ตอนที่ 167. กำเนิดยุทธวิธี "ไขน้ำท่วมเมือง"
อ้วนชงวางใจว่าโจโฉรับสวามิภักดิ์ จึงมิได้ระมัดระวังตัวว่าจะถูกกองทัพของโจโฉเข้าโจมตี โดยหารู้ไม่ว่าการรับสวามิภักดิ์ที่โจโฉบอกให้ทูตกลับไปแจ้งแก่อ้วนชงนั้นเป็นเพียงกลอุบายเพื่อจะลวงให้อ้วนชงประมาท ในขณะที่โจโฉได้สั่งการให้สองทหารเอกเตรียมยกกำลังเข้าปล้นค่ายอ้วนชงตอนยามสามของคืนนี้
ในขณะที่อ้วนชงและทหารในค่ายกำลังหลับสนิทเพราะอิดโรยมาจากการศึกที่ต่อเนื่องมาเป็นเวลาหลายวัน คงเหลือแต่ทหารที่เข้าเวรยามรักษาการอยู่เพียงไม่กี่คน พอทหารรักษาเวรยามตีเกราะบอกเวลายามสาม เสียงโห่ร้องของทหารจำนวนมากทั้งด้านหน้า ด้านหลังค่าย ก็ก้องกระหึ่มขึ้นพร้อมกัน
เตียวเลี้ยวและซิหลงนำทหารเป็นอันมากให้ทหารช่างยกล่วงหน้าเข้าไปทำลายประตูค่ายและรั้วด้านหลังค่ายของฝ่ายอ้วนชงและให้ทหารม้าจำนวนมากบุกเข้าไปในค่ายของอ้วนชงพร้อมกัน
ทหารของอ้วนชงบ้างก็ยังหลับ บ้างก็เพิ่งงัวเงียตื่นขึ้นไม่ทันป้องกันระวังตัวก็ถูกทหารของเตียวเลี้ยวและซิหลงฆ่าฟันบาดเจ็บล้มตายลงเป็นจำนวนมาก อ้วนชงรู้สึกตัวตื่นขึ้นไม่ทันได้ใส่เกราะก็รีบขึ้นม้าพาทหารที่เหลือตายอาศัยความมืดหนีออกจากค่ายเอาตัวรอด ทิ้งตราสำหรับที่เจ้าเมืองตลอดจนทรัพย์สินเสบียงและอาวุธยุทโธปกรณ์จำนวนมากอยู่ในค่าย
เตียวเลี้ยวและซิหลงกวาดล้างทหารของอ้วนชงและจับเป็นเชลยเกือบทั้งหมด เสร็จแล้วจึงสั่งทหารให้เก็บรวบรวมตราสำหรับที่เจ้าเมือง อาวุธยุทโธปกรณ์และเสบียงจนตกสายจึงแล้วเสร็จ และควบคุมลำเลียงทหารและสินศึกที่ยึดได้กลับไปที่กองทัพของโจโฉ รายงานการศึกให้โจโฉทราบทั้งสิ้น
โจโฉได้ทราบความก็มีใจยินดีสั่งให้ปูนบำเหน็จทแกล้วทหารตามความชอบอย่างทั่วถึงและสั่งให้เคลื่อนทัพยกเข้าล้อมเมืองกิจิ๋วไว้ ตั้งค่ายรายรอบเมืองกิจิ๋วไว้เป็นสามด้าน
ครั้นตั้งค่ายมั่นแล้วโจโฉจึงเรียกประชุมที่ปรึกษาและแม่ทัพนายกองเพื่อปรึกษาแผนการที่จะบุกเข้ายึดเมืองกิจิ๋วต่อไป
เขาฮิวที่ปรึกษาจึงว่าเมืองกิจิ๋วนี้กำแพงเมืองสูงใหญ่ คูเมืองทั้งกว้างทั้งลึก จะเข้าตีซึ่งหน้าก็จะได้ยากลำบากแก่ทหาร และเสียเปรียบฝ่ายในเมืองซึ่งตั้งรับในที่กำบังที่สามารถใช้เกาทัณฑ์ระดมยิงฝ่ายเข้าโจมตีไม่ให้เข้าใกล้กำแพงเมืองได้
แล้วว่าข้าพเจ้าได้ออกตรวจตราภูมิประเทศโดยรอบกำแพงเมืองแล้ว ปรากฏว่าระบบชลประทานภายในเมืองล้วนเชื่อมโยงและรับน้ำจากคูเมือง มีคลองเชื่อมจากคูเมืองเข้าไปภายในตัวเมืองอย่างทั่วถึง คูเมืองที่กว้างใหญ่แม้ว่าจะเป็นปราการสำคัญสกัดกั้นมิให้กองทัพของท่านรุกข้ามไปได้ แต่ก็กลายเป็นสื่อเพชรฆาตที่จะทำลายล้างเมืองกิจิ๋วให้พินาศไปพร้อมกันด้วย
โจโฉได้ฟังดังนั้นก็ประหลาดใจ ถามขึ้นว่าเขาฮิวท่านกล่าวความทั้งนี้มีเงื่อนงำเป็นนัยยะประการใดเกี่ยวกับคูเมือง และคลองส่งน้ำในเมืองที่เชื่อมอยู่กับคูเมืองนั้นเล่า
เขาฮิวจึงว่าถ้าหากน้ำในคูเมืองเอ่อล้นสูงขึ้นแล้ว น้ำย่อมมีธรรมดาไหลสู่ที่ต่ำ ก็จะไหลเข้าไปตามคลองที่เชื่อมจากคูเมืองนั้น ถ้าปริมาณน้ำมากพอและสูงเพียงพอแล้ว น้ำก็จะท่วมตัวเมือง ภายในเมืองก็จะสับสนอลหม่านขึ้น เราก็จะบุกโจมตียึดเอาเมืองกิจิ๋วได้โดยง่าย
โจโฉได้ฟังก็พยักหน้า แต่ไม่เห็นทางที่จะอาศัยประโยชน์จากภูมิประเทศดังกล่าวได้ จึงว่าฤดูกาลนี้ฝนเบาบาง หรือแม้หากฝนจะตกหนักก็มีปริมาณไม่เพียงพอที่จะทำให้น้ำในคูเมืองสูงล้นเอ่อไหลเข้าไปในเมืองจนท่วมเมืองได้
เขาฮิวจึงว่าความอันท่านกล่าวนี้ชอบอยู่ และเป็นความที่ผู้คนทั้งปวงในเมืองกิจิ๋วก็รู้อยู่ทุกตัวคน จึงต่างคนต่างมิได้คิดอ่านที่จะใช้น้ำเป็นอาวุธหรือป้องกันน้ำท่วมเมือง
โจโฉฟังคำเขาฮิวเปี่ยมไปด้วยลักษณะโอ่และยกตนข่มท่านอยู่ในที ก็ไม่ค่อยพอใจ แต่เล็งเห็นถึงความที่เขาฮิวกล่าวนั้นหนักแน่นมั่นคงและดูเหมือนว่ายังไม่สิ้นกระแสความ คงจะมีความนัยยะอันลึกซึ้งที่เห็นหนทางยึดเมืองกิจิ๋วอยู่จึงกล่าวเป็นทีดังนี้ โจโฉข่มใจแล้วซักเขาฮิวต่อไปว่าท่านมีความคิดอ่านประการใดที่จะทำให้น้ำไหลเข้าท่วมเมืองกิจิ๋ว
เขาฮิวจึงว่าห่างจากตัวเมืองไปสี่ร้อยเส้นเป็นแม่น้ำเจียงโห แม้ขณะนี้ฝนจะตกเพียงเบาบาง แต่ข้างเหนือนั้นยังคงเป็นฤดูฝน น้ำเหนือหลากไหลตามแม่น้ำเจียงโหไปออกปลายแม่น้ำจนลงทะเล ขอให้ท่านเกณฑ์ทหารไปทำทำนบทดน้ำไว้ที่ริมแม่น้ำเจียงโหก่อน แล้วขุดคลองเชื่อมจากทำนบนั้นตรงมาที่คูเมืองกิจิ๋ว ให้เป็นคลองกว้างสี่วา ลึกสองวา จากนั้นจึงรื้อทำนบที่ทดน้ำไว้ น้ำจากแม่น้ำเจียงโหก็จะไหลบ่าเข้ามาตามคลองซึ่งขุดนั้นเข้ามาที่คูเมือง แล้วเอ่อล้นไปตามคลองที่เชื่อมจากคูเมืองเข้าไปในเมือง น้ำก็จะท่วมเมือง จากนั้นจึงค่อยยกทหารเข้าตีเมืองกิจิ๋ว
โจโฉนั่งครุ่นคิดคำนึงอยู่ครู่หนึ่ง ในขณะที่บรรดาที่ปรึกษาและแม่ทัพนายกองทั้งปวงต่างพากันเงียบและครุ่นคิดตาม ความเงียบผ่านไปครู่หนึ่งโจโฉลุกขึ้นยืนส่ายหน้าแล้วว่าภูมิประเทศจากริมแม่น้ำเจียงโหมาถึงคูเมืองต่ำกว่าคูเมืองถึงวาเศษ เมื่อท่านขุดคลองลึกเพียงสองวา ปริมาณน้ำก็จะไม่แรงพอที่จะไหลเข้าท่วมเมืองได้ โจโฉปรารภดังนี้แล้วถามบรรดาที่ปรึกษาและแม่ทัพคนอื่นว่าผู้ใดมีความคิดเห็นและแผนการประการอื่นบ้าง
เขาฮิวลุกขึ้นยืนบ้าง แหงนหน้ามองข้ามหัวทุกผู้คนไปที่หลังคาค่ายอย่างทระนงแล้วว่าท่านอัครมหาเสนาบดีจะร้อนใจไปไยกัน ที่ข้าพเจ้าเสนอให้ขุดคลองลึกแต่สองวานั้นเป็นเพียงอุบายที่จะลวงให้สิมโพยและข้างในเมืองกิจิ๋วประมาทเท่านั้น
โจโฉได้ยินคำว่า “อุบาย” ต้องด้วยอัชฌาสัยตัว ดังนั้นแม้จะขุ่นมัวอารมณ์ที่เขาฮิวกล่าวความอย่างยโสโอหังและไม่สิ้นกระแสความเสียทีหนึ่ง ก็สู้ข่มใจหันหน้ามาที่เขาฮิวแล้วถามขึ้นด้วยน้ำเสียงที่แสดงอาการร้อนรนใคร่รู้ว่าอุบายของท่านเป็นประการใด
เขาฮิวจึงว่าในเมืองกิจิ๋วบัดนี้มีสิมโพยซึ่งเป็นที่ปรึกษาเจ้าความคิด เคยคิดสร้างจักรยนต์และแผนการยุทธวิธีขุดอุโมงค์มาทำร้ายกองทัพของท่าน และยังคิดอ่านแก้ไขแผนขุดอุโมงค์ที่ท่านให้บังเล้ขุดอุโมงค์จะยกเข้าไปในเมืองกิจิ๋ว โดยเอาก้อนหินถมปิดปากอุโมงค์จนบังเล้และทหารตายสิ้น ดังนั้นจึงประมาทความคิดอ่านของสิมโพยไม่ได้เป็นอันขาด
แล้วว่าความคิดของข้าพเจ้านั้นต้องการขุดคลองลึกสี่วา กว้างสี่วา ก็จะได้น้ำพอเพียงที่จะใช้ท่วมเมืองกิจิ๋วได้ แต่ถ้าหากลงมือขุดคลองกว้างสี่วา ลึกสี่วาแล้ว สิมโพยก็จะล่วงรู้ความคิดแล้วหาทางป้องกันแก้ไขเสียได้ทัน เหตุนี้ข้าพเจ้าจึงเสนอให้ขุดคลองลึกแต่สองวา กว้างสี่วา สิมโพยเห็นท่านขุดคลองดั่งนี้ก็จะประมาทว่าคลองลึกเพียงเท่านี้ ปริมาณน้ำไม่พอที่จะท่วมเมืองได้ก็จะประมาทไม่ป้องกันแก้ไข ครั้นได้วันเวลาทำการแล้วจึงค่อยระดมขุดเพิ่มเติมให้ลึกเพิ่มขึ้นอีกสองวา สิมโพยก็จะคิดอ่านป้องกันไม่ทัน
น้ำซึ่งเป็นพลังแห่งจักรวาลที่สำคัญและไหลรี่อยู่ตามธรรมชาติในแม่น้ำเจียงโหกำลังถูกเขาฮิวนำมาใช้เป็นแผนยุทธวิธีเข้าตีและยึดเมืองกิจิ๋วเป็นครั้งแรกในสามก๊กด้วยประการฉะนี้
โจโฉได้ฟังดังนั้นก็เห็นด้วย สั่งให้จัดทหารเป็นสองกอง กองแรกให้ไปทำทำนบกั้นริมแม่น้ำเจียงโห และขุดคลองจากแม่น้ำเจียงโหตรงเข้ามายังเมืองกิจิ๋ว เป็นคูกว้างสี่วา ลึกสองวา ส่วนอีกกองหนึ่งให้เอาดินใส่กระสอบกั้นเป็นทำนบรอบคูเมือง
สิมโพยเห็นทหารโจโฉไม่ยกมารบแต่สาละวนอยู่กับการขุดคลองและทำทำนบรอบคูเมือง จึงขึ้นไปตรวจการบนกำแพงเมืองทั้งสี่ด้านเห็นทหารโจโฉขุดคลองลึกแต่เพียงสองวาก็หัวเราะ แล้วว่า “อันโจโฉทำการทั้งนี้เราหากลัวไม่ เราเกรงอยู่แต่จะขุดคลองให้ลึกลงไปจึงจะไขน้ำให้ท่วมเมืองเราได้”
สิมโพยรู้จักภูมิประเทศรอบเมืองกิจิ๋วเป็นอันดี เป็นอย่างเดียวกันกับที่เขาฮิวได้สำรวจภูมิประเทศมา จึงเห็นว่าการที่โจโฉให้ทหารขุดคูลึกแต่เพียงสองวาย่อมไม่มีทางที่จะทำให้น้ำไหลจากแม่น้ำเจียงโหบ่าเข้ามาท่วมเมืองกิจิ๋วได้ คิดดั่งนี้แล้วก็ตั้งอยู่ในความประมาท มิได้คิดอ่านปิดกั้นคลองที่เชื่อมจากคูเมืองหรือคิดอ่านป้องกันแก้ไขประการอื่น
ฝ่ายโจโฉเห็นข้างภายในเมืองไม่ได้คิดอ่านป้องกันแก้ไขประการใดก็ดีใจ ทหารโจโฉได้กั้นทำนบรอบคูเมืองกิจิ๋วสูงสองวา และขุดคลองเชื่อมแม่น้ำเจียงโหกว้างสี่วา ลึกสองวาถึงสิบวันการก็แล้วเสร็จตามความคิดของเขาฮิว
บ่ายวันรุ่งขึ้นโจโฉเห็นการทั้งปวงเสร็จแล้วจึงให้ทหารไปเชิญเขาฮิวและแม่ทัพนายกองเข้ามาปรึกษา กำหนดแผนการตีเมืองกิจิ๋วต่อไป
เขาฮิวเสนอว่าบัดนี้การกั้นทำนบรอบคูเมืองและการขุดคลองสำเร็จตามแผนการแล้ว ในค่ำวันนี้ขอให้ท่านจัดทหารจำนวนมากเร่งระดมขุดคลองให้ลึกเพิ่มขึ้นอีกสองวา กำหนดให้แล้วเสร็จก่อนสิ้นยามสามในคืนนี้ พอใกล้รุ่งให้รื้อทำนบที่ริมแม่น้ำเจียงโห ปล่อยน้ำให้ไหลรี่เข้ามาตามคลองที่ขุดนั้น และให้จัดพลเกาทัณฑ์ไปซุ่มอยู่ที่ปากคลองที่เชื่อมต่อคลองน้ำในเมืองกับคูเมือง คอยระดมยิงเกาทัณฑ์อย่าให้ทหารข้างในเมืองกิจิ๋วขนดินมาปิดกั้นปากคลองนั้นได้
โจโฉได้ฟังก็เห็นชอบ สั่งการให้ดำเนินการตามความคิดของเขาฮิวทุกประการ
พอใกล้ยามสามทหารโจโฉก็ขุดคลองลึกเพิ่มขึ้นอีกสองวา คลองส่งน้ำกว้างสี่วา ลึกสี่วาจึงแล้วเสร็จสมบูรณ์ตามความคิดของเขาฮิว ทหารช่างซึ่งควบคุมทำนบกั้นน้ำอยู่ที่ริมแม่น้ำเจียงโหจึงรื้อทำนบกั้นน้ำออก น้ำในแม่น้ำเจียงโหซึ่งไหลบ่าหลากแรงด้วยน้ำเหนือจึงไหลทะลักตามคลองส่งน้ำนั้นเข้าไปที่คูเมือง และไหลล้นบ่าเข้าไปในคลองภายในเมือง
น้ำจากแม่น้ำเจียงโหหลากแรงจัด ไหลแรงตามคลองส่งน้ำกว้างสี่วา ลึกสี่วานั้นเข้าไปท่วมคลองในเมืองกิจิ๋วแล้วเอ่อล้นท่วมภายในเมืองเกือบทั้งหมด
สามก๊กฉบับเจ้าพระยาพระคลัง (หน) ระบุว่าน้ำท่วมในเมืองกิจิ๋ว “ลึกประมาณเจ็ดแปดศอก ทหารแลชาวเมืองทั้งปวงขัดสนด้วยข้าวปลาอาหารแลตายด้วยน้ำ บ้างหนีขึ้นอยู่บนเชิงเทินบ้าง”
ตกสายวันรุ่งขึ้นโจโฉนำทหารขี่ม้าตรวจการตามทำนบที่กั้นน้ำนอกคูเมือง เห็นน้ำไหลบ่าเข้าไปในเมือง ท่วมเมืองสมความคิดแล้ว จึงสั่งให้ซินผีเอาตราสำหรับที่เจ้าเมืองของอ้วนชงและหมวกเกราะของอ้วนชงที่ยึดได้แล้วพาทหารไปที่หน้าประตูเมือง ร้องบอกแก่ทหารที่รักษากำแพงเมืองนั้นว่าอ้วนชงเจ้าเมืองกิจิ๋วแพ้ศึกถึงแก่ความตายแล้ว และบัดนี้น้ำก็ท่วมเมืองกิจิ๋ว ทุกผู้คนไม่มีทางที่จะรอดชีวิตไปได้ ให้รีบยอมแพ้แก่กองทัพเมืองหลวงเสียโดยดี จึงจะปลอดภัยและมีความสุขสืบไป
สิมโพยทราบข่าวว่าน้ำท่วมเมืองก็ตกใจ รีบพาทหารขึ้นไปบนเชิงเทินที่หน้าประตูเมือง เห็นซินผีพาทหารมาร้องให้ยอมแพ้ก็โกรธ สั่งทหารให้ไปจับบุตร ภรรยา พรรคพวกและพี่น้องของซินผีที่อยู่ในเมืองกิจิ๋วถึงแปดสิบคนขึ้นมาบนเชิงเทินแล้วให้ทหารประหารชีวิตคนเหล่านั้นเสียทั้งสิ้น แล้วโยนศพออกไปนอกเมือง ตรงหน้าที่ซินผีพาทหารมาร้องบอกให้ยอมแพ้อยู่นั้น
ซินผีเห็นเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันเกิดขึ้นและจำได้ว่าซากศพที่โยนลงมาจากเชิงเทินล้วนเป็นบุตร ภรรยา พรรคพวก พี่น้องทั้งสิ้นก็ตกใจ เสียใจ ร้องไห้ด้วยน้ำใจรักห่วงบุตร ภรรยา ครอบครัวและพี่น้องและร้องด่าอาฆาตสิมโพยเป็นอันมาก
ในขณะนั้นสิมเอ๋งซึ่งเป็นหลานของสิมโพยแต่เป็นเพื่อนเกลอที่สนิทของซินผีเห็นสิมโพยสังหารบุตร ภรรยา ครอบครัวและญาติพี่น้องของซินผีอย่างโหดร้ายทารุณก็โกรธแค้นสิมโพยแทนซินผี
สิมเอ๋งคุมเอาความโกรธลงมาจากเชิงเทินกลับไปที่บ้าน เขียนหนังสือถึงโจโฉเป็นใจความว่าตัวข้าพเจ้านี้ชื่อสิมเอ๋ง เป็นเพื่อนรักเกลอขวัญของซินผี ให้เจ็บแค้นแทนซินผีที่สิมโพยผู้เป็นอาโหดเหี้ยนอำมหิตประหารราษฎรผู้ไม่มีความผิดเสียเป็นจำนวนมาก เหตุนี้เพื่อแก้แค้นแทนเพื่อนเกลอ ข้าพเจ้าและเพื่อนจะลอบเปิดประตูเมืองในคืนวันนี้และขอให้ท่านอัครมหาเสนาบดียกกองทัพเข้ายึดเมืองกิจิ๋ว
สิมเอ๋งเขียนหนังสือเสร็จแล้ว เอาหนังสือนั้นผูกเข้ากับลูกเกาทัณฑ์แล้วลอบยิงออกไปที่ทหารของโจโฉ.
ในขณะที่อ้วนชงและทหารในค่ายกำลังหลับสนิทเพราะอิดโรยมาจากการศึกที่ต่อเนื่องมาเป็นเวลาหลายวัน คงเหลือแต่ทหารที่เข้าเวรยามรักษาการอยู่เพียงไม่กี่คน พอทหารรักษาเวรยามตีเกราะบอกเวลายามสาม เสียงโห่ร้องของทหารจำนวนมากทั้งด้านหน้า ด้านหลังค่าย ก็ก้องกระหึ่มขึ้นพร้อมกัน
เตียวเลี้ยวและซิหลงนำทหารเป็นอันมากให้ทหารช่างยกล่วงหน้าเข้าไปทำลายประตูค่ายและรั้วด้านหลังค่ายของฝ่ายอ้วนชงและให้ทหารม้าจำนวนมากบุกเข้าไปในค่ายของอ้วนชงพร้อมกัน
ทหารของอ้วนชงบ้างก็ยังหลับ บ้างก็เพิ่งงัวเงียตื่นขึ้นไม่ทันป้องกันระวังตัวก็ถูกทหารของเตียวเลี้ยวและซิหลงฆ่าฟันบาดเจ็บล้มตายลงเป็นจำนวนมาก อ้วนชงรู้สึกตัวตื่นขึ้นไม่ทันได้ใส่เกราะก็รีบขึ้นม้าพาทหารที่เหลือตายอาศัยความมืดหนีออกจากค่ายเอาตัวรอด ทิ้งตราสำหรับที่เจ้าเมืองตลอดจนทรัพย์สินเสบียงและอาวุธยุทโธปกรณ์จำนวนมากอยู่ในค่าย
เตียวเลี้ยวและซิหลงกวาดล้างทหารของอ้วนชงและจับเป็นเชลยเกือบทั้งหมด เสร็จแล้วจึงสั่งทหารให้เก็บรวบรวมตราสำหรับที่เจ้าเมือง อาวุธยุทโธปกรณ์และเสบียงจนตกสายจึงแล้วเสร็จ และควบคุมลำเลียงทหารและสินศึกที่ยึดได้กลับไปที่กองทัพของโจโฉ รายงานการศึกให้โจโฉทราบทั้งสิ้น
โจโฉได้ทราบความก็มีใจยินดีสั่งให้ปูนบำเหน็จทแกล้วทหารตามความชอบอย่างทั่วถึงและสั่งให้เคลื่อนทัพยกเข้าล้อมเมืองกิจิ๋วไว้ ตั้งค่ายรายรอบเมืองกิจิ๋วไว้เป็นสามด้าน
ครั้นตั้งค่ายมั่นแล้วโจโฉจึงเรียกประชุมที่ปรึกษาและแม่ทัพนายกองเพื่อปรึกษาแผนการที่จะบุกเข้ายึดเมืองกิจิ๋วต่อไป
เขาฮิวที่ปรึกษาจึงว่าเมืองกิจิ๋วนี้กำแพงเมืองสูงใหญ่ คูเมืองทั้งกว้างทั้งลึก จะเข้าตีซึ่งหน้าก็จะได้ยากลำบากแก่ทหาร และเสียเปรียบฝ่ายในเมืองซึ่งตั้งรับในที่กำบังที่สามารถใช้เกาทัณฑ์ระดมยิงฝ่ายเข้าโจมตีไม่ให้เข้าใกล้กำแพงเมืองได้
แล้วว่าข้าพเจ้าได้ออกตรวจตราภูมิประเทศโดยรอบกำแพงเมืองแล้ว ปรากฏว่าระบบชลประทานภายในเมืองล้วนเชื่อมโยงและรับน้ำจากคูเมือง มีคลองเชื่อมจากคูเมืองเข้าไปภายในตัวเมืองอย่างทั่วถึง คูเมืองที่กว้างใหญ่แม้ว่าจะเป็นปราการสำคัญสกัดกั้นมิให้กองทัพของท่านรุกข้ามไปได้ แต่ก็กลายเป็นสื่อเพชรฆาตที่จะทำลายล้างเมืองกิจิ๋วให้พินาศไปพร้อมกันด้วย
โจโฉได้ฟังดังนั้นก็ประหลาดใจ ถามขึ้นว่าเขาฮิวท่านกล่าวความทั้งนี้มีเงื่อนงำเป็นนัยยะประการใดเกี่ยวกับคูเมือง และคลองส่งน้ำในเมืองที่เชื่อมอยู่กับคูเมืองนั้นเล่า
เขาฮิวจึงว่าถ้าหากน้ำในคูเมืองเอ่อล้นสูงขึ้นแล้ว น้ำย่อมมีธรรมดาไหลสู่ที่ต่ำ ก็จะไหลเข้าไปตามคลองที่เชื่อมจากคูเมืองนั้น ถ้าปริมาณน้ำมากพอและสูงเพียงพอแล้ว น้ำก็จะท่วมตัวเมือง ภายในเมืองก็จะสับสนอลหม่านขึ้น เราก็จะบุกโจมตียึดเอาเมืองกิจิ๋วได้โดยง่าย
โจโฉได้ฟังก็พยักหน้า แต่ไม่เห็นทางที่จะอาศัยประโยชน์จากภูมิประเทศดังกล่าวได้ จึงว่าฤดูกาลนี้ฝนเบาบาง หรือแม้หากฝนจะตกหนักก็มีปริมาณไม่เพียงพอที่จะทำให้น้ำในคูเมืองสูงล้นเอ่อไหลเข้าไปในเมืองจนท่วมเมืองได้
เขาฮิวจึงว่าความอันท่านกล่าวนี้ชอบอยู่ และเป็นความที่ผู้คนทั้งปวงในเมืองกิจิ๋วก็รู้อยู่ทุกตัวคน จึงต่างคนต่างมิได้คิดอ่านที่จะใช้น้ำเป็นอาวุธหรือป้องกันน้ำท่วมเมือง
โจโฉฟังคำเขาฮิวเปี่ยมไปด้วยลักษณะโอ่และยกตนข่มท่านอยู่ในที ก็ไม่ค่อยพอใจ แต่เล็งเห็นถึงความที่เขาฮิวกล่าวนั้นหนักแน่นมั่นคงและดูเหมือนว่ายังไม่สิ้นกระแสความ คงจะมีความนัยยะอันลึกซึ้งที่เห็นหนทางยึดเมืองกิจิ๋วอยู่จึงกล่าวเป็นทีดังนี้ โจโฉข่มใจแล้วซักเขาฮิวต่อไปว่าท่านมีความคิดอ่านประการใดที่จะทำให้น้ำไหลเข้าท่วมเมืองกิจิ๋ว
เขาฮิวจึงว่าห่างจากตัวเมืองไปสี่ร้อยเส้นเป็นแม่น้ำเจียงโห แม้ขณะนี้ฝนจะตกเพียงเบาบาง แต่ข้างเหนือนั้นยังคงเป็นฤดูฝน น้ำเหนือหลากไหลตามแม่น้ำเจียงโหไปออกปลายแม่น้ำจนลงทะเล ขอให้ท่านเกณฑ์ทหารไปทำทำนบทดน้ำไว้ที่ริมแม่น้ำเจียงโหก่อน แล้วขุดคลองเชื่อมจากทำนบนั้นตรงมาที่คูเมืองกิจิ๋ว ให้เป็นคลองกว้างสี่วา ลึกสองวา จากนั้นจึงรื้อทำนบที่ทดน้ำไว้ น้ำจากแม่น้ำเจียงโหก็จะไหลบ่าเข้ามาตามคลองซึ่งขุดนั้นเข้ามาที่คูเมือง แล้วเอ่อล้นไปตามคลองที่เชื่อมจากคูเมืองเข้าไปในเมือง น้ำก็จะท่วมเมือง จากนั้นจึงค่อยยกทหารเข้าตีเมืองกิจิ๋ว
โจโฉนั่งครุ่นคิดคำนึงอยู่ครู่หนึ่ง ในขณะที่บรรดาที่ปรึกษาและแม่ทัพนายกองทั้งปวงต่างพากันเงียบและครุ่นคิดตาม ความเงียบผ่านไปครู่หนึ่งโจโฉลุกขึ้นยืนส่ายหน้าแล้วว่าภูมิประเทศจากริมแม่น้ำเจียงโหมาถึงคูเมืองต่ำกว่าคูเมืองถึงวาเศษ เมื่อท่านขุดคลองลึกเพียงสองวา ปริมาณน้ำก็จะไม่แรงพอที่จะไหลเข้าท่วมเมืองได้ โจโฉปรารภดังนี้แล้วถามบรรดาที่ปรึกษาและแม่ทัพคนอื่นว่าผู้ใดมีความคิดเห็นและแผนการประการอื่นบ้าง
เขาฮิวลุกขึ้นยืนบ้าง แหงนหน้ามองข้ามหัวทุกผู้คนไปที่หลังคาค่ายอย่างทระนงแล้วว่าท่านอัครมหาเสนาบดีจะร้อนใจไปไยกัน ที่ข้าพเจ้าเสนอให้ขุดคลองลึกแต่สองวานั้นเป็นเพียงอุบายที่จะลวงให้สิมโพยและข้างในเมืองกิจิ๋วประมาทเท่านั้น
โจโฉได้ยินคำว่า “อุบาย” ต้องด้วยอัชฌาสัยตัว ดังนั้นแม้จะขุ่นมัวอารมณ์ที่เขาฮิวกล่าวความอย่างยโสโอหังและไม่สิ้นกระแสความเสียทีหนึ่ง ก็สู้ข่มใจหันหน้ามาที่เขาฮิวแล้วถามขึ้นด้วยน้ำเสียงที่แสดงอาการร้อนรนใคร่รู้ว่าอุบายของท่านเป็นประการใด
เขาฮิวจึงว่าในเมืองกิจิ๋วบัดนี้มีสิมโพยซึ่งเป็นที่ปรึกษาเจ้าความคิด เคยคิดสร้างจักรยนต์และแผนการยุทธวิธีขุดอุโมงค์มาทำร้ายกองทัพของท่าน และยังคิดอ่านแก้ไขแผนขุดอุโมงค์ที่ท่านให้บังเล้ขุดอุโมงค์จะยกเข้าไปในเมืองกิจิ๋ว โดยเอาก้อนหินถมปิดปากอุโมงค์จนบังเล้และทหารตายสิ้น ดังนั้นจึงประมาทความคิดอ่านของสิมโพยไม่ได้เป็นอันขาด
แล้วว่าความคิดของข้าพเจ้านั้นต้องการขุดคลองลึกสี่วา กว้างสี่วา ก็จะได้น้ำพอเพียงที่จะใช้ท่วมเมืองกิจิ๋วได้ แต่ถ้าหากลงมือขุดคลองกว้างสี่วา ลึกสี่วาแล้ว สิมโพยก็จะล่วงรู้ความคิดแล้วหาทางป้องกันแก้ไขเสียได้ทัน เหตุนี้ข้าพเจ้าจึงเสนอให้ขุดคลองลึกแต่สองวา กว้างสี่วา สิมโพยเห็นท่านขุดคลองดั่งนี้ก็จะประมาทว่าคลองลึกเพียงเท่านี้ ปริมาณน้ำไม่พอที่จะท่วมเมืองได้ก็จะประมาทไม่ป้องกันแก้ไข ครั้นได้วันเวลาทำการแล้วจึงค่อยระดมขุดเพิ่มเติมให้ลึกเพิ่มขึ้นอีกสองวา สิมโพยก็จะคิดอ่านป้องกันไม่ทัน
น้ำซึ่งเป็นพลังแห่งจักรวาลที่สำคัญและไหลรี่อยู่ตามธรรมชาติในแม่น้ำเจียงโหกำลังถูกเขาฮิวนำมาใช้เป็นแผนยุทธวิธีเข้าตีและยึดเมืองกิจิ๋วเป็นครั้งแรกในสามก๊กด้วยประการฉะนี้
โจโฉได้ฟังดังนั้นก็เห็นด้วย สั่งให้จัดทหารเป็นสองกอง กองแรกให้ไปทำทำนบกั้นริมแม่น้ำเจียงโห และขุดคลองจากแม่น้ำเจียงโหตรงเข้ามายังเมืองกิจิ๋ว เป็นคูกว้างสี่วา ลึกสองวา ส่วนอีกกองหนึ่งให้เอาดินใส่กระสอบกั้นเป็นทำนบรอบคูเมือง
สิมโพยเห็นทหารโจโฉไม่ยกมารบแต่สาละวนอยู่กับการขุดคลองและทำทำนบรอบคูเมือง จึงขึ้นไปตรวจการบนกำแพงเมืองทั้งสี่ด้านเห็นทหารโจโฉขุดคลองลึกแต่เพียงสองวาก็หัวเราะ แล้วว่า “อันโจโฉทำการทั้งนี้เราหากลัวไม่ เราเกรงอยู่แต่จะขุดคลองให้ลึกลงไปจึงจะไขน้ำให้ท่วมเมืองเราได้”
สิมโพยรู้จักภูมิประเทศรอบเมืองกิจิ๋วเป็นอันดี เป็นอย่างเดียวกันกับที่เขาฮิวได้สำรวจภูมิประเทศมา จึงเห็นว่าการที่โจโฉให้ทหารขุดคูลึกแต่เพียงสองวาย่อมไม่มีทางที่จะทำให้น้ำไหลจากแม่น้ำเจียงโหบ่าเข้ามาท่วมเมืองกิจิ๋วได้ คิดดั่งนี้แล้วก็ตั้งอยู่ในความประมาท มิได้คิดอ่านปิดกั้นคลองที่เชื่อมจากคูเมืองหรือคิดอ่านป้องกันแก้ไขประการอื่น
ฝ่ายโจโฉเห็นข้างภายในเมืองไม่ได้คิดอ่านป้องกันแก้ไขประการใดก็ดีใจ ทหารโจโฉได้กั้นทำนบรอบคูเมืองกิจิ๋วสูงสองวา และขุดคลองเชื่อมแม่น้ำเจียงโหกว้างสี่วา ลึกสองวาถึงสิบวันการก็แล้วเสร็จตามความคิดของเขาฮิว
บ่ายวันรุ่งขึ้นโจโฉเห็นการทั้งปวงเสร็จแล้วจึงให้ทหารไปเชิญเขาฮิวและแม่ทัพนายกองเข้ามาปรึกษา กำหนดแผนการตีเมืองกิจิ๋วต่อไป
เขาฮิวเสนอว่าบัดนี้การกั้นทำนบรอบคูเมืองและการขุดคลองสำเร็จตามแผนการแล้ว ในค่ำวันนี้ขอให้ท่านจัดทหารจำนวนมากเร่งระดมขุดคลองให้ลึกเพิ่มขึ้นอีกสองวา กำหนดให้แล้วเสร็จก่อนสิ้นยามสามในคืนนี้ พอใกล้รุ่งให้รื้อทำนบที่ริมแม่น้ำเจียงโห ปล่อยน้ำให้ไหลรี่เข้ามาตามคลองที่ขุดนั้น และให้จัดพลเกาทัณฑ์ไปซุ่มอยู่ที่ปากคลองที่เชื่อมต่อคลองน้ำในเมืองกับคูเมือง คอยระดมยิงเกาทัณฑ์อย่าให้ทหารข้างในเมืองกิจิ๋วขนดินมาปิดกั้นปากคลองนั้นได้
โจโฉได้ฟังก็เห็นชอบ สั่งการให้ดำเนินการตามความคิดของเขาฮิวทุกประการ
พอใกล้ยามสามทหารโจโฉก็ขุดคลองลึกเพิ่มขึ้นอีกสองวา คลองส่งน้ำกว้างสี่วา ลึกสี่วาจึงแล้วเสร็จสมบูรณ์ตามความคิดของเขาฮิว ทหารช่างซึ่งควบคุมทำนบกั้นน้ำอยู่ที่ริมแม่น้ำเจียงโหจึงรื้อทำนบกั้นน้ำออก น้ำในแม่น้ำเจียงโหซึ่งไหลบ่าหลากแรงด้วยน้ำเหนือจึงไหลทะลักตามคลองส่งน้ำนั้นเข้าไปที่คูเมือง และไหลล้นบ่าเข้าไปในคลองภายในเมือง
น้ำจากแม่น้ำเจียงโหหลากแรงจัด ไหลแรงตามคลองส่งน้ำกว้างสี่วา ลึกสี่วานั้นเข้าไปท่วมคลองในเมืองกิจิ๋วแล้วเอ่อล้นท่วมภายในเมืองเกือบทั้งหมด
สามก๊กฉบับเจ้าพระยาพระคลัง (หน) ระบุว่าน้ำท่วมในเมืองกิจิ๋ว “ลึกประมาณเจ็ดแปดศอก ทหารแลชาวเมืองทั้งปวงขัดสนด้วยข้าวปลาอาหารแลตายด้วยน้ำ บ้างหนีขึ้นอยู่บนเชิงเทินบ้าง”
ตกสายวันรุ่งขึ้นโจโฉนำทหารขี่ม้าตรวจการตามทำนบที่กั้นน้ำนอกคูเมือง เห็นน้ำไหลบ่าเข้าไปในเมือง ท่วมเมืองสมความคิดแล้ว จึงสั่งให้ซินผีเอาตราสำหรับที่เจ้าเมืองของอ้วนชงและหมวกเกราะของอ้วนชงที่ยึดได้แล้วพาทหารไปที่หน้าประตูเมือง ร้องบอกแก่ทหารที่รักษากำแพงเมืองนั้นว่าอ้วนชงเจ้าเมืองกิจิ๋วแพ้ศึกถึงแก่ความตายแล้ว และบัดนี้น้ำก็ท่วมเมืองกิจิ๋ว ทุกผู้คนไม่มีทางที่จะรอดชีวิตไปได้ ให้รีบยอมแพ้แก่กองทัพเมืองหลวงเสียโดยดี จึงจะปลอดภัยและมีความสุขสืบไป
สิมโพยทราบข่าวว่าน้ำท่วมเมืองก็ตกใจ รีบพาทหารขึ้นไปบนเชิงเทินที่หน้าประตูเมือง เห็นซินผีพาทหารมาร้องให้ยอมแพ้ก็โกรธ สั่งทหารให้ไปจับบุตร ภรรยา พรรคพวกและพี่น้องของซินผีที่อยู่ในเมืองกิจิ๋วถึงแปดสิบคนขึ้นมาบนเชิงเทินแล้วให้ทหารประหารชีวิตคนเหล่านั้นเสียทั้งสิ้น แล้วโยนศพออกไปนอกเมือง ตรงหน้าที่ซินผีพาทหารมาร้องบอกให้ยอมแพ้อยู่นั้น
ซินผีเห็นเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันเกิดขึ้นและจำได้ว่าซากศพที่โยนลงมาจากเชิงเทินล้วนเป็นบุตร ภรรยา พรรคพวก พี่น้องทั้งสิ้นก็ตกใจ เสียใจ ร้องไห้ด้วยน้ำใจรักห่วงบุตร ภรรยา ครอบครัวและพี่น้องและร้องด่าอาฆาตสิมโพยเป็นอันมาก
ในขณะนั้นสิมเอ๋งซึ่งเป็นหลานของสิมโพยแต่เป็นเพื่อนเกลอที่สนิทของซินผีเห็นสิมโพยสังหารบุตร ภรรยา ครอบครัวและญาติพี่น้องของซินผีอย่างโหดร้ายทารุณก็โกรธแค้นสิมโพยแทนซินผี
สิมเอ๋งคุมเอาความโกรธลงมาจากเชิงเทินกลับไปที่บ้าน เขียนหนังสือถึงโจโฉเป็นใจความว่าตัวข้าพเจ้านี้ชื่อสิมเอ๋ง เป็นเพื่อนรักเกลอขวัญของซินผี ให้เจ็บแค้นแทนซินผีที่สิมโพยผู้เป็นอาโหดเหี้ยนอำมหิตประหารราษฎรผู้ไม่มีความผิดเสียเป็นจำนวนมาก เหตุนี้เพื่อแก้แค้นแทนเพื่อนเกลอ ข้าพเจ้าและเพื่อนจะลอบเปิดประตูเมืองในคืนวันนี้และขอให้ท่านอัครมหาเสนาบดียกกองทัพเข้ายึดเมืองกิจิ๋ว
สิมเอ๋งเขียนหนังสือเสร็จแล้ว เอาหนังสือนั้นผูกเข้ากับลูกเกาทัณฑ์แล้วลอบยิงออกไปที่ทหารของโจโฉ.