ตอนที่ 152. อุบาย "แยกไผ่ออกจากกอ"
หลังจากโจโฉเผาคลังเสบียงใหญ่ของอ้วนเสี้ยวที่ตำบลอัวเจ๋าราบพนาสูญไปแล้ว การ “ผลาญนาย ขายเพื่อน” ที่เกิดขึ้นในกองทัพของอ้วนเสี้ยวได้ทำให้กองทัพของอ้วนเสี้ยวต้องเสียนายทหารสำคัญคือเตียวคับและโกลำแก่โจโฉ และโจโฉได้ฉวยเอาโอกาสนี้สร้างข่าวลือขึ้นว่าอ้วนเสี้ยวหมดบุญแล้ว แม่ทัพนายกองต่างตีตัวออกห่าง จึงทำให้ขวัญทหารของกองทัพอ้วนเสี้ยวเสื่อมทรุดลง
เขาฮิวที่ปรึกษาใหม่กุมสภาพการอยู่อย่างใกล้ชิด จึงเสนอแก่โจโฉว่าในขณะที่กองทัพอ้วนเสี้ยวกำลังระส่ำระสายอยู่นี้เป็นโอกาสอันเหมาะสมที่จะยกกองทัพเข้าโจมตีกองทัพของอ้วนเสี้ยว
โจโฉเห็นเป็นโอกาสที่จะลองใจเตียวคับและโกลำสองนายทหารของอ้วนเสี้ยวที่แปรพักตร์ และเห็นเป็นโอกาสที่จะริดรอนกองทัพอ้วนเสี้ยวให้อ่อนแอลง จึงสั่งให้เตียวคับและโกลำคุมทหารยกเข้าปล้นค่ายอ้วนเสี้ยวในเวลาสองยาม
ครั้นถึงเวลาเตียวคับและโกลำได้ยกทหารออกไปตีค่ายอ้วนเสี้ยวตามคำสั่ง ทหารของอ้วนเสี้ยวกำลังเสียขวัญไม่กล้ายกออกมารบได้แต่ป้องกันอยู่ภายในค่าย ทั้งสองฝ่ายได้ต่อสู้กันในลักษณะเข้าตีและตั้งรับตลอดทั้งคืน ทหารอ้วนเสี้ยวบาดเจ็บล้มตายลงเป็นอันมาก ครั้นสว่างขึ้นเตียวคับและโกลำจึงยกทหารกลับมายังค่ายแล้วรายงานความศึกให้โจโฉทราบทุกประการ
ในขณะนั้นซุนฮกที่ปรึกษาซึ่งโจโฉได้แต่งตั้งให้รักษาราชการในเมืองหลวงได้เดินทางมาเยี่ยมกองทัพ พอได้ทราบความจึงได้เสนอแก่โจโฉว่าสถานการณ์ขณะนี้กองทัพของอ้วนเสี้ยวถูกริดรอนลงทั้งด้านเสบียงอาหาร กำลังพล และขวัญกำลังใจ แต่กระนั้นกองกำลังทหารของอ้วนเสี้ยวยังคงมีจำนวนมากกว่ากองทัพของฝ่ายเราอีกหลายเท่า
แล้วว่าหากจะยกกองทัพเข้าตีซึ่งหน้าก็จะเป็นการใช้กำลังน้อยเข้าตีกำลังมาก แม้หากได้ชัยชนะก็ย่อมสูญเสียมากตาม ดังนั้นข้าพเจ้าจึงขอเสนอแผนเผด็จศึกเพื่อตีทัพอ้วนเสี้ยวให้แตกพ่ายไปในครั้งนี้
โจโฉได้ฟังก็ดีใจ เร่งให้ซุนฮกเสนอรายละเอียดของแผนการ
ซุนฮกจึงเสนอว่าจำเป็นที่จะต้องให้กองทัพของอ้วนเสี้ยวแบ่งแยกกำลังออกเสียก่อนแล้วจึงค่อยตีกองทัพหลวง ก็จะได้ชัยชนะโดยง่าย ข้าพเจ้าขอเสนอ “อุบายแยกไผ่ออกจากกอ” แล้วทำลายเสียทีละต้น
โจโฉจึงถามว่า “อุบายแยกไผ่ออกจากกอ” ของท่านเป็นประการใด
ซุนฮกจึงว่าขอให้ท่านแต่งทหารออกไปปล่อยข่าวลวงให้ล่วงรู้ไปถึงทหารของอ้วนเสี้ยวว่าท่านได้จัดทหารออกเป็นสองกอง กองหนึ่งให้ยกไปตีเมืองเงียบกุ๋น ซึ่งเป็นคลังเสบียงใหญ่อีกแห่งหนึ่งของกองทัพอ้วนเสี้ยว ส่วนอีกกองหนึ่งให้ยกไปตั้งอยู่ที่ตำบลลิหยงซึ่งเป็นต้นทางของเส้นทางที่กองทัพอ้วนเสี้ยวจะต้องถอยกลับเมืองกิจิ๋ว เป็นทีให้รู้ว่าเมื่อกองทัพอ้วนเสี้ยวแตกแล้วก็จะถูกตีสกัด
แล้วว่าเมื่อข่าวนี้ล่วงรู้ไปถึงอ้วนเสี้ยวก็จะเกิดความประหวั่นพรั่นพรึงขึ้นว่าจะสูญเสียคลังเสบียงและถูกปิดทางถอย อ้วนเสี้ยวย่อมแบ่งกองทหารออกไปรักษาเมืองเงียบกุ๋น และอีกกองหนึ่งจะต้องยกไปตีกองทหารที่ไปตั้งสกัดอยู่ที่ตำบลลิหยง เมื่อเป็นเช่นนี้กองทัพหลวงของอ้วนเสี้ยวก็จะเหลือกำลังทหารน้อยลง ในโอกาสนั้นเราจะระดมกองทัพทั้งปวงเข้าตีกองทัพหลวงของอ้วนเสี้ยวให้แตกพ่ายไป เผด็จศึกในครั้งนี้ได้โดยสะดวก
โจโฉได้ฟังแผนการตลอดแล้วลุกขึ้นยืนหัวเราะ ปรบมือดังสนั่นแล้วว่า ความคิดแผนการอุบายของท่านครั้งนี้ประดุจดังเทพยดาเข้าดลใจ กองทัพอ้วนเสี้ยวคงจะพินาศไปในไม่เกินสามวันนี้ ว่าแล้วก็เรียกปลัดทัพเข้ามาสั่งการตามแผนการของซุนฮกทุกประการ
ฝ่ายทหารของอ้วนเสี้ยวเห็นมีการเคลื่อนไหวอึกทึกทางค่ายของโจโฉก็เที่ยวไล่จับชาวบ้านมาไต่สวนว่าเกิดเหตุการณ์ประการใดขึ้น ทหารของโจโฉซึ่งปลอมตัวเป็นชาวบ้านต่างบอกความตรงกันทุกสายว่าโจโฉกำลังจัดเตรียมทหารเพื่อจะยกไปตีเมืองเงียบกุ๋นและจะยกไปที่ตำบลลิหยง
หน่วยลาดตระเวนทุกสายได้เข้าไปรายงานเหตุการณ์ดังกล่าวต่ออ้วนเสี้ยวตรงกัน อ้วนเสี้ยวทราบความแล้วก็เชื่อโดยสนิทใจและตกใจ เพราะหากเป็นเช่นนั้นกองทัพของอ้วนเสี้ยวก็จะตกอยู่ในอันตรายอย่างยิ่ง ไม่ทันได้ปรึกษากับผู้ใดก็สั่งให้อ้วนชงผู้บุตรคุมทหารห้าหมื่นให้รีบยกไปป้องกันเมืองเงียบกุ๋น รักษาคลังเสบียงใหญ่อย่าให้เป็นอันตรายและให้ซินเบ้งนายทหารคนสำคัญคุมทหารอีกห้าหมื่นยกไปที่ตำบลลิหยงเพื่อตีกองทัพของโจโฉที่จะยกมาตั้งสกัดนั้น
อ้วนชงและซินเบ้งรับคำสั่งแล้วรีบยกทหารออกจากที่ตั้งตามคำสั่งของอ้วนเสี้ยว
ทางฝ่ายโจโฉหลังจากปล่อยข่าวลวงแล้วให้ทหารลาดตระเวนคอยสดับตรับฟังข่าวคราวความเคลื่อนไหวทางค่ายของอ้วนเสี้ยว ครั้นเห็นกองทหารสองกองยกออกไปตามทิศทางที่จะไปเมืองเงียบกุ๋นและตำบลลิหยงจึงนำความเข้าไปรายงานให้โจโฉทราบ
โจโฉพอทราบรายงานข่าวก็ดีใจ เรียกประชุมแม่ทัพนายกองแล้วสั่งให้ระดมกำลังทั้งสิ้นเข้าทำการเผด็จศึกในครั้งนี้ โดยให้แบ่งทหารออกเป็นแปดกองยกเข้าตีค่ายอ้วนเสี้ยวพร้อมกันทั้งแปดทิศ แล้วสั่งทหารให้รีบหุงข้าวและกินข้าวให้เร็วขึ้นกำหนดให้เสร็จสิ้นก่อนตะวันพลบ
พอตะวันใกล้พลบโจโฉได้สั่งให้เคลื่อนกำลังทุกหน่วยเข้าตีกองทัพอ้วนเสี้ยวพร้อมกันทั้งแปดทิศ ซึ่งเป็นเวลาที่กองทัพของอ้วนเสี้ยวกำลังหุงข้าวและกินข้าวเย็นกันอยู่ เสียงทหารของกองทัพโจโฉก้องกระหึ่มพร้อมกันทั้งแปดทิศ ทหารอ้วนเสี้ยวรู้ว่าถูกกองทัพโจโฉยกมาโจมตีก็ตกใจแตกตื่น
กองทัพโจโฉได้บุกเข้าฆ่าฟันทหารของอ้วนเสี้ยวในค่ายเล็กค่ายน้อยบาดเจ็บล้มตายลงเป็นอันมาก สามก๊กฉบับภาษาจีนระบุว่าเลือดทหารของอ้วนเสี้ยวไหลนองท่วมแผ่นดิน
สามก๊กฉบับเจ้าพระยาพระคลัง (หน) ระบุว่าการโจมตีค่ายหลวงของอ้วนเสี้ยวครั้งนี้ กองทัพของอ้วนเสี้ยวไม่ได้คาดคิดและไม่ทันระวังตัว แม้ตัวอ้วนเสี้ยวก็ยังไม่ทันสวมเกราะ เห็นค่ายต่าง ๆ แตกและทหารของโจโฉบุกเข้ามาทุกด้านก็ตกใจ พาอ้วนถำผู้บุตรอีกคนหนึ่งและทหารอีกแปดร้อยคนที่รักษาค่ายหลวงตีฝ่าหนีกองทหารโจโฉเอาแต่ตัวรอดได้เท่านั้น
ในขณะที่อ้วนเสี้ยวตีฝ่าหนีออกจากค่าย เตียวเลี้ยว เคาทู อิกิ๋ม และซิหลงสี่นายทหารของโจโฉเห็นเหตุการณ์จึงพาทหารไล่ตามตีไปจนถึงริมฝั่งแม่น้ำฮวงโห ได้ฆ่าฟันทหารอ้วนเสี้ยวที่ติดตามไปล้มตายลงกว่าครึ่ง ตัวอ้วนเสี้ยว อ้วนถำและทหารที่เหลือลงเรือข้ามแม่น้ำฮวงโหหนีรอดไปได้
ทหารของอ้วนเสี้ยวบาดเจ็บล้มตายและถูกจับเป็นเชลยเกือบครึ่ง กองทัพโจโฉได้ยึดเอาเสบียงและอาวุธยุทโธปกรณ์ที่ถูกทิ้งตกหล่นอยู่ได้เป็นจำนวนมาก
รุ่งขึ้นโจโฉได้สั่งให้เอาสินศึกจัดสรรแบ่งปันเป็นบำเหน็จแก่ทหารทุกกรมกอง
แผน “อุบายแยกไผ่ออกจากกอ” สลายกองทัพใหญ่ให้เหลือเล็กแล้วเข้าโจมตีทำลายในครั้งนี้ได้กลายเป็นต้นแบบของยุทธวิธีทางการทหารที่สำคัญในระยะหลัง กองทัพปลดแอกประชาชนจีนได้พัฒนายุทธวิธีนี้ไปใช้ ทั้งในสงครามแบบแผนคือสงครามที่รบกันซึ่งหน้าด้วยกำลังทหารหลักและในสงครามจรยุทธ์หรือสงครามกองโจร และอาศัยยุทธวิธีนี้ทำลายล้างข้าศึก บั่นทอนศักยะทางสงครามของข้าศึกที่เข้มแข็งเติบใหญ่ให้อ่อนแอและเล็กลงเป็นขั้นตอนอย่างต่อเนื่อง ครั้นพอดุลกำลังทางทหารเปลี่ยนแปลงเป็นเหนือกว่าแล้วจึงโหมกำลังเข้าโจมตีทำลายล้างแบบเบ็ดเสร็จเด็ดขาด
แม้ในสงครามเวียดนามกองทัพเวียดมินต์และเวียดกงก็ได้สืบทอดยุทธวิธีดังกล่าวมาใช้อย่างได้ผล ทำให้กองทัพอเมริกันและสมุนบริวารตกเป็นฝ่ายถูกกระทำ และพ่ายแพ้สงครามในที่สุด
ในขณะที่กำลังจัดสรรแบ่งปันสินศึกอยู่นั้น ได้พบเอกสารกองใหญ่ซึ่งเป็นแผนที่ทางการทหาร บัญชีกำลังพลและเอกสารการบัญชาการเป็นจำนวนมาก และยังมีจดหมายอีกหลายร้อยฉบับ นายทหารที่คุมสินศึกได้รายงานว่าสิ่งของเหล่านี้ยึดได้จากค่ายหลวงของอ้วนเสี้ยว
โจโฉจึงสั่งให้แยกสรรพเอกสารดังกล่าวออกจากสินศึกแล้วให้นำเข้าไปในค่าย พอปูนบำเหน็จทหารเสร็จ โจโฉพร้อมด้วยที่ปรึกษาและแม่ทัพนายกองได้เข้าไปตรวจดูเอกสารที่ยึดได้จากค่ายหลวงของอ้วนเสี้ยว
พอตรวจเอกสารมาถึงจดหมายหลายร้อยฉบับนั้นทุกคนก็ต้องตกตะลึงเพราะเป็นจดหมายของทหารในกองทัพโจโฉมีไปถึงอ้วนเสี้ยว มีเนื้อความเป็นทำนองเดียวกันว่าที่ต้องมาอยู่ในกองทัพของโจโฉเพราะความจำใจ แต่ใจจริงนั้นต้องการจะเข้าด้วยอ้วนเสี้ยวเพื่อผดุงคุณธรรม เชิดชูฮ่องเต้ จึงขอฝากเนื้อฝากตัวไว้ก่อน เมื่อใดมีโอกาสแล้วจะเข้าสวามิภักดิ์ด้วยอ้วนเสี้ยว
บรรดาที่ปรึกษาและแม่ทัพนายกองเห็นโจโฉตรวจอ่านจดหมายเหล่านั้นแล้วมีสีหน้าเคร่งเครียด ลุกขึ้นเดินวนไปวนมาอยู่ในค่าย จึงเสนอว่าพวกทหารเหล่านี้มีใจออกหาก ขาดความภักดีต่อท่าน จึงขอให้ตั้งหน่วยงานขึ้นทำการสอบสวนแล้วลงโทษตามพระอัยการศึก
โจโฉได้ฟังคำที่ปรึกษาแล้วยังไม่ตอบประการใด ยังคงเดินครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วจึงว่าจดหมายเหล่านี้เป็นจดหมายปลอมที่ฝ่ายอ้วนเสี้ยวทำกลอุบายสร้างความแตกแยกขึ้นในกองทัพของเราให้เกิดความระแวงแคลงใจกัน แล้วจะฉวยโอกาสที่เกิดความวุ่นวายขึ้นนั้นยกมาโจมตี ว่าแล้วสั่งให้ทหารเอาจดหมายทุกฉบับเผาไฟเสียในค่ายนั้น
สามก๊กฉบับเจ้าพระยาพระคลัง (หน) ได้บรรยายความตอนนี้ว่าโจโฉได้ตอบบรรดาที่ปรึกษาและแม่ทัพนายกองที่เสนอให้พิจารณาโทษของทหารที่เขียนจดหมายไปถึงอ้วนเสี้ยวว่า “ซึ่งเราจะพิจารณานั้นไม่ควร ด้วยนายทหารทั้งนี้จะได้คิดร้ายต่อเรานั้นหามิได้ หากเกรงว่าอ้วนเสี้ยวนั้นมีทหารมากกว่า เกลือกเราจะเพลี่ยงพล้ำจึงว่ากล่าวไปแก่อ้วนเสี้ยวหวังจะฝากตัวไว้ มาตรว่าจะพิจารณาได้ตัวแล้วซึ่งจะลงโทษเขานั้นไม่ได้ ถึงตัวเราเมื่ออยู่หว่างศึกนั้นก็ปิ้มจะรักษาตัวไม่รอด”
และได้พรรณนาความคิดของโจโฉไว้ด้วยว่าในขณะที่เห็นจดหมายของทหารที่มีไปถึงอ้วนเสี้ยว โจโฉได้คิดแต่ในใจว่า “ถ้าพิจารณาตามหนังสือก็จะได้ตัวอยู่ แต่บรรดาผู้ผิดนั้นก็จะแกล้งซัดผู้ซึ่งมิได้รู้เห็น ทหารทั้งปวงก็จะพลอยช้ำชอกวุ่นวายไป”
การไม่เอาความแก่ทหารที่มีจดหมายไปขอสวามิภักดิ์ด้วยอ้วนเสี้ยวและการสั่งให้เผาจดหมายเสียทั้งสิ้นนั้น ดูประหนึ่งว่าเป็นการช่วยเหลือไม่เอาผิด ไม่เอาความแก่ทหารที่นอกใจเหล่านั้น แต่แท้จริงเป็นอุบายในการปกครองคนที่ล้ำเลิศ มุ่งหวังขจัดความกังวล ความคลางแคลงใจให้หมดสิ้นไปจากกองทัพ ทำให้บรรดาทหารที่มีจดหมายไปถึงอ้วนเสี้ยวต่างต้องสำนึกบุญคุณของโจโฉและไม่กล้ากระทำความผิดหรือนอกใจอีกต่อไป ทั้งเป็นการขจัดปัญหาที่จะขยายตัวลุกลามวุ่นวายไปทั้งกองทัพให้สิ้นสุดยุติลง จึงกล่าวได้ว่าการเผาจดหมายครั้งนี้ก็คือการเผาความคลางแคลงระแวงสงสัยให้หมดสิ้นไปจากกองทัพ และครองใจกำลังพลทั้งกองทัพให้สวามิภักดิ์ด้วยใจภักดีแท้ นี่แลจึงเป็นอุบายในการครองใจคนที่ล้ำเลิศ
โจโฉสั่งเผาจดหมายแล้วได้ยืนดูการเผาจดหมายนั้นจนมอดไหม้ไปสิ้น และสั่งกำชับบรรดาที่ปรึกษาและแม่ทัพนายกองว่าเรื่องนี้ต้องยุติจบสิ้นลงแต่เพียงเท่านี้ จะไปตั้งความระแวงแคลงใจให้เกิดความวุ่นวายใด ๆ ขึ้นในกองทัพไม่ได้เป็นอันขาด
บรรดาที่ปรึกษาและแม่ทัพนายกองส่วนที่ไม่รู้เท่าทันความคิดของโจโฉ เมื่อเห็นโจโฉมีทีท่าจริงจังก็ยอมรับปฏิบัติตามคำโดยดุษณีย์ ส่วนพวกที่ทราบและเข้าใจความคิดของโจโฉก็นึกสรรเสริญความคิดและสติปัญญาของโจโฉเป็นอันมาก
โจโฉได้แปรเอาสถานการณ์ที่ทหารจำนวนหนึ่งมีใจออกหากเอาตัวรอดให้เป็นคุณแก่กองทัพทั้งในด้านการครองใจทหารและในด้านการขจัดความระแวงแคลงใจและความวุ่นวายภายในกองทัพได้โดยการเสียเพียงจดหมายที่ไร้ค่าไม่กี่ร้อยฉบับเท่านั้น ลองนึกดูเถิดหากเปลี่ยนเป็นการสอบสวนเอาผิดแล้ว ความวุ่นวายและเสียหายจะขยายผลไปสักเพียงไหน.
เขาฮิวที่ปรึกษาใหม่กุมสภาพการอยู่อย่างใกล้ชิด จึงเสนอแก่โจโฉว่าในขณะที่กองทัพอ้วนเสี้ยวกำลังระส่ำระสายอยู่นี้เป็นโอกาสอันเหมาะสมที่จะยกกองทัพเข้าโจมตีกองทัพของอ้วนเสี้ยว
โจโฉเห็นเป็นโอกาสที่จะลองใจเตียวคับและโกลำสองนายทหารของอ้วนเสี้ยวที่แปรพักตร์ และเห็นเป็นโอกาสที่จะริดรอนกองทัพอ้วนเสี้ยวให้อ่อนแอลง จึงสั่งให้เตียวคับและโกลำคุมทหารยกเข้าปล้นค่ายอ้วนเสี้ยวในเวลาสองยาม
ครั้นถึงเวลาเตียวคับและโกลำได้ยกทหารออกไปตีค่ายอ้วนเสี้ยวตามคำสั่ง ทหารของอ้วนเสี้ยวกำลังเสียขวัญไม่กล้ายกออกมารบได้แต่ป้องกันอยู่ภายในค่าย ทั้งสองฝ่ายได้ต่อสู้กันในลักษณะเข้าตีและตั้งรับตลอดทั้งคืน ทหารอ้วนเสี้ยวบาดเจ็บล้มตายลงเป็นอันมาก ครั้นสว่างขึ้นเตียวคับและโกลำจึงยกทหารกลับมายังค่ายแล้วรายงานความศึกให้โจโฉทราบทุกประการ
ในขณะนั้นซุนฮกที่ปรึกษาซึ่งโจโฉได้แต่งตั้งให้รักษาราชการในเมืองหลวงได้เดินทางมาเยี่ยมกองทัพ พอได้ทราบความจึงได้เสนอแก่โจโฉว่าสถานการณ์ขณะนี้กองทัพของอ้วนเสี้ยวถูกริดรอนลงทั้งด้านเสบียงอาหาร กำลังพล และขวัญกำลังใจ แต่กระนั้นกองกำลังทหารของอ้วนเสี้ยวยังคงมีจำนวนมากกว่ากองทัพของฝ่ายเราอีกหลายเท่า
แล้วว่าหากจะยกกองทัพเข้าตีซึ่งหน้าก็จะเป็นการใช้กำลังน้อยเข้าตีกำลังมาก แม้หากได้ชัยชนะก็ย่อมสูญเสียมากตาม ดังนั้นข้าพเจ้าจึงขอเสนอแผนเผด็จศึกเพื่อตีทัพอ้วนเสี้ยวให้แตกพ่ายไปในครั้งนี้
โจโฉได้ฟังก็ดีใจ เร่งให้ซุนฮกเสนอรายละเอียดของแผนการ
ซุนฮกจึงเสนอว่าจำเป็นที่จะต้องให้กองทัพของอ้วนเสี้ยวแบ่งแยกกำลังออกเสียก่อนแล้วจึงค่อยตีกองทัพหลวง ก็จะได้ชัยชนะโดยง่าย ข้าพเจ้าขอเสนอ “อุบายแยกไผ่ออกจากกอ” แล้วทำลายเสียทีละต้น
โจโฉจึงถามว่า “อุบายแยกไผ่ออกจากกอ” ของท่านเป็นประการใด
ซุนฮกจึงว่าขอให้ท่านแต่งทหารออกไปปล่อยข่าวลวงให้ล่วงรู้ไปถึงทหารของอ้วนเสี้ยวว่าท่านได้จัดทหารออกเป็นสองกอง กองหนึ่งให้ยกไปตีเมืองเงียบกุ๋น ซึ่งเป็นคลังเสบียงใหญ่อีกแห่งหนึ่งของกองทัพอ้วนเสี้ยว ส่วนอีกกองหนึ่งให้ยกไปตั้งอยู่ที่ตำบลลิหยงซึ่งเป็นต้นทางของเส้นทางที่กองทัพอ้วนเสี้ยวจะต้องถอยกลับเมืองกิจิ๋ว เป็นทีให้รู้ว่าเมื่อกองทัพอ้วนเสี้ยวแตกแล้วก็จะถูกตีสกัด
แล้วว่าเมื่อข่าวนี้ล่วงรู้ไปถึงอ้วนเสี้ยวก็จะเกิดความประหวั่นพรั่นพรึงขึ้นว่าจะสูญเสียคลังเสบียงและถูกปิดทางถอย อ้วนเสี้ยวย่อมแบ่งกองทหารออกไปรักษาเมืองเงียบกุ๋น และอีกกองหนึ่งจะต้องยกไปตีกองทหารที่ไปตั้งสกัดอยู่ที่ตำบลลิหยง เมื่อเป็นเช่นนี้กองทัพหลวงของอ้วนเสี้ยวก็จะเหลือกำลังทหารน้อยลง ในโอกาสนั้นเราจะระดมกองทัพทั้งปวงเข้าตีกองทัพหลวงของอ้วนเสี้ยวให้แตกพ่ายไป เผด็จศึกในครั้งนี้ได้โดยสะดวก
โจโฉได้ฟังแผนการตลอดแล้วลุกขึ้นยืนหัวเราะ ปรบมือดังสนั่นแล้วว่า ความคิดแผนการอุบายของท่านครั้งนี้ประดุจดังเทพยดาเข้าดลใจ กองทัพอ้วนเสี้ยวคงจะพินาศไปในไม่เกินสามวันนี้ ว่าแล้วก็เรียกปลัดทัพเข้ามาสั่งการตามแผนการของซุนฮกทุกประการ
ฝ่ายทหารของอ้วนเสี้ยวเห็นมีการเคลื่อนไหวอึกทึกทางค่ายของโจโฉก็เที่ยวไล่จับชาวบ้านมาไต่สวนว่าเกิดเหตุการณ์ประการใดขึ้น ทหารของโจโฉซึ่งปลอมตัวเป็นชาวบ้านต่างบอกความตรงกันทุกสายว่าโจโฉกำลังจัดเตรียมทหารเพื่อจะยกไปตีเมืองเงียบกุ๋นและจะยกไปที่ตำบลลิหยง
หน่วยลาดตระเวนทุกสายได้เข้าไปรายงานเหตุการณ์ดังกล่าวต่ออ้วนเสี้ยวตรงกัน อ้วนเสี้ยวทราบความแล้วก็เชื่อโดยสนิทใจและตกใจ เพราะหากเป็นเช่นนั้นกองทัพของอ้วนเสี้ยวก็จะตกอยู่ในอันตรายอย่างยิ่ง ไม่ทันได้ปรึกษากับผู้ใดก็สั่งให้อ้วนชงผู้บุตรคุมทหารห้าหมื่นให้รีบยกไปป้องกันเมืองเงียบกุ๋น รักษาคลังเสบียงใหญ่อย่าให้เป็นอันตรายและให้ซินเบ้งนายทหารคนสำคัญคุมทหารอีกห้าหมื่นยกไปที่ตำบลลิหยงเพื่อตีกองทัพของโจโฉที่จะยกมาตั้งสกัดนั้น
อ้วนชงและซินเบ้งรับคำสั่งแล้วรีบยกทหารออกจากที่ตั้งตามคำสั่งของอ้วนเสี้ยว
ทางฝ่ายโจโฉหลังจากปล่อยข่าวลวงแล้วให้ทหารลาดตระเวนคอยสดับตรับฟังข่าวคราวความเคลื่อนไหวทางค่ายของอ้วนเสี้ยว ครั้นเห็นกองทหารสองกองยกออกไปตามทิศทางที่จะไปเมืองเงียบกุ๋นและตำบลลิหยงจึงนำความเข้าไปรายงานให้โจโฉทราบ
โจโฉพอทราบรายงานข่าวก็ดีใจ เรียกประชุมแม่ทัพนายกองแล้วสั่งให้ระดมกำลังทั้งสิ้นเข้าทำการเผด็จศึกในครั้งนี้ โดยให้แบ่งทหารออกเป็นแปดกองยกเข้าตีค่ายอ้วนเสี้ยวพร้อมกันทั้งแปดทิศ แล้วสั่งทหารให้รีบหุงข้าวและกินข้าวให้เร็วขึ้นกำหนดให้เสร็จสิ้นก่อนตะวันพลบ
พอตะวันใกล้พลบโจโฉได้สั่งให้เคลื่อนกำลังทุกหน่วยเข้าตีกองทัพอ้วนเสี้ยวพร้อมกันทั้งแปดทิศ ซึ่งเป็นเวลาที่กองทัพของอ้วนเสี้ยวกำลังหุงข้าวและกินข้าวเย็นกันอยู่ เสียงทหารของกองทัพโจโฉก้องกระหึ่มพร้อมกันทั้งแปดทิศ ทหารอ้วนเสี้ยวรู้ว่าถูกกองทัพโจโฉยกมาโจมตีก็ตกใจแตกตื่น
กองทัพโจโฉได้บุกเข้าฆ่าฟันทหารของอ้วนเสี้ยวในค่ายเล็กค่ายน้อยบาดเจ็บล้มตายลงเป็นอันมาก สามก๊กฉบับภาษาจีนระบุว่าเลือดทหารของอ้วนเสี้ยวไหลนองท่วมแผ่นดิน
สามก๊กฉบับเจ้าพระยาพระคลัง (หน) ระบุว่าการโจมตีค่ายหลวงของอ้วนเสี้ยวครั้งนี้ กองทัพของอ้วนเสี้ยวไม่ได้คาดคิดและไม่ทันระวังตัว แม้ตัวอ้วนเสี้ยวก็ยังไม่ทันสวมเกราะ เห็นค่ายต่าง ๆ แตกและทหารของโจโฉบุกเข้ามาทุกด้านก็ตกใจ พาอ้วนถำผู้บุตรอีกคนหนึ่งและทหารอีกแปดร้อยคนที่รักษาค่ายหลวงตีฝ่าหนีกองทหารโจโฉเอาแต่ตัวรอดได้เท่านั้น
ในขณะที่อ้วนเสี้ยวตีฝ่าหนีออกจากค่าย เตียวเลี้ยว เคาทู อิกิ๋ม และซิหลงสี่นายทหารของโจโฉเห็นเหตุการณ์จึงพาทหารไล่ตามตีไปจนถึงริมฝั่งแม่น้ำฮวงโห ได้ฆ่าฟันทหารอ้วนเสี้ยวที่ติดตามไปล้มตายลงกว่าครึ่ง ตัวอ้วนเสี้ยว อ้วนถำและทหารที่เหลือลงเรือข้ามแม่น้ำฮวงโหหนีรอดไปได้
ทหารของอ้วนเสี้ยวบาดเจ็บล้มตายและถูกจับเป็นเชลยเกือบครึ่ง กองทัพโจโฉได้ยึดเอาเสบียงและอาวุธยุทโธปกรณ์ที่ถูกทิ้งตกหล่นอยู่ได้เป็นจำนวนมาก
รุ่งขึ้นโจโฉได้สั่งให้เอาสินศึกจัดสรรแบ่งปันเป็นบำเหน็จแก่ทหารทุกกรมกอง
แผน “อุบายแยกไผ่ออกจากกอ” สลายกองทัพใหญ่ให้เหลือเล็กแล้วเข้าโจมตีทำลายในครั้งนี้ได้กลายเป็นต้นแบบของยุทธวิธีทางการทหารที่สำคัญในระยะหลัง กองทัพปลดแอกประชาชนจีนได้พัฒนายุทธวิธีนี้ไปใช้ ทั้งในสงครามแบบแผนคือสงครามที่รบกันซึ่งหน้าด้วยกำลังทหารหลักและในสงครามจรยุทธ์หรือสงครามกองโจร และอาศัยยุทธวิธีนี้ทำลายล้างข้าศึก บั่นทอนศักยะทางสงครามของข้าศึกที่เข้มแข็งเติบใหญ่ให้อ่อนแอและเล็กลงเป็นขั้นตอนอย่างต่อเนื่อง ครั้นพอดุลกำลังทางทหารเปลี่ยนแปลงเป็นเหนือกว่าแล้วจึงโหมกำลังเข้าโจมตีทำลายล้างแบบเบ็ดเสร็จเด็ดขาด
แม้ในสงครามเวียดนามกองทัพเวียดมินต์และเวียดกงก็ได้สืบทอดยุทธวิธีดังกล่าวมาใช้อย่างได้ผล ทำให้กองทัพอเมริกันและสมุนบริวารตกเป็นฝ่ายถูกกระทำ และพ่ายแพ้สงครามในที่สุด
ในขณะที่กำลังจัดสรรแบ่งปันสินศึกอยู่นั้น ได้พบเอกสารกองใหญ่ซึ่งเป็นแผนที่ทางการทหาร บัญชีกำลังพลและเอกสารการบัญชาการเป็นจำนวนมาก และยังมีจดหมายอีกหลายร้อยฉบับ นายทหารที่คุมสินศึกได้รายงานว่าสิ่งของเหล่านี้ยึดได้จากค่ายหลวงของอ้วนเสี้ยว
โจโฉจึงสั่งให้แยกสรรพเอกสารดังกล่าวออกจากสินศึกแล้วให้นำเข้าไปในค่าย พอปูนบำเหน็จทหารเสร็จ โจโฉพร้อมด้วยที่ปรึกษาและแม่ทัพนายกองได้เข้าไปตรวจดูเอกสารที่ยึดได้จากค่ายหลวงของอ้วนเสี้ยว
พอตรวจเอกสารมาถึงจดหมายหลายร้อยฉบับนั้นทุกคนก็ต้องตกตะลึงเพราะเป็นจดหมายของทหารในกองทัพโจโฉมีไปถึงอ้วนเสี้ยว มีเนื้อความเป็นทำนองเดียวกันว่าที่ต้องมาอยู่ในกองทัพของโจโฉเพราะความจำใจ แต่ใจจริงนั้นต้องการจะเข้าด้วยอ้วนเสี้ยวเพื่อผดุงคุณธรรม เชิดชูฮ่องเต้ จึงขอฝากเนื้อฝากตัวไว้ก่อน เมื่อใดมีโอกาสแล้วจะเข้าสวามิภักดิ์ด้วยอ้วนเสี้ยว
บรรดาที่ปรึกษาและแม่ทัพนายกองเห็นโจโฉตรวจอ่านจดหมายเหล่านั้นแล้วมีสีหน้าเคร่งเครียด ลุกขึ้นเดินวนไปวนมาอยู่ในค่าย จึงเสนอว่าพวกทหารเหล่านี้มีใจออกหาก ขาดความภักดีต่อท่าน จึงขอให้ตั้งหน่วยงานขึ้นทำการสอบสวนแล้วลงโทษตามพระอัยการศึก
โจโฉได้ฟังคำที่ปรึกษาแล้วยังไม่ตอบประการใด ยังคงเดินครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วจึงว่าจดหมายเหล่านี้เป็นจดหมายปลอมที่ฝ่ายอ้วนเสี้ยวทำกลอุบายสร้างความแตกแยกขึ้นในกองทัพของเราให้เกิดความระแวงแคลงใจกัน แล้วจะฉวยโอกาสที่เกิดความวุ่นวายขึ้นนั้นยกมาโจมตี ว่าแล้วสั่งให้ทหารเอาจดหมายทุกฉบับเผาไฟเสียในค่ายนั้น
สามก๊กฉบับเจ้าพระยาพระคลัง (หน) ได้บรรยายความตอนนี้ว่าโจโฉได้ตอบบรรดาที่ปรึกษาและแม่ทัพนายกองที่เสนอให้พิจารณาโทษของทหารที่เขียนจดหมายไปถึงอ้วนเสี้ยวว่า “ซึ่งเราจะพิจารณานั้นไม่ควร ด้วยนายทหารทั้งนี้จะได้คิดร้ายต่อเรานั้นหามิได้ หากเกรงว่าอ้วนเสี้ยวนั้นมีทหารมากกว่า เกลือกเราจะเพลี่ยงพล้ำจึงว่ากล่าวไปแก่อ้วนเสี้ยวหวังจะฝากตัวไว้ มาตรว่าจะพิจารณาได้ตัวแล้วซึ่งจะลงโทษเขานั้นไม่ได้ ถึงตัวเราเมื่ออยู่หว่างศึกนั้นก็ปิ้มจะรักษาตัวไม่รอด”
และได้พรรณนาความคิดของโจโฉไว้ด้วยว่าในขณะที่เห็นจดหมายของทหารที่มีไปถึงอ้วนเสี้ยว โจโฉได้คิดแต่ในใจว่า “ถ้าพิจารณาตามหนังสือก็จะได้ตัวอยู่ แต่บรรดาผู้ผิดนั้นก็จะแกล้งซัดผู้ซึ่งมิได้รู้เห็น ทหารทั้งปวงก็จะพลอยช้ำชอกวุ่นวายไป”
การไม่เอาความแก่ทหารที่มีจดหมายไปขอสวามิภักดิ์ด้วยอ้วนเสี้ยวและการสั่งให้เผาจดหมายเสียทั้งสิ้นนั้น ดูประหนึ่งว่าเป็นการช่วยเหลือไม่เอาผิด ไม่เอาความแก่ทหารที่นอกใจเหล่านั้น แต่แท้จริงเป็นอุบายในการปกครองคนที่ล้ำเลิศ มุ่งหวังขจัดความกังวล ความคลางแคลงใจให้หมดสิ้นไปจากกองทัพ ทำให้บรรดาทหารที่มีจดหมายไปถึงอ้วนเสี้ยวต่างต้องสำนึกบุญคุณของโจโฉและไม่กล้ากระทำความผิดหรือนอกใจอีกต่อไป ทั้งเป็นการขจัดปัญหาที่จะขยายตัวลุกลามวุ่นวายไปทั้งกองทัพให้สิ้นสุดยุติลง จึงกล่าวได้ว่าการเผาจดหมายครั้งนี้ก็คือการเผาความคลางแคลงระแวงสงสัยให้หมดสิ้นไปจากกองทัพ และครองใจกำลังพลทั้งกองทัพให้สวามิภักดิ์ด้วยใจภักดีแท้ นี่แลจึงเป็นอุบายในการครองใจคนที่ล้ำเลิศ
โจโฉสั่งเผาจดหมายแล้วได้ยืนดูการเผาจดหมายนั้นจนมอดไหม้ไปสิ้น และสั่งกำชับบรรดาที่ปรึกษาและแม่ทัพนายกองว่าเรื่องนี้ต้องยุติจบสิ้นลงแต่เพียงเท่านี้ จะไปตั้งความระแวงแคลงใจให้เกิดความวุ่นวายใด ๆ ขึ้นในกองทัพไม่ได้เป็นอันขาด
บรรดาที่ปรึกษาและแม่ทัพนายกองส่วนที่ไม่รู้เท่าทันความคิดของโจโฉ เมื่อเห็นโจโฉมีทีท่าจริงจังก็ยอมรับปฏิบัติตามคำโดยดุษณีย์ ส่วนพวกที่ทราบและเข้าใจความคิดของโจโฉก็นึกสรรเสริญความคิดและสติปัญญาของโจโฉเป็นอันมาก
โจโฉได้แปรเอาสถานการณ์ที่ทหารจำนวนหนึ่งมีใจออกหากเอาตัวรอดให้เป็นคุณแก่กองทัพทั้งในด้านการครองใจทหารและในด้านการขจัดความระแวงแคลงใจและความวุ่นวายภายในกองทัพได้โดยการเสียเพียงจดหมายที่ไร้ค่าไม่กี่ร้อยฉบับเท่านั้น ลองนึกดูเถิดหากเปลี่ยนเป็นการสอบสวนเอาผิดแล้ว ความวุ่นวายและเสียหายจะขยายผลไปสักเพียงไหน.