ตอนที่ 157. ฝ่าข่ายยุทธการบัวบาน

โจโฉฟังรายละเอียดของแผนยุทธการบัวบานแล้วมั่นใจว่าแผนยุทธการนี้จะเป็นตาข่ายเหล็กกล้าที่สามารถคลุมครอบกองทัพเล่าปี่ไว้ได้อย่างแน่นหนา สามารถจับตัวเล่าปี่ได้ในคราวนี้   แม้ถึงว่าจะมีปีกบินก็ไม่สามารถหลุดรอดไปได้อย่างเด็ดขาด จึงตัดสินใจดำเนินการตามแผนนี้

            สามก๊กทุกฉบับไม่ปรากฎรายละเอียดของคำสั่งทางยุทธการว่าโจโฉบัญชาการกองทัพตามแผนการนี้อย่างไร  คงพรรณนาความเฉพาะเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจากการปฏิบัติตามแผนการเท่านั้น ทั้ง ๆ ที่เรื่องนี้เป็นสาระสำคัญของสงครามครั้งนี้ นี่อาจเป็นสาเหตุหนึ่งที่หม่อมราชวงศ์คึกฤทธิ์ ปราโมช ใช้เป็นเหตุกล่าวหาว่าคนเขียนหนังสือสามก๊กเป็นพวกของเล่าปี่

            จากการประมวลผลการสู้รบของทั้งสองฝ่ายตลอดระยะสงครามครั้งนี้  สามารถประเมินสถานการณ์ย้อนกลับไปสู่เหตุการณ์ในการบัญชาการสงครามของโจโฉและอาจสรุปคำสั่งทางยุทธการที่โจโฉบัญชาการตามแผนยุทธการบัวบานได้ดังต่อไปนี้

            ๑. ให้จัดกองกำลังเป็นสามสาย  สายที่ ๑ ให้แฮหัวเอี๋ยนนำกำลังยกไปตีกองเสบียง ซึ่งกงเต๋ากำลังลำเลียงมาส่งแก่กองทัพของเล่าปี่  สายที่ ๒  ให้แฮหัวตุ้นนำกำลังยกไปตีเมืองยีหลำซึ่งเล่าปี่ได้มอบหมายให้เล่าเพ็กเป็นผู้รักษาเมือง   ทั้งสองสายนี้ให้รีบยกไปตั้งแต่คืนนี้  เสร็จภารกิจแล้วให้ยกกำลังกลับมาตามเส้นทางเชื่อมเขาชองสันกับเมืองยีหลำเตรียมตีซ้ำเติมกองทัพเล่าปี่  ส่วนสายที่ ๓ ให้เคาทูเตรียมกำลังไว้ให้พร้อม เมื่อใดที่กองทัพเล่าปี่ยกกำลังไปช่วยกงเต๋าและเมืองยีหลำจึงค่อยยกไปท้ารบเล่าปี่ที่ค่ายกลาง และเมื่อเล่าปี่ถอยทัพให้ไล่ตามตี

            ๒. ให้จัดกำลังกองซุ่มสี่กอง  กองแรกให้ลิเตียนเป็นผู้บังคับบัญชา กองที่สองให้อิกิ๋มเป็นผู้บังคับบัญชา  ให้ทั้งสองกองนี้ยกกำลังไปตั้งซุ่มในเส้นทางเชื่อมเขาชองสันกับเมืองยีหลำวางกำลังสองข้างทางข้างละกอง โดยให้วางจุดซุ่มห่างด้านหลังค่ายเล่าปี่ ๕๐ เส้น กองที่สามให้เตียวคับเป็นผู้บังคับบัญชา กองที่สี่ให้โกลำเป็นผู้บังคับบัญชา  ให้กองที่สามและที่สี่ยกไปพร้อมกับสองกองแรก  วางจุดซุ่มห่างจากสองกองแรกออกไปอีก ๕๐ เส้น

            ๓. ให้จัดกำลังกองล่อหนึ่งกอง กระจายกำลังไปปล่อยข่าวให้รู้ไปถึงทหารเล่าปี่ว่าโจโฉแต่งกองทัพไปตีกองเสบียงที่กงเต๋ากำลังลำเลียงมาและอีกสายหนึ่งยกไปตีเมืองยีหลำ

            ๔. ให้กองลาดตระเวนติดตามความเคลื่อนไหวของกองทัพเล่าปี่และเพิ่มกำลังลาดตระเวนทางด้านข้างกองทัพเล่าปี่  เผื่อว่าเล่าปี่คิดหนีจะได้หนีไปทางด้านหลังค่ายซึ่งวางจุดซุ่มไว้

            โจโฉออกคำสั่งทางยุทธการแล้วกำชับให้ทุกหน่วยดำเนินการตามแผนการอย่างเคร่งครัด  โดยตัวโจโฉเป็นผู้บัญชาการใหญ่กำกับแผนยุทธการด้วยตนเอง และให้งักจิ้นคุมกองกำลังหนุนอยู่ในค่าย คอยสนับสนุนหน่วยอื่น ๆ ตามความจำเป็น

            หลังจากนั้นกองทหารของโจโฉทุกหน่วยได้ดำเนินการตามคำสั่ง

            ทางด้านเล่าปี่หลังจากได้รับชัยชนะในการศึกยกแรกแล้วได้ให้จูล่งยกทหารออกไปท้ารบที่หน้าค่ายของโจโฉติดต่อกันถึงสามวัน แต่ฝ่ายโจโฉตั้งมั่นสงบอยู่แต่ในค่าย

            เล่าปี่เห็นโจโฉไม่ยกออกมารบถึงสามวันก็กริ่งใจว่าโจโฉกำลังดำเนินกลอุบายอย่างใดอย่างหนึ่ง  แต่ยังคงให้เตียวหุยยกทหารออกไปท้ารบอีกหลายหนหลายวัน  โจโฉก็ไม่ยกออกมารบด้วย เล่าปี่ก็ยิ่งร้อนใจไม่รู้ที่จะทำประการใด

            พอดีทหารลาดตระเวนได้เข้ามารายงานว่ากงเต๋าคุมเสบียงจะมาส่งกองทัพ ขณะนี้ถูกกองทหารของโจโฉยกไปสกัดไว้   เล่าปี่ฟังรายงานก็ตกใจได้คิดว่าที่โจโฉไม่ยกออกมารบเพราะคิดกลอุบายจะเข้าตีกองเสบียงนี่เอง จึงสั่งให้เตียวหุยรีบพาทหารไปช่วยกงเต๋า

            พอเตียวหุยยกทหารไปไม่ทันไรทหารลาดตระเวนอีกหน่วยหนึ่งได้เข้ามารายงานอีกว่าบัดนี้แฮหัวตุ้นได้ยกทหารไปตีเมืองยีหลำ  เล่าปี่ได้ฟังก็ยิ่งตกใจเพราะเมืองยีหลำเป็นฐานกำลังสำคัญแต่เพียงแห่งเดียวของตัว  ทั้งเป็นห่วงครอบครัวที่อยู่ในเมืองนั้นว่าจะได้รับอันตรายจากทหารของโจโฉ  จึงสั่งกวนอูให้รีบยกทหารไปช่วยเล่าเพ็กป้องกันเมืองยีหลำ  กวนอูรับคำสั่งแล้วรีบยกทหารไปแต่เพลานั้น

            หลังจากนั้นอีกสองวันทหารลาดตระเวนได้เข้ามารายงานอีกว่าแฮหัวตุ้นยึดเมืองยีหลำได้แล้ว  กองทหารของกวนอูกำลังสู้รบอยู่กับทหารของแฮหัวตุ้น  ส่วนทางด้านเตียวหุยซึ่งยกไปช่วยกงเต๋าก็กำลังสู้รบอยู่กับทหารของโจโฉเช่นเดียวกัน

            เล่าปี่ได้ฟังรายงานก็ร้อนใจคิดไม่ตกว่าจะตั้งยันกับโจโฉต่อไป หรือว่าจะยกไปช่วยทางใดดี ขณะนั้นเสียงสัญญาณเตรียมรบดังขึ้นจากหอคอยในค่ายหลวง  ทหารเข้ามารายงานว่าเคาทูได้ยกทหารมาท้ารบที่หน้าค่ายหลวง เล่าปี่เกรงว่าจะเป็นกลอุบายของโจโฉจึงสั่งให้ทหารตั้งมั่นอยู่ในค่าย

            สถานการณ์ในขณะนี้กองทัพของเล่าปี่กำลังตกอยู่ภายใต้ตาข่ายเหล็กกล้าของแผนยุทธการบัวบานของโจโฉเกือบจะเต็มรูปแบบ   และกำลังตกเป็นฝ่ายถูกกระทำในสงครามครั้งนี้เกือบจะสมบูรณ์แล้ว  ประจักษ์ชัดว่าในกองทัพเล่าปี่และความคิดอ่านการสงครามของเล่าปี่นั้นเทียบไม่ได้กับฝ่ายโจโฉ  เพราะถ้าหากกองทัพเล่าปี่มีผู้ชาญพิชัยสงครามร่วมอยู่แล้วย่อมพลิกสถานการณ์สงครามกลับเป็นฝ่ายชนะได้โดยง่าย  และดีร้ายอาจจับตัวโจโฉได้ในศึกครั้งนี้ เพราะผู้ชาญเชิงพิชัยสงครามย่อมประเมินสถานการณ์ได้ว่าเมื่อกองทัพโจโฉเแบ่งแยกออกไปทำการถึงสองทางพร้อมกันก็ย่อมเหลือทหารอยู่ไม่มากนัก หากรวมศูนย์กำลังทั้งหมดของกองทัพโหมเข้าตีค่ายหลวงของโจโฉแล้ว ด้วยฝีมือการรบที่ยิ่งกว่าทหารเสือของกวนอู เตียวหุย จูล่ง ย่อมทำลายล้างค่ายหลวงของโจโฉได้ราบคาบและจับตัวโจโฉได้โดยสะดวก ประเสริฐยิ่งกว่าการห่วงใยป้องกันรักษาเสบียงที่กงเต๋าลำเลียงมามากนัก และถ้าจับโจโฉได้แล้วกองทัพของแฮหัวตุ้นก็ไร้ค่ามีแต่ต้องถอนทัพหนีจากเมืองยีหลำเท่านั้น    โอกาสอันยิ่งใหญ่ของเล่าปี่ที่จะกำจัดโจโฉจึงสูญเสียไปเพราะเหตุที่ไร้ผู้มีปัญญาคิดอ่านการสงครามด้วยประการฉะนี้

            พอค่ำลงเล่าปี่จึงตัดสินใจถอนทัพจะยกไปยึดเมืองยีหลำกลับคืนแต่เกรงว่ากองทัพโจโฉจะไล่ตามตีเพราะหน่วยลาดตระเวนได้รายงานว่าทหารโจโฉลาดตระเวนทางข้างค่ายทั้งสองด้านแน่นหนา เล่าปี่จึงคอยทีอยู่

            ครั้นถึงยามสองความหนาวเย็นได้แผ่ปกคลุมทั่วทั้งพื้นที่เขาชองสัน  ท้องฟ้ามืดมิด ทหารลาดตระเวนของโจโฉเบาบางลง ทางด้านหลังค่ายยิ่งไร้เงาใด ๆ ของทหารลาดตระเวนฝ่ายโจโฉ เล่าปี่จึงสั่งให้ทหารราบเดินเท้าเคลื่อนกำลังถอยออกไปทางด้านหลังค่ายก่อน  แล้วเล่าปี่และจูล่งคุมทหารม้ายกตามไป

            เล่าปี่และจูล่งนำทหารม้าพ้นจากเขตค่ายแล้วพากำลังทหารม้ารุดไปข้างหน้ากองทหารราบ

            พอเคลื่อนทัพถอยพ้นเขตค่ายได้ห้าสิบเส้นเห็นแสงคบเพลิงจำนวนมากสว่างพรึบขึ้นเบื้องหน้าทั้งสองข้างทาง   พร้อมกับเสียงร้องตะโกนก้องทำลายความเงียบของราตรีว่าท่านอัครมหาเสนาบดีให้พวกเรามาคอยท่าอยู่หลายวันแล้ว ให้ช่วยกันจับตัวเล่าปี่ให้ได้ ในขณะเดียวกันทางด้านหลังก็มีเสียงทหารโห่ร้องไล่ตามมาโดยมีเคาทูขี่ม้านำหน้ามีทหารติดตามมาเป็นจำนวนมาก

            เล่าปี่เห็นดังนั้นก็ตกใจดึงบังเหียนม้าให้หยุดอยู่กับที่  จูล่งรีบชักม้าขึ้นมาเทียบม้าเล่าปี่แล้วว่าท่านอย่าได้วิตกข้าพเจ้าจะนำตีฝ่าพาท่านออกไปจงได้  ว่าแล้วกระทืบโกลนม้าโผนออกไปข้างหน้า ร่ายทวนฝ่าเข้าไปในท่ามกลางทหารของโจโฉ  เล่าปี่จึงขับม้านำทหารตามจูล่งไป

            ฝ่ายอิกิ๋มและลิเตียนผู้บังคับบัญชากองซุ่มที่ ๑ และที่ ๒ เห็นจูล่งตีฝ่าเข้ามาจึงชักม้าออกมาสกัดไว้  จูล่งและทหารของเล่าปี่ได้ต่อสู้ตะลุมบอนกับทหารโจโฉอย่างดุเดือด เล่าปี่ฉวยโอกาสนั้นตีทะลวงออกไปพ้นแนวสกัดได้  เห็นทางข้างหน้าเป็นซอกเขามืดมิดไม่รู้ดีร้ายประการใด  แต่เห็นว่าปลอดภัยกว่าที่จะหยุดรั้งรออยู่ที่เดิม เล่าปี่จึงขับม้าลัดเลาะไปตามแนวทาง

            เล่าปี่ขี่ม้าลัดเลาะซอกเขาไปอย่างวังเวง  ข้างหน้าก็มืดมน  ข้างหลังก็มืดมิด  สายลมหนาวยามใกล้รุ่งโชยต้องยอดไม้ตามแนวเขาดังหวิว หวิว วู่ แต่เล่าปี่ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากดั้นด้นรุดไปข้างหน้าสุดแท้แต่ชะตาฟ้าดินจะกำหนด

            พอแสงสีทองหน้ารถม้าพระสุริยันทอทาบยอดเขาเป็นสัญญาณแห่งอรุณ ความวิเวกวังเวงแห่งราตรีได้หลีกลี้ไปสิ้น   เล่าปี่แม้อิดโรยก็แช่มชื่นขึ้นมาประจักษ์ว่าเสียงม้าที่ได้ยินตลอดราตรีคือเสียงสะท้อนของฝีเท้าม้าที่ขี่มา เพราะแลเหลียวรอบตัวไม่เห็นทหารติดตามแม้แต่คนเดียว  จูล่งเล่าก็ไม่รู้พลัดกันแต่เวลาใด

            ทันใดนั้นได้ยินเสียงฝีเท้าม้าก้องซอกเขาเบื้องหน้าเข้าใจว่าป็นกองทหารโจโฉยกมาตั้งสกัดอยู่   เล่าปี่ก็ตกใจหนักคิดว่าครั้งนี้ชีวิตเราคงตกอยู่ในกำมือโจโฉเป็นแม่นมั่น

            พอเสียงนั้นใกล้เข้ามาเห็นชายธงพื้นเหลืองขอบแสดโผล่พ้นแนวโค้งของซอกเขาก็คลายใจเพราะนั่นคือสีธงของฝ่ายตัว  เห็นเล่าเพ็ก ซุนเขียน บิต๊ก บิฮอง  กันหยง คุมรถครอบครัวมาพร้อมกับทหารร่วมสามพัน

            เล่าปี่เร่งฝีเท้าม้าเข้าไปหา  เล่าเพ็กขับม้าสวนออกมาแล้วรายงานว่าแฮหัวตุ้นยกทหารจำนวนมากเข้าตีเมืองยีหลำ พวกข้าพเจ้าเห็นว่าจะรักษาเมืองไว้ไม่ได้เกรงว่าครอบครัวของท่านจะเป็นอันตราย จึงพากันหนีออกจากเมือง   แฮหัวตุ้นได้ยกทหารไล่ตามตี  โชคดีที่กวนอูยกทหารไปช่วยไว้ได้ทัน  พวกข้าพเจ้าจึงหนีรอดมาได้ ส่วนกวนอูยังคงรบสกัดแฮหัวตุ้นไว้และเร่งให้ข้าพเจ้ายกล่วงหน้ามาหาท่านก่อนแล้วจะรีบติดตามมา

            เล่าปี่จะไปเมืองยีหลำตามความคิดเดิมไม่ได้  จึงพาครอบครัวแลทหารทั้งปวงยกไปทางทิศใต้  พอยกไปได้ห้าสิบเส้นได้ยินเสียงทหารจำนวนมากโห่ร้องพร้อมกันว่าเร่งจับเล่าปี่ให้ได้ ปรากฎเป็นเตียวคับผู้บังคับบัญชากองซุ่มที่ ๓ คุมทหารตั้งสกัดอยู่   ทันใดนั้นเสียงโห่ร้องของทหารจำนวนมากดังขึ้นทางด้านหลัง เล่าปี่เหลียวไปดูเห็นโกลำผู้บังคับบัญชากองซุ่มที่ ๔ ยกทหารไล่ตามมา

            เล่าปี่เห็นจวนตัวถูกกองทหารของโจโฉเป็นอันมากสกัดหน้าประกบหลังสิ้นทางหนีห่วงครอบครัวจะเป็นอันตรายก็ท้อแท้เสียน้ำใจแหงนหน้ามองท้องฟ้าแล้วว่าสวรรค์ให้เราเกิดมาแล้วไฉนจึงไม่ทำนุบำรุงอุ้มชูเหมือนผู้อื่น แกล้งลงทัณฑ์ให้ได้ความลำบากตลอดมาจนบัดนี้  เมื่อสวรรค์ท่านไม่ปรานีฉะนี้แล้วมีชีวิตต่อไปก็ไร้ค่า  ไม่สามารถรับใช้แผ่นดินได้สมแก่ความคิด   ว่าแล้วเล่าปี่ก็ชักกระบี่ออกจะเชือดคอตายตามแบบของฌ้อปาอ๋องที่ไม่ยอมตายด้วยน้ำมือของข้าศึก

            บรรดาที่ปรึกษาและทหารทั้งปวงเห็นดังนั้นก็ตกใจพากันวิ่งเข้าไปที่เล่าปี่แล้วชิงกระบี่ออกจากมือ ซุนเขียนและบิต๊กได้เข้ากอดเล่าปี่ไว้แล้วร้องไห้ เล่าปี่เองก็ท้อแท้จนคอตก

            เล่าเพ็กจึงว่าแก่เล่าปี่ว่า ท่านจะปรารมภ์ไปไยกับข้าศึก ข้าพเจ้าขออาสาตีฝ่านำท่านออกไปให้พ้นจากวงล้อมจงได้ ไม่ทันสิ้นคำโกลำขี่ม้าเข้ามาใกล้ เล่าเพ็กจึงชักม้ากรายทวนเข้าไปรบด้วยโกลำ แต่ไม่ทันไรโกลำก็เอาทวนแทงเล่าเพ็กตกม้าตาย

            เล่าปี่เห็นเช่นนั้นเลือดขัตติยะมานะก็ฉีดพล่าน เพราะเห็นเล่าเพ็กแสดงความกล้าหาญชาญชัยและความภักดีพลีชีวิตเพื่อตัว จึงคิดจะสู้ตาย แต่ยังไม่ทันที่จะทำประการใดพลันได้ยินเสียงโห่ร้องของทหารดังสนั่นมาจากทางด้านหลังของโกลำ เห็นธงประจำกองทหารก็รู้ว่าเป็นขุนศึกแห่งเสียงสาน เตียวจูล่งนำทหารรุดหน้าตรงมาที่โกลำอย่างรวดเร็ว

            เพียงชั่วพริบตาทหารของโกลำตามทางผ่านของม้าจูล่งล้มตายลงเป็นทาง  จูล่งขี่ม้าปรี่เข้าถึงตัวโกลำแล้วเอาทวนแทงโกลำตกม้าตาย ทหารของโกลำเห็นตัวนายถึงฆาตก็ตกใจแตกตื่นพากันวิ่งหนี

            ตาข่ายเหล็กกล้าของยุทธการบัวบานที่โจโฉมั่นใจว่าถึงเล่าปี่จะมีปีกบินก็จะไม่มีวันหนีรอดไปได้นั้น กำลังถูกฝีมือของเสือศึกอย่างเตียวจูล่ง และกวนอูเลิกตาข่ายเหล็กกล้านั้น เพื่อจะพาเล่าปี่หนีรอดออกจากตาข่ายมัจจุราชนี้.

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ตัวอย่างกระทู้ธรรม ธรรมศึกษาชั้นตรี 5

ปัญหาและเฉลยวิชาธรรม นักธรรมชั้นโท สอบในสนามหลวง วันเสาร์ ที่ ๑๙ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๔๘

I miss you all กับ I miss all of you ต่างกันอย่างไร