ตอนที่ 158. แดนแห่งเงามังกร

 เล่าปี่เห็นจูล่งนำทหารตามมาช่วยได้ทันท่วงที และสังหารโกลำผู้บังคับบัญชากองกำลังของโจโฉได้ในพริบตาจนทหารของกองรบหน่วยนี้ของโจโฉแตกพ่ายไปก็ดีใจ จูล่งขับม้าตรงมาถึงแล้วคำนับเล่าปี่ แต่ไม่ทันได้พูดจาจูล่งได้กระตุกบังเหียนม้าตรงไปข้างหน้า เข้าปะทะกับเตียวคับ

            จูล่งต่อสู้กับเตียวคับได้สามสิบเพลง เตียวคับสู้ไม่ได้จึงขับม้าหนี ทหารของจูล่งได้ไล่ฆ่าฟันทหารของเตียวคับบาดเจ็บล้มตายลงเป็นอันมาก

            เตียวคับพาทหารถอยกลับไปตามเส้นทางเดิมแล้วตั้งสกัดอยู่ที่ซอกเขาปลายทาง

            เล่าปี่กำลังลังเลอยู่ว่าจะนำทหารตีฝ่าเตียวคับออกไป หรือว่าจะเปลี่ยนเส้นทางในทันใดนั้นได้ยินเสียงโห่ร้องของทหารจำนวนมากดังสนั่นมาแต่ข้างหลังของกองทหารเตียวคับ เห็นกองทหารของเตียวคับแตกตื่นอลหม่าน

            ครู่หนึ่งก็เห็นธงพื้นเหลืองขอบแสด จารึกอักษรสีดำชื่อกวนอูอยู่ในผืนธง เล่าปี่ก็ดีใจ

            กวนอู จิวฉอง กวนเป๋ง รับคำสั่งเล่าปี่ยกไปช่วยเมืองยีหลำไม่ทัน เพราะเล่าเพ็กได้พาครอบครัวของเล่าปี่หนีออกจากเมืองไปก่อน แฮหัวตุ้นจึงยึดเมืองยีหลำได้โดยสะดวก กองทัพของกวนอูพบกับขบวนของเล่าเพ็กที่พาครอบครัวของเล่าปี่หนีออกจากเมืองและกำลังถูกทหารของแฮหัวตุ้นไล่ตามมา จึงเร่งให้เล่าเพ็กรีบพาครอบครัวของเล่าปี่ไปทางเขาชองสัน แล้วเข้ารบด้วยกองทัพของแฮหัวตุ้น แฮหัวตุ้นสู้กวนอูไม่ได้จึงแตกหนีไป

            หลังจากกองทัพแฮหัวตุ้นแตกหนีไปแล้ว กวนอูจึงรีบคุมทหารยกตามขบวนของเล่าเพ็กมา เห็นกองทัพเตียวคับซึ่งเสียทีแก่จูล่งถอยมาตั้งสกัดอยู่ที่ซอกเขาปากทาง จึงสั่งทหารให้เข้าตีกองทัพของเตียวคับในทันที ในขณะที่ฝ่ายเตียวคับมัวสนใจอยู่กับเล่าปี่ทางด้านหน้า

            กองทัพของกวนอูตีฝ่าเข้ามากลางกองทัพของเตียวคับ ทหารของเตียวคับบาดเจ็บล้มตายลงเป็นอันมาก กวนอูขี่ม้าเซ็กเธาว์รุดไปข้างหน้าจนเผชิญกับเตียวคับ

            กวนอูและเตียวคับต่อสู้กันได้ห้าเพลง เตียวคับเห็นทหารแตกตื่นวิ่งหนีและถูกฆ่าฟันบาดเจ็บล้มตายลงเป็นอันมากก็ตกใจ และเห็นจะสู้ฝีมือกวนอูไม่ได้ จึงพาทหารที่เหลือหนีไป

            กวนอูตรงเข้ามาคำนับเล่าปี่แล้วเล่าความที่เกิดขึ้นให้เล่าปี่ทราบทุกประการ เล่าปี่เห็นกองกำลังมาสมทบกันพร้อมหน้า ขาดก็แต่เตียวหุย จึงสั่งให้ปลงทัพอยู่ที่ชายเขานั้น และให้กวนอูนำทหารออกไปเสาะหาข่าวของเตียวหุย

            ทางด้านเตียวหุยรับคำสั่งจากเล่าปี่ยกไปช่วยกงเต๋าซึ่งลำเลียงเสบียงมาส่งกองทัพ แต่ป้องกันกองเสบียงไว้ไม่ทันเพราะแฮหัวเอี๋ยนได้ยกกองทัพเข้าตีกองเสบียงของกงเต๋าเสียก่อน และสังหารกงเต๋าตายในที่รบ

            เตียวหุยยกทหารไปถึงในขณะที่กองลำเลียงของกงเต๋ากำลังถูกทำลายล้าง จึงชักม้าตรงเข้ารบด้วยแฮหัวเอี๋ยน

            ทหารของแฮหัวเอี๋ยนถูกกองทัพของเตียวหุยรุกเข้าตีโดยไม่ทันรู้เนื้อรู้ตัวก็แตกตื่นตกใจ เข้าใจว่าต้องกลตีกระหนาบของเล่าปี่ พากันวิ่งหนีอลหม่าน ถูกทหารของเตียวหุยฆ่าฟันบาดเจ็บล้มตายเป็นอันมาก
เตียวหุยเข้ารบด้วยแฮหัวเอี๋ยนได้สิบเพลง แฮหัวเอี๋ยนเห็นทหารแตกตื่นวิ่งหนีและทานกำลังเตียวหุยไม่ได้จึงพาทหารแตกหนีไป

            แฮหัวเอี๋ยนหนีไปได้ระยะหนึ่งพบกับงักจิ้นซึ่งรับคำสั่งจากโจโฉให้ยกทหารจำนวนมากมาเป็นกำลังหนุนเพิ่มเติม จึงชวนงักจิ้นยกย้อนกลับมาที่กองทัพของเตียวหุย แล้วให้ทหารล้อมกองทัพของเตียวหุยไว้ถึงสามชั้น แต่ทหารของเตียวหุยจำนวนหนึ่งหนีออกจากวงล้อมไปได้และพบกับกองทัพของกวนอูซึ่งรับคำสั่งของเล่าปี่ให้ติดตามหาเตียวหุย พอกวนอูทราบความก็รีบยกกำลังมาที่กองทัพของเตียวหุย

            เตียวหุยแม้จะอยู่ในท่ามกลางวงล้อมของทหารข้าศึกเป็นจำนวนมากแต่มิได้ท้อถอย กลับมีจิตใจฮึกเหิม กรายทวนฝ่าอยู่ในท่ามกลางวงล้อมของทหารโจโฉ เตียวหุยชักม้าไปทางไหน ทางนั้นทหารของโจโฉก็ถูกคมทวนของเตียวหุยล้มตายลงดุจใบไม้ร่วง

            เลือดของทหารโจโฉสาดกระเด็นต้องเสื้อเกราะของเตียวหุยจนแดงก่ำ เตียวหุยในขณะนี้ประดุจดังเสือที่มีเลือดสมันติดเต็มทั้งปาก จึงยิ่งฮึกห้าวเหิมหาญ พละกำลังเพิ่มพูนขึ้นกว่าเดิมหลายเท่า

            ทหารของเตียวคับและงักจิ้นเห็นฝีมือเตียวหุยรวดเร็วรุนแรง ต่างพากันหวาดกลัว จำนวนมากยังคงจำได้ถึงคำสั่งของโจโฉที่ว่า เตียวหุยผู้นี้มีฝีมือรบเข้มแข็งกล้าหาญนัก ผู้ใดพบกับเตียวหุยแล้วอย่าเพิ่งสู้รบ ดังนั้นต่างคนต่างพากันถอยห่างจากระยะทวนของเตียวหุย จึงทำให้เตียวหุยเบาแรงลงเป็นอันมาก

            ในขณะที่เตียวหุยกำลังกรายทวนเข่นฆ่าทหารโจโฉอย่างมันมือนั้น เสียงโห่ร้องของทหารดังมาข้างนอกวงล้อมด้านหลังสุด เตียวหุยเหลียวไปดูเห็นเป็นธงประจำทัพของกวนอูก็ยิ่งคึกคะนอง

            กวนอูยกกองทัพมาเห็นเตียวหุยกำลังถูกล้อมอยู่จึงสั่งทหารเข้าตีทำลายวงล้อม กวนอูเองขี่ม้านำไปข้างหน้า ฆ่าฟันทหารของโจโฉบาดเจ็บล้มตายลงเป็นอันมาก ทหารของโจโฉที่ล้อมเตียวหุยอยู่ได้ยินเสียงโห่ร้องอึกทึก เห็นตัวนายที่นำหน้ามีหนวดยาวหน้าแดง สวมเกราะเต็มเครื่องรบ ขี่ม้าเซ็กเธาว์นำหน้าทหารรุดมาอย่างเร็วรี่ ผ้าโพกสีเขียวอ่อนที่อยู่นอกหมวกเกราะปะทะแรงลมพลิ้วไสวจำได้ว่าเป็นกวนอูขุนศึกผู้พิฆาตงันเหลียง บุนทิว สองทหารเอกของอ้วนเสี้ยวก็ตกใจแตกหนีอลหม่าน

            กวนอูชักม้าเข้าปะทะกับงักจิ้น แฮหัวเอี๋ยนเห็นดังนั้นจึงขับม้าเข้าช่วยงักจิ้นรบด้วยกวนอู สามทหารเสือสู้รบกันอย่างชุลมุน เตียวหุยเห็นพี่รองถูกสองทหารเอกของอ้วนเสี้ยวรุมกระหนาบจึงชักม้าปรี่เข้ามาร่วมวงรบด้วย

            สองทหารเอกของโจโฉทานกำลังฝีมือของกวนอู เตียวหุยไม่ได้จึงพากันหนีตามทหารที่แตกตื่นกลับไปตามเส้นทางเดิม

            พอทหารโจโฉแตกกลับไปแล้ว กวนอูและเตียวหุยจึงพาทหารกลับมาที่เล่าปี่ เล่าความทั้งปวงให้เล่าปี่ฟัง เล่าปี่เห็นน้องร่วมสาบานตลอดจนบรรดาที่ปรึกษาและแม่ทัพนายกองพร้อมทั้งครอบครัวมาพร้อมหน้ากันแล้ว จึงให้ซุนเขียนคุมขบวนของครอบครัวล่วงไปข้างหน้ามุ่งสู่ทางใต้ จากนั้นจึงนำทหารทั้งปวงติดตามไป

            ทหารของโจโฉที่แตกกลับไปได้เข้าไปรายงานให้โจโฉทราบความศึกทุกประการ โจโฉได้ฟังก็เสียใจที่เล่าปี่หนีรอดจากเงื้อมตาข่ายเหล็กกล้าของแผนยุทธการบัวบานไปราวกับปาฏิหาริย์ แต่ไม่ละความพยายาม จัดแจงทหารยกตามเล่าปี่ไป แต่พอไปถึงซอกเขาที่เล่าปี่เคยปลงทัพอยู่ไม่เห็นกองทัพเล่าปี่อยู่ในที่นั้นแล้วและเห็นว่าจะตามไปก็ไม่ทันจึงพากันยกทัพกลับ

            เล่าปี่นำขบวนทัพรุดลงทางใต้จนถึงริมแม่น้ำแห่งหนึ่งแต่ไม่ทราบว่าเป็นแห่งหนตำบลใด สอบถามจากชาวบ้านจึงได้ความว่านี่คือแม่น้ำฮั่นกั๋ง ตรงข้างหน้าเป็นเมืองเกงจิ๋ว ซึ่งเล่าเปียวเป็นเจ้าเมือง

            เล่าปี่เห็นว่ามาถึงชายแดนเมืองเกงจิ๋วแล้วก็ค่อยรู้สึกว่าปลอดภัยจากการติดตามของกองทัพโจโฉ จึงสั่งให้ปลงทัพไว้ที่ริมฝั่งแม่น้ำนั้น บรรดาชาวบ้านพอได้ทราบข่าวว่าเล่าปี่ผู้มีน้ำใจโอบอ้อมอารีต่ออาณาประชาราษฎร ทั้งเป็นเชื้อพระวงศ์ของพระเจ้าเหี้ยนเต้แตกทัพมาตั้งมั่นอยู่ที่ริมแม่น้ำฮั่นกั๋งก็พากันสงสาร ช่วยกันระดมเสบียงอาหารจากชาวบ้านในย่านนั้นมามอบให้แก่กองทัพของเล่าปี่เลี้ยงดูทหารทั้งปวง

            ค่ำลงเล่าปี่พากวนอู เตียวหุย จูล่ง และบรรดาที่ปรึกษาออกมาเดินดูภูมิประเทศริมฝั่งของแม่น้ำฮั่นกั๋งท่ามกลางความมืดมิดของราตรียามแรม สายลมเย็นจากแม่น้ำฮั่นกั๋งพลิ้วพัดมาแต่แผ่วเบาพอเป็นที่สบาย เล่าปี่เดินมาพักหนึ่งก็หยุดอยู่กับที่ แหงนหน้ามองฟ้าอันมืดมิดแล้วปรารภว่าสวรรค์ไม่ปรานีเราจึงอับโชค ทางข้างหน้ามืดมิดดุจดั่งท้องฟ้าในยามแรมของวันนี้

            แล้วว่าท่านทั้งปวงล้วนมีสติปัญญาและฝีมือเป็นอันมาก มาเสียเวลาติดตามข้าพเจ้าซึ่งเป็นคนไร้วาสนาเช่นนี้ จะมีประโยชน์สิ่งใดแก่ชีวิต จะมีสิ่งใดอุทิศแก่แผ่นดินได้เล่า เพียงเท่านี้ข้าพเจ้าก็เป็นหนี้พระคุณท่านแม้สักกี่ชาติก็ไม่อาจทดแทนได้หมดสิ้น ข้าพเจ้าเห็นว่าอย่าให้ความมืดมิดแห่งวาสนาของข้าพเจ้านี้ตัดรอนอนาคตอันสดใสของท่านทั้งปวง จงปลีกตัวไปจากข้าพเจ้าเสีย อย่าได้ยากลำบากกับข้าพเจ้าอีกต่อไปเลย หากวันหน้าพบเจ้านายคนใดมีสติปัญญา มีใจสุจริตภักดีต่อแผ่นดินแลรักอาณาประชาราษฎรแล้ว จงฝากชีวิตร่วมทำการด้วยเจ้านายผู้นั้นเถิด จะได้มีความสุขสืบไป

            เล่าปี่กล่าวความสิ้นแล้วก็ทอดตาไปตามลำน้ำฮั่นกั๋งด้วยอาการอันสุดแสนรันทดใจ บรรดานายทหารและที่ปรึกษาที่ติดตามมาเห็นดั่งนั้นก็พากันร้องไห้ รักและสงสารเล่าปี่เป็นอันมาก

            กวนอูเห็นผู้เป็นพี่ใหญ่เศร้าสลดหดหู่นักก็ปลอบใจว่าพี่ใหญ่เสียทีมาเพียงเท่านี้จะท้อแท้ไปไยกัน แต่ครั้งพระเจ้าฮั่นโกโจก่อนที่จะตั้งตัวขึ้นเป็นปฐมกษัตริย์แห่งราชวงศ์ฮั่นนั้นได้ทำสงครามกับฌ้อปาอ๋องและพ่ายแพ้ย่อยยับถึงเจ็ดครั้ง แต่วีรกษัตริย์พระองค์นั้นมิได้ย่อท้อ กลับเพิ่มความมานะพยายามตั้งหน้าทำสงครามจนถึงที่สุด ได้แสวงหาคนดีมีฝีมือเข้ามาร่วมการเป็นอันมาก จนกระทั่งถึงการยุทธ ณ เขากิวลิสัน พระเจ้าฮั่นโกโจได้รับชัยชนะฌ้อปาอ๋องเพียงครั้งเดียวก็สามารถตั้งตนขึ้นเป็นใหญ่สถาปนาราชวงศ์ฮั่น ครองแผ่นดินมาถึงสี่ร้อยปีจนทุกวันนี้ พี่ใหญ่เสียทีแก่โจโฉครั้งนี้ยังเทียบไม่ได้กับความปราชัยของพระเจ้าฮั่นโกโจ จึงไม่ควรด่วนท้อแท้สิ้นความคิด พวกข้าพเจ้าทั้งนี้พร้อมร่วมพลีชีวิตเพื่ออุทิศให้แก่แผ่นดิน เต็มใจติดตามท่านไปทุกหนแห่ง อย่าได้ปรารมภ์เลย ขอจงมาตั้งหน้าคิดอ่านการใหญ่สืบไปจะดีกว่า

            ซุนเขียนได้ฟังกวนอูดั่งนั้นจึงเสริมขึ้นว่า คำอันกวนอูได้กล่าวนี้ชอบด้วยวิสัยชายชาติอาชาไนยแท้ เป็นธรรมดาของการสงครามแต่อดีตมา หามีผู้ใดที่ได้ชัยชนะแต่ถ่ายเดียวโดยไม่เคยพ่ายแพ้ และหามีผู้ใดที่พ่ายแพ้แต่ถ่ายเดียวโดยไม่ได้รับชัยชนะ เพราะแพ้ชนะนั้นเป็นวิสัยธรรมดาของสงครามที่ต้องเกิดขึ้นแก่คู่สงคราม ขอเพียงแต่ไม่ท้อแท้สิ้นหวังก็จะสามารถตั้งหลักฟักตัวกอบกู้ชัยชนะได้สักวันหนึ่ง ดังตัวอย่างของพระเจ้าฮั่นโกโจนั่นแล้ว ตัวท่านเป็นเชื้อพระวงศ์ ชอบที่จะสืบสานอัชฌาสัยแห่งพระเจ้าฮั่นโกโจ ตั้งหน้าคิดอ่านการสงครามสืบไปจนกว่าจะสำเร็จ

            แล้วว่าบัดนี้กองทัพเรามาถึงเขตแดนเมืองเกงจิ๋วแล้ว ตัวเล่าเปียวซึ่งเป็นเจ้าเมืองก็เป็นเชื้อพระวงศ์ฮั่นและแซ่เดียวกับท่าน เมืองเกงจิ๋วนี้เป็นหัวเมืองใหญ่ มีเมืองขึ้นถึงเก้าหัวเมือง เป็นชัยภูมิอันเหมาะ จึงเสนอให้ท่านขออาศัยเล่าเปียวอยู่ในเมืองนี้เพื่อคิดอ่านสืบไป

            เล่าปี่ได้ฟังกวนอูและซุนเขียนก็ได้สติยั้งคิดแล้วว่าความคิดของท่านทั้งนี้ก็ชอบอยู่ แต่ข้าพเจ้าเกรงว่าเล่าเปียวจะเกรงภัยไม่ยอมให้เราได้อาศัยในเมืองเกงจิ๋วนี้

            ซุนเขียนจึงว่าปัญหานี้ไว้เป็นธุระของข้าพเจ้า แล้วเสนอว่าข้าพเจ้าขออาสาเข้าไปหาว่ากล่าวกับเล่าเปียว มั่นใจว่าเล่าเปียวคงรักษาไมตรีไว้ไม่ตัดรอน อนึ่งนั้นเล่าเปียวก็ตั้งตัวเป็นปฏิปักษ์อยู่กับโจโฉ การที่ได้ท่านมาอยู่ด้วยมีแต่จะเป็นประโยชน์กับฝ่ายเกงจิ๋วสถานเดียวเท่านั้น

            เล่าปี่ฟังเหตุผลของซุนเขียนแล้วจึงอนุญาต จากนั้นเล่าปี่จึงพาคณะที่ติดตามไปนั้นกลับเข้าที่พัก พอรุ่งขึ้นเช้าซุนเขียนจึงเดินทางเข้าไปในเมือง

            เล่าปี่เดินเข้าไปอยู่ภายใต้ร่มเงาแห่งมังกรโดยไม่รู้ตัวจึงรำพึงรำพันว่าสวรรค์ไร้ความยุติธรรม ทั้ง ๆ ที่สวรรค์นั้นทรงความยุติธรรมยิ่งนักจึงชักนำเล่าปี่มาที่แดนเกงจิ๋ว ซึ่งมีอาณาเขตครอบคลุมถึงเทือกเขาโงลังกั๋ง หรือเทือกเขามังกรหลับ อันเป็นที่สิงสถิตของพญามังกรผู้แจ้งฟ้าจบดิน “ฮกหลง-จูกัดเหลียง ขงเบ้ง”.

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ตัวอย่างกระทู้ธรรม ธรรมศึกษาชั้นตรี 5

ปัญหาและเฉลยวิชาธรรม นักธรรมชั้นโท สอบในสนามหลวง วันเสาร์ ที่ ๑๙ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๔๘

I miss you all กับ I miss all of you ต่างกันอย่างไร