ตอนที่ 183. เปิดแผนสังหารเล่าปี่

  เล่าเปียวเป็นเจ้าเมืองที่เฉลียวฉลาด สามารถรักษาเมืองเกงจิ๋วให้รอดปลอดภัยทั้ง ๆ ที่เป็นหัวเมืองสำคัญ ตั้งอยู่ระหว่างหัวเมืองใหญ่ที่มีกำลังกล้าแข็งหลายหัวเมือง ทั้งเมืองกังตั๋ง เมืองลำอวด และเมืองตังฉวน และยังมีกองทัพใหญ่ของ  โจโฉจ้องเขมือบอยู่อีกด้านหนึ่ง ดังนั้นแม้ว่าแรงโทสะจะทำให้เล่าเปียวโกรธเล่าปี่ว่าคิดการกำเริบ แต่เพียงครู่เดียวก็ได้สติยั้งคิดว่าคงมีผู้วางกลเขียนโคลงกลอนขึ้นใส่ร้ายเล่าปี่ และคาดการได้ว่าย่อมเกี่ยวข้องกับนางชัวฮูหยินและชัวมอผู้น้อง จึงแสร้งทำทีว่าโกรธเล่าปี่อยู่เหมือนเดิม ในขณะที่ชัวมอนั้นโง่กว่าหลงว่าเล่าเปียวต้องกลแล้ว จึงยุให้เล่าเปียวยกกองทัพไปจับเล่าปี่

            เล่าเปียวฟังข้อเสนอของชัวมอแล้วแสร้งบ่ายเบี่ยงแบ่งรับแบ่งสู้ว่าเล่าปี่เวลานี้อาศัยเราอยู่ที่เมืองซินเอี๋ยก็เหมือนลูกไก่อยู่ในกำมือ ไหนเลยจะพ้นเงื้อมมือเราไปได้ แต่เล่าปี่กับเรานั้นเป็นคนแซ่เดียวกัน จะต้องคิดอ่านให้แยบยลจึงจะพ้นคำครหานินทาว่าเราคิดร้ายทำลายคนแซ่เดียวกัน

            ชัวมอเห็นเล่าเปียวไม่ทำตามข้อเสนอก็ขุ่นเคืองแต่ก็เกรงอำนาจของเล่าเปียว ครั้นได้จังหวะก็ปลีกตัวออกจากขบวนแล้วลอบเข้าไปขอพบนางชัวฮูหยินผู้พี่ เล่าความทั้งปวงให้ทราบแล้วว่าดูทีท่าเล่าเปียวแล้วยังลังเลไม่ตัดสินใจเด็ดขาดที่จะกำจัดเล่าปี่ ดังนั้นจำเป็นจะต้องคิดอ่านอุบายลอบสังหารเล่าปี่ให้จงได้

            นางชัวฮูหยินได้ฟังดังนั้นก็เห็นพ้องกับความคิดของชัวมอแล้วว่าเจ้าจะคิดอ่านอุบายประการใดจึงจะกำจัดเล่าปี่ได้สำเร็จ

            ชัวมอจึงว่าจากนี้ไปอีกสามวันจะเป็นวันประชุมใหญ่ประจำปีของบรรดาหัวเมืองน้อยใหญ่ที่ขึ้นต่อเมืองเกงจิ๋วซึ่งมีธรรมเนียมต้องมาชุมนุมประชุมกันที่เมืองซงหยงเพื่ออวยพรแก่เจ้าเมืองเกงจิ๋ว รายงานกิจการทั้งปวงที่ได้กระทำไปในระหว่างปีและรับทราบนโยบายสำหรับปีใหม่ ชอบที่จะฉวยเอาโอกาสนี้กำจัดเล่าปี่เสีย

            นางชัวฮูหยินได้ฟังดังนั้นจึงว่าเมื่อพวกเราตัดสินใจกำจัดเล่าปี่แล้ว วิธีการจะเป็นประการใดนั้นสุดแท้แต่เจ้าจะเห็นสมควรและเหมาะสม ชัวมอได้ไฟเขียวจากพี่สาวซึ่งมีอำนาจเหนือเล่าเปียวผู้เจ้าเมือง ดังนั้นแล้วจึงคำนับลานางชัวฮูหยินออกมา แล้วเข้าไปหาเล่าเปียวทำทีเป็นเตือนเล่าเปียวว่าจากนี้ไปอีกสามวันก็จะเป็นงานชุมนุมของบรรดาหัวเมืองทั้งปวงที่ขึ้นต่อเมืองเกงจิ๋ว ณ เมืองซงหยง ดังนั้นขอท่านจงเตรียมการดังกล่าวให้พร้อม ที่สำคัญก็คือนโยบายที่จะมอบหมายแก่บรรดาหัวเมืองทั้งปวงเนื่องในเทศกาลปีใหม่ 

            เล่าเปียวได้ฟังดังนั้นจึงว่าเราเกือบจะลืมเรื่องนี้ไป เจ้ามาเตือนก็ดีแล้ว แต่ว่าบัดนี้สุขภาพของเราไม่สะดวกที่จะไปเป็นประธานในงานชุมนุมดังกล่าวได้ เราตั้งใจจะให้เล่ากี๋และเล่าจ๋องซึ่งเป็นบุตรทั้งสองของเราออกไปทำการแทนตัว

            ชัวมอจึงว่าอันเล่ากี๋และเล่าจ๋องบุตรทั้งสองของท่านนั้นแม้มีสติปัญญาเฉลียวฉลาดแต่ยังเยาว์วัยนัก ไม่สมควรที่จะขึ้นนั่งเป็นประธานให้บรรดาหัวเมืองกราบอวยพร เพราะจะเป็นที่ลำบากใจของบรรดาหัวเมืองทั้งหลายที่แก่อาวุโสกว่า ทั้งจะเสียธรรมเนียมการปกครองแผ่นดินไป

            เล่าเปียวตรองคำของชัวมอแล้วเห็นว่าชอบด้วยธรรมเนียมการปกครองที่มีมา จึงว่าถ้าเช่นนั้นเล่าปี่น่าจะเหมาะสมเพราะเป็นเชื้อพระวงศ์ แม้พระเจ้าเหี้ยนเต้ก็ทรงยกย่องว่าเป็นพระเจ้าอาเนื่องเพราะมีแซ่เล่าเหมือนกัน ดังนั้นเจ้าจงไปเชิญเล่าปี่ให้ไปเป็นประธานในงานแทนตัวเราเถิด

            ชัวมอเห็นเล่าเปียวมอบหมายให้เล่าปี่เป็นประธานในงานแทนตัวสมคะเนที่จะกำจัดเล่าปี่เสียในครั้งนี้ก็มีความยินดี คำนึงขึ้นในใจว่าครั้งนี้เล่าปี่ชะตาขาดเป็นแม่นมั่น แล้วจึงคำนับลาเล่าเปียวออกไปที่ศาลาว่าราชการเมืองเกงจิ๋ว แจ้งให้กรมการเมืองมีหนังสือของเจ้าเมืองเกงจิ๋วไปถึงเล่าปี่ว่าในวันขึ้นปีใหม่ซึ่งเป็นวันชุมนุมบรรดาหัวเมืองทั้งปวง ณ เมืองซงหยงนั้น ตัวเล่าเปียวเจ้าเมืองจะต้องไปนั่งเป็นประธานในงานแต่บัดนี้เล่าเปียวป่วยไม่สามารถไปทำการได้ จึงมอบหมายให้เล่าปี่ซึ่งเป็นเชื้อพระวงศ์ด้วยกันไปทำการแทน ทำหนังสือสั่งการเสร็จแล้วจึงให้ทหารถือไปเมืองซินเอี๋ย

            ทางด้านเมืองซินเอี๋ย เมื่อเล่าปี่หนีกลับมาจากเมืองเกงจิ๋วแล้วก็วิตกกังวลอยู่ด้วยความซึ่งได้พลั้งปากไป พอดีเป็นช่วงฤดูหนาวและใกล้ปีใหม่กวนอู เตียวหุย และจูล่ง ซึ่งได้รับมอบหมายให้ไปรักษาด่านได้เดินทางกลับมาพักหนาวที่เมือง   ซินเอี๋ยและเพื่อเยี่ยมเยือนเล่าปี่ โดยต่างคนต่างพาทหารยกตามมาด้วย สามพี่น้องแห่งส่วนท้อและจูล่งได้พบหน้าพร้อมตากันแล้วต่างมีความยินดี เล่าปี่จึงให้แต่งโต๊ะเลี้ยงพี่น้องร่วมสาบานและจูล่ง ตลอดจนบรรดาที่ปรึกษาและแม่ทัพนายกองทั้งปวง

            ในระหว่างกินโต๊ะอยู่นั้นเล่าปี่ปรารภให้บรรดาพี่น้องร่วมสาบาน จูล่ง ที่ปรึกษาและแม่ทัพนายกองทราบว่าบัดนี้เล่าเปียวมีหนังสือมาให้ไปนั่งเป็นประธานในที่ชุมนุมของบรรดาหัวเมืองทั้งปวงซึ่งขึ้นแก่เมืองเกงจิ๋ว ณ เมืองซงหยง เนื่องในวาระใกล้สิ้นปีเก่า เพื่อรับมอบนโยบายสำหรับขึ้นปีใหม่

            ซุนเขียนฟังปรารภดังนั้นจึงว่านับแต่คืนวันที่ท่านกลับจากเมืองเกงจิ๋วอย่างรีบร้อนแล้ว ข้าพเจ้าสังเกตสีหน้าของท่านเห็นหม่นหมองนัก แม้มิกล้าไต่ถามแต่ก็คาดคะเนว่าท่านมีความวิตกกังวลประการใดประการหนึ่งเป็นมั่นคง แลการที่เล่าเปียวให้เชิญท่านไปในงานครั้งนี้น่าจะเกี่ยวข้องกับความกังวลในใจท่าน จึงเห็นว่าท่านอย่าได้รับปากไปในงานครั้งนี้เลย

            เล่าปี่ได้ยินคำซุนเขียนต้องตรงแผลใจที่ขุ่นข้องอยู่ด้วยความที่เกิดในเมืองเกงจิ๋วทั้งเห็นว่าบรรดาผู้คนในที่นั้นล้วนเป็นผู้สนิทไว้วางใจดั่งพี่น้อง จึงเล่าความที่ได้สนทนาว่ากล่าวกับเล่าเปียวและที่เกิดขึ้นที่เมืองเกงจิ๋วให้ทุกคนฟังทุกประการ

            แล้วเล่าปี่จึงว่าเพราะบุญของเรายังมีอยู่ อีเจี้ยจึงได้ไปพบแผนการที่ชัวมอคิดอ่านทำร้ายแล้วมาบอก เราจึงรอดตาย พระคุณของอีเจี้ยครั้งนี้หนักหนานัก

            กวนอูได้ฟังดังนั้นจึงเสนอว่าเมืองซงหยงอยู่ใกล้กับเมืองซินเอี๋ย หากท่านไม่รับคำเล่าเปียวก็จะทำให้ความกินแหนงแคลงใจขยายตัวมากขึ้น ถึงแม้นว่าจะมีผู้ใดคิดร้ายต่อท่านก็หาควรต้องเกรงกลัวแต่ประการใด เพราะสามารถระวังระไวแก้ไขป้องกันได้ “ซึ่งท่านจะด่วนเชื่อฟังคำคนบอกเล่านั้นไม่ควร เพราะว่าไม่ได้เห็นแก่ตา มิได้ยินแก่หู ถ้าหากท่านไม่เข้าไปเล่าเปียวก็จะสงสัย สมร้ายกับคำซึ่งพูดจาไว้นั้น”

            เตียวหุยได้ท้วงว่าก็แลเมื่อมีผู้คิดร้ายและพี่ใหญ่ก็สงสัยอยู่ว่าการเชิญไปงานครั้งนี้จะเกี่ยวข้องด้วยแผนการร้ายหรือไม่ ดังนั้นจึงเห็นว่าพี่ใหญ่ไม่สมควรรับคำเชิญไปในงานครั้งนี้

            เล่าปี่หันมาทางจูล่งเป็นเชิงขอความเห็น จูล่งจึงว่าข้าพเจ้าเห็นด้วยกับกวนอู แต่การป้องกันระวังมิให้ได้รับอันตรายก็เป็นสิ่งจำเป็นสูงสุด ข้าพเจ้าขออาสานำทหารสามร้อยนายตามไปป้องกันรักษาท่าน

            เล่าปี่ได้ฟังคำพี่น้องผองเพื่อนแลที่ปรึกษาแล้วจึงตกลงใจรับคำเชิญไปเป็นประธานในงานชุมนุมหัวเมืองทั้งปวง ณ เมืองซงหยง

            ครั้นตกสายของวันก่อนถึงวันกำหนด เล่าปี่จึงขี่ม้าเต๊กเลาพาจูล่งและทหารม้าสามร้อยนายออกจากเมืองซินเอี๋ยเดินทางไปยังเมืองซงหยง

            ทางด้านชัวมอเมื่อทราบว่าเล่าปี่ตอบรับที่จะมาเป็นประธานในงานชุมนุมหัวเมืองทั้งปวงแล้วก็มีความยินดี จัดแจงกำลังทหารพร้อมอาวุธยกไปเมืองซงหยงแล้วกำกับการจัดงานประชุมบรรดาเจ้าเมืองที่ขึ้นต่อเมืองเกงจิ๋วควบคู่ไปกับการวางแผนสังหารเล่าปี่

            พอชัวมอได้ข่าวว่าเล่าปี่กำลังเดินทางมาที่เมืองซงหยงก็ดีใจที่เห็นการเป็นไปตามความคิด ทำเป็นยินดีแล้วพาทหารคนสนิทไม่กี่คนออกมาต้อนรับเล่าปี่ถึงที่หน้าประตูเมือง แล้วพาเล่าปี่ไปที่ศาลาว่าราชการเมืองซงหยง

            ในที่นั้นเล่ากี๋และเล่าจ๋องบุตรทั้งสองของเล่าเปียวซึ่งมาสังเกตการณ์ศึกษาประสบการณ์เกี่ยวกับการบริหารบ้านเมืองอยู่ด้วย เห็นเล่าปี่เข้ามาก็ออกมาคำนับเล่าปี่ตามประสาผู้น้อยผู้ใหญ่

            เล่าปี่แม้มีใจระแวดระวังมาแต่ต้นแต่เมื่อเห็นหลานตัวน้อยทั้งสองอยู่ในงานและมาต้อนรับก็คลายใจ รับคำนับหลานทั้งสองแล้วชวนกันไปนั่งที่ห้องโถงรับแขกในศาลาว่าราชการเมืองซงหยงนั้น โดยมีจูล่งคุมทหารม้ารักษาการณ์อยู่ภายนอก

            เล่ากี๋บุตรผู้ใหญ่ของเล่าเปียวชอบบุคลิกและอัธยาศัยของเล่าปี่จึงสนิทสนมกับเล่าปี่อย่างรวดเร็ว แล้วว่าบิดาของข้าพเจ้าสุขภาพไม่สมบูรณ์ และบัดนี้ป่วยอยู่ไม่สามารถมาเป็นประธานในงานนี้ได้จึงต้องรบกวนท่านอาได้ทำหน้าที่แทนบิดา

            เล่าปี่ได้ฟังดังนั้นจึงว่าตัวของอานี้แม้จะแซ่เดียวกันกับบิดาเจ้า แต่ก็เป็นเพียงผู้อาศัย ไม่ควรที่จะมานั่งเป็นประธานในการสำคัญของเมืองเกงจิ๋ว แต่เพราะขัดคำสั่งเล่าเปียวไม่ได้จึงจำต้องยอมรับเอา

            อาหลานทักทายโอภาปราศรัยตามควรแก่เวลาแล้ว เล่ากี๋จึงเชิญเล่าปี่ไปกินโต๊ะพร้อมกับบรรดาขุนนางข้าราชการและหัวเมืองทั้งปวงซึ่งทยอยเดินทางมาที่เมืองซงหยงเตรียมการประชุมในวันรุ่งขึ้น

            ในค่ำวันนั้นชัวมอจึงเรียกเก๊งอวดมาปรึกษาว่าเล่าปี่เป็นคนเนรคุณ มาขออาศัยเมืองเกงจิ๋วของพี่เขยเราแล้วคิดแย่งชิงเอาเมืองเกงจิ๋วไว้เป็นสิทธิ หากละไว้เล่าปี่ทำการสำเร็จแล้ว อันตรายและความเดือดร้อนก็จะเกิดแก่เราท่านทั้งปวง เราจึงวางแผนสังหารเล่าปี่เสีย เพื่อช่วยเหลือคนทั้งปวงมิให้ได้รับอันตราย

            เก๊งอวดจึงว่าเล่าปี่แซ่เดียวกับเล่าเปียว ทั้งเป็นเชื้อพระวงศ์ มีกิตติศัพท์ว่าสัตย์ซื่อ สุจริต ภักดีต่อแผ่นดิน หากท่านสังหารเล่าปี่เสีย ความครหาก็จะมีแก่ท่านและเจ้าเมือง เกรงว่าจะเกิดความไม่สงบขึ้นในบรรดาหัวเมืองทั้งปวง

            ชัวมอจึงว่าการทั้งนี้เราจะคิดอ่านโดยลำพังหามิได้ หากเป็นคำสั่งของเล่าเปียวให้เราเป็นผู้ดำเนินการ ดังนี้แล้วจะเกรงผู้ใดครหานินทาอีกเล่า

            เก๊งอวดจึงว่าในเมื่อเป็นคำสั่งของเล่าเปียวก็ต้องทำการตามคำสั่งนั้น แต่ชอบที่จะคิดการให้แยบยลเพื่อถ่ายเทมิให้ความครหาตกแก่เล่าเปียวและท่านได้ แล้วถามว่า ท่านได้เตรียมการในเรื่องนี้ไว้เป็นประการใด จงบอกกล่าวให้ข้าพเจ้าทราบ หากแผนการมีจุดอ่อนจะได้ผ่อนผันแก้ไข

            ชัวมอจึงว่าข้าพเจ้าได้แต่งให้ชัวโฮ ชัวต๋ง และชัวหุนผู้น้องทั้งสามคนคุมกำลังทหารไปสกัดไว้ที่ประตูเมืองทั้งสามด้าน โดยให้ชัวโฮรับผิดชอบทางด้านประตูเมืองตะวันออก วางกำลังซุ่มไว้ที่เขาอีสัน, ให้ชัวต๋งคุมกำลังไปสกัดไว้ที่ประตูเมืองทิศใต้ และให้ชัวหุนคุมกำลังไปสกัดอยู่ที่ประตูเมืองด้านทิศเหนือ เหลือไว้แต่ประตูเมืองทิศตะวันตกซึ่งมีแม่น้ำตันเขขวางกั้นอยู่ ถ้าหากเล่าปี่คิดจะหนีไปทางด้านนี้ก็จะหนีไปไม่ได้เพราะแม่น้ำนี้ลึกและกว้างถึงเก้าวาสิบวา

            เมื่อว่าดังนี้แล้วชัวมอจึงมองหน้าเก๊งอวดเป็นทีถามว่ามีความเห็นเป็นประการใด เก๊งอวดเห็นดังนั้นจึงว่าแผนการที่ท่านจัดวางไว้นี้ละเอียดรอบคอบดีอยู่แล้ว แต่ความผันแปรอาจจะเกิดตรงที่จูล่งทหารเอกของเล่าปี่ซึ่งคุมทหารตามมาด้วยนั้นมีฝีมือเข้มแข็งกล้าหาญ และระมัดระวังไม่ยอมห่างตัวเล่าปี่ เกรงว่าท่านจะทำการไม่ตลอด

            ชัวมอจึงว่าความข้อนี้ท่านอย่าได้วิตกเพราะข้าพเจ้าได้แต่งกองทหารอีกกองหนึ่งมีกำลังห้าร้อยนาย ให้คอยซุ่มอยู่ใกล้กับกองทหารของจูล่ง หากสถานการณ์จำเป็นก็จะใช้กำลังทหารหน่วยนี้สกัดกำลังทหารของจูล่งไว้

            เก๊งอวดจึงว่าเพื่อให้แผนการดังกล่าวรอบคอบรัดกุม ขอให้ท่านแต่งสถานที่จัดเลี้ยงออกเป็นสองส่วน คือจัดเลี้ยงเล่าปี่และบรรดาเจ้าเมืองในห้องจัดเลี้ยงของศาลาว่าราชการเมืองซงหยง ส่วนทหารและขุนนางให้แต่งโต๊ะจัดเลี้ยงไว้ด้านนอกของศาลาว่าราชการ เมื่อเป็นดังนี้ก็จะแยกจูล่งและทหารออกมาจากตัวเล่าปี่มาอยู่ที่ข้างนอกศาลาว่าราชการ ท่านก็จะทำการได้ถนัด

            ชัวมอฟังข้อเสนอของเก๊งอวดแล้วเห็นว่าเป็นแผนการที่เสริมให้แผนการเดิมรอบคอบรัดกุมขึ้น จึงสั่งให้บุนเพ่งและอองอุ้ยสองนายทหารเอกของเมืองเกงจิ๋วเป็นผู้รับผิดชอบงานจัดเลี้ยงด้านนอกศาลาว่าราชการตามความคิดของเก๊งอวด และให้นายทหารทั้งสองใช้ความพยายามแยกจูล่งออกจากเล่าปี่ให้มากินโต๊ะอยู่ด้านนอกร่วมกับบรรดาทหารและขุนนางอื่น ๆ.

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ตัวอย่างกระทู้ธรรม ธรรมศึกษาชั้นตรี 5

ปัญหาและเฉลยวิชาธรรม นักธรรมชั้นโท สอบในสนามหลวง วันเสาร์ ที่ ๑๙ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๔๘

I miss you all กับ I miss all of you ต่างกันอย่างไร