ แล้วให้เตียวเอ๋งเป็นแม่ทัพไปรบกับทัพซุนเซ็ก ไทสูจู้จึงโกรธนึกน้อยใจเล่าอิ้วตั้งแต่นั้นมา
เตียวเอ๋งไปตั้งค่ายที่ตำบลเตโกะพร้อมเสบียงอาหารข้าวสิบหมื่นถัง ออกรบพันตูกับซุนเซ็ก เจียมขิมชาวเมืองฉิวฉุนกับจิวท่ายชาวเมืองแฮฌ้อที่เป็นโจรป่า ได้ยินกิตติศัพท์ถึงความเก่งกาจมีปัญญาใจอารีย์ต่อราษฎรของซุนเซ็ก จึงพาพรรคพวกกว่าสามร้อยคนมาเข้าด้วยกับซุนเซ็ก อ้อมไปลอบจุดเพลิงเผาค่ายเตียวเอ๋ง
เตียวเอ๋งโดนศึกกระหนาบมิทันรู้ตัวจึงแตกทัพ เล่าอิ้วโกรธสั่งนำเตียวเอ๋งไปฆ่า แต่ที่ปรึกษาทั้งหลายขอไว้ พอดีทหารมาแจ้งข่าวว่า ซุนเซ็กกับทหารเพียง 12 คนขึ้นเขาไปบูชาศาลเจ้าฮั่นกองบู๊ที่เนินเขา เล่าอิ้วเห็นว่านี่เป็นกลอุบาย แต่ไทสูจู้เห็นว่าครั้งนี้เป็นโอกาสจับซุนเซ็ก ไม่ฟังเสียงถือทวนขึ้นม้าร้องประกาศจะไปจับซุนเซ็ก มีทหารเพียงคนเดียวที่เห็นความเด็ดเดี่ยวของไทสูจู้จึงอาสาไปด้วย นอกนั้นพากันหัวเราะเยาะได้แต่ดูไม่ทำตาม
ไทสูจู้พบซุนเซ็กจึงร้องถามว่า คนไหนชื่อซุนเซ็ก ออกมาให้จับแต่โดยดี ซุนเซ็กประทับใจในความกล้าหาญเด็ดเดี่ยวของไทสูจู้ อยากได้คนผู้นี้มาร่วมในกองทัพ ทำการสู้รบกับไทสูจู้ตัวต่อตัวอย่างโชกเลือด จนชุดรบขาดวิ่น ฝนตกหนักทั้งสองฝ่ายจึงถอยกลับเข้าค่าย ซุนเซ็กปรารภกับจิวยี่ อยากได้ไทสูจู้มาเป็นกำลัง จิวยี่จึงวางแผนจับเป็นไทสูจู้ได้สำเร็จ ทัพเล่าอิ้วแตกกระเจิง
ซุนเซ็กเห็นไทสูจู้ถูกจับมัดตัวมา จึงเดินเข้าไปแก้มัดแล้วว่า "เล่าอิ้วไม่รู้จักใช้คนดีมีฝีมืออย่างท่าน ถึงได้รบแพ้พลอยให้ท่านเสียชื่อเสียงไปด้วย" ไทสูจู้ตอบว่า "นายทัพที่รบแพ้ ไหนหรือจะกล้าคิด" ซุนเซ็กจึงกล่าวว่า "เสียดายที่เรามาพบกันช้าเกินไป ชีวิตนี้มิได้ร่วมงานใหญ่ด้วยกัน น่าเสียดายยิ่งนัก"
ไทสูจู้เหลือบไปเห็นชุดเสื้อผ้าซุนเซ็กที่รบกับตนจนขาดวิ่นแขวนไว้กลางห้อง จึงเริ่มเข้าใจจนเกิดความเลื่อมใสซุนเซ็ก เห็นซุนเซ็กมีความจริงใจ จึงจะยอมทำการด้วย ซุนเซ็กดีใจจะจัดโต๊ะเลี้ยง ไทสูจู้ไม่ยอมรับเลี้ยงบอกว่า "กองทัพแตกพ่าย ไพร่พลปั่นป่วน ข้าฯ จะกลับไปรวบรวมไพร่พล แล้วกลับมาช่วยท่านรบ ให้งานใหญ่สำเร็จก่อนแล้วค่อยรับเลี้ยง" ซุนเซ็กจึงสั่งให้ทหารปล่อยตัวไทสูจู้กลับไปท่าม กลางเสียงคัดค้านของนายทหาร ที่ต่างคิดว่าไทสูจู้ต้องคิดหนี
วันรุ่งขึ้นไทสูจู้ขับม้ากลับมาตามสัญญา พร้อมทั้งนำทหารนับพันคนมาเข้าด้วยกับซุนเซ็ก จิวยี่ขยายปริศนาชุดรบที่ขาดวิ่นของซุนเซ็กมี 3 นัยว่า อันวีรบุรุษนั้นถ้าพบผู้มีฝีมือทัดเทียม นับเป็นความสุขของชีวิต ซุนเซ็กนำเสื้อขาดมาแขวนไว้สำหรับรำลึกถึงการสู้รบกับไทสูจู้ในวันนั้น นัย 2 มีว่า ซุนเซ็กมุ่งสืบทอดภารกิจของพ่อ มุ่งทำการใหญ่รวบรวมเหล่าผู้เก่งกล้า เก็บเสื้อรบนี้เพื่อคอยเตือนว่า จะครองแผ่นดินได้ต้องครองใจคนก่อน ซุนเซ็กกล่าวเติมนัย 3 ว่า หากวันใดได้ไทสูจู้มาได้ดื่มสุราแลดูเสื้อตัวนี้ จะสุขใจยิ่งนัก เมื่อคิดการใหญ่ ต้องเริ่มที่คน การใช้คนนั้น ต้องไม่สงสัย ถ้าเราระแวง แล้วใครจะไว้ใจเรา