ตอนที่ 18. ล้างบางสิบขันที

 สถานการณ์ในพระราชวังยามที่ดวงวิญญาณของโฮจิ๋น ออกจากร่างเดินทางสู่ปรโลกนั้น ยังคงตึงเครียด เพราะบรรดาพวกของโฮจิ๋นประหวั่นและกริ่งใจว่าการเดินทางเข้าวังของโฮจิ๋นครั้งนี้ เห็นทีจะเป็นการข้างร้ายมากกว่าการข้างดี

            อ้วนสุดซึ่งคุมกำลังทหารห้าร้อยยังคงคอยอยู่ที่ประตูพระราชฐานชั้นนอก ในขณะที่อ้วนเสี้ยว และโจโฉยังคงคอยอยู่ที่ประตูพระราชฐานชั้นใน

            อ้วนเสี้ยว โจโฉรออยู่เห็นนานนัก จึงร้องเรียกโฮจิ๋นให้รีบออกมา ทหารหน้าที่ประตูพระราชฐานชั้นในจึงเข้าไปรายงานขันที

            พวกขันทีทราบรายงานแล้ว ก็ปรึกษากันว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อไป ในที่สุดก็ตกลงใจเสี่ยงตายอีกครั้งหนึ่งด้วยเชื่อมั่นว่าอ้วนเสี้ยว โจโฉจะเกรงพระราชอาญาแล้วกลับไปเสียโดยดี จึงให้ทหารตัดศีรษะโฮจิ๋น แล้วโยนข้ามกำแพงพระราชฐานชั้นในออกไป

            แล้วเตียวเหยียงขันทีจึงร้องตะโกนด้วยเสียงอันดังออกไปว่าโฮจิ๋นเป็นกบฎถูกประหารเสียแล้ว เอาแต่ศีรษะโฮจิ๋นไปเถิด พร้อมทั้งขู่ว่าใครที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องทำการกบฎด้วยโฮจิ๋นก็ให้รีบกลับไป มิฉะนั้นจะถือว่าเป็นกบฎต่อราชบัลลังก์ร่วมกับโฮจิ๋นด้วย

            แต่ครั้งนี้คำขู่ของขันทีไร้ผล อ้วนเสี้ยว โจโฉได้ยินเสียงร้องตะโกนของเตียว

            เหยียงแล้ว จึงประกาศขึ้นด้วยเสียงอันดังว่าโฮจิ๋นเป็นผู้สำเร็จราชการแผ่นดินของฮ่องเต้ เป็นพี่ชายของโฮไทเฮา สิบขันทีทำการกบฎยึดอำนาจแล้วฆ่าโฮจิ๋นเสีย ผู้ภักดีต่อแผ่นดินทั้งปวงจงมาเข้าด้วยกับเราปราบปรามพวกกบฎ พิทักษ์ราชบัลลังก์ ช่วยเหลือฮ่องเต้ ค้ำชูชาติ คุ้มครองราษฎรให้เป็นสุข ผู้ใดจะร่วมกับเราปราบกบฎให้รีบตามเราเข้าไปจับสิบขันทีฆ่าเสีย จะมีบำเหน็จความชอบถึงขนาด

            เง่าของนายทหารคนสำคัญของโฮจิ๋นซึ่งคุมทหารห้าร้อยนายมากับอ้วนสุดและคอยโฮจิ๋นอยู่หน้าประตูพระราชฐานชั้นนอกได้ยินคำเตียวเหยียงขันทีและฟังคำประกาศของอ้วนเสี้ยว โจโฉแล้วโกรธแค้นยิ่งนัก จึงเอาเพลิงจุดเผาประตูพระราชฐานชั้นนอก เพลิงนั้นลุกโชติขึ้นไหม้ประตูพระราชฐานชั้นนอกลามติดเรือนพักและตำหนัก ระหว่างเขตพระราชฐานชั้นนอกกับชั้นใน ควันเพลิงคละคลุ้งเกิดชุลมุนวุ่นวายอลหม่านทั้งพระราชวัง

            อ้วนสุด และเง่าของจึงนำทหารบุกฝ่าประตูพระราชฐานชั้นนอกเข้าไป พบเห็นขันทีเลวก็สังหารเสียสิ้น ปะหน้าเข้ากับโฮเบี้ยว ผู้ช่วยผู้สำเร็จราชการแผ่นดิน ผู้น้องของโฮไทเฮาและโฮจิ๋น เง่าของก็แค้นนักด้วยเชื่อว่าโฮเบี้ยวร่วมคบคิดกับพวกขันทีสังหารโฮจิ๋นนายตัวเสีย จึงให้ทหารเข้าล้อมโฮเบี้ยวไว้ แล้วสังหารโฮเบี้ยวตายในที่นั้น

            ฝ่ายอ้วนเสี้ยว โจโฉก็ได้ให้ทหารใช้ขวานฟันประตูพระราชฐานชั้นในพังทะลายลง แล้วบุกเข้าไปถึงเขตพระราชฐานชั้นใน ท่ามกลางควันเพลิงและความชุลมุน พบเตียวต๋ง, เชียกง, เห้หุย และก๊กเสง สี่ขันทีคนสำคัญในขบวนการสิบขันที กำลังหนีออกจากตำหนักหลังหนึ่งวิ่งเข้าไปในสวนดอกไม้ท้ายตำหนักนั้น อ้วนเสี้ยว โจโฉ และทหารก็ไล่ติดตามทันสี่ขันที แล้วฆ่าสี่ขันทีเสีย เอาดาบสับร่างสี่ขันทีจนแหลกละเอียด ระบายความแค้นจนสาสมแก่ใจ

            ส่วนขันทีสำคัญอีกสี่คนคือเตียวเหยียง, ต๋วนกุย, เทาเจียด และเหาลำ ในขบวนการสิบขันที ซึ่งอยู่ใกล้พระตำหนักโฮไทเฮา และพระตำหนักที่ประทับของฮ่องเต้กับพระอนุชา เห็นเพลิงไหม้ชุลมุนวุ่นวายขึ้นในพระราชวังและเพลิงนั้นไหม้ลามเข้ามาใกล้พระตำหนัก ต๋วนกุยจึงวิ่งเข้าไปในพระตำหนัก แล้วคุมตัวโฮไทเฮาไว้เป็นตัวประกัน

            ส่วนเตียวเหยียง, เทาเจียด และเหาลำ วิ่งเข้าไปในพระตำหนักที่ประทับของฮ่องเต้ และพระอนุชา เทาเจียดและเหาลำพลัดกับเตียวเหยียง ปะเข้ากับทหารของอ้วนสุด จึงถูกทหารของอ้วนสุดฆ่าถึงแก่ความตายในเขตพระราชฐานนั้น

            เหลือแต่เตียว เหยียงเข้าคุมตัวฮ่องเต้พระองค์น้อยกับพระอนุชาไว้เป็นตัวประกัน แล้วอาศัยควันเพลิงและความชุลมุนพาพระราชบุตรทั้งสองพระองค์หลบหนีออกจากพระราชวังไป

            ฝ่ายโลติดอดีตแม่ทัพใหญ่ปราบโจรโพกผ้าเหลืองซึ่งได้ลาออกจากราชการเพราะไม่สามารถทัดทานโฮจิ๋นเรื่องอ้างรับสั่งให้กองทัพหัวเมืองเข้าเมืองหลวง กำลังเตรียมจัดเก็บข้าวของอยู่ที่จวนเพื่อเดินทางกลับไปบ้านเดิมที่ต่างเมือง เห็นควันเพลิงพุ่งขึ้นทาบท้องฟ้ามาแต่ข้างในพระราชวัง ก็คาดหมายว่าคงจะเกิดเหตุร้ายขึ้น

            ดังนั้นแม้จะลาออกจากราชการหมดภาระหน้าที่ใด ๆ ไปแล้ว แต่น้ำใจภักดีต่อราชสำนักยังคงกรุ่นเต็มหัวใจ จึงแต่งตัวใส่เสื้อเกราะชุดออกศึก ถืออาวุธคู่กายมายืนซุ่มอยู่ที่นอกประตูท้ายพระตำหนักของโฮไทเฮา เห็นต๋วนกุยขันทีพาโฮไทเฮาหนีเพลิงอยู่บนระเบียงชั้นสองของพระตำหนักร่นเข้ามาทางด้านหลัง จึงวิ่งตรงเข้าไปทางพระตำหนักแล้วตวาดใส่ต๋วนกุยว่า ไอ้ศัตรูราชสมบัติ มึงจะเอาโฮไทเฮาไปไหน

            ต๋วนกุยเห็นโลติดในชุดนักรบถืออาวุธอยู่ก็ตกใจกลัว อาศัยควันเพลิงเป็นเกราะกำบังตัวหลบเข้าไปด้านใน แล้วหาทางหลบหนีออกจากพระราชวัง ท่ามกลางความชุลมุนนั้น

            โฮไทเฮาถูกต๋วนกุยทิ้งอยู่บนระเบียงชั้นสองของพระตำหนัก ทั้งเพลิงกำลังไหม้ลามเข้ามาก็ตกพระทัย เห็นโลติดอยู่ใกล้จึงกระโดดหนีเพลิงลงจากระเบียงข้างบน

            โลติดเห็นเหตุการณ์อยู่ตลอดก็ตกใจแต่กุมสติมั่น ประชิดเข้าเบื้องล่างชานระเบียงรับ โฮไทเฮาไว้ได้ทัน และมัวสาละวนอยู่กับโฮไทเฮา จึงเปิดโอกาสให้ต๋วนกุยหลบหนีไปได้

            ขุนนางแลทหารในพระราชวังเห็นเหตุการณ์เช่นนั้น จึงเข้าสวามิภักดิ์กับอ้วนเสี้ยว โจโฉเป็นอันมาก

             อ้วนเสี้ยว โจโฉทำการมาถึงขั้นนี้แล้ว ใจหนึ่งก็ประหวั่นเพราะทำการใหญ่เกินตัว อาจมีความผิดถึงประหาร แต่อีกใจหนึ่งนั้นมั่นเด็ดเดี่ยวที่จะต้องล้างบางขันทีให้หมดสิ้น ไม่ให้เหลือรากอันจะเป็นภัยต่อไปในภายหน้า ทั้งเห็นว่านี่เป็นหนทางเดียวที่จะเอาตัวรอดได้ จึงจัดทหารขึ้นหน่วยหนึ่งไปล้อมบ้านสิบขันที จับพรรคพวกทั้งชายหญิงฆ่าเสียสิ้น

            เพลิงไหม้ลุกลามออกไปหลายที่ และลามไปทางด้านคุกหลวง ซึ่งเป็นที่จำฮองสีขันที ในภายหลังไม่ปรากฏว่ามีผู้ใดพบฮองสีขันทีอีก จึงเชื่อว่าฮองสีขันทีคงตายในเพลิงนั้น

            โจโฉเห็นเพลิงไหม้ลามมากขึ้น จะเป็นอันตรายทั้งพระราชวัง จึงคุมทหารออกดับเพลิงเป็นหลายแห่งจนดับสนิท พบโลติดเชิญโฮไทเฮาอยู่จึงเชิญเสด็จโฮไทเฮาให้ทำหน้าที่ว่าราชการไปพลางก่อน เนื่องจากฮ่องเต้และพระอนุชาสูญหายไป

            เพลิงสงบแล้ว อ้วนเสี้ยว โจโฉจึงจัดกำลังทหารออกเป็นสองกอง กองหนึ่งให้ติดตามขันทีที่หลบหนี อีกกองหนึ่งให้ติดตามหาฮ่องเต้และพระอนุชาที่สูญหาย

            ในขณะนั้นเตียวเหยียงขันที คุมเอาหองจูเปียนฮ่องเต้และหองจูเหียบพระอนุชาอาศัยควันเพลิงและความชุลมุนหนีออกจากพระราชวังไปแล้ว ก็ไปหลบซ่อนอยู่ในป่าเชิงเขาปักคูสาน

            ตกค่ำเข้าต๋วนกุยซึ่งหลบหนีโลติดออกนอกเมืองเข้าเขตป่าเชิงเขาปักคูสาน ก็พบกับเตียวเหยียงจึงหลบซ่อนอยู่ด้วยกัน

            ขณะที่พากันหลบซ่อนอยู่นั้น ทหารอ้วนเสี้ยว โจโฉกองที่ติดตามหาฮ่องเต้กับพระอนุชาก็ติดตามมาถึงเขตป่าเขาปักคูสาน ตามคบไฟสว่างไปทั้งราวป่า เตียวเหยียง  ต๋วนกุยตกใจกลัว คำนึงว่าหากหลบหนีพะรุงพะรังไปด้วยกันเช่นนี้ คงจะหนีไปไม่ตลอด เพลาเที่ยงคืนจึงทิ้งฮ่องเต้และพระอนุชาเสีย แล้วแยกย้ายกันหนีตามคติที่ว่า “แยกกันเราอยู่ รวมหมู่เราตาย”

            เตียวเหยียงหนีบุกป่ามาถึงริมแม่น้ำ ได้ยินเสียงทหารล้อมใกล้เข้ามา คบไฟสว่างเห็นบินของ ทหารของโฮจิ๋นคุมกำลังล้อมกระชับใกล้เข้ามา เห็นจะหนีไปไม่รอดแล้ว เตียวเหยียงจึงตัดสินใจโดดน้ำตายในคืนนั้น

            ทหารของบินของพบศพเตียวเหยียงจึงไปรายงานให้บินของทราบ บินของทราบความแล้วจึงออกติดตามหาขันทีที่เหลือต่อไป พบเข้ากับต๋วนกุยซึ่งกำลังหลบหนีเงอะงะอยู่ในป่า จึงจับต๋วนกุยไว้แล้วสอบถามว่าพาฮ่องเต้และพระอนุชาไปหลบซ่อนไว้ที่ใด

            ต๋วนกุยตกใจกลัวตาย จึงบอกว่าเมื่อเกิดเพลิงไหม้ขึ้นในพระราชวัง เตียวเหยียงได้เชิญเสด็จฮ่องเต้แลพระอนุชาหลบซ่อนตัวอยู่ในป่าเชิงเขาปักคูสาน ข้าพเจ้าซึ่งหนีตามมาไปพบเข้า แต่เห็นทหารไล่ตามมา จึงต่างคนต่างหนีเอาตัวรอด ไม่ทราบว่าขณะนี้ฮ่องเต้และพระอนุชาประทับอยู่ที่ใด

            บินของได้ฟังดังนั้นก็โกรธ จึงสังหารต๋วนกุยเสีย แล้วตัดศีรษะ รื้อเกล้าผมของต๋วนกุยผูกคอม้าไว้ แล้วออกติดตามหาฮ่องเต้และพระอนุชาต่อไป

            สถานการณ์ ณ บัดนี้สิบขันทีถูกทำลายล้างสิ้น กล่าวคือฮองสีขันทีผู้รับสินบนรับเป็นไส้ศึกให้กับโจรโพกผ้าเหลืองต้องโทษจำคุก และถูกเพลิงคลอกตายในคุกหลวง

            เกียนสิดขันทีผู้วางแผนร่วมกับตั๋งไทเฮายกหองจูเหียบขึ้นเป็นฮ่องเต้แทนหองจูเปียน และถูกเกียเส็งขันทีพวกเดียวกันที่มีความพยาบาทมาแต่ก่อนฆ่าเสียในสวนดอกไม้

            เตียวต๋ง, เชียกง, เห้หุย และก๊กเสง อีกสี่ขันทีถูกอ้วนเสี้ยว โจโฉฆ่าเสียในสวนดอกไม้แล้วสับร่างเป็นชิ้นแหลกละเอียด มิให้กากลืนแค้น
 เทาเจียด, เหาลำ สองขันทีถูกทหารอ้วนสุดสังหารเสียในพระราชวัง เตียวเหยียงขันทีคนสำคัญกระโดดน้ำตาย ที่แม่น้ำใกล้ป่าเชิงเขาปักคูสาน
ต๋วนกุยถูกบินของตัดศีรษะเสียในป่าเชิงเขาปักคูสาน

            ขันทีใหญ่น้อยที่เป็นสมัครพรรคพวกของสิบขันทีถูกอ้วนสุด บินของประหารเสียสิ้นในพระราชวังนั้น
          
            จบสิ้นกันแล้วสำหรับชะตาชีวิตของสิบขันที ผู้ก่อกรรมทำเข็ญไว้กับแผ่นดิน และราษฎรตลอดระยะเวลาอันยาวนานถึงสองรัชกาล เป็นต้นเหตุของการลุกขึ้นสู้กอบกู้ชาติของประชาชน และการจลาจลในบ้านเมือง ตลอดจนการปล้นชิงวิ่งราวที่เกิดขึ้นทั่วทั้งแผ่นดิน ทำลายระบบบริหารราชการแผ่นดินของราชวงศ์ฮั่นลงอย่างย่อยยับ ทำให้ระบบบริหารราชการแผ่นดิน ซึ่งแทนที่จะเป็นไปเพื่ออำนวยประโยชน์สุขและความร่มเย็นของแผ่นดินและอาณาประชาราษฎร์ กลับกลายเป็นการสร้างระบบส่วยสินบน การทุจริต การฉ้อราษฎร์บังหลวง ทำให้อธรรมมีอำนาจเหนือธรรม ทำให้ทรชนมีอำนาจวาสนาขึ้นในบ้านเมือง ในขณะที่วีรชนต้องถูกกลั่นแกล้งขับไล่ไสส่งให้ออกไปไกลโพ้นจากอำนาจรัฐ

            การปิดฉากชะตากรรมของสิบขันทีเป็นการปิดฉากสำคัญตอนหนึ่งของสามก๊ก ปิดประวัติศาสตร์อันเลวร้ายของระบบส่วยสินบน ซึ่งกลายเป็นต้นตอสำคัญของระบบส่วยสินบน ที่สืบทอดระบาดเข้าสู่ระบบราชการของหลายประเทศในปัจจุบันนี้

            สิบขันทีถูกประวัติศาสตร์กลบทับไปแล้ว แต่ความชั่วช้าในการสร้างระบบซื้อขายตำแหน่งแปรสภาพให้คนกลายเป็นสินค้า แล้วทรยศต่อบ้านเมืองและราษฎร ได้แตกเผ่าพันธุ์ออกไปอย่างกว้างขวางประดุจหญ้าคอมมิวนิสต์ในฤดูฝน สืบทอดวิญญาณร้ายเข้าสู่ระบบราชการจนถึงทุกวันนี้

            ยุคสมัยของสิบขันทีปิดฉากลงแล้ว เปิดศักราชใหม่ที่เปลี่ยนความขัดแย้งหลักระหว่างขันทีกับขุนนางข้าราชการ ซึ่งกระทบราชบัลลังก์หนักอยู่แล้ว ให้กลายเป็นความขัดแย้งหลักชนิดใหม่ระหว่างขุนศึกกับขุนศึก ซึ่งกระทบราชบัลลังก์หนักกว่าเก่า และนำไปสู่ความดับสูญของราชวงศ์ฮั่นในที่สุด

            แต่การจะโทษสิบขันทีเพียงฝ่ายเดียวนั้น ไม่เห็นเป็นการยุติธรรม เพราะขันทีประดุจดังไม้เลื้อยที่เกาะไม้หลักเท่านั้น ไม้หลักที่ว่านี้ก็คือฮ่องเต้ ที่ไม่รู้จักผิดชอบชั่วดี สนับสนุนอุ้มชูให้ทรชนมีอำนาจขึ้นในแผ่นดิน ไม่สนใจใยดีวีรชน ไม่เชิญชวนเรียกหาวีรชนและบัณฑิตเข้ามารับใช้ชาติบ้านเมือง

            นักปราชญ์ บัณฑิต และวีรชนจำนวนมากที่มีอยู่ก็ไม่ได้ให้ความสำคัญ ไม่ได้ให้ความใกล้ชิด ไม่ได้ยินเสียงของพวกเขาเหล่านั้น และไม่ได้ช่วงใช้ให้พวกเขาเหล่านั้นทำคุณประโยชน์แก่แผ่นดิน

             ดังนั้นแผ่นดินจึงสูญเสียโอกาสในการสร้างวีรกรรมและผลงานจากนักปราชญ์ บัณฑิต และวีรชน แต่ในขณะเดียวกันนั้น ราชวงศ์ฮั่นกลับจะสูญเสียยิ่งกว่า นั่นคือความดับสูญของราชวงศ์ฮั่นเอง.

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ตัวอย่างกระทู้ธรรม ธรรมศึกษาชั้นตรี 5

ปัญหาและเฉลยวิชาธรรม นักธรรมชั้นโท สอบในสนามหลวง วันเสาร์ ที่ ๑๙ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๔๘

I miss you all กับ I miss all of you ต่างกันอย่างไร