สามก๊ก ฉบับนักบริหาร:บทที่ 15 ซุกฮกเปลี่ยนวิถีชีวิตโจโฉ
ความแค้นโมหจริตที่โจโฉมีต่อโตเกี๋ยมที่ใช้คนผิดไปฆ่าบิดาโจโฉ ทำให้โจโฉใช้ชีวิตในช่วงนั้นอย่างสะเปะสะปะ สั่งให้กองทัพใส่ชุดไว้ทุกข์มุ่งตีเมืองชีจิ๋ว ถ้าตีเมืองได้สำเร็จให้ฆ่าราษฎรลูกเล็กเด็กแดง ใครหน้าไหนมาทัดทานก็มิฟัง เพราะโจโฉถือคติพจน์ ยอมฆ่าคนทั้งโลก แต่ไม่ยอมให้โลกทรยศ แต่ถูกลิโป้กับตันก๋งทำศึกกระหนาบตีตลบหลังเข้ายึดเมืองกุนจิ๋วกับหัวเมืองตามรายทาง ทำให้โจโฉซวนเซตั้งตัวไม่ติด
โตเกี๋ยมเจ้าเมืองชีจิ๋วถึงแก่กรรม คราวนี้เล่าปี่ได้รับเชิญให้เป็นเจ้าเมืองแทน สั่งให้จัดงานศพโตเกี๋ยมอย่างสมเกียรติ โจโฉเมื่อทราบข่าวการตายของโตเกี๋ยมก็โกรธหนัก "ยังไม่ทันแก้แค้น ไอ้เฒ่าโตเกี๋ยมชิงตายเสียก่อน ไอ้เล่าปี่ไม่ได้ออกแรงมิได้ทำศึกเสียทหารหรือแม้แต่เกาทัณฑ์สักดอกเดียว กลับได้เสวยสุขเป็นเจ้าเมืองชีจิ๋ว ข้าจะยกทัพไปฆ่าไอ้เล่าปี่ เอามาเคียงศพโตเกี๋ยมล้างแค้นแทนพ่อข้า"
ขุนนางที่ปรึกษาโจโฉต่างนิ่งเงียบ มีแต่ซุกฮกกุนซือผู้เฒ่าคนเดียวที่กล้าออกความเห็น
" ซึ่งท่านโจโฉจะยกทัพไปตีเมืองชีจิ๋วนั้น ข้าพเจ้ายังไม่เห็นด้วย บรรดาผู้คิดจะเป็นใหญ่ในแผ่นดิน แต่จะตั้งตัวได้นั้นยากนัก ร้อยคนพันคนจึงจะทำการได้สำเร็จสักคนหนึ่ง เวลานี้ราษฏรแคว้นชีจิ๋วต่างมีใจรักเล่าปี่ เห็นทีจะตีเมืองชีจิ๋วได้ไม่ง่ายนัก อีกด้านหนึ่งลิโป้รู้เข้าจะยกทัพมากระหนาบหลังอีก ผลสุดท้ายทางโน้นก็ไม่ได้ ทางนี้ก็เสีย อุปมาเหมือนหนึ่งเอาของใหญ่ไปแลกของเล็ก เอาต้นไม้ไปแลกกิ่งย่อมไม่คุ้มกัน ซึ่งท่านจะทิ้งที่กว้าง ไปหาที่แคบนั้น ขอจงดำริอย่างรอบคอบเถิด...."
โจโฉได้ฟังคำซุนฮกถึงกับฉุกคิด แต่ก็ยังไม่เห็นด้วยจึงตอบว่า
"เวลานี้ทุกหัวเมืองตะวันออกกำลังอดอยากขาดเสบียงอาหาร การเลี้ยงกองทัพไว้เฉย ๆ เท่ากับกินทุนไปจนหมดสิ้น... หาประโยชน์อันใดมิได้"
ซุนฮกจึงย้ำตอบว่า "ถ้าเพียงต้องการเสบียงอาหารมาเลี้ยงกองทัพ ก็ควรยกทหารไปตีพวกโจรโพกผ้าเหลืองที่เมืองเอ๊งจิวจะดีกว่า เพราะพวกนั้นมีกำลังน้อย แต่สะสมเสบียงอาหารไว้มาก เรารบชนะได้โดยง่าย จะได้อาหารมาอย่างเพียงพอ นอกจากประชาชนจะชื่นชม เมื่อพระเจ้าเหี้ยนเต้ทรงทราบ ท่านยังจะมีความดีความชอบ ประโยชน์ตกแก่ท่านเป็นสองเท่า ..."
ยอดกุนซือซุนฮกจึงทิ้งไม้ตายตอกทำลายโมหจริตของโจโฉว่า
" คนเราคิดทำการใหญ่จะต้องมีรากฐานที่มั่นคงเสียก่อน จะต้องสร้างที่มั่นก่อน จึงไปปราบที่อื่น ได้ เปรียบค่อยทำศึก เสียเปรียบก็อยู่นิ่ง สุดท้ายจึงจะได้มีชัย ถ้าตีชีจิ๋วตอนนี้ คนน้อยก็ตีไม่สำเร็จ เอาคนไปมากลิโป้ก็จะลอบกัด ถ้าหากว่าเสียกุนจิ๋ว ชีจิ๋วก็ตีไม่ได้ แล้วถึงตอนนั้นท่านจะหนีไปอยู่ที่ไหน? "
คราวนี้โจโฉเห็นชอบด้วย ยกทัพไปตามคำแนะนำของซุนฮก รบชนะพวกโจรโพกผ้าเหลืองได้โดยง่าย ได้เสบียงอาหารมาเลี้ยงทหารอย่างเหลือเฟือ พอกลับมาถึงเมืองเอียนเสีย ได้รับรายงานว่าเมืองกุนจิ๋วกำลังขาดแคลนอาหาร ราษฎรต้องแย่งชิงกันกินอย่างอลหม่าน โจโฉจึงยกทัพไปตีจนได้เมืองกุนจิ๋วคืน และไปตีลิโป้ที่เมืองปักเอี้ยง จนลิโป้กับตันก๋งต้องหนีไปเมืองตันลิว โจโฉตามตีลิโป้และยึดเมืองตันลิวได้อีก ลิโป้กับตันก๋งหมดหนทาง จึงต้องหนีหัวซุกหัวซุนพาลูกเมียไปขอพึ่งใบบุญเล่าปี่ที่เมืองชีจิ๋ว
คราวนี้นักบริหารทั้งหลายจะได้เห็นคุณสมบัติของความเป็นจอมคนของเล่าปี่ได้ชัดเจน พอเห็นลิโป้เท่านั้น เล่าปี่ออกปากยกเมืองชีจิ๋วให้แก่ลิโป้ กุนซือทั้งหลายรวมทั้งกวนอู เตียวหุยต่างร้องคัดค้านเสียงหลง แท้จริงแล้วเล่าปี่ตัดสินใจเลี้ยงเสืออย่างลิโป้ เพราะเห็นว่าคนในแผ่นดินยุคนั้น ถ้าได้ลิโป้มาเป็นกำลังอีกคน เล่าปี่จะได้เป็นใหญ่ในแผ่นดินอย่างมิพึงต้องสงสัย เล่าปี่มีทั้งลิโป้ กวนอู เตียวหุย จูล่ง ไม่ว่าจะเป็นก๊กของ โจโฉ อ้วนเสี้ยว อ้วนสุด รวมทั้งหัวเมืองน้อยใหญ่ต่างต้องหันมาสวามิภักดิ์ต่อเล่าปี่อย่างแน่นอน เล่าปี่ต้องการซื้อใจลิโป้ โดยมิคำนึงถึงความอกตัญญูที่มีอยู่ในตัวลิโป้ ที่เคยฆ่าผู้มีพระคุณอย่างเต็งหงวนกับตั๋งโต๊ะ มีตันก๋งคนเดียวเท่านั้นที่รู้ทันในความคิดของเล่าปี่ เมื่อถูกคัดค้านหนัก เล่าปี่จึงจัดให้ลิโป้ตันก๋งกับลูกเมียไปอยู่ ณ เมืองเสียวพ่าย ภายใต้เหตุผลว่าเห็นแก่มนุษยธรรม ทั้ง ๆ ที่เป็นการผนึกกำลังทัพของตนขึ้นอย่างมากมาย
ในขณะที่โจโฉยึดเมืองกุนจิ๋วคืนจากลิโป้ได้แล้ว ก็ยังคิดจะไปตีเมืองชีจิ๋วด้วยแค้นส่วนตัว พอดีมีข่าวร่ำลือจากเมืองหลวงว่า องค์ฮ่องเต้ถูกลิฉุยกับกุยกีลอบปลงพระชนม์ โจโฉกับขุนพลที่กำลังจะบุกชีจิ๋วต่างตกใจห่วงกังวล ซุนฮกกุนซือชั้นยอดจึงแนะนำโจโฉว่า
" ท่านโจโฉ ถึงเล่าปี่จะมีลิโป้ไปช่วย แต่ข้าพเจ้าว่าท่านมิต้องรีบร้อนที่จะต้องไปปราบมัน ตอนนี้องค์ฮ่องเต้อยู่ที่ไหน ถือว่าเป็นเรื่องใหญ่สำคัญที่สุด ต้องรีบดำเนินการ ยุคเลียดก๊กพระเจ้าจิ๋นบุนกงยกย่องชูจิวซองอ๋อง เจ้าก๊กอื่นจึงยอม พระเจ้าฮั่นโกโจให้เกียรติฮ่องเต้องค์ก่อน จึงได้ใจคนในแผ่นดิน ตอนนี้ฮ่องเต้ตกยาก ทำไมท่านไม่ชูธงกองทัพธรรม เชิดชูองค์ฮ่องเต้ ชักนำผู้คน จะเป็นยุทธศาสตร์ที่เยี่ยมยอด ถ้าท่านไม่รีบทำ คนอื่นก็จะต้องชิงตัดหน้าเราไปทำ..."
โจโฉเห็นลึกซึ้งในคำแนะนำของซุนฮก สั่งทหารให้เผาเสื้อผ้าชุดไว้ทุกข์ให้หมด ดำเนินการตามที่ซุนฮกชี้แนะไว้ ประจวบเหมาะกับมีราชรถมาเกย พระบรมราชโองการจากพระเจ้าเหี้ยนเต้มาถึงพอดี ให้โจโฉยกทัพเข้าไปปราบลิฉุยกับกุยกีในเมืองหลวง โจโฉรับพระบรมราชโองการพร้อมกับประกาศตอนยกทัพออกจากกุนจิ๋วตามสำนวนของนักการเมืองเต็มตัว
" ข้าฯ ทำเพื่อบ้านเมือง ทดแทนคุณชาติ ข้าฯได้รับพระบรมราชโองการให้ไปอารักขาฮ่องเต้ ปราบปรามพวกขบถ นำพาเสด็จกลับลกเอี๋ยง ฟื้นฟูความสงบร่มเย็นกลับคืนให้แก่แผ่นดินนี้.." คำประกาศของโจโฉฟังดูคุ้น ๆ หู นักการเมืองทุกประเทศมักจะมีสุนทรพจน์ในลักษณะนี้ แต่หาได้ทำตามอุดมการณ์แท้จริงไม่
ลิฉุย กุยกีกับพวกแตกคอกัน แย่งกันยึดตัวองค์ฮ่องเต้ ถึงกับคิดปลงพระชนม์พระเจ้าเหี้ยนเต้ โจโฉยกทัพเข้าไปสู้รบปราบปราม จนสามารถเข้าไปถวายการอารักขาพระเจ้าเหี้ยนเต้ นำเสด็จไปลกเอี๋ยง แต่เมืองลกเอี๋ยงถูกเผาทำลายเมื่อครั้งตั๋งโต๊ะเรืองอำนาจ โจโฉจึงนำเสด็จแปรมาประทับที่เมืองฮูโต๋ให้เป็นเมืองหลวงราชธานี ปลูกตำหนักใหม่ตกแต่งคูประตูหอรบไว้ให้พร้อม ต่อมาทหารมารายงานโจโฉว่า มีผู้นำศีรษะลิฉุย กุยกีกับสมัครพรรคพวกมาให้ โจโฉมีความยินดีให้เข้าพบ ได้ความว่าเป็นทหารลิฉุยกุยกีชื่อตวนอุยกับงอสิบฆ่าเจ้านายตัวเอง โจโฉจึงสั่งให้ทหารเอาคนทั้งสองไปตัดศีรษะเสียบประจานไว้ทุกประตูเมืองแล้วนำความกราบบังคมทูลพระเจ้าเหี้ยนเต้ เมื่อทราบความแล้วตรัสว่า ครั้งนี้แผ่นดินจะอยู่เย็นเป็นสุข ไม่มีเสี้ยนหนามอีกแล้ว พร้อมกับพระราชทานยศทหารให้โจโฉเป็นจอมพล มีบรรดาศักดิ์เป็นโหวเทียบเท่าชั้นเจ้าพระยา เป็นสมุหนายก หรือนายกรัฐมนตรี มีอำนาจรองลงมาจากพระเจ้าเหี้ยนเต้เท่านั้น
โตเกี๋ยมเจ้าเมืองชีจิ๋วถึงแก่กรรม คราวนี้เล่าปี่ได้รับเชิญให้เป็นเจ้าเมืองแทน สั่งให้จัดงานศพโตเกี๋ยมอย่างสมเกียรติ โจโฉเมื่อทราบข่าวการตายของโตเกี๋ยมก็โกรธหนัก "ยังไม่ทันแก้แค้น ไอ้เฒ่าโตเกี๋ยมชิงตายเสียก่อน ไอ้เล่าปี่ไม่ได้ออกแรงมิได้ทำศึกเสียทหารหรือแม้แต่เกาทัณฑ์สักดอกเดียว กลับได้เสวยสุขเป็นเจ้าเมืองชีจิ๋ว ข้าจะยกทัพไปฆ่าไอ้เล่าปี่ เอามาเคียงศพโตเกี๋ยมล้างแค้นแทนพ่อข้า"
ขุนนางที่ปรึกษาโจโฉต่างนิ่งเงียบ มีแต่ซุกฮกกุนซือผู้เฒ่าคนเดียวที่กล้าออกความเห็น
" ซึ่งท่านโจโฉจะยกทัพไปตีเมืองชีจิ๋วนั้น ข้าพเจ้ายังไม่เห็นด้วย บรรดาผู้คิดจะเป็นใหญ่ในแผ่นดิน แต่จะตั้งตัวได้นั้นยากนัก ร้อยคนพันคนจึงจะทำการได้สำเร็จสักคนหนึ่ง เวลานี้ราษฏรแคว้นชีจิ๋วต่างมีใจรักเล่าปี่ เห็นทีจะตีเมืองชีจิ๋วได้ไม่ง่ายนัก อีกด้านหนึ่งลิโป้รู้เข้าจะยกทัพมากระหนาบหลังอีก ผลสุดท้ายทางโน้นก็ไม่ได้ ทางนี้ก็เสีย อุปมาเหมือนหนึ่งเอาของใหญ่ไปแลกของเล็ก เอาต้นไม้ไปแลกกิ่งย่อมไม่คุ้มกัน ซึ่งท่านจะทิ้งที่กว้าง ไปหาที่แคบนั้น ขอจงดำริอย่างรอบคอบเถิด...."
โจโฉได้ฟังคำซุนฮกถึงกับฉุกคิด แต่ก็ยังไม่เห็นด้วยจึงตอบว่า
"เวลานี้ทุกหัวเมืองตะวันออกกำลังอดอยากขาดเสบียงอาหาร การเลี้ยงกองทัพไว้เฉย ๆ เท่ากับกินทุนไปจนหมดสิ้น... หาประโยชน์อันใดมิได้"
ซุนฮกจึงย้ำตอบว่า "ถ้าเพียงต้องการเสบียงอาหารมาเลี้ยงกองทัพ ก็ควรยกทหารไปตีพวกโจรโพกผ้าเหลืองที่เมืองเอ๊งจิวจะดีกว่า เพราะพวกนั้นมีกำลังน้อย แต่สะสมเสบียงอาหารไว้มาก เรารบชนะได้โดยง่าย จะได้อาหารมาอย่างเพียงพอ นอกจากประชาชนจะชื่นชม เมื่อพระเจ้าเหี้ยนเต้ทรงทราบ ท่านยังจะมีความดีความชอบ ประโยชน์ตกแก่ท่านเป็นสองเท่า ..."
ยอดกุนซือซุนฮกจึงทิ้งไม้ตายตอกทำลายโมหจริตของโจโฉว่า
" คนเราคิดทำการใหญ่จะต้องมีรากฐานที่มั่นคงเสียก่อน จะต้องสร้างที่มั่นก่อน จึงไปปราบที่อื่น ได้ เปรียบค่อยทำศึก เสียเปรียบก็อยู่นิ่ง สุดท้ายจึงจะได้มีชัย ถ้าตีชีจิ๋วตอนนี้ คนน้อยก็ตีไม่สำเร็จ เอาคนไปมากลิโป้ก็จะลอบกัด ถ้าหากว่าเสียกุนจิ๋ว ชีจิ๋วก็ตีไม่ได้ แล้วถึงตอนนั้นท่านจะหนีไปอยู่ที่ไหน? "
คราวนี้โจโฉเห็นชอบด้วย ยกทัพไปตามคำแนะนำของซุนฮก รบชนะพวกโจรโพกผ้าเหลืองได้โดยง่าย ได้เสบียงอาหารมาเลี้ยงทหารอย่างเหลือเฟือ พอกลับมาถึงเมืองเอียนเสีย ได้รับรายงานว่าเมืองกุนจิ๋วกำลังขาดแคลนอาหาร ราษฎรต้องแย่งชิงกันกินอย่างอลหม่าน โจโฉจึงยกทัพไปตีจนได้เมืองกุนจิ๋วคืน และไปตีลิโป้ที่เมืองปักเอี้ยง จนลิโป้กับตันก๋งต้องหนีไปเมืองตันลิว โจโฉตามตีลิโป้และยึดเมืองตันลิวได้อีก ลิโป้กับตันก๋งหมดหนทาง จึงต้องหนีหัวซุกหัวซุนพาลูกเมียไปขอพึ่งใบบุญเล่าปี่ที่เมืองชีจิ๋ว
คราวนี้นักบริหารทั้งหลายจะได้เห็นคุณสมบัติของความเป็นจอมคนของเล่าปี่ได้ชัดเจน พอเห็นลิโป้เท่านั้น เล่าปี่ออกปากยกเมืองชีจิ๋วให้แก่ลิโป้ กุนซือทั้งหลายรวมทั้งกวนอู เตียวหุยต่างร้องคัดค้านเสียงหลง แท้จริงแล้วเล่าปี่ตัดสินใจเลี้ยงเสืออย่างลิโป้ เพราะเห็นว่าคนในแผ่นดินยุคนั้น ถ้าได้ลิโป้มาเป็นกำลังอีกคน เล่าปี่จะได้เป็นใหญ่ในแผ่นดินอย่างมิพึงต้องสงสัย เล่าปี่มีทั้งลิโป้ กวนอู เตียวหุย จูล่ง ไม่ว่าจะเป็นก๊กของ โจโฉ อ้วนเสี้ยว อ้วนสุด รวมทั้งหัวเมืองน้อยใหญ่ต่างต้องหันมาสวามิภักดิ์ต่อเล่าปี่อย่างแน่นอน เล่าปี่ต้องการซื้อใจลิโป้ โดยมิคำนึงถึงความอกตัญญูที่มีอยู่ในตัวลิโป้ ที่เคยฆ่าผู้มีพระคุณอย่างเต็งหงวนกับตั๋งโต๊ะ มีตันก๋งคนเดียวเท่านั้นที่รู้ทันในความคิดของเล่าปี่ เมื่อถูกคัดค้านหนัก เล่าปี่จึงจัดให้ลิโป้ตันก๋งกับลูกเมียไปอยู่ ณ เมืองเสียวพ่าย ภายใต้เหตุผลว่าเห็นแก่มนุษยธรรม ทั้ง ๆ ที่เป็นการผนึกกำลังทัพของตนขึ้นอย่างมากมาย
ในขณะที่โจโฉยึดเมืองกุนจิ๋วคืนจากลิโป้ได้แล้ว ก็ยังคิดจะไปตีเมืองชีจิ๋วด้วยแค้นส่วนตัว พอดีมีข่าวร่ำลือจากเมืองหลวงว่า องค์ฮ่องเต้ถูกลิฉุยกับกุยกีลอบปลงพระชนม์ โจโฉกับขุนพลที่กำลังจะบุกชีจิ๋วต่างตกใจห่วงกังวล ซุนฮกกุนซือชั้นยอดจึงแนะนำโจโฉว่า
" ท่านโจโฉ ถึงเล่าปี่จะมีลิโป้ไปช่วย แต่ข้าพเจ้าว่าท่านมิต้องรีบร้อนที่จะต้องไปปราบมัน ตอนนี้องค์ฮ่องเต้อยู่ที่ไหน ถือว่าเป็นเรื่องใหญ่สำคัญที่สุด ต้องรีบดำเนินการ ยุคเลียดก๊กพระเจ้าจิ๋นบุนกงยกย่องชูจิวซองอ๋อง เจ้าก๊กอื่นจึงยอม พระเจ้าฮั่นโกโจให้เกียรติฮ่องเต้องค์ก่อน จึงได้ใจคนในแผ่นดิน ตอนนี้ฮ่องเต้ตกยาก ทำไมท่านไม่ชูธงกองทัพธรรม เชิดชูองค์ฮ่องเต้ ชักนำผู้คน จะเป็นยุทธศาสตร์ที่เยี่ยมยอด ถ้าท่านไม่รีบทำ คนอื่นก็จะต้องชิงตัดหน้าเราไปทำ..."
โจโฉเห็นลึกซึ้งในคำแนะนำของซุนฮก สั่งทหารให้เผาเสื้อผ้าชุดไว้ทุกข์ให้หมด ดำเนินการตามที่ซุนฮกชี้แนะไว้ ประจวบเหมาะกับมีราชรถมาเกย พระบรมราชโองการจากพระเจ้าเหี้ยนเต้มาถึงพอดี ให้โจโฉยกทัพเข้าไปปราบลิฉุยกับกุยกีในเมืองหลวง โจโฉรับพระบรมราชโองการพร้อมกับประกาศตอนยกทัพออกจากกุนจิ๋วตามสำนวนของนักการเมืองเต็มตัว
" ข้าฯ ทำเพื่อบ้านเมือง ทดแทนคุณชาติ ข้าฯได้รับพระบรมราชโองการให้ไปอารักขาฮ่องเต้ ปราบปรามพวกขบถ นำพาเสด็จกลับลกเอี๋ยง ฟื้นฟูความสงบร่มเย็นกลับคืนให้แก่แผ่นดินนี้.." คำประกาศของโจโฉฟังดูคุ้น ๆ หู นักการเมืองทุกประเทศมักจะมีสุนทรพจน์ในลักษณะนี้ แต่หาได้ทำตามอุดมการณ์แท้จริงไม่
ลิฉุย กุยกีกับพวกแตกคอกัน แย่งกันยึดตัวองค์ฮ่องเต้ ถึงกับคิดปลงพระชนม์พระเจ้าเหี้ยนเต้ โจโฉยกทัพเข้าไปสู้รบปราบปราม จนสามารถเข้าไปถวายการอารักขาพระเจ้าเหี้ยนเต้ นำเสด็จไปลกเอี๋ยง แต่เมืองลกเอี๋ยงถูกเผาทำลายเมื่อครั้งตั๋งโต๊ะเรืองอำนาจ โจโฉจึงนำเสด็จแปรมาประทับที่เมืองฮูโต๋ให้เป็นเมืองหลวงราชธานี ปลูกตำหนักใหม่ตกแต่งคูประตูหอรบไว้ให้พร้อม ต่อมาทหารมารายงานโจโฉว่า มีผู้นำศีรษะลิฉุย กุยกีกับสมัครพรรคพวกมาให้ โจโฉมีความยินดีให้เข้าพบ ได้ความว่าเป็นทหารลิฉุยกุยกีชื่อตวนอุยกับงอสิบฆ่าเจ้านายตัวเอง โจโฉจึงสั่งให้ทหารเอาคนทั้งสองไปตัดศีรษะเสียบประจานไว้ทุกประตูเมืองแล้วนำความกราบบังคมทูลพระเจ้าเหี้ยนเต้ เมื่อทราบความแล้วตรัสว่า ครั้งนี้แผ่นดินจะอยู่เย็นเป็นสุข ไม่มีเสี้ยนหนามอีกแล้ว พร้อมกับพระราชทานยศทหารให้โจโฉเป็นจอมพล มีบรรดาศักดิ์เป็นโหวเทียบเท่าชั้นเจ้าพระยา เป็นสมุหนายก หรือนายกรัฐมนตรี มีอำนาจรองลงมาจากพระเจ้าเหี้ยนเต้เท่านั้น