ตอนที่ 177. มรดกเลือด

กุยแกที่ปรึกษาคนสำคัญของโจโฉถึงแก่ความตายด้วยวัณโรค ในขณะที่อายุเพียงสามสิบแปดปีเท่านั้น มีอายุราชการที่ทำการกับโจโฉเพียงสิบเอ็ดปี แต่ชั่วระยะเวลาอันสั้นกุยแกก็ได้เป็นกำลังหลักในการคิดอ่านให้โจโฉได้ครองอำนาจรัฐในเมืองหลวงอย่างมั่นคง และปราบปรามหัวเมืองภาคเหนือราบคาบเกือบหมดสิ้น

            ทางภาคเหนือนั้นคงเหลือแต่อ้วนชงและอ้วนฮีซึ่งขณะนี้หนีไปอยู่ทางหัวเมืองด้านตะวันออกของเมืองกิจิ๋ว ขออาศัยอยู่กับกองซุนของเจ้าเมืองเลียวตั๋ง ปัญหาที่เผชิญหน้ากองทัพโจโฉอยู่ก็คือจะทำประการใดจึงจะกวาดล้างเสี้ยนหนามแผ่นดินสองเล่มสุดท้ายให้หมดสิ้นจากภาคเหนือ

            นั่นคือจะยกกองทัพไปติดตามปราบปรามอ้วนชง อ้วนฮีต่อไป หรือว่าจะเลิกทัพกลับไปรักษาเมืองหลวง หรือว่าจะคิดอ่านประการอื่น

            ครั้นรุ่งขึ้นโจโฉได้ออกว่าราชการท่ามกลางบรรดาที่ปรึกษาและแม่ทัพนายกองทั้งปวง แฮหัวตุ้น ได้รายงานว่าบัดนี้กองสอดแนมได้แจ้งข่าวให้ทราบว่าอ้วนฮีและอ้วนชงซึ่งเสียทีแตกหนีจากการศึกเมืองหลิวเซียนั้น ได้พาทหารหนีไปทางด้านตะวันออกของเมืองกิจิ๋ว ไปอาศัยอยู่กับกองซุนของเจ้าเมืองเลียวตั๋ง

            แฮหัวตุ้นได้รายงานต่อไปว่าบัดนี้กองซุนของเจ้าเมืองเลียวตั๋งได้สั่งให้ทหารทั้งปวงของเมืองเลียวตั๋งเตรียมพร้อม และให้แต่งค่ายคูประตูหอรบไว้พร้อมสรรพ เห็นได้ชัดว่าเป็นการเตรียมการที่จะต่อสู้กับกองทัพของเมืองหลวง ลักษณะเช่นนี้นับเป็นปฏิปักษ์ต่อราชสำนัก จึงขอให้ท่านยกกองทัพไปตีเมืองเลียวตั๋งเพราะหากปล่อยไว้นานก็จะตั้งตัวแข็งเมืองขยายอิทธิพลเติบใหญ่สืบไป

            โจโฉได้ฟังดังนั้นก็หัวเราะ แล้วว่าดินแดนด้านตะวันออกของเมืองกิจิ๋วก็ทุรกันดารไม่ต่างอันใดกับดินแดนด้านตะวันตกซึ่งกองทัพเราได้ฝ่าฟันมาแล้ว แต่ไม่สามารถจับตัวอ้วนชงและอ้วนฮีได้ ดังนั้นหากข้อมูลทางการทหารยังไม่ชัดเจน แล้วสุ่มเสี่ยงยกกองทัพไป ทหารทั้งปวงก็จะได้ความยากลำบาก

            โจโฉกล่าวมาถึงตอนนี้ก็แหงนหน้าขึ้นดูเพดานของกองบัญชาการ แล้วว่า “จงชวนกันรอฟังดูสักเก้าวันสิบวันก่อนเถิด กองซุนของก็จะตัดศีรษะอ้วนชง อ้วนฮีมาให้เรา”

            โจโฉกล่าวเสร็จแล้วสั่งเลิกประชุม โดยไม่เปิดเผยแผนการใด ๆ ให้เหล่าที่ปรึกษาและแม่ทัพนายกองทราบ จึงทำให้เกิดการสงสัยและซุบซิบกันทั่วทั้งกองบัญชาการว่าโจโฉจะทำประการใด จึงจะทำให้กองซุนของเจ้าเมืองเลียวตั๋งตัดศีรษะอ้วนชงและอ้วนฮีมามอบให้ แต่เมื่อโจโฉสั่งเลิกประชุมแล้วทุกคนจึงได้แต่เก็บความสงสัยไว้ในใจ

            ทางด้านอ้วนฮีและอ้วนชงเมื่อแตกทัพเสียทีแก่โจโฉแล้ว ได้พาทหารพันเศษหนีไปถึงแดนเมืองเลียวตั๋ง พอถึงเขตแดนเมืองเลียวตั๋งจึงให้ทหารคนสนิทล่วงหน้าเข้าไปแจ้งแก่กองซุนของเจ้าเมืองเลียวตั๋งให้ทราบว่าบัดนี้อ้วนชงและอ้วนฮีเสียทีโจโฉและได้เดินทางเข้ามาในแดนเมืองเลียวตั๋ง จะขออาศัยอยู่กับกองซุนของ ขอให้เห็นแก่ไมตรีที่มีมาแต่ก่อน

            กองซุนของได้ทราบความแล้วเรียกประชุมที่ปรึกษาและขุนนางของเมืองเลียว  ตั๋ง ปรารภให้ทราบแล้วถามความเห็นที่ปรึกษาและขุนนางเหล่านั้นว่าจะคิดอ่านประการใด

            กองซุนก๋งซึ่งเป็นน้องของกองซุนของได้ฟังปรารภของเจ้าเมืองผู้พี่แล้วจึงว่าเมื่อครั้งที่อ้วนเสี้ยวยังมีชีวิตอยู่นั้น ข้าพเจ้าได้ยินกิตติศัพท์ว่าแม้ว่าอ้วนเสี้ยวจะทำไมตรีกับเมืองเลียวตั๋งก็เป็นแต่เปลือกนอก ภายในนั้นได้คิดอ่านวางแผนที่จะยึดเอาเมืองเลียวตั๋งไว้ในอำนาจอยู่เสมอ เป็นแต่ว่าโอกาสยังไม่เปิดช่องให้เพราะอ้วนเสี้ยวติดพันในการศึกกับโจโฉ ดังนั้นเมืองเลียวตั๋งจึงปลอดภัยอยู่ได้จนถึงทุกวันนี้

            กองซุนก๋งได้เสนอความเห็นต่อไปว่า อันอ้วนชงและอ้วนฮีผู้บุตรของอ้วนเสี้ยวนั้นถูกเอาใจเลี้ยงดูมาแต่น้อยแต่ไม่ปรองดองในหมู่พี่น้อง แย่งชิงอำนาจจนเป็นเหตุให้เสียทีแก่โจโฉ นี่ขนาดพี่น้องแท้ ๆ ยังคิดร้ายต่อกันได้ถึงเพียงนี้ หากท่านรับคนแบบนี้ไว้ให้ถิ่นที่อาศัย สืบไปเบื้องหน้าก็จะคิดร้ายต่อท่านเป็นมั่นคง “อุปมาเหมือนหนึ่งกาแม้จะให้อาศัยอยู่ในเมืองเรา นานไปจะคิดการกำเริบชิงเอาเมืองเรา เหมือนชิงรังนกกาเหว่า”

            กองซุนก๋งได้สรุปความเห็นว่าครั้งนี้เมื่ออ้วนชง อ้วนฮีจะขอมาอาศัยอยู่ที่เมืองเลียวตั๋งเป็นทีแล้ว ขอให้ท่านเจ้าเมืองลวงให้ทั้งสองคนเข้ามาอาศัยแล้วจับตัวตัดศีรษะเอาไปมอบแก่โจโฉ ความชอบก็จะมีแก่เรา เมืองเลียวตั๋งก็จะปลอดภัย

            กองซุนของได้ฟังผู้น้องเสนอเช่นนั้นจึงว่าความคิดเห็นของเจ้าก็เข้าการอยู่ แต่ว่าโจโฉยกทัพมาครั้งนี้ใหญ่หลวงนัก หากเราด่วนสังหารอ้วนฮีและอ้วนชงเสีย โจโฉยกกองทัพล่วงมาเราก็จะขาดกำลังพันธมิตรต่อต้านข้าศึก จึงควรอาศัยมืออ้วนชงและอ้วนฮีเป็นกำลังต่อต้านโจโฉเป็นการเฉพาะหน้าก่อน เสร็จศึกครั้งนี้แล้วค่อยคิดอ่านผันผ่อนต่อไป

            กองซุนก๋งได้ฟังเจ้าเมืองผู้พี่สรุปดังนั้น จึงว่าที่ท่านสรุปมาทั้งนี้ชอบด้วยเหตุและผลแล้ว ดังนั้นจึงขอให้แต่งทหารออกไปสอดแนมความเคลื่อนไหวของกองทัพโจโฉว่าเป็นประการใด ถ้าหากโจโฉยกกองทัพมาตีเมืองเลียวตั๋งก็ชอบที่จะเลี้ยงอ้วนชงและอ้วนฮีไว้เป็นกำลังร่วมกันต่อต้านโจโฉ แต่ถ้ากองทัพโจโฉไม่ยกมาจึงค่อยจับสองพี่น้องตัดศีรษะแล้วส่งไปมอบแก่โจโฉ

            ปรึกษากันพร้อมเสร็จแล้วกองซุนของจึงตัดสินใจดำเนินการตามแผนการที่กองซุนก๋งเสนอ และสั่งทหารให้ไปติดตามสอดแนมข่าวคราวของกองทัพโจโฉ พร้อมกันนั้นก็ได้สั่งทหารให้ออกไปต้อนรับเชิญอ้วนฮีและอ้วนชงเข้ามาอาศัยอยู่ในเมือง จัดให้สองพี่น้องแซ่อ้วนพักที่เรือนรับรองของทางราชการ

            ฝ่ายอ้วนฮีและอ้วนชงเมื่อยกทหารเข้ามาตั้งอยู่ในเมืองเลียวตั๋งตามคำเชิญของเจ้าเมืองแล้ว เห็นข้างในเมืองมีผู้คนเป็นอันมากและทราบกิตติศัพท์ว่ากองทัพเมืองเลียวตั๋งนี้เป็นกองทัพขนาดกลาง มีกำลังพลถึงห้าหมื่นเศษ สามารถอาศัยภูมิประเทศและความพร้อมสรรพของผู้คนแลเสบียงอาหารตั้งรับกองทัพของโจโฉได้ เห็นดังนั้นแล้วจึงปรึกษากันคิดอ่านจะฆ่ากองซุนของ แล้วยึดเมืองเลียวตั๋งไว้เป็นฐานกำลังต่อไป

            สองพี่น้องปรึกษาเห็นพ้องกันแล้ว ตกลงดำเนินการตามแผนโดยให้สำรวจสภาพการภายในเมืองและเกลี้ยกล่อมผู้คนไว้เป็นกำลังให้พร้อมก่อน พร้อมเมื่อใดแล้วจะได้ทำการโดยสะดวก

            เมื่อคิดอ่านดังนี้แล้ว สองพี่น้องแซ่อ้วนจึงคิดจะเข้าไปฟังท่าทีของเจ้าเมือง แต่กองซุนของเจ้าเมืองต้องการจะฟังข่าวคราวทางกองทัพของโจโฉก่อนจึงไม่ยอมให้พบ แสร้งบอกว่ากำลังป่วย ไว้สร่างป่วยแล้วค่อยพบกัน

            ฝ่ายทหารซึ่งเจ้าเมืองเลียวตั๋งให้ไปสอดแนมการข้างกองทัพโจโฉนั้น เมื่อได้เดินทางเข้าไปในเขตแดนเมืองเอ๊กจิ๋วซึ่งเป็นเขตอิทธิพลของกองทัพโจโฉแล้ว เห็นกองทัพโจโฉไม่มีทีท่าว่าจะเคลื่อนยกไปตีเมืองเลียวตั๋งหากยังคงตั้งสงบนิ่งอยู่ จึงนำความกลับมารายงานให้เจ้าเมืองเลียวตั๋งทราบ

            กองซุนของเจ้าเมืองเลียวตั๋งเมื่อได้ทราบความว่าโจโฉมิได้คิดอ่านที่จะยกกองทัพมาตีเมืองเลียวตั๋งก็มีความยินดี เห็นการข้างที่จะเป็นคุณแก่ตัวที่จะแสวงหาความชอบจากโจโฉทางหนึ่งและเพื่อรักษาเมืองเลียวตั๋งให้ปลอดภัยอีกทางหนึ่งตามแผนการเดิมที่ตกลงไว้กับกองซุนก๋งผู้น้อง

            กองซุนของจึงสั่งให้จัดกำลังหน่วยมือสังหารห้าสิบคน และอาวุธพร้อมมือซุ่มไว้ด้านในจวน สั่งว่าเมื่ออ้วนชงและอ้วนฮีมาที่จวนแล้ว ให้สังเกตสัญญาณจากเรา เมื่อเราพูดว่า “ลงมือ” ก็ให้ยกกำลังพร้อมกันเข้าไปจับตัวอ้วนชงและอ้วนฮีไปประหารเสีย จากนั้นจึงสั่งทหารให้ไปเชิญอ้วนฮีและอ้วนชงมาปรึกษาข้อราชการที่จวน

            สองพี่น้องตระกูลอ้วนตั้งตารอคอยว่าเมื่อใดกองซุนของจะหายป่วย เพื่อจะได้หยั่งท่าทีแล้วคิดอ่านชิงเอาเมืองเลียวตั๋งเสียตามแผน ดังนั้นพอได้รับทราบว่าเจ้าเมืองหายป่วยดีแล้วเชิญเข้าไปปรึกษาข้อราชการที่ในจวน อ้วนฮีและอ้วนชงไม่ทันคิดว่าจะเป็นแผนการอุบาย จึงพากันตามทหารของเจ้าเมืองเข้าไปที่ในจวนตามคำเชิญ

            อ้วนฮีและอ้วนชงคารวะทักทายเจ้าเมืองตามอย่างธรรมเนียมแล้ว เหลียวมาจะหาเก้าอี้นั่ง แต่ปรากฏว่าไม่มีโต๊ะเก้าอี้สำหรับนั่งรับแขกตามปกติก็ตกใจ มองตากันแล้วถามกองซุนของว่านี่เกิดอะไรขึ้น

            กองซุนของได้ฟังดังนั้นจึงว่าความคิดอ่านของตัวที่ทำทีมาขออาศัยแล้วจะชิงเอาเมืองเรานั้นเราก็แจ้งอยู่  ตัวดูถูกความคิดแลสติปัญญาเรา

            แล้วกองซุนของจึงพูดว่า “ลงมือเถิด” บรรดามือสังหารที่ซุ่มอยู่ได้ยินสัญญาณก็ตรูออกมาจากที่ซุ่มแล้วจับตัวอ้วนชงและอ้วนฮีมัดไว้อย่างแน่นหนา โดยที่สองพี่น้องยังไม่ทันได้ตั้งตัวคิดอ่านรับมือแต่ประการใด

            เจ้าเมืองเลียวตั๋งสั่งให้ผู้คุมเอาตัวอ้วนชงและอ้วนฮีไปประหารแล้วตัดศีรษะใส่ถังให้ทหารนำไปมอบแก่โจโฉที่เมืองเอ๊กจิ๋ว

            หลังจากโจโฉสั่งให้คอยท่าอีกเก้าวันสิบวันเพื่อพิจารณาว่าจะเลิกทัพกลับเมืองหลวงหรือไม่นั้น บรรดาแม่ทัพนายกองไม่รู้ความคิดโจโฉก็ร้อนใจ แฮหัวตุ้นและเตียวเลี้ยวสองแม่ทัพคนสำคัญจึงเข้าไปขอพบโจโฉ แล้วว่าก็แลเมื่อท่านจะไม่ยกกองทัพไปติดตามล่าตัวอ้วนชงและอ้วนฮีแล้วก็ขอให้เลิกทัพกลับไปรักษาเมืองหลวง เพราะเกรงว่าเล่าเปียว เล่าปี่จะยกมาทำอันตราย

            โจโฉได้ฟังสองแม่ทัพใหญ่เสนอดังนั้นก็หัวเราะและยังคงยืนยันว่าจะงดทัพไว้รอฟังข่าวจากเมืองเลียวตั๋งให้ครบเก้าวันสิบวันก่อน และมั่นใจว่าเจ้าเมืองเลียวตั๋งคงตัดศีรษะอ้วนชงและอ้วนฮีมาเป็นบรรณาการในกำหนดนี้ จากนั้นจึงค่อยยกกองทัพกลับเมืองหลวง

            สองแม่ทัพได้ฟังดังนั้นได้แต่มองหน้ากันแล้วอมยิ้ม มิได้ว่ากล่าวประการใดต่อไป แล้วคำนับลากลับออกมา

            หลังจากนั้นอีกวันหนึ่งโจโฉเรียกประชุมบรรดาที่ปรึกษาและแม่ทัพนายกองเพื่อคิดอ่านวางแผนปรับปรุงกองทัพเนื่องจากทหารที่เข้าสวามิภักดิ์ใหม่มีเป็นจำนวนมาก ในขณะนั้นทหารรักษาการณ์ได้เข้ามารายงานว่าเจ้าเมืองเลียวตั๋งให้ทหารนำศีรษะของอ้วนชงและอ้วนฮีมามอบแก่ท่าน

            บรรดาที่ปรึกษาและแม่ทัพนายกองทั้งปวงได้ฟังดังนั้นต่างพากันตกตะลึง มองหน้ากัน ในขณะที่โจโฉปรบมือหัวเราะสั่งทหารรักษาการณ์ให้ไปนำทหารของเมืองเลียวตั๋งเข้ามาพบ

            ทหารของเมืองเลียวตั๋งเข้ามาคำนับคารวะโจโฉพร้อมกับนำถังใส่ศีรษะของอ้วนชงและอ้วนฮีวางไว้ตรงหน้าแล้วว่าเจ้าเมืองเลียวตั๋งมีความมั่นคงและภักดีต่อราชสำนักฮั่นไม่คลอนแคลน บัดนี้ทราบว่าท่านอัครมหาเสนาบดีถือรับสั่งของพระเจ้าเหี้ยนเต้ยกมาปราบปรามเสี้ยนหนามแผ่นดินทางภาคเหนือ เจ้าเมืองเลียวตั๋งจึงพร้อมที่จะสนองพระเดชพระคุณทุกประการ

            แล้วรายงานต่อไปว่าอ้วนชงและอ้วนฮีเป็นศัตรูราชสมบัติ ไปขออาศัยเมืองเลียวตั๋ง ท่านเจ้าเมืองจึงตัดศีรษะนำมาบรรณาการแก่ท่านอัครมหาเสนาบดีเพื่อแผ่นดินภาคเหนือจะได้ร่มเย็นเป็นสุขสืบไป

            โจโฉได้ฟังดังนั้นก็มีความยินดี หัวเราะดังสนั่นอีกครั้งหนึ่งแล้วว่า “กุยแกนั้นอ่อนแต่อายุ อันสติปัญญาจะหมายการสิ่งใดมิได้ผิด”

            โจโฉรำพึงอยู่แต่ในใจว่าคาดไม่ถึงว่ากุยแกแม้จะตายแล้วยังคิดอ่านมอบศีรษะอ้วนชงและอ้วนฮีได้สมกับความคิดทุกประการ

            ปรารภขึ้นลอย ๆ ดั่งนั้นแล้วจึงสั่งทหารให้เบิกทองคำหนึ่งถาดและเสื้อผ้าเป็นอันมากมอบให้ทหารนั้นนำไปมอบแก่กองซุนของเป็นรางวัลความชอบกับแต่งตั้งให้กองซุนของเป็นเจ้าเมืองเลียวตั๋งตามทางราชการ แล้วสั่งความให้ไปบอกเจ้าเมืองเลียวตั๋งว่าให้ตั้งหน้ารักษาเมืองเลียวตั๋งไว้ให้ร่มเย็นเป็นสุขสืบไป ทหารของกองซุนของรับตราตั้งและของกำนัลแล้วคำนับลาโจโฉกลับไปเมืองเลียวตั๋ง. 
 

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ตัวอย่างกระทู้ธรรม ธรรมศึกษาชั้นตรี 5

ปัญหาและเฉลยวิชาธรรม นักธรรมชั้นโท สอบในสนามหลวง วันเสาร์ ที่ ๑๙ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๔๘

I miss you all กับ I miss all of you ต่างกันอย่างไร