ตอนที่ 151. แผน "ผลาญนาย ขายพวก"
อ้วนเสี้ยวเห็นแสงเพลิงลุกโชติช่วงจับท้องฟ้ามาแต่ด้านตำบลอัวเจ๋าก็คาดการว่าโจโฉได้ยกทหารไปโจมตีเผาคลังเสบียงใหญ่แล้วก็เสียใจ ครั้นเรียกบรรดาแม่ทัพนายกองมาปรึกษาว่าจะจัดการประการใด ความเห็นของฝ่ายทหารกับฝ่ายที่ปรึกษาก็ขัดแย้งกันอีก
ฝ่ายทหารที่มีเตียวคับและโกลำเป็นตัวแทนได้เสนอให้ยกทหารไปสกัดตีโจโฉซึ่งยกไปเผาคลังเสบียง เพราะเห็นว่ากำลังทหารที่ยกไปมีจำนวนน้อย จึงสามารถเล็ดลอดล่วงไปถึงตำบลอัวเจ๋าได้ คงจะจับโจโฉได้โดยง่าย
ฝ่ายที่ปรึกษาซึ่งมีสิมโพยเป็นตัวหลักได้เสนอให้ยกทหารไปปล้นค่ายโจโฉเพราะเห็นว่าเมื่อโจโฉยกทหารไปเผาคลังเสบียงที่ตำบลอัวเจ๋าแล้ว กำลังทหารในค่ายคงจะเบาบางและสามารถโจมตีให้แตกพ่ายไปได้โดยง่าย
ความเห็นทั้งสองนี้เมื่อเปรียบเทียบกันแล้วทำให้เห็นได้ว่าสิมโพยเป็นที่ปรึกษาที่ขาดความรอบคอบ เพราะมองข้ามไปว่าตำบลอัวเจ๋าอันเป็นคลังเสบียงใหญ่นั้นอยู่ในเขตแดนของอ้วนเสี้ยว โจโฉมีแต่ต้องยกทหารจำนวนน้อยจึงจะสามารถเล็ดลอดยกล่วงไปถึงตำบลอัวเจ๋าได้ หากไปสกัดโจมตีคงจะได้ชัยแก่ข้าศึก แต่กลับเสนอให้ยกไปตีค่ายของโจโฉ
อ้วนเสี้ยวเป็นผู้บัญชาการทัพที่ไร้สติปัญญา เชื่อฟังความเห็นของกัวเต๋า สั่งให้เตียวคับและโกลำยกทหารห้าพันยกไปตีค่ายโจโฉ ในขณะเดียวกันก็ไม่สามารถทิ้งข้อเสนอของเตียวคับได้ จึงสั่งให้เจียวกี๋คุมทหารหมื่นหนึ่งยกไปตำบลอัวเจ๋า
การให้น้ำหนักการตีค่ายโจโฉและการสกัดตีกองทหารของโจโฉที่ตำบลอัวเจ๋าต่างกันถึงเท่าตัว แสดงให้เห็นถึงความสับสนในการใช้กำลังทหาร ก็แลเมื่ออ้วนเสี้ยวฟังคำของสิมโพยเห็นว่าค่ายทหารโจโฉเบาบางก็น่าที่จะยกทหารจำนวนมากไปตีค่าย แต่กลับใช้ทหารเพียงห้าพัน ส่วนทางด้านตำบลอัวเจ๋าใช้ทหารถึงหนึ่งหมื่นซึ่งคล้ายกับว่าเห็นชอบกับข้อเสนอของเตียวคับอยู่ เพราะความสับสนเช่นนี้จึงทำให้การบัญชาการรบครั้งนี้ขาดอานุภาพ และไร้ทิศทาง
ทางด้านโจโฉเมื่อเผาคลังเสบียงและโจมตีกองทหารของอิเขงที่ตำบลอัวเจ๋าแตกพ่ายไปแล้ว ได้เก็บอาวุธยุทโธปกรณ์ของฝ่ายอ้วนเสี้ยวไว้ได้เป็นจำนวนมาก ตัวอิเขงนั้นโจโฉเห็นว่าเป็นทหารที่ไม่รับผิดชอบต่อหน้าที่จึงสั่งให้ตัดนิ้ว ตัดจมูก ตัดหู แล้วให้ปล่อยตัวไปเพื่อประจานให้ได้ความอัปยศมิให้เป็นเยี่ยงอย่างสืบไป
จากนั้นโจโฉให้ทหารยึดเครื่องแบบของทหารอิเขงตลอดจนธงทิวประจำกองทหารของอิเขงแล้วสั่งให้ทหารเปลี่ยนเครื่องแบบปลอมเป็นทหารของอิเขงยกกลับมาตามทางเดิม ให้เคาทูและเตียวเลี้ยวเป็นกองหน้า วางอุบายว่าถ้าหากพบกองทหารของอ้วนเสี้ยวยกมาช่วยอิเขง ก็ให้ลวงไปว่าเป็นกองทหารของอิเขงเสียทีข้าศึกกำลังจะกลับไปค่ายหลวง
จัดแจงเสร็จแล้วโจโฉจึงสั่งให้เคลื่อนกองทหารกลับตามเส้นทางเดิม พอมาถึงซอกเขาแห่งหนึ่งพบกับกองทหารของเจียวกี๋ซึ่งอ้วนเสี้ยวสั่งให้ยกไปช่วยอิเขง
เจียวกี๋เห็นกองทหารยกสวนมาแต่เครื่องแบบและธงทิวมีลักษณะเป็นพวกเดียวกันก็ร้องถามว่านั่นเป็นกองทหารของผู้ใด
ทหารของเคาทูและเตียวเลี้ยวก็ร้องตอบไปว่าเป็นทหารของอิเขงแตกทัพมากำลังจะเดินทางกลับไปค่ายหลวง เจียวกี๋ก็มิได้สงสัย
ในขณะที่กองทหารทั้งสองกำลังสวนทางกันนั้น เคาทูและเตียวเลี้ยวเห็นเจียวกี๋เคลื่อนมาอยู่ในท่ามกลางทหารของโจโฉแล้วจึงชักม้าตรงเข้าไปที่เจียวกี๋แล้วเอาทวนแทงเจียวกี๋ตกม้าตาย
ทหารของโจโฉเห็นเป็นทีจึงพากันฆ่าฟันทหารของเจียวกี๋ล้มตายลงเป็นอันมาก ส่วนที่เหลือก็แตกหนีไป ในขณะนั้นเตียวเลี้ยวได้สั่งให้ทหารม้ากองหน้ารีบตรงไปที่ค่ายของอ้วนเสี้ยว แล้วร้องบอกให้ได้ยินโดยทั่วกันว่าเจียวกี๋ยกไปสกัดตีโจโฉได้รับชัยชนะ ทหารโจโฉบาดเจ็บล้มตายลงเป็นอันมากและแตกพ่ายไปแล้ว
ข่าวชัยชนะของเจียวกี๋แพร่สะพัดไปทั่วทั้งค่ายของอ้วนเสี้ยว อ้วนเสี้ยวทราบความก็มีใจยินดีและมิได้สงสัยว่าเป็นกลอุบาย และเห็นว่าเหตุการณ์ข้างตำบลอัวเจ๋าโจโฉพ่ายแพ้แล้วจึงสั่งให้กองทหารอีกจำนวนหนึ่งยกหนุนไปช่วยเตียวคับและโกลำซึ่งรับคำสั่งให้ไปตีค่ายโจโฉ
ด้วยแผนการดังกล่าวโจโฉจึงนำกองทหารเดินทัพกลับตามเส้นทางเดิม จนล่วงพ้นจากเขตทหารของอ้วนเสี้ยว และโฉมหน้าจะกลับไปที่ค่ายของตัว
ฝ่ายอิเขงเมื่อถูกปล่อยตัวให้กลับไปถึงค่ายหลวง อ้วนเสี้ยวทราบว่าอิเขงเสียทีเพราะมิได้ระมัดระวังรักษาคลังเสบียงก็โกรธจึงเอากระบี่ฟันอิเขงตัวขาดสองท่อน
ฝ่ายเตียวคับและโกลำรับคำสั่งอ้วนเสี้ยวแล้วนำทหารตรงเข้าตีค่ายโจโฉ โจหองได้ทราบจากทหารลาดตระเวนว่าทหารอ้วนเสี้ยวยกมา จึงยกทหารออกไปตั้งรับอยู่ที่หน้าค่าย
พอกองทหารของโจหองปะทะกับกองทหารของเตียวคับและโกลำ แฮหัวตุ้น แฮหัวเอี๋ยน โจหยิน และลิเตียน นายทหารของโจโฉซึ่งคุมทหารเป็นกองซุ่มอยู่ทั้งสองข้างทางจึงสั่งการให้ทหารที่ซุ่มอยู่นั้นล้อมตีกระหนาบเข้ามาเป็นสองด้าน
เตียวคับและโกลำตกอยู่ในวงล้อมของทหารโจโฉถึงสามด้านก็ตกใจ ทหารที่ยกมาก็แตกตื่นถูกทหารของฝ่ายโจโฉสังหารบาดเจ็บล้มตายลงเป็นอันมาก ในขณะที่ชุลมุนกันอยู่นั้นโจโฉก็ยกทหารกลับมาถึงและได้ล้อมตีกระหนาบเป็นด้านที่สี่
เตียวคับและโกลำเห็นว่าจะสู้ข้าศึกไม่ได้จึงพาทหารตีฝ่าวงล้อมหนีออกไปได้
ฝ่ายกัวเต๋าที่ปรึกษาซึ่งเป็นต้นความคิดเสนอให้อ้วนเสี้ยวสั่งเตียวคับและโกลำไปตีค่ายโจโฉ ครั้นได้ทราบข่าวจากทหารลาดตระเวนว่าบัดนี้เตียวคับและโกลำเสียทีแก่ทหารของโจโฉก็หวั่นเกรงว่าอ้วนเสี้ยวจะพาลเอาผิดกับตัวที่เป็นผู้เสนอแผนการให้โจมตีค่ายของโจโฉ จึงคิดหาหนทางเอาตัวรอด
กัวเต๋าใคร่ครวญแล้วตัดสินใจใช้แผน “ผลาญนาย ขายพวก”
ว่าแล้วกัวเต๋าจึงเข้าไปหาอ้วนเสี้ยวแล้วรายงานว่าบัดนี้ทราบข่าวจากกองทหารของเตียวคับและโกลำว่าเตียวคับและโกลำได้ทราบว่าท่านเสียคลังเสบียงที่อัวเจ๋าแล้วต่างมีใจยินดี พูดแล้วก็ทิ้งค้างไว้
อ้วนเสี้ยวได้ฟังดั่งนั้นก็สงสัยหลงเข้ามาในแผนการของกัวเต๋าแล้วถามว่าเหตุไฉนเตียวคับและโกลำจึงยินดีในความเสียหายของเราเล่า
กัวเต๋าเห็นอ้วนเสี้ยวเดินเข้ามาในกลจึงว่าข้าพเจ้าได้ทราบมาแต่ก่อนแล้วว่าสองคนนี้ไม่มีใจภักดีในราชการ เพราะมีน้ำใจฝักใฝ่กับโจโฉแต่ยังไม่ได้ที ครั้นบัดนี้ท่านสั่งให้ยกไปตีค่ายของโจโฉจึงฉวยโอกาสเอาใจออกหาก ทำเป็นเสียทีพ่ายแพ้แก่ทหารที่รักษาค่ายของโจโฉ
อ้วนเสี้ยวได้ฟังก็เชื่อตามแล้วโกรธเตียวคับและโกลำ สั่งทหารให้ไปเรียกตัวเตียวคับและโกลำจากแนวหน้าเพื่อจะเอามาปรึกษาโทษต่อไป กัวเต๋าเห็นการสำเร็จตามความคิดก็รีบลาอ้วนเสี้ยวออกมาที่ค่ายพัก แล้วสั่งให้ทหารคนสนิทรีบขึ้นม้าเร็วตามไปที่กองทหารของเตียวคับและโกลำ แจ้งแก่เตียวคับและโกลำว่าขณะนี้อ้วนเสี้ยวทราบว่าเตียวคับและโกลำเสียทีแก่ข้าศึก มีใจโกรธเป็นอันมาก คิดจะลงโทษประหารนายทัพทั้งสองเสีย กัวเต๋ามีความห่วงใยในฐานะที่เป็นข้าราชการด้วยกัน จึงส่งข่าวมาให้รู้ตัวจะได้คิดอ่านผันผ่อนแก้ไข
เตียวคับได้ทราบความดังนั้นก็ตกใจเพราะรู้ใจอ้วนเสี้ยวเป็นอย่างดีว่าเป็นคนมุทะลุ ขี้ระแวง และโกรธง่าย ไม่มีน้ำใจรักทหาร หากพลาดพลั้งก็จะเอาโทษถึงตาย จึงปรึกษากันว่าทำอย่างไรเราจึงจะรอดตาย
ในขณะที่กำลังปรึกษากันอยู่นั้นทหารที่อ้วนเสี้ยวใช้ให้มาเรียกตัวได้เดินทางมาถึงและแจ้งให้นายทหารทั้งสองรีบกลับไปพบอ้วนเสี้ยวในทันที
เตียวคับและโกลำพอทราบความก็มั่นใจในความที่กัวเต๋าให้ทหารมาบอกโดยสนิทใจ จึงแสร้งถามขึ้นว่ามีราชการเร่งด่วนประการใด อ้วนเสี้ยวจึงสั่งให้เจ้ามาเรียกตัวพวกเรากลับไป
ทหารนั้นแจ้งว่าอ้วนเสี้ยวสั่งให้มาเรียกตัวและให้รีบกลับไป แต่ไม่ทราบสาเหตุ โกลำได้ฟังก็โกรธชักกระบี่ฟันทหารคนนั้นถึงแก่ความตาย
เตียวคับเห็นก็ตกใจ ถามขึ้นด้วยความไม่พอใจว่าเหตุใดท่านจึงฆ่าทหารของอ้วนเสี้ยว โกลำจึงว่า “อันน้ำใจอ้วนเสี้ยวนั้นมิได้เลี้ยงคนสัตย์ซื่อโดยปรกติ มักเชื่อฟังคำคนชั่วยุยง ซึ่งให้มาหาเราทั้งสองไปบัดนี้ก็จะฆ่าเสียเหมือนคำคนใช้กัวเต๋ามาบอก ถึงมาตรว่าครั้งนี้จะรอดชีวิตอยู่ นานไปก็จะตายด้วยฝีมือทหารและความคิดโจโฉ”
ว่าแล้วก็ชวนเตียวคับว่าเราทั้งสองเห็นจะอยู่กับอ้วนเสี้ยวต่อไปไม่ได้แล้ว ขืนกลับไปก็ตาย อยู่ก็ตาย กระนั้นเลยควรจะไปสวามิภักดิ์เข้าด้วยโจโฉก็จะมีความสุขสืบไป
เตียวคับไตร่ตรองแล้วเห็นจริง จึงพาทหารที่เหลือไปที่ค่ายของโจโฉ แจ้งความขอเข้าสวามิภักดิ์ให้ทหารลาดตระเวนเข้าไปรายงานแก่โจโฉ
โจโฉพอทราบความก็ยินดี ลุกขึ้นรำพึงว่ากองทัพของอ้วนเสี้ยวไร้เอกภาพ คงจะพ่ายแพ้แก่กองทัพเราเป็นมั่นคง แฮหัวตุ้นได้ยินดังนั้นจึงทักท้วงว่าบัดนี้ท่านกับอ้วนเสี้ยวกำลังขับเคี่ยวทำสงครามกันอยู่ในระยะวิกฤติ เตียวคับและโกลำมาครั้งนี้เห็นทีว่าจะเป็นอุบายของอ้วนเสี้ยว ขอท่านอย่าเพิ่งไว้ใจและโปรดไตร่ตรองให้จงหนัก
โจโฉได้ยินคำทัดทานก็หัวเราะแล้วว่าจะเกรงไปไยกับความคิดของอ้วนเสี้ยวเพียงเท่านี้ แม้หากเป็นกลอุบายเราก็คิดอ่านผ่อนผันแก้ไขได้ และถ้าหากนายทหารทั้งสองยกพวกมาสวามิภักดิ์โดยสุจริต อ้วนเสี้ยวคงจะเสียทีแก่เราโดยง่าย ว่าแล้วจึงสั่งทหารให้ไปนำตัวเตียวคับและโกลำเข้ามาพบ
สองนายทหารของอ้วนเสี้ยวถูกนำเข้ามาในค่ายของโจโฉ พอเห็นโจโฉยืนอยู่ในค่าย นายทหารทั้งสองก็คุกเข่าลงคำนับแล้วเล่าความทั้งปวงให้โจโฉทราบ แล้วว่าข้าพเจ้าทั้งสองและพวกตกลงพร้อมใจกันที่จะเข้าสวามิภักดิ์รับราชการอยู่ด้วยท่านสืบไป
โจโฉจึงว่าอ้วนเสี้ยวไม่มีน้ำใจรักทหาร เอาแต่เชื่อฟังคำคนชั่วยุยง หากอ้วนเสี้ยวฟังคำของท่านกองทัพของเราคงจะลำบาก แต่นี่เพราะบุญเรายังรุ่งเรืองอยู่ในแผ่นดิน อ้วนเสี้ยวจึงมีอันเป็นไม่นับถือรับฟังคำของนายทหารที่ภักดี เราได้ท่านทั้งสองมาทำการด้วยครั้งนี้จะทำให้การศึกเสร็จสิ้นไปโดยเร็ว เพราะสติปัญญาและฝีมือของท่านทั้งสอง จงตั้งใจทำราชการอย่างเต็มที่ เราจะเลี้ยงดูมิให้อนาทร
เตียวคับและโกลำจึงย้ำว่า ข้าพเจ้าทั้งสองและพวกที่ติดตามมาพร้อมที่จะรับใช้ท่านไม่คำนึงแม้ชีวิต ท่านมีข้อราชการสิ่งใดขอได้ช่วงใช้อย่าได้แคลงใจสืบไปเลย
โจโฉได้ฟังก็ยินดี ตั้งให้เตียวคับและโกลำเป็นนายทหารประจำกองทัพ นายทหารทั้งสองเห็นโจโฉวางใจเลี้ยงดูเป็นปกติก็ขันอาสาว่าหากโจโฉยกไปรบกับอ้วนเสี้ยวเมื่อใดก็จะขออาสาเป็นกองหน้า
โจโฉจึงสั่งให้เตียวคับและโกลำให้สั่งทหารที่ติดตามมาให้ไปปล่อยข่าวกับทหารของอ้วนเสี้ยวว่าบัดนี้อ้วนเสี้ยวหมดบุญแล้ว แม่ทัพนายกองต่างพากันเข้าด้วยโจโฉ แม้เตียวคับและโกลำก็ได้เข้าสวามิภักดิ์กับโจโฉแล้ว
ทหารอ้วนเสี้ยวได้ทราบข่าวแพร่หลายดังนั้นก็เสียน้ำใจ ไม่เป็นอันสู้รบ คิดแต่จะหนีทัพ
นี่คือผลที่เกิดขึ้นจากแผนการ “ผลาญนาย ขายพวก” ซึ่งใช้ได้ผลกับคนแบบอ้วนเสี้ยวดังนี้แล.
ฝ่ายทหารที่มีเตียวคับและโกลำเป็นตัวแทนได้เสนอให้ยกทหารไปสกัดตีโจโฉซึ่งยกไปเผาคลังเสบียง เพราะเห็นว่ากำลังทหารที่ยกไปมีจำนวนน้อย จึงสามารถเล็ดลอดล่วงไปถึงตำบลอัวเจ๋าได้ คงจะจับโจโฉได้โดยง่าย
ฝ่ายที่ปรึกษาซึ่งมีสิมโพยเป็นตัวหลักได้เสนอให้ยกทหารไปปล้นค่ายโจโฉเพราะเห็นว่าเมื่อโจโฉยกทหารไปเผาคลังเสบียงที่ตำบลอัวเจ๋าแล้ว กำลังทหารในค่ายคงจะเบาบางและสามารถโจมตีให้แตกพ่ายไปได้โดยง่าย
ความเห็นทั้งสองนี้เมื่อเปรียบเทียบกันแล้วทำให้เห็นได้ว่าสิมโพยเป็นที่ปรึกษาที่ขาดความรอบคอบ เพราะมองข้ามไปว่าตำบลอัวเจ๋าอันเป็นคลังเสบียงใหญ่นั้นอยู่ในเขตแดนของอ้วนเสี้ยว โจโฉมีแต่ต้องยกทหารจำนวนน้อยจึงจะสามารถเล็ดลอดยกล่วงไปถึงตำบลอัวเจ๋าได้ หากไปสกัดโจมตีคงจะได้ชัยแก่ข้าศึก แต่กลับเสนอให้ยกไปตีค่ายของโจโฉ
อ้วนเสี้ยวเป็นผู้บัญชาการทัพที่ไร้สติปัญญา เชื่อฟังความเห็นของกัวเต๋า สั่งให้เตียวคับและโกลำยกทหารห้าพันยกไปตีค่ายโจโฉ ในขณะเดียวกันก็ไม่สามารถทิ้งข้อเสนอของเตียวคับได้ จึงสั่งให้เจียวกี๋คุมทหารหมื่นหนึ่งยกไปตำบลอัวเจ๋า
การให้น้ำหนักการตีค่ายโจโฉและการสกัดตีกองทหารของโจโฉที่ตำบลอัวเจ๋าต่างกันถึงเท่าตัว แสดงให้เห็นถึงความสับสนในการใช้กำลังทหาร ก็แลเมื่ออ้วนเสี้ยวฟังคำของสิมโพยเห็นว่าค่ายทหารโจโฉเบาบางก็น่าที่จะยกทหารจำนวนมากไปตีค่าย แต่กลับใช้ทหารเพียงห้าพัน ส่วนทางด้านตำบลอัวเจ๋าใช้ทหารถึงหนึ่งหมื่นซึ่งคล้ายกับว่าเห็นชอบกับข้อเสนอของเตียวคับอยู่ เพราะความสับสนเช่นนี้จึงทำให้การบัญชาการรบครั้งนี้ขาดอานุภาพ และไร้ทิศทาง
ทางด้านโจโฉเมื่อเผาคลังเสบียงและโจมตีกองทหารของอิเขงที่ตำบลอัวเจ๋าแตกพ่ายไปแล้ว ได้เก็บอาวุธยุทโธปกรณ์ของฝ่ายอ้วนเสี้ยวไว้ได้เป็นจำนวนมาก ตัวอิเขงนั้นโจโฉเห็นว่าเป็นทหารที่ไม่รับผิดชอบต่อหน้าที่จึงสั่งให้ตัดนิ้ว ตัดจมูก ตัดหู แล้วให้ปล่อยตัวไปเพื่อประจานให้ได้ความอัปยศมิให้เป็นเยี่ยงอย่างสืบไป
จากนั้นโจโฉให้ทหารยึดเครื่องแบบของทหารอิเขงตลอดจนธงทิวประจำกองทหารของอิเขงแล้วสั่งให้ทหารเปลี่ยนเครื่องแบบปลอมเป็นทหารของอิเขงยกกลับมาตามทางเดิม ให้เคาทูและเตียวเลี้ยวเป็นกองหน้า วางอุบายว่าถ้าหากพบกองทหารของอ้วนเสี้ยวยกมาช่วยอิเขง ก็ให้ลวงไปว่าเป็นกองทหารของอิเขงเสียทีข้าศึกกำลังจะกลับไปค่ายหลวง
จัดแจงเสร็จแล้วโจโฉจึงสั่งให้เคลื่อนกองทหารกลับตามเส้นทางเดิม พอมาถึงซอกเขาแห่งหนึ่งพบกับกองทหารของเจียวกี๋ซึ่งอ้วนเสี้ยวสั่งให้ยกไปช่วยอิเขง
เจียวกี๋เห็นกองทหารยกสวนมาแต่เครื่องแบบและธงทิวมีลักษณะเป็นพวกเดียวกันก็ร้องถามว่านั่นเป็นกองทหารของผู้ใด
ทหารของเคาทูและเตียวเลี้ยวก็ร้องตอบไปว่าเป็นทหารของอิเขงแตกทัพมากำลังจะเดินทางกลับไปค่ายหลวง เจียวกี๋ก็มิได้สงสัย
ในขณะที่กองทหารทั้งสองกำลังสวนทางกันนั้น เคาทูและเตียวเลี้ยวเห็นเจียวกี๋เคลื่อนมาอยู่ในท่ามกลางทหารของโจโฉแล้วจึงชักม้าตรงเข้าไปที่เจียวกี๋แล้วเอาทวนแทงเจียวกี๋ตกม้าตาย
ทหารของโจโฉเห็นเป็นทีจึงพากันฆ่าฟันทหารของเจียวกี๋ล้มตายลงเป็นอันมาก ส่วนที่เหลือก็แตกหนีไป ในขณะนั้นเตียวเลี้ยวได้สั่งให้ทหารม้ากองหน้ารีบตรงไปที่ค่ายของอ้วนเสี้ยว แล้วร้องบอกให้ได้ยินโดยทั่วกันว่าเจียวกี๋ยกไปสกัดตีโจโฉได้รับชัยชนะ ทหารโจโฉบาดเจ็บล้มตายลงเป็นอันมากและแตกพ่ายไปแล้ว
ข่าวชัยชนะของเจียวกี๋แพร่สะพัดไปทั่วทั้งค่ายของอ้วนเสี้ยว อ้วนเสี้ยวทราบความก็มีใจยินดีและมิได้สงสัยว่าเป็นกลอุบาย และเห็นว่าเหตุการณ์ข้างตำบลอัวเจ๋าโจโฉพ่ายแพ้แล้วจึงสั่งให้กองทหารอีกจำนวนหนึ่งยกหนุนไปช่วยเตียวคับและโกลำซึ่งรับคำสั่งให้ไปตีค่ายโจโฉ
ด้วยแผนการดังกล่าวโจโฉจึงนำกองทหารเดินทัพกลับตามเส้นทางเดิม จนล่วงพ้นจากเขตทหารของอ้วนเสี้ยว และโฉมหน้าจะกลับไปที่ค่ายของตัว
ฝ่ายอิเขงเมื่อถูกปล่อยตัวให้กลับไปถึงค่ายหลวง อ้วนเสี้ยวทราบว่าอิเขงเสียทีเพราะมิได้ระมัดระวังรักษาคลังเสบียงก็โกรธจึงเอากระบี่ฟันอิเขงตัวขาดสองท่อน
ฝ่ายเตียวคับและโกลำรับคำสั่งอ้วนเสี้ยวแล้วนำทหารตรงเข้าตีค่ายโจโฉ โจหองได้ทราบจากทหารลาดตระเวนว่าทหารอ้วนเสี้ยวยกมา จึงยกทหารออกไปตั้งรับอยู่ที่หน้าค่าย
พอกองทหารของโจหองปะทะกับกองทหารของเตียวคับและโกลำ แฮหัวตุ้น แฮหัวเอี๋ยน โจหยิน และลิเตียน นายทหารของโจโฉซึ่งคุมทหารเป็นกองซุ่มอยู่ทั้งสองข้างทางจึงสั่งการให้ทหารที่ซุ่มอยู่นั้นล้อมตีกระหนาบเข้ามาเป็นสองด้าน
เตียวคับและโกลำตกอยู่ในวงล้อมของทหารโจโฉถึงสามด้านก็ตกใจ ทหารที่ยกมาก็แตกตื่นถูกทหารของฝ่ายโจโฉสังหารบาดเจ็บล้มตายลงเป็นอันมาก ในขณะที่ชุลมุนกันอยู่นั้นโจโฉก็ยกทหารกลับมาถึงและได้ล้อมตีกระหนาบเป็นด้านที่สี่
เตียวคับและโกลำเห็นว่าจะสู้ข้าศึกไม่ได้จึงพาทหารตีฝ่าวงล้อมหนีออกไปได้
ฝ่ายกัวเต๋าที่ปรึกษาซึ่งเป็นต้นความคิดเสนอให้อ้วนเสี้ยวสั่งเตียวคับและโกลำไปตีค่ายโจโฉ ครั้นได้ทราบข่าวจากทหารลาดตระเวนว่าบัดนี้เตียวคับและโกลำเสียทีแก่ทหารของโจโฉก็หวั่นเกรงว่าอ้วนเสี้ยวจะพาลเอาผิดกับตัวที่เป็นผู้เสนอแผนการให้โจมตีค่ายของโจโฉ จึงคิดหาหนทางเอาตัวรอด
กัวเต๋าใคร่ครวญแล้วตัดสินใจใช้แผน “ผลาญนาย ขายพวก”
ว่าแล้วกัวเต๋าจึงเข้าไปหาอ้วนเสี้ยวแล้วรายงานว่าบัดนี้ทราบข่าวจากกองทหารของเตียวคับและโกลำว่าเตียวคับและโกลำได้ทราบว่าท่านเสียคลังเสบียงที่อัวเจ๋าแล้วต่างมีใจยินดี พูดแล้วก็ทิ้งค้างไว้
อ้วนเสี้ยวได้ฟังดั่งนั้นก็สงสัยหลงเข้ามาในแผนการของกัวเต๋าแล้วถามว่าเหตุไฉนเตียวคับและโกลำจึงยินดีในความเสียหายของเราเล่า
กัวเต๋าเห็นอ้วนเสี้ยวเดินเข้ามาในกลจึงว่าข้าพเจ้าได้ทราบมาแต่ก่อนแล้วว่าสองคนนี้ไม่มีใจภักดีในราชการ เพราะมีน้ำใจฝักใฝ่กับโจโฉแต่ยังไม่ได้ที ครั้นบัดนี้ท่านสั่งให้ยกไปตีค่ายของโจโฉจึงฉวยโอกาสเอาใจออกหาก ทำเป็นเสียทีพ่ายแพ้แก่ทหารที่รักษาค่ายของโจโฉ
อ้วนเสี้ยวได้ฟังก็เชื่อตามแล้วโกรธเตียวคับและโกลำ สั่งทหารให้ไปเรียกตัวเตียวคับและโกลำจากแนวหน้าเพื่อจะเอามาปรึกษาโทษต่อไป กัวเต๋าเห็นการสำเร็จตามความคิดก็รีบลาอ้วนเสี้ยวออกมาที่ค่ายพัก แล้วสั่งให้ทหารคนสนิทรีบขึ้นม้าเร็วตามไปที่กองทหารของเตียวคับและโกลำ แจ้งแก่เตียวคับและโกลำว่าขณะนี้อ้วนเสี้ยวทราบว่าเตียวคับและโกลำเสียทีแก่ข้าศึก มีใจโกรธเป็นอันมาก คิดจะลงโทษประหารนายทัพทั้งสองเสีย กัวเต๋ามีความห่วงใยในฐานะที่เป็นข้าราชการด้วยกัน จึงส่งข่าวมาให้รู้ตัวจะได้คิดอ่านผันผ่อนแก้ไข
เตียวคับได้ทราบความดังนั้นก็ตกใจเพราะรู้ใจอ้วนเสี้ยวเป็นอย่างดีว่าเป็นคนมุทะลุ ขี้ระแวง และโกรธง่าย ไม่มีน้ำใจรักทหาร หากพลาดพลั้งก็จะเอาโทษถึงตาย จึงปรึกษากันว่าทำอย่างไรเราจึงจะรอดตาย
ในขณะที่กำลังปรึกษากันอยู่นั้นทหารที่อ้วนเสี้ยวใช้ให้มาเรียกตัวได้เดินทางมาถึงและแจ้งให้นายทหารทั้งสองรีบกลับไปพบอ้วนเสี้ยวในทันที
เตียวคับและโกลำพอทราบความก็มั่นใจในความที่กัวเต๋าให้ทหารมาบอกโดยสนิทใจ จึงแสร้งถามขึ้นว่ามีราชการเร่งด่วนประการใด อ้วนเสี้ยวจึงสั่งให้เจ้ามาเรียกตัวพวกเรากลับไป
ทหารนั้นแจ้งว่าอ้วนเสี้ยวสั่งให้มาเรียกตัวและให้รีบกลับไป แต่ไม่ทราบสาเหตุ โกลำได้ฟังก็โกรธชักกระบี่ฟันทหารคนนั้นถึงแก่ความตาย
เตียวคับเห็นก็ตกใจ ถามขึ้นด้วยความไม่พอใจว่าเหตุใดท่านจึงฆ่าทหารของอ้วนเสี้ยว โกลำจึงว่า “อันน้ำใจอ้วนเสี้ยวนั้นมิได้เลี้ยงคนสัตย์ซื่อโดยปรกติ มักเชื่อฟังคำคนชั่วยุยง ซึ่งให้มาหาเราทั้งสองไปบัดนี้ก็จะฆ่าเสียเหมือนคำคนใช้กัวเต๋ามาบอก ถึงมาตรว่าครั้งนี้จะรอดชีวิตอยู่ นานไปก็จะตายด้วยฝีมือทหารและความคิดโจโฉ”
ว่าแล้วก็ชวนเตียวคับว่าเราทั้งสองเห็นจะอยู่กับอ้วนเสี้ยวต่อไปไม่ได้แล้ว ขืนกลับไปก็ตาย อยู่ก็ตาย กระนั้นเลยควรจะไปสวามิภักดิ์เข้าด้วยโจโฉก็จะมีความสุขสืบไป
เตียวคับไตร่ตรองแล้วเห็นจริง จึงพาทหารที่เหลือไปที่ค่ายของโจโฉ แจ้งความขอเข้าสวามิภักดิ์ให้ทหารลาดตระเวนเข้าไปรายงานแก่โจโฉ
โจโฉพอทราบความก็ยินดี ลุกขึ้นรำพึงว่ากองทัพของอ้วนเสี้ยวไร้เอกภาพ คงจะพ่ายแพ้แก่กองทัพเราเป็นมั่นคง แฮหัวตุ้นได้ยินดังนั้นจึงทักท้วงว่าบัดนี้ท่านกับอ้วนเสี้ยวกำลังขับเคี่ยวทำสงครามกันอยู่ในระยะวิกฤติ เตียวคับและโกลำมาครั้งนี้เห็นทีว่าจะเป็นอุบายของอ้วนเสี้ยว ขอท่านอย่าเพิ่งไว้ใจและโปรดไตร่ตรองให้จงหนัก
โจโฉได้ยินคำทัดทานก็หัวเราะแล้วว่าจะเกรงไปไยกับความคิดของอ้วนเสี้ยวเพียงเท่านี้ แม้หากเป็นกลอุบายเราก็คิดอ่านผ่อนผันแก้ไขได้ และถ้าหากนายทหารทั้งสองยกพวกมาสวามิภักดิ์โดยสุจริต อ้วนเสี้ยวคงจะเสียทีแก่เราโดยง่าย ว่าแล้วจึงสั่งทหารให้ไปนำตัวเตียวคับและโกลำเข้ามาพบ
สองนายทหารของอ้วนเสี้ยวถูกนำเข้ามาในค่ายของโจโฉ พอเห็นโจโฉยืนอยู่ในค่าย นายทหารทั้งสองก็คุกเข่าลงคำนับแล้วเล่าความทั้งปวงให้โจโฉทราบ แล้วว่าข้าพเจ้าทั้งสองและพวกตกลงพร้อมใจกันที่จะเข้าสวามิภักดิ์รับราชการอยู่ด้วยท่านสืบไป
โจโฉจึงว่าอ้วนเสี้ยวไม่มีน้ำใจรักทหาร เอาแต่เชื่อฟังคำคนชั่วยุยง หากอ้วนเสี้ยวฟังคำของท่านกองทัพของเราคงจะลำบาก แต่นี่เพราะบุญเรายังรุ่งเรืองอยู่ในแผ่นดิน อ้วนเสี้ยวจึงมีอันเป็นไม่นับถือรับฟังคำของนายทหารที่ภักดี เราได้ท่านทั้งสองมาทำการด้วยครั้งนี้จะทำให้การศึกเสร็จสิ้นไปโดยเร็ว เพราะสติปัญญาและฝีมือของท่านทั้งสอง จงตั้งใจทำราชการอย่างเต็มที่ เราจะเลี้ยงดูมิให้อนาทร
เตียวคับและโกลำจึงย้ำว่า ข้าพเจ้าทั้งสองและพวกที่ติดตามมาพร้อมที่จะรับใช้ท่านไม่คำนึงแม้ชีวิต ท่านมีข้อราชการสิ่งใดขอได้ช่วงใช้อย่าได้แคลงใจสืบไปเลย
โจโฉได้ฟังก็ยินดี ตั้งให้เตียวคับและโกลำเป็นนายทหารประจำกองทัพ นายทหารทั้งสองเห็นโจโฉวางใจเลี้ยงดูเป็นปกติก็ขันอาสาว่าหากโจโฉยกไปรบกับอ้วนเสี้ยวเมื่อใดก็จะขออาสาเป็นกองหน้า
โจโฉจึงสั่งให้เตียวคับและโกลำให้สั่งทหารที่ติดตามมาให้ไปปล่อยข่าวกับทหารของอ้วนเสี้ยวว่าบัดนี้อ้วนเสี้ยวหมดบุญแล้ว แม่ทัพนายกองต่างพากันเข้าด้วยโจโฉ แม้เตียวคับและโกลำก็ได้เข้าสวามิภักดิ์กับโจโฉแล้ว
ทหารอ้วนเสี้ยวได้ทราบข่าวแพร่หลายดังนั้นก็เสียน้ำใจ ไม่เป็นอันสู้รบ คิดแต่จะหนีทัพ
นี่คือผลที่เกิดขึ้นจากแผนการ “ผลาญนาย ขายพวก” ซึ่งใช้ได้ผลกับคนแบบอ้วนเสี้ยวดังนี้แล.