ตอนที่ 174. แผนการใช้จารชนเผด็จศึก

โจโฉกำหนดเป้าหมายอยู่ในใจที่จะต้องปราบปรามภาคเหนือให้สงบราบคาบจึงคิดอ่านหาหนทางเผด็จศึกเมืองเป๊งจิ๋วให้เสร็จสิ้นโดยเร็ว เพื่อจะได้ยกไปปราบปรามอ้วนชงและอ้วนฮีต่อไป ครั้นได้ฟังความเห็นของเตียวเอี๋ยน งักจิ้นและ ลิเตียนซึ่งคุมกองทัพยกมารบกับโกกันอยู่ก่อนว่าให้ใช้แผนการรบแบบเดิมที่ไม่รู้ว่าการศึกจะเสร็จสิ้นเมื่อใด จึงกวาดสายตามองบรรดาที่ปรึกษาซึ่งอยู่ในที่นั้น

            ซุนฮิวที่ปรึกษาจึงเสนอว่าอันการศึกนั้น หากเข้าตีซึ่งหน้าแม้ได้ชัยชนะก็จะสูญเสียเป็นจำนวนมาก ข้าศึกได้อาศัยความชำนาญภูมิประเทศตั้งรับกองทัพอย่างแข็งขัน ช่วงชิงความได้เปรียบ ในขณะที่ฝ่ายเรายกมาแต่แดนไกล ไม่สันทัดภูมิประเทศว่าแห่งไหนเป็นชัยภูมิอันได้เปรียบ แห่งไหนเป็นภูมิอันเสียเปรียบ กองทัพจึงยันกันอยู่ดังนี้ ดังนั้นวิถีแห่งการเอาชัยชนะจึงจำต้องอาศัยจารชนเข้าไปทำการภายในกองทัพของข้าศึกก็จะแปรความเสียเปรียบเป็นความได้เปรียบและกุมไว้ซึ่งชัยชนะในที่สุดได้

            โจโฉได้ฟังดังนั้นจึงปรึกษาว่าผู้ใดจะอาสาเป็นไส้ศึก ซุนฮิวจึงว่าในกองทัพของเรานี้มีทหารอ้วนเสี้ยวจำนวนมากมาเข้าด้วย ดังนั้นจึงชอบที่จะใช้ให้ทหารเก่าของอ้วนเสี้ยวไปทำการเป็นไส้ศึกในครั้งนี้ คงจะจับตัวโกกันได้เป็นมั่นคง

            โจโฉได้ฟังก็เห็นชอบด้วย สั่งให้เลิกประชุมแล้วกระซิบทหารคนสนิท สั่งให้ตามตัวลิกอง และลิเชียงเข้ามาพบ

            พอลิกองและลิเชียงเข้ามาคารวะคำนับแล้ว โจโฉจึงว่าท่านทั้งสองเข้ารับราชการอยู่ด้วยเรา ได้สร้างผลงานเป็นจำนวนมาก บัดนี้มีภารกิจสำคัญของกองทัพที่จะมอบให้ท่านไปดำเนินการ

            สองนายทหารฟังดังนั้นจึงค้อมคำนับโจโฉแล้วว่าพวกข้าพเจ้านี้ตั้งใจรับราชการสนองคุณท่านไม่เห็นแก่ชีวิต มีภารกิจสิ่งใดโปรดวางใจบัญชา

            โจโฉจึงว่าภารกิจครั้งนี้มีความสำคัญ มีผลต่อชัยชนะของกองทัพ เราจะให้พวกท่านเป็นไส้ศึกทำทีเข้าด้วยโกกัน แล้วคิดอ่านจับตัวโกกันให้จงได้ ความอันนี้เป็นเรื่องลับของกองทัพ เราจึงว่ากล่าวกับท่านทั้งสองมิให้แพร่งพรายล่วงรู้ถึงผู้ใด

            สองนายทหารได้ฟังดังนั้นจึงว่าพวกข้าพเจ้าเป็นทหารเก่าของอ้วนเสี้ยวรู้จักอยู่กับโกกัน ภารกิจนี้ไม่เป็นที่หนักอกหนักใจแต่ประการใด ขอท่านจงวางใจเถิด

            โจโฉจึงว่าเสร็จการครั้งนี้แล้วเราจะบำเหน็จความชอบพวกท่านให้ถึงขนาด จงรีบไปดำเนินการ แล้วบอกแผนการว่าให้พวกท่านพยายามเสนอให้โกกันยกทหารออกมาปล้นค่ายเราโดยเร็วที่สุด เราจะเตรียมการทางนี้ไว้ให้พร้อมเพื่อจับตัวโกกันให้ได้ สองนายทหารรับคำสั่งแล้วคำนับลาโจโฉกลับออกไป

            โจโฉว่ากล่าวจนสองนายทหารเก่าของอ้วนเสี้ยวยินยอมพร้อมใจ ยอมเสี่ยงอันตรายรับภาระหน้าที่เป็นไส้ศึกไปอยู่กับกองทัพของโกกันดังนี้ ย่อมแสดงอยู่ว่าโจโฉนั้นเป็นยอดคนในการใช้คน จึงสามารถใช้คนให้เป็นจารชนโดยไม่กลัวแก่ความตาย คัมภีร์พิชัยสงครามของซุนหวู่ได้ว่าไว้ว่า “จึงหากมิใช่ผู้ทรงสติปัญญาปราดเปรื่องยิ่ง ไม่อาจใช้จารชน มิใช่ผู้เต็มเปี่ยมไปด้วยเมตตาการุณธรรม ไม่อาจบัญชาจารชน และหากมิใช่ผู้ที่ละเอียดสุขุมคัมภีรภาพประดุจมีญาณวิเศษ จักไม่อาจถึงซึ่งสารัตถะประโยชน์ในจารกรรมได้”

            โจโฉตัดสินใจใช้จารชนเพื่อเอาชัยชนะในการศึกครั้งนี้ ก็เพราะเล็งเห็นว่าหากจะใช้กองทัพเข้าเผชิญหน้ากันซึ่งหน้าก็จะสูญเสียมาก และตระหนักดีว่าข้าศึกเป็นฝ่ายได้เปรียบเพราะชำนาญภูมิประเทศมากกว่า หากยังใช้แผนการรบแบบเดิม การสงครามก็จะยืดเยื้อและไม่เป็นผลดีแก่กองทัพ ซุนหวู่ได้ว่าไว้ว่า “การยกพลหนึ่งแสนเพื่อทำการรณรงค์สงครามในแดนไกลนับพันลี้ เงินทองซึ่งประชากรต้องส่งเสียเป็นส่วยสาอากร และทั้งค่าใช้จ่ายในราชการงานทหารวันหนึ่งนับตั้งพันตำลึงทอง ซ้ำจะทำให้เกิดความอลวนทั่วทั้งส่วนกลางและภูมิภาค ผู้คนซึ่งจำต้องละงานประจำมาสมบุกสมบันอยู่ตามถนนหนทางกับงานลำเลียงขนส่งและอื่น ๆ นั้น นับเจ็ดแสนครัวเรือนทีเดียว”

            ดังนั้นเพื่อลดทอนความเสียหายและความยืดเยื้อของสงคราม โจโฉจึงตัดสินใจใช้ให้ลิกองและลิเชียงเป็นไส้ศึกกระทำจารกรรมในกองทัพของโกกัน เพื่อเผด็จศึกเมืองเป๊งจิ๋วด้วยแผนการใช้จารชนดั่งนี้

            สองนายทหารเก่าของอ้วนเสี้ยวรับคำสั่งจากโจโฉแล้วออกมาจัดแจงทหารซึ่งสนิทมาแต่ก่อนห้าสิบคน พอค่ำลงก็พากันออกจากค่ายตรงไปที่ด่านโฮกวน แล้วแจ้งแก่นายประตูว่ามีความประสงค์มาขอพบโกกัน

            ในขณะนั้นโกกันพาทหารออกตรวจการอยู่บนเชิงเทินของด่านโฮกวน พอทราบรายงานแล้วชะโงกหน้าลงไปดูเห็นลิกองและลิเชียงกับพรรคพวก จึงถามว่าพวกท่านมาหาเราด้วยประสงค์สิ่งใด

            ลิกองและลิเชียงจึงว่าพวกข้าพเจ้าทั้งหมดนี้เป็นทหารเก่าเมืองกิจิ๋วในสังกัดของอ้วนถำ ก่อนที่อ้วนถำจะเสียทีแก่โจโฉได้สั่งให้พวกข้าพเจ้าเป็นไส้ศึกทำทีไปเข้าด้วยกับโจโฉ บัดนี้อ้วนถำตายแล้วพวกข้าพเจ้าไม่รู้ที่จะคิดอ่านแผนการประการใด และเจ็บแค้นโจโฉแทนนายเก่า บัดนี้ได้โอกาสจึงพากันหลบหนีหวังจะมาอยู่ด้วยท่าน ช่วยกันคิดอ่านล้างแค้นให้นายต่อไป

            โกกันได้ฟังดังนั้นก็แคลงใจว่าคำซึ่งลิกองและลิเชียงได้กล่าวนั้นจะจริงหรือเท็จแน่ จึงว่าถ้าเช่นนั้นให้พวกท่านทั้งหมดรออยู่ที่นอกประตูด่าน เฉพาะแต่ตัวท่านสองคนให้เข้ามาเจรจาด้วยเราก่อน

            ลิกองและลิเชียงฟังคำของโกกันแล้วก็รู้ว่าโกกันยังไม่วางใจ จึงแกล้งถอดเกราะวางอาวุธแล้วบอกให้ทหารที่ติดตามมานั้นรอที่นอกประตู จากนั้นจึงเดินเข้าประตูด่านไปพบโกกัน

            ลิกองและลิเชียงคำนับโกกันตามอย่างธรรมเนียมแล้ว จึงว่าพวกข้าพเจ้ามาทั้งนี้หวังจะล้างแค้นแทนอ้วนถำนายเก่า บัดนี้กองทัพของโจโฉเคลื่อนมาแต่แดนไกล ทหารยังอ่อนล้าอิดโรย แม้ค่ายคูก็ตั้งอย่างรีบเร่ง ขาดความแน่นหนามั่นคง ดังนั้นหากท่านยกเข้าปล้นค่ายคงจะได้ชัยชนะโดยง่าย

            โกกันได้ฟังความและแผนการดังกล่าว ไตร่ตรองแล้วเห็นสมจริงก็สิ้นสงสัย จึงรับลิกองและลิเชียงและพวกที่ติดตามเข้ามาอยู่ภายในด่าน และสั่งการให้เตรียมทหารหมื่นหนึ่งรอเวลากำหนดแล้วจะยกไปปล้นค่ายของโจโฉ

            ทางฝ่ายโจโฉ เมื่อลิกองและลิเชียงออกจากค่ายไปที่ด่านโฮกวนแล้ว จึงเรียกแม่ทัพนายกองมาประชุมอีกครั้งหนึ่ง แล้วสั่งการให้จัดทหารเป็นสี่กองทำหน้าที่เป็นกองซุ่มกำหนดจุดซุ่มอยู่ที่หน้าค่ายของกองทัพโจโฉ และให้ลิเตียน งักจิ้น คุมทหารอีกสองกองไปซุ่มอยู่ที่ข้างประตูด่าน ทำหน้าที่ตีสกัดหลังไม่ให้โกกันถอยกลับเข้าไปในด่านได้

            พอค่ำลงทหารโจโฉทั้งหกกองก็ยกออกไปตั้งซุ่มตามจุดหมายที่ได้รับคำสั่งทุกประการแล้วคอยทีอยู่

            พอสองยามผ่านพ้นไป โกกันจึงพาลิกอง ลิเชียงมายังกองทหารที่เตรียมพร้อมไว้แล้วนั้น แล้วแบ่งทหารออกเป็นสองกอง ให้ลิกองและลิเชียงคุมกองหน้า ตัวโกกันคุมทหารเป็นกองหนุน ยกออกจากด่านตรงไปที่ค่ายทหารฝ่ายโจโฉ

            พอกองทหารของโกกันยกมาใกล้บริเวณหน้าค่ายของโจโฉ ทหารผู้รับผิดชอบสัญญาณก็ได้รับคำสั่งให้จุดพลุสัญญาณให้กองซุ่มทั้งสี่กองยกเข้าตีกองทหารของโกกันพร้อมกัน

            กองซุ่มทั้งสี่กองเห็นพลุสัญญาณจึงโห่ร้องแล้วยกออกจากจุดซุ่ม รุมตีกระหนาบกองทหารของโกกันเข้ามาพร้อมกันทั้งสี่ด้าน ทหารของโกกันรู้ว่าต้องกลของโจโฉก็ตกใจแตกตื่นไม่เป็นอันสู้รบ ทหารของโจโฉได้ฆ่าฟันทหารของโกกันบาดเจ็บล้มตายลงเป็นอันมาก

            โกกันเห็นต้องกลเสียทีแก่โจโฉก็ตกใจ รีบพาทหารที่เหลือตีฝ่ากลับไปทางด่าน พอตีฝ่าออกไปได้แต่ยังไม่ทันถึงเขตด่าน ลิเตียนและงักจิ้นสองนายทหารของโจโฉคุมกองซุ่มคอยทีอยู่ จึงยกออกมาสกัดโจมตีโกกันพร้อมกัน ในขณะที่กองซุ่มทั้งสี่กองก็ได้ไล่ตามตีโกกันมาติด ๆ

            โกกันตกอยู่ในวงล้อมของทหารโจโฉถึงหกกองก็มิได้ย่อท้อ อาศัยความชำนาญภูมิประเทศและความมืดพาทหารเข้าต่อสู้ตีฝ่าหนีออกจากวงล้อมของทหารโจโฉออกไปได้ โจโฉก็ให้ทหารไล่ตามโกกันไป

            โกกันหนีทหารโจโฉจนพ้นจากเขตแดนเมืองกิจิ๋วล่วงเข้าเขตแดนเมืองตันอูจึงเดินทางเข้าไปขอพบโจเอียนอ้องผู้เป็นเจ้าเมือง แล้วเล่าความศึกทั้งปวงให้โจเอียนอ้องทราบ

            แล้วโกกันจึงว่าโจโฉแอบอ้างรับสั่งของพระเจ้าเหี้ยนเต้ยกกองทัพมาปราบปรามหัวเมืองภาคเหนือไว้ในอำนาจ บัดนี้ได้เมืองกิจิ๋วไว้ในอำนาจแล้ว คงจะยกล่วงเข้ามาตีเมืองตันอู แต่เนื่องจากกองทัพโจโฉยกมาแต่แดนไกล ทหารทั้งปวงจึงอิดโรยอ่อนล้า ขอให้ท่านยกกองทัพไปตีกองทัพของโจโฉคงจะได้ชัยชนะโดยง่าย

            โจเอียนอ้องมิได้มีไมตรีกับโกกันมาแต่เดิม แต่ให้เกียรติออกมาต้อนรับขับสู้เพราะเห็นว่าโกกันมีฐานะเป็นเจ้าเมืองเป๊งจิ๋วซึ่งมีเขตแดนติดต่อกัน ครั้นได้ฟังข้อเสนอของโกกันจึงว่าตัวเราและเมืองเรานี้ไม่เคยมีข้อพิพาทบาดหมางกับฝ่ายเมืองหลวง ตัวท่านเสียทีมาแล้วชักชวนเราให้ตั้งตัวเป็นศัตรูกับโจโฉ หากเราฟังคำท่านเรากับโจโฉก็ต้องกลายเป็นศัตรูต่อกัน ราษฎรเมืองตันอูก็จะได้ความเดือดร้อนจากภัย
สงคราม ความเห็นของท่านเช่นนี้เราหาต้องการไม่ ว่าแล้วจึงสั่งทหารให้เชิญโกกันออกไปจากเมืองตันอู

            โกกันคิดอ่านจะขออาศัยเมืองตันอูและยุให้โจเอียนอ้องยกกองทัพไปตีกองทัพโจโฉแต่ไม่สมความคิดก็เสียใจ จึงพาทหารกลับเข้าไปในเขตแดนเมืองกิจิ๋ว เล็ดลอดตามเส้นทางลัดลงไปทางภาคใต้ คิดที่จะไปขออาศัยอยู่กับเล่าเปียวที่เมืองเกงจิ๋ว

            พอค่ำลงโกกันจึงให้ทหารที่ติดตามมาหยุดพักแรมเพื่อเตรียมเดินทางในวันรุ่งขึ้น

            บรรดาทหารที่ติดตามโกกันต่างลำบาก อิดโรย และคิดถึงครอบครัว จึงคิดเอาใจออกหากจากโกกัน อ๋องตั๋มซึ่งเป็นนายทหารที่ติดตามมาด้วยนั้นจึงคิดอ่านกับบรรดาทหารผู้ใต้บังคับบัญชาเห็นชอบพร้อมกันแล้วจึงลอบเข้าไปในที่พัก สังหารโกกันแล้วตัดศีรษะพาไปมอบให้แก่โจโฉที่ด่านโฮกวน

            โจโฉทราบความก็มีความยินดี ให้รับอ๋องตั๋มและทหารที่ติดตามมาด้วยนั้นเป็นทหารในกองทัพ และสั่งให้เคลื่อนทัพเข้าตีเมืองเป๊งจิ๋ว

            ทหารข้างในเมืองเป๊งจิ๋วนั้น เมื่อทราบข่าวว่าโกกันตายแล้วก็ไม่มีจิตใจสู้รบ เปิดประตูเมืองยอมรับกองทัพโจโฉแต่โดยดี

            โจโฉยึดเมืองเป๊งจิ๋วได้แล้วจัดแจงการปกครองจนสงบเรียบร้อย แล้วเรียกบรรดาที่ปรึกษาและแม่ทัพนายกองมาประชุมปรึกษาว่าเรารับพระบรมราชโองการกรีฑาทัพปราบปรามภาคเหนือ บัดนี้ใกล้จะราบคาบเสร็จสิ้นแล้ว คงเหลือแต่อ้วนฮี อ้วนชง หากได้ตัวสองพี่น้องนี้แล้วเหมือนหนึ่งได้ถอนเสี้ยนหนามแผ่นดินออกจากภาคเหนือ การศึกข้างภาคเหนือคงจะสิ้นสุดอย่างถาวร แล้วว่าขณะนี้ข่าวคราวยังไม่แน่ชัดว่าอ้วนฮีและอ้วนชงหนีไปอาศัยอยู่ที่ใด ข่าวสารทางการทหารคงฟังได้แต่เพียงว่าหนีไปทางด้านตะวันตก ดังนั้นควรที่จะยกกองทัพไปทางด้านตะวันตกของเมืองกิจิ๋วเพื่อกวาดล้างเสี้ยนหนามแผ่นดินให้ราบคาบต่อไป

            โจหองและแม่ทัพนายกองทั้งปวงได้ฟังดังนั้นจึงคุกเข่าลงพร้อมกัน แล้ว   โจหองจึงว่าอ้วนชงและอ้วนฮีหนีไปแห่งหนตำบลใดมิได้แจ้ง หากท่านอัครมหาเสนาบดียกกองทัพใหญ่ติดตามไปก็เหมือนดั่งขี่ช้างไล่ล่าตั๊กแตน ตั๊กแตนนั้นก็จะแตกหนีเข้าป่ายากที่จะติดตามไล่จับ ทั้งหัวเมืองด้านตะวันตกนั้นเป็นทะเลทรายทุรกันดารห่างไกล และไม่รู้ที่หมายปลายทาง ถ้าหากว่าเล่าเปียว เล่าปี่ทราบความดังนี้แล้วก็อาจยกกองทัพล่วงไปตีเมืองหลวง ท่านอัครมหาเสนาบดีก็จะยกกองทัพกลับไปช่วยเมืองหลวงไม่ทันท่วงที ดังนี้จึงขอให้ยกทัพกลับเมืองหลวงก่อนแล้วค่อยสืบข่าวคราวอ้วนชง อ้วนฮีให้แน่ชัดจึงกำจัดเสียในภายหลัง.

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ตัวอย่างกระทู้ธรรม ธรรมศึกษาชั้นตรี 5

ปัญหาและเฉลยวิชาธรรม นักธรรมชั้นโท สอบในสนามหลวง วันเสาร์ ที่ ๑๙ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๔๘

I miss you all กับ I miss all of you ต่างกันอย่างไร