ตอนที่ 165. ทำลายยุทธวิธีขุดอุโมงค์
ลิกองและลิเชียงสองนายทหารเก่าของอ้วนเสี้ยวรักตัวกลัวตายเกรงว่าจะปิดความที่อ้วนถำคิดผูกใจและให้ทำการเป็นไส้ศึกในกองทัพโจโฉไม่ตลอด จึงเอาตราสำหรับที่นายทหารเอกซึ่งอ้วนถำส่งมาไปให้โจโฉดู หวังจะแสดงความบริสุทธิ์ของตัวแต่ยังคงปิดความลับที่อ้วนถำสั่งการมาให้ทำหน้าที่เป็นไส้ศึกในกองทัพของโจโฉไว้
แต่โจโฉนั้นชำนาญกลอุบาย พอเห็นตราสำหรับที่นายทหารเอกซึ่งลิกองและลิเชียงนำออกมาให้ดูก็อ่านความคิดและเหตุการณ์ได้ทะลุปรุโปร่งว่าอ้วนถำคงจะไม่มอบแต่ตราเท่านั้น คงจะมีความประการใดสั่งการกำกับตรามาด้วยเป็นมั่นคง และความทั้งนี้คงจะไม่ใช่เรื่องดีสำหรับกองทัพโจโฉเป็นแน่แท้
โจโฉพิเคราะห์ความกระจ่างแล้วจึงกล่าวความสำทับกับลิกองและลิเชียงว่า “ซึ่งอ้วนถำให้ตราสำหรับที่มาแก่ท่านทั้งสองนี้เพราะอ้วนถำคิดจะทำร้ายต่อเรา หวังจะให้ท่านทั้งสองเป็นไส้ศึก ท่านจงรับเอาตรานี้ไว้ ข้อที่อ้วนถำสั่งมาดีแลร้ายนั้นท่านจงรับเอาว่าจะทำตาม แม้เรายกกองทัพไปกำจัดอ้วนชงเสียแล้ว เราจึงจะยกไปฆ่าอ้วนถำเสีย”
โจโฉกล่าวความเกทับไพ่ที่อ้วนถำทิ้งลงมาที่ลิกองและลิเชียง โดยที่ไม่ต้องเห็นหน้าไพ่ก็อ่านความหมายสำคัญของไพ่ที่คว่ำอยู่ได้ว่าอ้วนถำสั่งความให้สองนายทหารทำตัวเป็นไส้ศึก จึงตีไพ่เกทับกลับไปว่าให้สองนายทหารทำทีรับคำตามที่อ้วนถำสั่งมา แล้วยังบอกด้วยว่าเมื่อใดที่ยกกองทัพไปตีเมืองกิจิ๋วแล้วก็จะยกทัพไปจับตัวอ้วนถำฆ่าเสีย โจโฉหงายหน้าไพ่ให้สองนายทหารดูในครั้งนี้ด้วยลีลาเซียนเหนือเซียน และด้วยความมั่นใจว่าเมื่อสองนายทหารเห็นหน้าไพ่ทั้งสิ้นแล้วมีแต่ต้องยืนอยู่กับโจโฉและโดยไม่หวั่นเกรงว่าสองนายทหารจะกล้าเปลี่ยนสีแปรธาตุกลับไปช่วยอ้วนถำอีกต่อไป
การทั้งนี้ประจักษ์ชัดว่าโจโฉอ่านใจของสองนายทหารเก่าของอ้วนเสี้ยวกระจ่าง และเปิดความนัยให้รู้เสียเลยว่าเหตุการณ์เบื้องหน้าจะเป็นประการใด
ลิกองและลิเชียงได้ฟังคำโจโฉดั่งนั้นก็ตกใจที่โจโฉอ่านแผนการความคิดของอ้วนถำทั้ง ๆ ที่ตัวได้ปกปิดไว้จนกระจ่างแจ้ง จึงคำนับโจโฉแล้วว่าข้าพเจ้าทั้งสองน้อมรับคำสั่งของท่านอัครมหาเสนาบดี
ฝ่ายข้างในเมืองกิจิ๋ว เมื่ออ้วนชงทราบข่าวว่าโจโฉกำลังให้ทหารขุดคลองเพื่อเตรียมใช้เป็นทางลำเลียงเสบียงอาหารจึงเรียกสิมโพยมาปรึกษาว่าจะคิดอ่านแก้ไขประการใด
สิมโพยจึงว่าการสงครามที่ผ่านมากองทัพโจโฉประสบปัญหาเรื่องเสบียงอาหารและแก้ไขไม่ตก ดังนั้นจึงคิดขุดคลองเพื่อลำเลียงเสบียงอาหาร สถานการณ์บ่งบอกว่าขณะนี้โจโฉยังไม่พร้อมที่จะยกกองทัพเข้าตีเมืองกิจิ๋ว รอจนแก้ไขปัญหาเสบียงอาหารเสร็จแล้วคงจะยกเข้าตีและคงให้อ้วนถำตีกระหนาบเข้ามาอีกทางหนึ่ง ดังนั้นในช่วงเวลานี้จึงควรจะตีเมืองเพงง้วนก๋วนตัดกำลังโจโฉเสียก่อน จะได้รับมือกับกองทัพโจโฉแต่เพียงด้านเดียว
อ้วนชงจึงท้วงว่าถ้าเรายกกองทัพไปตีเมืองเพงง้วนก๋วน โจโฉก็จะยกกองทัพมาตีเมืองกิจิ๋ว กองทัพของเราก็จะขัดสนเพราะข้างหน้าก็ต้องระวังอ้วนถำ ข้างหลังก็ต้องระวังเมืองกิจิ๋ว
สิมโพยจึงว่าความข้อนี้ท่านอย่าได้ปรารมภ์ ขอให้ท่านมีหนังสือสั่งการให้อิมไก๋เจ้าเมืองบูอั๋นซึ่งเป็นหัวเมืองขึ้นต่อเมืองกิจิ๋วให้ยกกองทัพมาคุมเชิงกองทัพของโจโฉไว้ที่ชายแดนเมืองมอเสีย และให้จองกีซึ่งคุมเสบียงอยู่ที่เมืองเชียงต๋งให้ยกกองทัพมาตั้งคุมเชิงกองทัพโจโฉไว้ที่ชายแดนเมืองฮันตั้นอีกกองหนึ่ง เมื่อกองทัพของทั้งสองเมืองนี้มาตั้งคุมเชิงอยู่ดังนี้แล้ว กองทัพโจโฉก็จะขยับตัวไม่ได้ เพราะถ้าหากกองทัพโจโฉขยับตัวจะยกเข้าตีเมืองกิจิ๋ว กองทัพที่คุมเชิงอยู่ทั้งสองกองก็จะเข้าตีกระหนาบ ข้าพเจ้ามั่นใจว่าเมื่อตั้งทัพคุมเชิงไว้ดั่งนี้แล้วโจโฉก็จะไม่กล้าที่จะยกทัพล่วงมาตีเมืองกิจิ๋ว
แล้วสิมโพยจึงอธิบายต่อไปว่า เมื่อท่านตีได้เมืองเพงง้วนก๋วนแล้วก็ให้ระดมกองทัพทั้งจากเมืองเพงง้วนก๋วน เมืองกิจิ๋วและกองทัพที่คุมเชิงอยู่ทั้งสองกองเข้าตีกองทัพโจโฉพร้อมกัน คงจะได้ชัยชนะแก่กองทัพโจโฉเป็นมั่นคง
อ้วนชงได้ฟังดังนั้นก็เห็นชอบกับความคิดของสิมโพย จึงสั่งให้ดำเนินการตามแผนการของสิมโพยทุกประการ จากนั้นจึงสั่งให้ตันหลิมและสิมโพยอยู่รักษาเมืองกิจิ๋ว ส่วนอ้วนชงยกทัพออกจากเมืองกิจิ๋วจะไปตีเมืองเพงง้วนก๋วน โดยให้ม้าเอี๋ยนและเตียวคีคุมทหารเป็นสองกองทำหน้าที่เป็นกองหน้า
พอกองทัพของเมืองกิจิ๋วเคลื่อนออกจากเมือง ฝ่ายอ้วนถำซึ่งสอดแนมอยู่ก็ทราบข่าวศึกจึงรายงานให้อ้วนถำทราบ
อ้วนถำทราบความดังนั้นจึงแต่งหนังสือให้ทหารถือไปบอกข่าวศึกแก่โจโฉ ขอให้ยกกองทัพเข้าตีเมืองกิจิ๋วและให้ยกกองทัพมาช่วยเมืองเพงง้วนก๋วน
โจโฉได้ทราบหนังสือของอ้วนถำแล้วจึงเรียกประชุมที่ปรึกษาและแม่ทัพนายกอง แจ้งความตามหนังสือของอ้วนถำให้ที่ประชุมทราบแล้วว่าอ้วนถำ อ้วนชง ทำศึกกันในครั้งนี้เมืองกิจิ๋วคงจะได้แก่เราเป็นมั่นคง
ในขณะนั้นเขาฮิวเดินทางมาแต่เมืองหลวง ได้ฟังความแล้วจึงว่า “เหตุใดท่านมาตั้งนิ่งอยู่ดังนี้ จะคอยให้ฟ้าผ่าอ้วนถำ กับอ้วนชงตายเองหรือ”
โจโฉได้ฟังดังนั้นก็หัวเราะ แล้วว่าเพราะเหตุที่เราตั้งนิ่งอยู่ดังนี้ อ้วนถำและอ้วนชงคงจะถูกฟ้าผ่าตาย และเราจะได้เมืองกิจิ๋วในครั้งนี้แล้ว ท่านอย่ากังวลเลย เราได้คิดอ่านการทั้งปวงไว้พร้อมแล้ว
ว่าแล้วโจโฉจึงออกคำสั่งให้โจหองคุมทหารยกไปตีเมืองกิจิ๋ว แต่ตัวโจโฉเองนั้นคุมทหารยกไปตีกองทัพของอิมไก๋ซึ่งตั้งคุมเชิงอยู่ที่แดนเมืองมอเสีย ให้กองทัพทั้งสองหุงข้าวกินให้เสร็จเรียบร้อยตั้งแต่ตอนใกล้สาง แล้วรีบยกไปทำการ
โจโฉแทนที่จะยกเข้าตีเมืองกิจิ๋วแต่กองทัพเดียว กลับแยกกองทัพออกเป็นสองกอง กองหนึ่งยกไปตีเมืองกิจิ๋ว อีกกองหนึ่งยกไปตีกองทัพซึ่งตั้งคุมเชิงอยู่ ก็เพราะแจ้งในกลศึกของสิมโพยว่าหากยกกองทัพไปตีแต่ทางด้านเมืองกิจิ๋วก็จะถูกกองทัพซึ่งตั้งคุมเชิงอยู่ตีกระหนาบ และการที่จะยกกองทัพไปตีกองทัพที่ตั้งคุมเชิงอยู่นั้นจะอยู่เหนือความคาดคิด เพราะฝ่ายที่ตั้งคุมเชิงไม่ทันระวังตัว จะสามารถได้ชัยชนะทั้งสองทาง
โจโฉเคลื่อนทัพอย่างรวดเร็ว ถึงแดนเมืองมอเสีย อิมไก๋เห็นกองทัพยกมาไม่ทันเตรียมตัวพร้อมก็รีบยกทหารออกมาป้องกันค่าย โจโฉเห็นดังนั้นจึงสั่งให้เคาทูออกรบ
เคาทูรบกับอิมไก๋ได้ห้าเพลงก็เอาทวนแทงอิมไก๋ตกม้าตาย โจโฉเห็นได้ทีจึงสั่งทหารเข้าตีกองทหารของอิมไก๋ ฝ่ายทหารของอิมไก๋เห็นตัวนายตกม้าตายก็ตกใจแตกตื่นพากันวิ่งหนี ถูกทหารโจโฉฆ่าฟันล้มตายและจับกุมได้เป็นจำนวนมาก
โจโฉยึดค่ายของอิมไก๋ได้แล้วจึงให้เคลื่อนทัพไปชายแดนเมืองฮันตั้น รุกเข้าตีกองทัพของจองกีซึ่งตั้งคุมเชิงอยู่
จองกีไม่คาดคิดว่าจะถูกกองทัพโจโฉยกมาตี ไม่ทันได้เตรียมตัวเหมือนกับกองทัพของอิมไก๋ก็รีบยกทหารออกมาป้องกันอยู่หน้าค่าย โจโฉเห็นดังนั้นจึงให้เตียวเลี้ยวออกรบ
เตียวเลี้ยวรบกับจองกีได้สามเพลง จองกีสู้เตียวเลี้ยวไม่ได้จึงชักม้าหนี เตียวเลี้ยวขับม้าไล่ตามไปพอได้ระยะเกาทัณฑ์ เตียวเลี้ยวจึงเปลี่ยนมาใช้เกาทัณฑ์ยิงไปถูกจองกีตกม้าตาย
ทหารของโจโฉได้รุกไล่โจมตีทหารของจองกีบาดเจ็บล้มตายและจับตัวไว้ได้เป็นอันมาก จากนั้นจึงบุกเข้ายึดค่ายของจองกีไว้ได้
โจโฉได้รวมพลอีกครั้งหนึ่ง จัดเอาทหารของอิมไก๋และจองกีที่จับได้แล้วยอมสวามิภักดิ์ให้ทำหน้าที่เป็นกองหน้า แล้วให้เคลื่อนทัพไปสมทบกับโจหองที่เมืองกิจิ๋ว
กองทัพของโจโฉและโจหองได้ตั้งค่ายล้อมเมืองกิจิ๋วไว้ทุกด้าน แต่จะรุกเข้าปล้นเมืองยังไม่สะดวก เพราะสิมโพยและตันหลิมได้กวดขันให้ทหารป้องกันรักษากำแพงเมืองและเชิงเทินไว้แน่นหนา
ค่ำวันหนึ่งสิมโพยออกตรวจตามแนวกำแพงเมือง เห็นบังเล้นายทหารผู้รับผิดชอบรักษาเชิงเทินด้านตะวันออกเมาสุรานอนหลับไม่รู้ความก็โกรธ จึงให้ลงโทษโบยห้าสิบที บังเล้ต้องโทษโบยได้รับความอัปยศนัก หลังถูกโบยแล้วในคืนนั้นจึงหนีออกจากเมืองไปเข้าสวามิภักดิ์กับโจโฉ
โจโฉเห็นบังเล้มาสวามิภักดิ์ก็มีความยินดี และรับบังเล้ไว้เป็นทหารในกองทัพ บังเล้จึงแจ้งข้อมูลทางการทหารให้โจโฉทราบว่าทางกำแพงเมืองด้านตะวันออกมีทหารรักษาแต่เบาบาง ขอให้ท่านขุดอุโมงค์บุกเข้าโจมตีทางด้านตะวันออกก็จะสามารถยึดเมืองกิจิ๋วได้สำเร็จ
โจโฉได้ฟังดังนั้นก็เห็นชอบกับความคิดของบังเล้ แต่แทนที่จะทำการแต่เพียงด้านเดียว สมควรให้ทำการพร้อมกันทุกด้าน จึงให้ทหารขุดอุโมงค์จากภายนอกกำแพงเมืองทั้งสี่ด้านแล้วเอาดินมากองสูงเท่ากำแพงเมืองเพื่อเตรียมให้ทหารบุกเข้าไปในเมืองผ่านทางอุโมงค์ทางหนึ่ง และระดมยิงเกาทัณฑ์จากเนินดินเข้าไปในเมืองอีกทางหนึ่ง โดยให้บังเล้เป็นผู้ควบคุมการขุดอุโมงค์และนำทหารเข้าโจมตีทางด้านตะวันออก
พอค่ำลงอีกวันหนึ่งบังเล้จึงคุมทหารไปขุดอุโมงค์ทางด้านตะวันออกตามคำสั่งของโจโฉจนถึงเที่ยงคืนก็ทะลุผ่านคูเมืองเข้าไปใกล้กำแพงเมือง ในขณะที่ด้านอื่นไม่ชำนาญพื้นที่จึงขุดอุโมงค์ได้เพียงไม่กี่วาเท่านั้น
ความจริงแผนการขุดอุโมงค์และพูนเนินดินให้สูงขึ้นเพื่อโจมตีเมืองทางอุโมงค์และระดมยิงเกาทัณฑ์จากเนินดินอันเป็นที่สูงนั้นมาถึงครั้งนี้มิใช่ความคิดใหม่ต่อไปอีกแล้ว เพราะต้นกำเนิดยุทธวิธีนี้คือสิมโพยที่ได้เสนอยุทธวิธีดังกล่าวแก่อ้วนเสี้ยวนั่นเอง แต่โจโฉได้ยอมรับเอาแผนการดังกล่าวมาใช้ในการโจมตีเมืองกิจิ๋วในครั้งนี้
ในคืนเดียวกันนั้นสิมโพยได้ออกตรวจกำแพงเมืองตามปกติ พอมาถึงกำแพงเมืองทางด้านตะวันออกไม่เห็นบังเล้ สอบถามได้ความว่าบังเล้หนีไปอยู่กับโจโฉแล้ว สิมโพยก็โกรธ หยุดยืนอยู่บนหอรบบนกำแพงเมืองด้านตะวันออก มองออกไปทางด้านนอก
ทหารรักษาการบนกำแพงได้รายงานแก่สิมโพยว่าห่างจากกำแพงเมืองไปยังคูเมือง สังเกตดูมีการเคลื่อนไหวแต่เห็นไม่ถนัดเพราะท้องฟ้ามืด เกรงว่าข้าศึกจะคิดอ่านยกกำลังเข้าตีเมืองกิจิ๋ว
สิมโพยเขม้นมองไปทางด้านที่ทหารรายงานความเคลื่อนไหวก็เห็นเหตุการณ์เคลื่อนไหวผิดปกติ จึงให้ทหารออกไปสืบความ จึงได้ทราบว่าทหารฝ่ายโจโฉกำลังขุดอุโมงค์อยู่
สิมโพยพอทราบความก็คาดหมายได้ว่าน่าจะเป็นบังเล้อาสาโจโฉขุดอุโมงค์เพื่อจะยกกำลังเข้ามาตีเมืองกิจิ๋ว จึงว่าโจโฉกำลังลอกยุทธวิธีขุดอุโมงค์ของเรา จะทำอะไรแก่เราได้ เราจะผลาญทหารโจโฉในอุโมงค์เสียให้สิ้นในครั้งนี้ ว่าแล้วจึงสั่งให้ทหารขนเอาก้อนหินใส่เกวียนห้าสิบเล่มและให้จัดทหารคุมเกวียนออกจากประตูเมืองบุกเข้าไปตรงจุดที่มีการขุดอุโมงค์อยู่นั้น
ในขณะนั้นทหารของบังเล้เกือบทั้งหมดอยู่ภายใต้อุโมงค์ คงเหลือรักษาการอยู่ที่ปากอุโมงค์แปดเก้าคนเห็นทหารของเมืองกิจิ๋วยกออกมาก็ตกใจกลัวพากันวิ่งหนี ทหารของสิมโพยที่คุมเกวียนก้อนหินออกไปจึงช่วยกันขนก้อนหินถมปากอุโมงค์จนมิด แล้วยกกลับเข้าในเมือง
บังเล้นำทหารขุดอุโมงค์อยู่ไม่รู้ความแต่พอปากอุโมงค์ถูกปิด อากาศที่หายใจก็ค่อยๆ หมดไป หนีขึ้นมาข้างบนไม่ได้จึงขาดอากาศหายใจและเสียชีวิตทั้งหมด
ครั้นรุ่งขึ้นทหารของโจโฉเห็นทหารที่ไปขุดอุโมงค์เงียบหายไปก็พากันไปดูที่ปากอุโมงค์ เห็นก้อนหินปิดปากอุโมงค์ไว้อย่างหนาแน่นจึงรายงานให้โจโฉทราบ โจโฉได้ทราบความก็ตกใจสั่งให้ทหารไปที่ปากอุโมงค์ ขนเอาก้อนหินที่ถมปากอุโมงค์นั้นออก แต่ปรากฏว่าทหารที่อยู่ในอุโมงค์เสียชีวิตหมดแล้ว
โจโฉทราบความก็เสียใจ สั่งให้ยกเลิกแผนการขุดอุโมงค์ทุกด้าน และให้ถอนทัพยกกลับมาตั้งอยู่ที่ตำบลอวนสุย เตรียมตีกองทัพอ้วนชงที่จะกลับจากเมืองเพงง้วนก๋วน.
แต่โจโฉนั้นชำนาญกลอุบาย พอเห็นตราสำหรับที่นายทหารเอกซึ่งลิกองและลิเชียงนำออกมาให้ดูก็อ่านความคิดและเหตุการณ์ได้ทะลุปรุโปร่งว่าอ้วนถำคงจะไม่มอบแต่ตราเท่านั้น คงจะมีความประการใดสั่งการกำกับตรามาด้วยเป็นมั่นคง และความทั้งนี้คงจะไม่ใช่เรื่องดีสำหรับกองทัพโจโฉเป็นแน่แท้
โจโฉพิเคราะห์ความกระจ่างแล้วจึงกล่าวความสำทับกับลิกองและลิเชียงว่า “ซึ่งอ้วนถำให้ตราสำหรับที่มาแก่ท่านทั้งสองนี้เพราะอ้วนถำคิดจะทำร้ายต่อเรา หวังจะให้ท่านทั้งสองเป็นไส้ศึก ท่านจงรับเอาตรานี้ไว้ ข้อที่อ้วนถำสั่งมาดีแลร้ายนั้นท่านจงรับเอาว่าจะทำตาม แม้เรายกกองทัพไปกำจัดอ้วนชงเสียแล้ว เราจึงจะยกไปฆ่าอ้วนถำเสีย”
โจโฉกล่าวความเกทับไพ่ที่อ้วนถำทิ้งลงมาที่ลิกองและลิเชียง โดยที่ไม่ต้องเห็นหน้าไพ่ก็อ่านความหมายสำคัญของไพ่ที่คว่ำอยู่ได้ว่าอ้วนถำสั่งความให้สองนายทหารทำตัวเป็นไส้ศึก จึงตีไพ่เกทับกลับไปว่าให้สองนายทหารทำทีรับคำตามที่อ้วนถำสั่งมา แล้วยังบอกด้วยว่าเมื่อใดที่ยกกองทัพไปตีเมืองกิจิ๋วแล้วก็จะยกทัพไปจับตัวอ้วนถำฆ่าเสีย โจโฉหงายหน้าไพ่ให้สองนายทหารดูในครั้งนี้ด้วยลีลาเซียนเหนือเซียน และด้วยความมั่นใจว่าเมื่อสองนายทหารเห็นหน้าไพ่ทั้งสิ้นแล้วมีแต่ต้องยืนอยู่กับโจโฉและโดยไม่หวั่นเกรงว่าสองนายทหารจะกล้าเปลี่ยนสีแปรธาตุกลับไปช่วยอ้วนถำอีกต่อไป
การทั้งนี้ประจักษ์ชัดว่าโจโฉอ่านใจของสองนายทหารเก่าของอ้วนเสี้ยวกระจ่าง และเปิดความนัยให้รู้เสียเลยว่าเหตุการณ์เบื้องหน้าจะเป็นประการใด
ลิกองและลิเชียงได้ฟังคำโจโฉดั่งนั้นก็ตกใจที่โจโฉอ่านแผนการความคิดของอ้วนถำทั้ง ๆ ที่ตัวได้ปกปิดไว้จนกระจ่างแจ้ง จึงคำนับโจโฉแล้วว่าข้าพเจ้าทั้งสองน้อมรับคำสั่งของท่านอัครมหาเสนาบดี
ฝ่ายข้างในเมืองกิจิ๋ว เมื่ออ้วนชงทราบข่าวว่าโจโฉกำลังให้ทหารขุดคลองเพื่อเตรียมใช้เป็นทางลำเลียงเสบียงอาหารจึงเรียกสิมโพยมาปรึกษาว่าจะคิดอ่านแก้ไขประการใด
สิมโพยจึงว่าการสงครามที่ผ่านมากองทัพโจโฉประสบปัญหาเรื่องเสบียงอาหารและแก้ไขไม่ตก ดังนั้นจึงคิดขุดคลองเพื่อลำเลียงเสบียงอาหาร สถานการณ์บ่งบอกว่าขณะนี้โจโฉยังไม่พร้อมที่จะยกกองทัพเข้าตีเมืองกิจิ๋ว รอจนแก้ไขปัญหาเสบียงอาหารเสร็จแล้วคงจะยกเข้าตีและคงให้อ้วนถำตีกระหนาบเข้ามาอีกทางหนึ่ง ดังนั้นในช่วงเวลานี้จึงควรจะตีเมืองเพงง้วนก๋วนตัดกำลังโจโฉเสียก่อน จะได้รับมือกับกองทัพโจโฉแต่เพียงด้านเดียว
อ้วนชงจึงท้วงว่าถ้าเรายกกองทัพไปตีเมืองเพงง้วนก๋วน โจโฉก็จะยกกองทัพมาตีเมืองกิจิ๋ว กองทัพของเราก็จะขัดสนเพราะข้างหน้าก็ต้องระวังอ้วนถำ ข้างหลังก็ต้องระวังเมืองกิจิ๋ว
สิมโพยจึงว่าความข้อนี้ท่านอย่าได้ปรารมภ์ ขอให้ท่านมีหนังสือสั่งการให้อิมไก๋เจ้าเมืองบูอั๋นซึ่งเป็นหัวเมืองขึ้นต่อเมืองกิจิ๋วให้ยกกองทัพมาคุมเชิงกองทัพของโจโฉไว้ที่ชายแดนเมืองมอเสีย และให้จองกีซึ่งคุมเสบียงอยู่ที่เมืองเชียงต๋งให้ยกกองทัพมาตั้งคุมเชิงกองทัพโจโฉไว้ที่ชายแดนเมืองฮันตั้นอีกกองหนึ่ง เมื่อกองทัพของทั้งสองเมืองนี้มาตั้งคุมเชิงอยู่ดังนี้แล้ว กองทัพโจโฉก็จะขยับตัวไม่ได้ เพราะถ้าหากกองทัพโจโฉขยับตัวจะยกเข้าตีเมืองกิจิ๋ว กองทัพที่คุมเชิงอยู่ทั้งสองกองก็จะเข้าตีกระหนาบ ข้าพเจ้ามั่นใจว่าเมื่อตั้งทัพคุมเชิงไว้ดั่งนี้แล้วโจโฉก็จะไม่กล้าที่จะยกทัพล่วงมาตีเมืองกิจิ๋ว
แล้วสิมโพยจึงอธิบายต่อไปว่า เมื่อท่านตีได้เมืองเพงง้วนก๋วนแล้วก็ให้ระดมกองทัพทั้งจากเมืองเพงง้วนก๋วน เมืองกิจิ๋วและกองทัพที่คุมเชิงอยู่ทั้งสองกองเข้าตีกองทัพโจโฉพร้อมกัน คงจะได้ชัยชนะแก่กองทัพโจโฉเป็นมั่นคง
อ้วนชงได้ฟังดังนั้นก็เห็นชอบกับความคิดของสิมโพย จึงสั่งให้ดำเนินการตามแผนการของสิมโพยทุกประการ จากนั้นจึงสั่งให้ตันหลิมและสิมโพยอยู่รักษาเมืองกิจิ๋ว ส่วนอ้วนชงยกทัพออกจากเมืองกิจิ๋วจะไปตีเมืองเพงง้วนก๋วน โดยให้ม้าเอี๋ยนและเตียวคีคุมทหารเป็นสองกองทำหน้าที่เป็นกองหน้า
พอกองทัพของเมืองกิจิ๋วเคลื่อนออกจากเมือง ฝ่ายอ้วนถำซึ่งสอดแนมอยู่ก็ทราบข่าวศึกจึงรายงานให้อ้วนถำทราบ
อ้วนถำทราบความดังนั้นจึงแต่งหนังสือให้ทหารถือไปบอกข่าวศึกแก่โจโฉ ขอให้ยกกองทัพเข้าตีเมืองกิจิ๋วและให้ยกกองทัพมาช่วยเมืองเพงง้วนก๋วน
โจโฉได้ทราบหนังสือของอ้วนถำแล้วจึงเรียกประชุมที่ปรึกษาและแม่ทัพนายกอง แจ้งความตามหนังสือของอ้วนถำให้ที่ประชุมทราบแล้วว่าอ้วนถำ อ้วนชง ทำศึกกันในครั้งนี้เมืองกิจิ๋วคงจะได้แก่เราเป็นมั่นคง
ในขณะนั้นเขาฮิวเดินทางมาแต่เมืองหลวง ได้ฟังความแล้วจึงว่า “เหตุใดท่านมาตั้งนิ่งอยู่ดังนี้ จะคอยให้ฟ้าผ่าอ้วนถำ กับอ้วนชงตายเองหรือ”
โจโฉได้ฟังดังนั้นก็หัวเราะ แล้วว่าเพราะเหตุที่เราตั้งนิ่งอยู่ดังนี้ อ้วนถำและอ้วนชงคงจะถูกฟ้าผ่าตาย และเราจะได้เมืองกิจิ๋วในครั้งนี้แล้ว ท่านอย่ากังวลเลย เราได้คิดอ่านการทั้งปวงไว้พร้อมแล้ว
ว่าแล้วโจโฉจึงออกคำสั่งให้โจหองคุมทหารยกไปตีเมืองกิจิ๋ว แต่ตัวโจโฉเองนั้นคุมทหารยกไปตีกองทัพของอิมไก๋ซึ่งตั้งคุมเชิงอยู่ที่แดนเมืองมอเสีย ให้กองทัพทั้งสองหุงข้าวกินให้เสร็จเรียบร้อยตั้งแต่ตอนใกล้สาง แล้วรีบยกไปทำการ
โจโฉแทนที่จะยกเข้าตีเมืองกิจิ๋วแต่กองทัพเดียว กลับแยกกองทัพออกเป็นสองกอง กองหนึ่งยกไปตีเมืองกิจิ๋ว อีกกองหนึ่งยกไปตีกองทัพซึ่งตั้งคุมเชิงอยู่ ก็เพราะแจ้งในกลศึกของสิมโพยว่าหากยกกองทัพไปตีแต่ทางด้านเมืองกิจิ๋วก็จะถูกกองทัพซึ่งตั้งคุมเชิงอยู่ตีกระหนาบ และการที่จะยกกองทัพไปตีกองทัพที่ตั้งคุมเชิงอยู่นั้นจะอยู่เหนือความคาดคิด เพราะฝ่ายที่ตั้งคุมเชิงไม่ทันระวังตัว จะสามารถได้ชัยชนะทั้งสองทาง
โจโฉเคลื่อนทัพอย่างรวดเร็ว ถึงแดนเมืองมอเสีย อิมไก๋เห็นกองทัพยกมาไม่ทันเตรียมตัวพร้อมก็รีบยกทหารออกมาป้องกันค่าย โจโฉเห็นดังนั้นจึงสั่งให้เคาทูออกรบ
เคาทูรบกับอิมไก๋ได้ห้าเพลงก็เอาทวนแทงอิมไก๋ตกม้าตาย โจโฉเห็นได้ทีจึงสั่งทหารเข้าตีกองทหารของอิมไก๋ ฝ่ายทหารของอิมไก๋เห็นตัวนายตกม้าตายก็ตกใจแตกตื่นพากันวิ่งหนี ถูกทหารโจโฉฆ่าฟันล้มตายและจับกุมได้เป็นจำนวนมาก
โจโฉยึดค่ายของอิมไก๋ได้แล้วจึงให้เคลื่อนทัพไปชายแดนเมืองฮันตั้น รุกเข้าตีกองทัพของจองกีซึ่งตั้งคุมเชิงอยู่
จองกีไม่คาดคิดว่าจะถูกกองทัพโจโฉยกมาตี ไม่ทันได้เตรียมตัวเหมือนกับกองทัพของอิมไก๋ก็รีบยกทหารออกมาป้องกันอยู่หน้าค่าย โจโฉเห็นดังนั้นจึงให้เตียวเลี้ยวออกรบ
เตียวเลี้ยวรบกับจองกีได้สามเพลง จองกีสู้เตียวเลี้ยวไม่ได้จึงชักม้าหนี เตียวเลี้ยวขับม้าไล่ตามไปพอได้ระยะเกาทัณฑ์ เตียวเลี้ยวจึงเปลี่ยนมาใช้เกาทัณฑ์ยิงไปถูกจองกีตกม้าตาย
ทหารของโจโฉได้รุกไล่โจมตีทหารของจองกีบาดเจ็บล้มตายและจับตัวไว้ได้เป็นอันมาก จากนั้นจึงบุกเข้ายึดค่ายของจองกีไว้ได้
โจโฉได้รวมพลอีกครั้งหนึ่ง จัดเอาทหารของอิมไก๋และจองกีที่จับได้แล้วยอมสวามิภักดิ์ให้ทำหน้าที่เป็นกองหน้า แล้วให้เคลื่อนทัพไปสมทบกับโจหองที่เมืองกิจิ๋ว
กองทัพของโจโฉและโจหองได้ตั้งค่ายล้อมเมืองกิจิ๋วไว้ทุกด้าน แต่จะรุกเข้าปล้นเมืองยังไม่สะดวก เพราะสิมโพยและตันหลิมได้กวดขันให้ทหารป้องกันรักษากำแพงเมืองและเชิงเทินไว้แน่นหนา
ค่ำวันหนึ่งสิมโพยออกตรวจตามแนวกำแพงเมือง เห็นบังเล้นายทหารผู้รับผิดชอบรักษาเชิงเทินด้านตะวันออกเมาสุรานอนหลับไม่รู้ความก็โกรธ จึงให้ลงโทษโบยห้าสิบที บังเล้ต้องโทษโบยได้รับความอัปยศนัก หลังถูกโบยแล้วในคืนนั้นจึงหนีออกจากเมืองไปเข้าสวามิภักดิ์กับโจโฉ
โจโฉเห็นบังเล้มาสวามิภักดิ์ก็มีความยินดี และรับบังเล้ไว้เป็นทหารในกองทัพ บังเล้จึงแจ้งข้อมูลทางการทหารให้โจโฉทราบว่าทางกำแพงเมืองด้านตะวันออกมีทหารรักษาแต่เบาบาง ขอให้ท่านขุดอุโมงค์บุกเข้าโจมตีทางด้านตะวันออกก็จะสามารถยึดเมืองกิจิ๋วได้สำเร็จ
โจโฉได้ฟังดังนั้นก็เห็นชอบกับความคิดของบังเล้ แต่แทนที่จะทำการแต่เพียงด้านเดียว สมควรให้ทำการพร้อมกันทุกด้าน จึงให้ทหารขุดอุโมงค์จากภายนอกกำแพงเมืองทั้งสี่ด้านแล้วเอาดินมากองสูงเท่ากำแพงเมืองเพื่อเตรียมให้ทหารบุกเข้าไปในเมืองผ่านทางอุโมงค์ทางหนึ่ง และระดมยิงเกาทัณฑ์จากเนินดินเข้าไปในเมืองอีกทางหนึ่ง โดยให้บังเล้เป็นผู้ควบคุมการขุดอุโมงค์และนำทหารเข้าโจมตีทางด้านตะวันออก
พอค่ำลงอีกวันหนึ่งบังเล้จึงคุมทหารไปขุดอุโมงค์ทางด้านตะวันออกตามคำสั่งของโจโฉจนถึงเที่ยงคืนก็ทะลุผ่านคูเมืองเข้าไปใกล้กำแพงเมือง ในขณะที่ด้านอื่นไม่ชำนาญพื้นที่จึงขุดอุโมงค์ได้เพียงไม่กี่วาเท่านั้น
ความจริงแผนการขุดอุโมงค์และพูนเนินดินให้สูงขึ้นเพื่อโจมตีเมืองทางอุโมงค์และระดมยิงเกาทัณฑ์จากเนินดินอันเป็นที่สูงนั้นมาถึงครั้งนี้มิใช่ความคิดใหม่ต่อไปอีกแล้ว เพราะต้นกำเนิดยุทธวิธีนี้คือสิมโพยที่ได้เสนอยุทธวิธีดังกล่าวแก่อ้วนเสี้ยวนั่นเอง แต่โจโฉได้ยอมรับเอาแผนการดังกล่าวมาใช้ในการโจมตีเมืองกิจิ๋วในครั้งนี้
ในคืนเดียวกันนั้นสิมโพยได้ออกตรวจกำแพงเมืองตามปกติ พอมาถึงกำแพงเมืองทางด้านตะวันออกไม่เห็นบังเล้ สอบถามได้ความว่าบังเล้หนีไปอยู่กับโจโฉแล้ว สิมโพยก็โกรธ หยุดยืนอยู่บนหอรบบนกำแพงเมืองด้านตะวันออก มองออกไปทางด้านนอก
ทหารรักษาการบนกำแพงได้รายงานแก่สิมโพยว่าห่างจากกำแพงเมืองไปยังคูเมือง สังเกตดูมีการเคลื่อนไหวแต่เห็นไม่ถนัดเพราะท้องฟ้ามืด เกรงว่าข้าศึกจะคิดอ่านยกกำลังเข้าตีเมืองกิจิ๋ว
สิมโพยเขม้นมองไปทางด้านที่ทหารรายงานความเคลื่อนไหวก็เห็นเหตุการณ์เคลื่อนไหวผิดปกติ จึงให้ทหารออกไปสืบความ จึงได้ทราบว่าทหารฝ่ายโจโฉกำลังขุดอุโมงค์อยู่
สิมโพยพอทราบความก็คาดหมายได้ว่าน่าจะเป็นบังเล้อาสาโจโฉขุดอุโมงค์เพื่อจะยกกำลังเข้ามาตีเมืองกิจิ๋ว จึงว่าโจโฉกำลังลอกยุทธวิธีขุดอุโมงค์ของเรา จะทำอะไรแก่เราได้ เราจะผลาญทหารโจโฉในอุโมงค์เสียให้สิ้นในครั้งนี้ ว่าแล้วจึงสั่งให้ทหารขนเอาก้อนหินใส่เกวียนห้าสิบเล่มและให้จัดทหารคุมเกวียนออกจากประตูเมืองบุกเข้าไปตรงจุดที่มีการขุดอุโมงค์อยู่นั้น
ในขณะนั้นทหารของบังเล้เกือบทั้งหมดอยู่ภายใต้อุโมงค์ คงเหลือรักษาการอยู่ที่ปากอุโมงค์แปดเก้าคนเห็นทหารของเมืองกิจิ๋วยกออกมาก็ตกใจกลัวพากันวิ่งหนี ทหารของสิมโพยที่คุมเกวียนก้อนหินออกไปจึงช่วยกันขนก้อนหินถมปากอุโมงค์จนมิด แล้วยกกลับเข้าในเมือง
บังเล้นำทหารขุดอุโมงค์อยู่ไม่รู้ความแต่พอปากอุโมงค์ถูกปิด อากาศที่หายใจก็ค่อยๆ หมดไป หนีขึ้นมาข้างบนไม่ได้จึงขาดอากาศหายใจและเสียชีวิตทั้งหมด
ครั้นรุ่งขึ้นทหารของโจโฉเห็นทหารที่ไปขุดอุโมงค์เงียบหายไปก็พากันไปดูที่ปากอุโมงค์ เห็นก้อนหินปิดปากอุโมงค์ไว้อย่างหนาแน่นจึงรายงานให้โจโฉทราบ โจโฉได้ทราบความก็ตกใจสั่งให้ทหารไปที่ปากอุโมงค์ ขนเอาก้อนหินที่ถมปากอุโมงค์นั้นออก แต่ปรากฏว่าทหารที่อยู่ในอุโมงค์เสียชีวิตหมดแล้ว
โจโฉทราบความก็เสียใจ สั่งให้ยกเลิกแผนการขุดอุโมงค์ทุกด้าน และให้ถอนทัพยกกลับมาตั้งอยู่ที่ตำบลอวนสุย เตรียมตีกองทัพอ้วนชงที่จะกลับจากเมืองเพงง้วนก๋วน.