สามก๊ก ฉบับนักบริหาร:บทที่ 16 อุบายเสือกินหมาป่าของซุนฮก
โจโฉเลิกรบแบบสะเปะสะปะ เชื่อฟังตามคำแนะนำของซุนฮก ชีวิตของโจโฉจึงได้เปลี่ยนไปโดยสิ้น เชิง นโยบายชูธงกองทัพธรรม เชิดชูองค์ฮ่องเต้ ชักนำผู้คน ส่งผลให้โจโฉสร้างความปึกแผ่นแก่ตนเอง ได้รับตำแหน่งสูงสุดทั้งด้านพลเรือนและทหารในฮูโต๋อย่างเบ็ดเสร็จเมื่อมีอำนาจมากขึ้น ความดีมีคุณธรรมในตัวเองก็เริ่มลดลงตามกฎแห่งธรรมชาติมนุษย์
โจโฉเริ่มมีใจกำเริบ แต่งตั้งตัวเองขึ้นเป็นมหาอุปราช ดันพรรคพวกตัวเองให้เป็นนอมินีในทุกแขนง อาทิ ซุนฮก ซุนสิ้ว กุยแก เล่าหัวขึ้นกินตำแหน่งขุนนางฝ่ายพลเรือน คนแซ่โจกับแซ่แฮหัว รวมทั้งทหารที่ร่วมต่อสู้กันมาอย่างแฮหัวตุ้น แฮหัวเอี๋ยน โจหยิน โจหอง ลิยอย ลิเตียน งักจิ้น อิกิ๋ม ซิหลง ต่างได้รับยศเป็นทหารเอกโทตรีตามลำดับชั้นอย่างทั่วหน้า และในเมืองฮูโต๋นั้น ใครมีข้อราชการใดๆ ก็ต้องแจ้งแก่โจโฉก่อน แล้วจึงค่อยกราบทูลพระเจ้าเหี้ยนเต้ และ ผู้มีอำนาจอย่างโจโฉ ไม่ลืมที่จะสั่งล้มล้างระบบการตรวจสอบอิสระให้หมดสิ้นไปจากแผ่นดิน หรือถึงมีก็จะต้องแต่งตั้งเฉพาะพวกของตัวขึ้นเป็นใหญ่ในหน่วยงานนั้น
โจโฉผันตัวเองเข้าสวมบทบาทที่ตั๋งโต๊ะเคยทำ สิ่งที่โจโฉทำล้วนแต่เป็นสิ่งที่โจโฉเคยประนามตั๋งโต๊ะมาก่อนทั้งสิ้น ไม่น่าเชื่อว่า อำนาจจะบั่นทอนความดีของคนได้รวดเร็วและได้ผลที่สุด แต่โจโฉเป็นคนฉลาดปราดเปรื่องกว่าตั๋งโต๊ะ เป็นคนใจกว้างใจนักเลงกว่าตั๋งโต๊ะ รู้จักเลือกรับคนดีคนเก่ง ๆ มาอยู่รอบตัว และฟังความเห็นของคนเหล่านั้น จุดเด่นข้อนี้ทำให้อำนาจของโจโฉในเมืองหลวงเป็นปึกแผ่นมั่นคงยิ่งกว่าผู้นำที่แล้วมา
วันหนึ่งโจโฉจัดโต๊ะเลี้ยงขุนนางใหญ่น้อยที่บ้านปรึกษาขุนนางทั้งปวงว่า บัดนี้เล่าปี่ตั้งตัวขึ้นจนได้เป็นเจ้าเมืองชีจิ๋ว แลลิโป้เป็นศัตรูแตกหนีไปอาศัยใบบุญเล่าปี่ที่เมืองเสียวพ่าย สักวันหนึ่งสองคนนี้คือ ลิโป้กับเล่าปี่จะคบคิดยกมาทำร้ายแย่งอำนาจถึงเมืองฮูโต๋ อยากให้ทุกคนคิดอ่านล้างศัตรู เคาทูจึงรับอาสาขอทหาร 5 หมื่น จะไปตัดหัวลิโป้กับเล่าปี่มาให้โจโฉ
ซุนฮกจึงบอกแก่โจโฉว่า เคาทูเป็นทหารมีกำลัง แต่หาความคิดบ่มิได้ อีกประการหนึ่งเมืองฮูโต๋ก็เพิ่งยกซ่อมแซม บ้านเมืองยังมิทันปรกติ จะยกทัพไปยังมิสมควร ส่วนเล่าปี่กับลิโป้อุปมาดั่งเสือหิวสองตัว ควรจะคิดให้มันแย่งชิงอาหารกันกิน ให้เล่าปี่กับลิโป้ขัดกัน รบพุ่งกันจนตายไปข้างหนึ่งเสียก่อนแล้วจึงคิดการต่อไป เราควรคิดกำจัดศัตรู โดยมิต้องเสียชีวิตไพร่พลแม้แต่คนเดียว แม้นเล่าปี่ฆ่าลิโป้ไม่ได้ แต่ลิโป้ก็อาจฆ่าเล่าปี่ได้ โจโฉเห็นด้วยกับความคิดของซุนฮก ซุนฮกแม้จะสูงวัย แต่เล่ห์เหลี่ยมการใช้วิชามารทางการเมืองการ โจโฉยังต้องเรียนรู้จากผู้เฒ่าซุกฮกอีกหลายขุม ซึ่งโจโฉรีบปฏิบัติตามกุนซือผู้เฒ่าทันที
แผนขั้นแรกในการทำลายเล่าปี่ คือกราบทูลพระเจ้าเหี้ยนเต้ว่า เล่าปี่เป็นเจ้าเมืองชีจิ๋วโดยมิได้รับสั่งแต่งตั้ง ขอให้พระเจ้าเหี้ยนเต้ทรงแต่งตั้งเล่าปี่ให้เป็นเจ้าเมืองชีจิ๋วอย่างเป็นทางการ ซึ่งพระเจ้าเหี้ยนเต้รู้จักเล่าปี่ดีอยู่ ทรงเห็นชอบด้วยทันที แล้วก็มาถึงแผนขั้นที่สอง โจโฉทำหนังสืออีกฉบับหนึ่งถึงเล่าปี่แจ้งว่า ตนเป็นผู้ช่วยทูลพระเจ้าเหี้ยนเต้จึงได้โปรดเกล้าให้เป็นเจ้าเมืองชีจิ๋ว แลลิโป้นั้นไม่มีความสัตย์ซื่อ มักทำร้ายแก่ผู้มีพระคุณ ให้เล่าปี่คิดอ่านฆ่าลิโป้ให้จงได้
เล่าปี่ปรึกษาข้อความนี้กับกวนอู เตียวหุยและบิต๊ก ต่างก็ให้อัดอั้นตันใจอยู่ เพราะอ่านทะลุในแผนร้ายของโจโฉที่ต้องการให้เล่าปี่กับลิโป้แตกกัน มีแต่เตียวหุยคนเดียวเท่านั้นที่เห็นควรกำจัดลิโป้ เขาเห็นว่า ลิโป้เป็นคนมีน้ำใจหยาบช้า ไม่รู้จักคุณคน แต่เล่าปี่ค้านว่า ลิโป้บากหน้ามาพึ่งเรา หากเราทำสิ่งใดที่มิบังควร นานไปใครจะมาอยู่กับพวกเราด้วยเล่า? เตียวหุยจึงว่า ท่านทำใจดีมีเมตตากับคนร้ายกาจมากพิษสงหาควรไม่
ฝ่ายลิโป้ที่อยู่เมืองเสียวพ่ายตามที่เล่าปี่จัดให้ เดินทางมาชีจิ๋วเพื่อแสดงความยินดีต่อเล่าปี่เมื่อทราบข่าวพระเจ้าเหี้ยนเต้มีหนังสือตั้งเล่าปี่เป็นเจ้าเมือง พอเตียวหุยเห็นลิโป้ถือกระบี่ตรงเข้าจะฆ่าลิโป้ เล่าปี่ตกใจใจจึงลุกขึ้นยึดเอากระบี่ไว้
ลิโป้จึงว่าแก่เล่าปี่ว่า เตียวหุยมีเรื่องแค้นกับข้าพเจ้าด้วยสิ่งใด มีใจพยาบาทจะฆ่าข้าพเจ้าหลายครั้ง เตียวหุยไม่ยั้งคิดจึงตอบลิโป้ว่า ตัวมึงไม่รู้จักบุญคุณคน โจโฉจึงมีหนังสือมาถึงพี่กูให้ฆ่ามึงเสีย เมื่อความลับแตก เล่าปี่ตกกระไดพลอยโจน ให้คนเอาตัวเตียวหุยออกไปเสีย จึงพาลิโป้เข้าห้องข้างใน เอาหนังสือโจโฉให้ลิโป้ดูและบอกเนื้อความให้ลิโป้ฟังทุกประการ
ลิโป้อ่านหนังสือแล้วร้องไห้ เล่าปี่จึงปลอบใจว่าท่านอย่าวิตกเลย มาตรว่าใครจะมายุยงคิดร้ายต่อท่านเราจะไม่ฟังเลย ลิโป้จึงค่อยคลายใจ และซาบซึ้งในความจริงใจของเล่าปี่เป็นอันมาก แล้วลิโป้ก็ลาเล่าปี่กลับไปเมืองเสียวพ่าย เมื่อลิโป้ไปแล้ว เล่าปี่จึงอธิบายให้กวนอู เตียวหุย รู้ถึงกลอุบายของโจโฉที่ต้องการให้ลิโป้กับพวกเรารบพุ่งกันเอง ใครชนะโจโฉก็จะทำศึกด้านเดียวให้มีชัย
คนของโจโฉจึงกลับไปรายงานว่าเล่าปี่มิได้ทำตามที่โจโฉบอก ซุนฮกจึงงัดวิชามารที่เรียกว่าเสือกลืนหมี ออกมาอีกแผนหนึ่ง ขอให้โจโฉแต่งคนไปบอกอ้วนสุดเจ้าเมืองลำหยงว่า เล่าปี่มีหนังสือขึ้นมากราบทูลพระเจ้าเหี้ยนเต้ว่า บัดนี้อ้วนสุดมิได้อ่อนน้อมต่อพระเจ้าเหี้ยเต้ จะยกกำลังทหารไปตีเมืองลำหอง อ้วนสุดรู้ก็จะโกรธยกทัพไปตีเล่าปี่ก่อน ในขณะเดียวกันให้ท่านมีหนังสือให้เล่าปี่ไปตีเมืองลำหยง สร้างสถานการณ์ล่อแหลมในลักษณะนี้ ใครเพลี่ยงพล้ำเสียที คนมิได้มีความซื่อสัตย์ต่อผู้ใดอย่างลิโป้ ก็จะต้องอ้างเหตุยกกำลังเข้าไปซ้ำเติมจนได้ชัย ยึดเอาอำนาจในแคว้นชีจิ๋วไว้แต่ผู้เดียว
จากสถานการณ์ทั้งหมด จะเห็นว่าโจโฉตั้งอยู่บนจุดยืนที่ได้เปรียบหัวเมืองอื่น ๆ เกือบทุกวิถีทาง ยึดอำนาจไว้ได้ในเมืองหลวง คำสั่งสำคัญใด ๆ มีที่ออกไปสู่หัวเมือง ล้วนแต่เป็นพระราชโองการฮ่องเต้ ใครที่อิดเอื้อนมิทำตามก็จะกลายเป็นกบฏ หรือแข็งข้อไม่ยอมอ่อนน้อมต่ออำนาจฮ่องเต้ จะถูกข้อหาแข็งเมืองเป็นกบฎเช่นกัน เล่าปี่ปรึกษาบิต๊กกับซุนเขียนจึงเห็นพ้องกันว่า ถึงมาตรว่าโจโฉคิดกลอุบายก็ดี เมื่อเป็นหนังสือรับสั่งเราก็ต้องทำตาม แล้วเล่าปี่ก็จัดแจงทหารได้พลไพร่ประมาณสามหมื่นไว้รอคอยจังหวะเคลื่อนทัพ
อ้วนสุดพอรู้ว่าเล่าปี่เตรียมทัพจะตีเมืองลำหยง จึงโกรธถึงกับลำเลิกด่าเล่าปี่ว่าชาติไอ้คนทอเสื่อขาย เป็นเจ้าเมืองแล้วคิดการกำเริบจะล่วงมาตีเมืองลำหยง จึงสั่งการให้กิเหลงทหารเอกเป็นแม่ทัพ คุมทหารสิบหมื่นมุ่งไปตีเมืองชีจิ๋วแทนที่จะคอยตั้งรับศึกที่เมืองลำหยง
ฝ่ายบิต๊กกับซุนเขียนจึงบอกเล่าปี่ว่า การที่จะท่านจะยกทัพไปนั้น ขอให้จัดหาคนมีสติปัญญามีฝีมือไว้อยู่รักษาเมือง เล่าปี่เห็นชอบด้วย กวนอูขอรับอาสาเฝ้าเมือง แต่เล่าปี่อยากได้กวนอูคนมีฝีมือร่วมไปในทัพด้วย เตียวหุยจึงขอรับอาสาอยู่รักษาเมือง เล่าปี่ติงว่าเตียวหุยชอบเสพย์สุรา อาละวาดโบยตีทหาร เป็นคนใจร้อนมิได้ฟังคำห้ามปราม จะให้ไว้ใจอยู่รักษาเมืองไม่ได้ เตียวหุยออกปากว่า แต่วันนี้ไปจะไม่เสพย์สุรา ทำการสิ่งใด ก็จะปรึกษาหารือผู้มีสติปัญญา บิต๊กแย้งอีกว่าเกรงอยู่แต่จะไม่ทำตามถ้อยคำที่ให้ไว้ เตียวหุยโกรธจัด เล่าปี่จึงห้ามเตียวหุยอย่าได้โปรธบิต๊กที่พูดความจริงเลย แต่ถ้าให้สัญญาว่าจะอยู่เชื่อฟังคำตันเต๋งที่ปรึกษา จะได้คอยตักเตือนห้ามปรามอย่าให้เสพย์สุรา เตียวหุยกับตันเต๋งรับปาก แล้วเล่าปี่กับกวนอูก็ยกทัพออกจากเมือง
แผนอุบายเสือกินหมีของซุนฮกทำท่าจะเป็นผลสัมฤทธิ์ สถานการณ์ที่แปรผันทุกนาทีย่อมส่งผลที่ออกมาไม่เหมือนกัน แต่อย่างน้อยที่สุดแผนยั่วยุให้คนชาติเดียวกันแต่ต่างก๊กเข่นฆ่ากันของซุนฮก กำลังจะทำให้เกิดการเปลี่ยนขั้วอำนาจของดินแดนแถบนี้อย่างได้ผล
โจโฉเริ่มมีใจกำเริบ แต่งตั้งตัวเองขึ้นเป็นมหาอุปราช ดันพรรคพวกตัวเองให้เป็นนอมินีในทุกแขนง อาทิ ซุนฮก ซุนสิ้ว กุยแก เล่าหัวขึ้นกินตำแหน่งขุนนางฝ่ายพลเรือน คนแซ่โจกับแซ่แฮหัว รวมทั้งทหารที่ร่วมต่อสู้กันมาอย่างแฮหัวตุ้น แฮหัวเอี๋ยน โจหยิน โจหอง ลิยอย ลิเตียน งักจิ้น อิกิ๋ม ซิหลง ต่างได้รับยศเป็นทหารเอกโทตรีตามลำดับชั้นอย่างทั่วหน้า และในเมืองฮูโต๋นั้น ใครมีข้อราชการใดๆ ก็ต้องแจ้งแก่โจโฉก่อน แล้วจึงค่อยกราบทูลพระเจ้าเหี้ยนเต้ และ ผู้มีอำนาจอย่างโจโฉ ไม่ลืมที่จะสั่งล้มล้างระบบการตรวจสอบอิสระให้หมดสิ้นไปจากแผ่นดิน หรือถึงมีก็จะต้องแต่งตั้งเฉพาะพวกของตัวขึ้นเป็นใหญ่ในหน่วยงานนั้น
โจโฉผันตัวเองเข้าสวมบทบาทที่ตั๋งโต๊ะเคยทำ สิ่งที่โจโฉทำล้วนแต่เป็นสิ่งที่โจโฉเคยประนามตั๋งโต๊ะมาก่อนทั้งสิ้น ไม่น่าเชื่อว่า อำนาจจะบั่นทอนความดีของคนได้รวดเร็วและได้ผลที่สุด แต่โจโฉเป็นคนฉลาดปราดเปรื่องกว่าตั๋งโต๊ะ เป็นคนใจกว้างใจนักเลงกว่าตั๋งโต๊ะ รู้จักเลือกรับคนดีคนเก่ง ๆ มาอยู่รอบตัว และฟังความเห็นของคนเหล่านั้น จุดเด่นข้อนี้ทำให้อำนาจของโจโฉในเมืองหลวงเป็นปึกแผ่นมั่นคงยิ่งกว่าผู้นำที่แล้วมา
วันหนึ่งโจโฉจัดโต๊ะเลี้ยงขุนนางใหญ่น้อยที่บ้านปรึกษาขุนนางทั้งปวงว่า บัดนี้เล่าปี่ตั้งตัวขึ้นจนได้เป็นเจ้าเมืองชีจิ๋ว แลลิโป้เป็นศัตรูแตกหนีไปอาศัยใบบุญเล่าปี่ที่เมืองเสียวพ่าย สักวันหนึ่งสองคนนี้คือ ลิโป้กับเล่าปี่จะคบคิดยกมาทำร้ายแย่งอำนาจถึงเมืองฮูโต๋ อยากให้ทุกคนคิดอ่านล้างศัตรู เคาทูจึงรับอาสาขอทหาร 5 หมื่น จะไปตัดหัวลิโป้กับเล่าปี่มาให้โจโฉ
ซุนฮกจึงบอกแก่โจโฉว่า เคาทูเป็นทหารมีกำลัง แต่หาความคิดบ่มิได้ อีกประการหนึ่งเมืองฮูโต๋ก็เพิ่งยกซ่อมแซม บ้านเมืองยังมิทันปรกติ จะยกทัพไปยังมิสมควร ส่วนเล่าปี่กับลิโป้อุปมาดั่งเสือหิวสองตัว ควรจะคิดให้มันแย่งชิงอาหารกันกิน ให้เล่าปี่กับลิโป้ขัดกัน รบพุ่งกันจนตายไปข้างหนึ่งเสียก่อนแล้วจึงคิดการต่อไป เราควรคิดกำจัดศัตรู โดยมิต้องเสียชีวิตไพร่พลแม้แต่คนเดียว แม้นเล่าปี่ฆ่าลิโป้ไม่ได้ แต่ลิโป้ก็อาจฆ่าเล่าปี่ได้ โจโฉเห็นด้วยกับความคิดของซุนฮก ซุนฮกแม้จะสูงวัย แต่เล่ห์เหลี่ยมการใช้วิชามารทางการเมืองการ โจโฉยังต้องเรียนรู้จากผู้เฒ่าซุกฮกอีกหลายขุม ซึ่งโจโฉรีบปฏิบัติตามกุนซือผู้เฒ่าทันที
แผนขั้นแรกในการทำลายเล่าปี่ คือกราบทูลพระเจ้าเหี้ยนเต้ว่า เล่าปี่เป็นเจ้าเมืองชีจิ๋วโดยมิได้รับสั่งแต่งตั้ง ขอให้พระเจ้าเหี้ยนเต้ทรงแต่งตั้งเล่าปี่ให้เป็นเจ้าเมืองชีจิ๋วอย่างเป็นทางการ ซึ่งพระเจ้าเหี้ยนเต้รู้จักเล่าปี่ดีอยู่ ทรงเห็นชอบด้วยทันที แล้วก็มาถึงแผนขั้นที่สอง โจโฉทำหนังสืออีกฉบับหนึ่งถึงเล่าปี่แจ้งว่า ตนเป็นผู้ช่วยทูลพระเจ้าเหี้ยนเต้จึงได้โปรดเกล้าให้เป็นเจ้าเมืองชีจิ๋ว แลลิโป้นั้นไม่มีความสัตย์ซื่อ มักทำร้ายแก่ผู้มีพระคุณ ให้เล่าปี่คิดอ่านฆ่าลิโป้ให้จงได้
เล่าปี่ปรึกษาข้อความนี้กับกวนอู เตียวหุยและบิต๊ก ต่างก็ให้อัดอั้นตันใจอยู่ เพราะอ่านทะลุในแผนร้ายของโจโฉที่ต้องการให้เล่าปี่กับลิโป้แตกกัน มีแต่เตียวหุยคนเดียวเท่านั้นที่เห็นควรกำจัดลิโป้ เขาเห็นว่า ลิโป้เป็นคนมีน้ำใจหยาบช้า ไม่รู้จักคุณคน แต่เล่าปี่ค้านว่า ลิโป้บากหน้ามาพึ่งเรา หากเราทำสิ่งใดที่มิบังควร นานไปใครจะมาอยู่กับพวกเราด้วยเล่า? เตียวหุยจึงว่า ท่านทำใจดีมีเมตตากับคนร้ายกาจมากพิษสงหาควรไม่
ฝ่ายลิโป้ที่อยู่เมืองเสียวพ่ายตามที่เล่าปี่จัดให้ เดินทางมาชีจิ๋วเพื่อแสดงความยินดีต่อเล่าปี่เมื่อทราบข่าวพระเจ้าเหี้ยนเต้มีหนังสือตั้งเล่าปี่เป็นเจ้าเมือง พอเตียวหุยเห็นลิโป้ถือกระบี่ตรงเข้าจะฆ่าลิโป้ เล่าปี่ตกใจใจจึงลุกขึ้นยึดเอากระบี่ไว้
ลิโป้จึงว่าแก่เล่าปี่ว่า เตียวหุยมีเรื่องแค้นกับข้าพเจ้าด้วยสิ่งใด มีใจพยาบาทจะฆ่าข้าพเจ้าหลายครั้ง เตียวหุยไม่ยั้งคิดจึงตอบลิโป้ว่า ตัวมึงไม่รู้จักบุญคุณคน โจโฉจึงมีหนังสือมาถึงพี่กูให้ฆ่ามึงเสีย เมื่อความลับแตก เล่าปี่ตกกระไดพลอยโจน ให้คนเอาตัวเตียวหุยออกไปเสีย จึงพาลิโป้เข้าห้องข้างใน เอาหนังสือโจโฉให้ลิโป้ดูและบอกเนื้อความให้ลิโป้ฟังทุกประการ
ลิโป้อ่านหนังสือแล้วร้องไห้ เล่าปี่จึงปลอบใจว่าท่านอย่าวิตกเลย มาตรว่าใครจะมายุยงคิดร้ายต่อท่านเราจะไม่ฟังเลย ลิโป้จึงค่อยคลายใจ และซาบซึ้งในความจริงใจของเล่าปี่เป็นอันมาก แล้วลิโป้ก็ลาเล่าปี่กลับไปเมืองเสียวพ่าย เมื่อลิโป้ไปแล้ว เล่าปี่จึงอธิบายให้กวนอู เตียวหุย รู้ถึงกลอุบายของโจโฉที่ต้องการให้ลิโป้กับพวกเรารบพุ่งกันเอง ใครชนะโจโฉก็จะทำศึกด้านเดียวให้มีชัย
คนของโจโฉจึงกลับไปรายงานว่าเล่าปี่มิได้ทำตามที่โจโฉบอก ซุนฮกจึงงัดวิชามารที่เรียกว่าเสือกลืนหมี ออกมาอีกแผนหนึ่ง ขอให้โจโฉแต่งคนไปบอกอ้วนสุดเจ้าเมืองลำหยงว่า เล่าปี่มีหนังสือขึ้นมากราบทูลพระเจ้าเหี้ยนเต้ว่า บัดนี้อ้วนสุดมิได้อ่อนน้อมต่อพระเจ้าเหี้ยเต้ จะยกกำลังทหารไปตีเมืองลำหอง อ้วนสุดรู้ก็จะโกรธยกทัพไปตีเล่าปี่ก่อน ในขณะเดียวกันให้ท่านมีหนังสือให้เล่าปี่ไปตีเมืองลำหยง สร้างสถานการณ์ล่อแหลมในลักษณะนี้ ใครเพลี่ยงพล้ำเสียที คนมิได้มีความซื่อสัตย์ต่อผู้ใดอย่างลิโป้ ก็จะต้องอ้างเหตุยกกำลังเข้าไปซ้ำเติมจนได้ชัย ยึดเอาอำนาจในแคว้นชีจิ๋วไว้แต่ผู้เดียว
จากสถานการณ์ทั้งหมด จะเห็นว่าโจโฉตั้งอยู่บนจุดยืนที่ได้เปรียบหัวเมืองอื่น ๆ เกือบทุกวิถีทาง ยึดอำนาจไว้ได้ในเมืองหลวง คำสั่งสำคัญใด ๆ มีที่ออกไปสู่หัวเมือง ล้วนแต่เป็นพระราชโองการฮ่องเต้ ใครที่อิดเอื้อนมิทำตามก็จะกลายเป็นกบฏ หรือแข็งข้อไม่ยอมอ่อนน้อมต่ออำนาจฮ่องเต้ จะถูกข้อหาแข็งเมืองเป็นกบฎเช่นกัน เล่าปี่ปรึกษาบิต๊กกับซุนเขียนจึงเห็นพ้องกันว่า ถึงมาตรว่าโจโฉคิดกลอุบายก็ดี เมื่อเป็นหนังสือรับสั่งเราก็ต้องทำตาม แล้วเล่าปี่ก็จัดแจงทหารได้พลไพร่ประมาณสามหมื่นไว้รอคอยจังหวะเคลื่อนทัพ
อ้วนสุดพอรู้ว่าเล่าปี่เตรียมทัพจะตีเมืองลำหยง จึงโกรธถึงกับลำเลิกด่าเล่าปี่ว่าชาติไอ้คนทอเสื่อขาย เป็นเจ้าเมืองแล้วคิดการกำเริบจะล่วงมาตีเมืองลำหยง จึงสั่งการให้กิเหลงทหารเอกเป็นแม่ทัพ คุมทหารสิบหมื่นมุ่งไปตีเมืองชีจิ๋วแทนที่จะคอยตั้งรับศึกที่เมืองลำหยง
ฝ่ายบิต๊กกับซุนเขียนจึงบอกเล่าปี่ว่า การที่จะท่านจะยกทัพไปนั้น ขอให้จัดหาคนมีสติปัญญามีฝีมือไว้อยู่รักษาเมือง เล่าปี่เห็นชอบด้วย กวนอูขอรับอาสาเฝ้าเมือง แต่เล่าปี่อยากได้กวนอูคนมีฝีมือร่วมไปในทัพด้วย เตียวหุยจึงขอรับอาสาอยู่รักษาเมือง เล่าปี่ติงว่าเตียวหุยชอบเสพย์สุรา อาละวาดโบยตีทหาร เป็นคนใจร้อนมิได้ฟังคำห้ามปราม จะให้ไว้ใจอยู่รักษาเมืองไม่ได้ เตียวหุยออกปากว่า แต่วันนี้ไปจะไม่เสพย์สุรา ทำการสิ่งใด ก็จะปรึกษาหารือผู้มีสติปัญญา บิต๊กแย้งอีกว่าเกรงอยู่แต่จะไม่ทำตามถ้อยคำที่ให้ไว้ เตียวหุยโกรธจัด เล่าปี่จึงห้ามเตียวหุยอย่าได้โปรธบิต๊กที่พูดความจริงเลย แต่ถ้าให้สัญญาว่าจะอยู่เชื่อฟังคำตันเต๋งที่ปรึกษา จะได้คอยตักเตือนห้ามปรามอย่าให้เสพย์สุรา เตียวหุยกับตันเต๋งรับปาก แล้วเล่าปี่กับกวนอูก็ยกทัพออกจากเมือง
แผนอุบายเสือกินหมีของซุนฮกทำท่าจะเป็นผลสัมฤทธิ์ สถานการณ์ที่แปรผันทุกนาทีย่อมส่งผลที่ออกมาไม่เหมือนกัน แต่อย่างน้อยที่สุดแผนยั่วยุให้คนชาติเดียวกันแต่ต่างก๊กเข่นฆ่ากันของซุนฮก กำลังจะทำให้เกิดการเปลี่ยนขั้วอำนาจของดินแดนแถบนี้อย่างได้ผล