สามก๊ก ฉบับนักบริหาร:บทที่ 14 ลิโป้ตันก๋งเผาโจโฉที่ปักเอี้ยง
ภายใต้พระเจ้าเหี้ยนเต้ ยังมีขุนนางใหญ่ 2 คน คือเอียวปิว กับจูฮี ลอบเข้าไปกราบทูลหารือพระเจ้าเหี้ยนเต้ว่า ลิฉุยกุยกีตั้งตัวเป็นใหญ่ มิได้ว่าราชการโดยยุติธรรม มักใหญ่ไฝ่สูง ตักตวงผลประโยชน์ของชาติทุกระดับชั้นเข้าพกเข้าห่อตัวเองกับพรรคพวก เสริมสร้างแต่สิ่งชั่วร้าย ใช้เงินหว่านไปทั่ว ราษฎรระดับรากหญ้ามิรู้สนกลใน ต่างถูกมัวเมาโลภหลงเชื่อผิด ๆ นานเข้าจะเป็นภัยต่อสังคมและราชบัลลังก์ บัดนี้โจโฉมีทหารประมาณสามสิบหมื่น อีกทั้งเป็นคนกล้าหาญมีสติปัญญา ถ้าโปรดเกล้าให้โจโฉเข้ามาทำราชการในเมืองหลวงเห็นทีจะปราบลิฉุยกุยกีได้ แต่ก่อนนั้นจะทำอุบายให้ลิฉุยกุยกีแตกคอรบพุ่งฆ่าฟันกันเองเสียก่อน แล้วถึงมีพระราชโองการเรียกโจโฉเข้ามาควบคุมสถานการณ์ในเมืองหลวง พระเจ้าเหี้ยนเต้ทรงเห็นชอบด้วย ทรงพระ อักษรเป็นโองการลับเรียกโจโฉเข้ามาปราบจลาจลในเมืองหลวง ถ้าเหตุการณ์สมคะเนเมื่อใด ให้เอียวปิวถือพระบรมราชโองการนี้ไปมอบให้โจโฉที่เมืองกุนจิ๋ว
ภรรยาของกุยกีนั้นเป็นคนขี้หึง เมื่อถูกคนยุยงว่าสามีลอบเป็นชู้กับภรรยาลิฉุย ถ้าถูกจับได้จะเป็นภัย พยายามห้ามสามีอย่าได้ไปค้างแรมที่บ้านลิฉุยดั่งเคย วันหนึ่ง เมื่อลิฉุยส่งของกินมาที่บ้านกุยกี ภรรยาลอบเอายาพิษใส่ลงในของนั้น เมื่อคนใช้ยกสำรับมากิน ภรรยากุยกีก็ห้ามว่าอย่าเพิ่งกิน ของพวกนี้อาจจะมียาพิษต้องชันสูตรก่อน แล้วโยนให้สุนัขกิน สุนัขก็ตาย กุยกีตกใจเริ่มสงสัยในเจตนาของลิฉุยที่มีต่อตน
ในระหว่างคนอธรรมมากเล่ห์ด้วยกัน ความคิดหวั่นระแวงที่ส่อเค้าไปในทางชั่วร้ายย่อมมีมากกว่าปรกติ เวลาผ่านพ้นไปเพียงไม่นาน ลิฉุยกับกุยกีก็แตกคอกัน ความเข้มแข็งมั่งคงที่เคยมีก็เริ่มอ่อนแอลง บ้านเมืองในยุคนั้นจึงเป็นยุคที่ขุนพลคุมกำลังต่างกลายเป็นนักฉวยโอกาสผลัดกันเป็นใหญ่ คนลำพองตัวใหญ่คับบ้านคับเมืองจึงมิใช่เป็นเพียงแค่ลิฉุยกับกุยกีเท่านั้น แม้แต่เตียวเจ เอียวฮอง นายทหารรุ่นน้องที่อยู่ในกองทัพต่างเริ่มมีบทบาทกร่างอิทธิพลในสังคมมากขึ้นตามลำดับ
ฝ่ายโจโฉหลังจากได้รับความดีความชอบเป็นขุนพลผู้ทรงธรรม ครองเมืองกุนจิ๋วเป็นแม่ทัพคุมภาคตะวันออกทั้งหมด โจโฉเริ่มคิดการใหญ่อย่างสุขุม เกลี้ยกล่อมผู้คนเสาะหาผู้มีปัญญาความรู้ความสามารถมาอยู่รอบกาย จึงให้ทหารถือหนังสือไปรับตัวโจโก๋บิดากับญาติพี่น้องที่อยู่เมืองตันลิวให้มาอยู่ด้วยกัน พอถึงเมืองชีจิ๋ว โตเกี๋ยมเจ้าเมืองอยากเอาใจโจโฉเพื่อฝากตัวไว้สำหรับวันข้างหน้า จึงต้อนรับโจโก๋กับคณะให้พักอยู่ที่เมืองชีจิ๋ว 2 วัน แล้วสั่งให้เตียวคีคุมทหาร 500 คนไปส่งโจโก๋ที่เมืองกุนจิ๋ว
เป็นคราวเคราะห์ของโตเกี๋ยม เตียวคีเคยเป็นสมาชิกของพวกโจรโพกผ้าเหลือง เห็นโจโก๋มีทรัพย์สม บัติใส่เกวียนมาเป็นอันมาก บังเกิดความโลภ อีกทั้งยังมีความพยาบาทโจโฉที่ปราบโจรโพกผ้าเหลืองฆ่าญาติพี่น้องกับเพื่อนตายไปมากมาย พอตกค่ำเตียมคีคุมทหารเข้าปล้นโจโก๋ ฆ่าโจโก๋กับญาติตายอย่างทารุณ เก็บกวาดทรัพย์สินทั้งปวงหลบหนีเข้าป่าไป
โจโฉพอทราบข่าวว่าบิดาถูกฆ่าตาย ตกใจจนเป็นลมสิ้นสติตกจากเก้าอี้ พอรู้สึกตัวก็แค้นแผดเสียงก้อง จะต้องฆ่าไอ้โตเกี๋ยมที่ฆ่าพ่อ ชาตินี้จะอยู่ใต้ฟ้าเดียวกันไม่ได้ จะต้องยกทัพไปเหยียบเมืองชีจิ๋ว จะฆ่าทุกอย่างให้หมดจึงจะหายจากความแค้นในครั้งนี้ แล้วโจโฉจึงยกทัพออกคำสั่งแก่ทหารว่า ถ้าตีเมืองชีจิ๋วได้ให้ฆ่าชาวชีจิ๋วทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นหญิงชายเด็กผู้ใหญ่ โตเกี๋ยมส่งคนมาชี้แจงให้ทราบว่า ตนมิได้รู้เห็นเป็นใจกับเตียวคี และปรารถนาจะสวามิภักดิ์ต่อโจโฉ แต่โจโฉหายอมเชื่อไม่ แม้แต่ตันก๋งอดีตเจ้าเมืองจงพวนที่แยกทางกับโจโฉตอนฆ่าแปะเฉียกับครอบครัว ตันก๋งรู้จักโตเกี๋ยมว่าเป็นคนดีมีศีลธรรม ก็ยังแบกหน้ามาช่วยพูดขอร้องโจโฉให้รู้ความจริง โจโฉก็ไม่ยอมฟัง โตเกี๋ยมหมดทางหลีกจึงจำเป็นต้องดิ้นหาทางออก บิ๊ต๊กกุนซือของโตเกี๋ยมแนะนำให้มีหนังสือขอความช่วยเหลือไปยังหัวเมืองที่เป็นมิตร จำนวนนี้มีขงหยงเจ้าเมืองปักไฮ เต๊งไก๋เจ้าเมืองเซียงจิ๋ว กับเล่าปี่เจ้าเมืองเพงงวนก๋วน ซึ่งไปขอทหารจากกองซุนจ้านได้มา 5000 คนรวมทั้งเตียวจูล่งนายทหารอาชีพฝีมือเยี่ยมคนหนึ่งแห่งยุครวมอยู่ในนั้นด้วย
เล่าปี่ กวนอู เตียวหุย จูล่ง พอถึงเมืองชีจิ๋ว โตเกี๋ยมเจ้าเมืองออกปากจะยกเมืองให้เล่าปี่ แล้วจะกราบทูลฮ่องเต้ทีหลัง แต่เล่าปี่ไม่ยอมรับ ที่มาช่วยชีจิ๋วเพราะความเป็นเพื่อน และเพื่อคุณธรรม หากรับเป็นเจ้าเมืองผู้คนก็จะแปลเจตนาเป็นอย่างอื่น เล่าปี่ถามโตเกี๋ยมว่าทำไมไม่ยกตำแหน่งเจ้าเมืองให้ลูกชาย 2 คนโตเกี๋ยมตอบว่า บุตรชายทั้งสองหาสติปัญญามิได้ ขืนให้ปกครองบ้านเมืองราษฎรจะได้รับความเดือนร้อนไปทั่ว เล่าปี่แนะโตเกี๋ยมอีกว่า ไฉนไม่ยกเมืองให้อ้วนเสี้ยวเจ้าเมืองกิจิ๋ว มีคนนับถือมีเชื้อสายขุนนางมา 4 ชั่วคน ขงหยงเจ้าเมืองปักไฮขัดขึ้นมาทันทีว่า อันอ้วนเสี้ยวนั้นอุปมาดั่งกระดูกผุในฮวงซุ้ย ที่จะยกเมืองให้นั้นมิควร
เล่าปี่จึงเสนอทางออก ทำหนังสือส่วนตัวถึงโจโฉ ขอให้เห็นแก่มิตรภาพ ยืนยันว่าโตเกี๋ยมเป็นคนมีคุณธรรม มิได้สมรู้ร่วมคิดกับเตียวคี ขอให้ระงับความคิดที่จะตีเมืองชีจิ๋วเสีย โจโฉได้รับหนังสือเล่าปี่ก็โกรธ แต่ก็เห็นกำลังทัพของโตเกี๋ยมเพิ่มมากขึ้น จึงตั้งทัพเฝ้าดูท่าทีก่อน
ตันก๋งเมื่อผิดหวังจากการขอร้องโจโฉ กลับไปวางแผนกับลิโป้ ยกทัพไปตลบหลังบุกยึดเมืองตงกุ๋น โจโฉทราบข่าวตกใจยิ่งนัก เป็นห่วงลูกเมียทางบ้าน กุยแกแนะนำให้โจโฉทำหนังสือลวงตอบรับเล่าปี่ให้ตายใจ เห็นแก่เล่าปี่จึงตกลงยกทัพกลับ แต่การตัดสินใจของโจโฉช้าไป ลิโป้ ตันก๋งกับแม่ทัพเตียวเลี้ยวเดินทัพอย่างสายฟ้าแลบเข้ายึดเมืองกุนจิ๋วไว้ได้ ตีหัวเมืองรายทางจนถึงเมืองปักเอี้ยง ทัพโจโฉกับลิโป้ปะทะกันที่นั่น โจโฉพลาดท่าเสียกลพิชัยสงครามตันก๋ง ล่อให้โจโฉเดินทัพเข้าเมืองแล้วดักเผาเมืองเอาไฟครอก โจโฉขับม้าฝ่าเพลิงหนี พบลิโป้ถือทวนขับม้าสวนมา โจโฉตกใจกลัวเอามือขวาขึ้นบังหน้า ลิโป้มิทันสังเกต คิดว่าเป็นทหารของฝ่ายตน กรายทวนเคาะศีรษะโจโฉถามว่ามันไปทางไหน โจโฉหลบหน้าหนีชี้ไปข้างหน้าบอกว่า โจโฉขี่ม้าเหลืองหนีไปทางโน้น ไฟไหม้ขื่อหอรบพังลงมาถูกก้นม้าโจโฉล้มตายในกองไฟ โจโฉดิ้นออกมาได้ แต่เสื้อ ผมบนศีรษะกับหนวดยังมีไฟติดไหม้อยู่ โจโฉต้องปัดลูบดับไฟที่ไหม้หนวด ไหม้ผมกับเสื้อผ้า กว่าที่จะหนีออกจากประตูเมืองได้
ครั้นกลับมาถึงค่าย โจโฉใช้กุศโลบายพิชัยสงครามตอบโต้ลิโป้ ให้ทหารนุ่งขาวห่มขาวร้องไห้ว่าโจโฉตาย แล้วให้กองทหารซุ่มอยู่ที่ชัยภูมิเหมาะสม ลิโป้คิดว่าโจโฉตายจริง ตั้งใจพิชิตศึกยกทหารเข้าทำลายค่าย
โจโฉจึงหลงกลตกอยู่ในที่ล้อม เสียไพร่พลทหารเป็นจำนวนมาก ต้องรบหนีฝ่าวงล้อมกลับเข้าเมืองปักเอี้ยง เกณฑ์ทหารรักษาหน้าที่บนเชิงเทินอย่างเข้มแข็ง
เมื่อโจโฉยกทัพกลับ โตเกี๋ยมซึ่งเริ่มป่วยหนักออกปากมอบเมืองชีจิ๋วให้เล่าปี่อีกครั้งหนึ่ง กวนอู เตียวหุย รวมทั้งขงหยงกับบิต๊กต่างสนับสนุนให้เล่าปี่รับตราตั้งของเจ้าเมือง แต่เล่าปี่ยืนกรานไม่รับ ต้องการรักษาคุณธรรมจริยธรรมอันเป็นปรัชญาชีวิตของตนเอง โตเกี๋ยมหมดปัญญา ออกปากให้เล่าปี่ไปอยู่เมืองเสียวพ่าย ซึ่งเป็นเมืองเล็กในแคว้นชีจิ๋วก็จริง แต่อุดมสมบูรณ์ด้วยธัญญาหาร เล่าปี่จึงยอมรับ กิตติศัพท์ความมีคุณธรรมของเล่าปี่จึงระบือไปทั่ว ทำให้ประชาราษฎรต่างนับถือรักใครเล่าปี่เป็นอันมาก
ภรรยาของกุยกีนั้นเป็นคนขี้หึง เมื่อถูกคนยุยงว่าสามีลอบเป็นชู้กับภรรยาลิฉุย ถ้าถูกจับได้จะเป็นภัย พยายามห้ามสามีอย่าได้ไปค้างแรมที่บ้านลิฉุยดั่งเคย วันหนึ่ง เมื่อลิฉุยส่งของกินมาที่บ้านกุยกี ภรรยาลอบเอายาพิษใส่ลงในของนั้น เมื่อคนใช้ยกสำรับมากิน ภรรยากุยกีก็ห้ามว่าอย่าเพิ่งกิน ของพวกนี้อาจจะมียาพิษต้องชันสูตรก่อน แล้วโยนให้สุนัขกิน สุนัขก็ตาย กุยกีตกใจเริ่มสงสัยในเจตนาของลิฉุยที่มีต่อตน
ในระหว่างคนอธรรมมากเล่ห์ด้วยกัน ความคิดหวั่นระแวงที่ส่อเค้าไปในทางชั่วร้ายย่อมมีมากกว่าปรกติ เวลาผ่านพ้นไปเพียงไม่นาน ลิฉุยกับกุยกีก็แตกคอกัน ความเข้มแข็งมั่งคงที่เคยมีก็เริ่มอ่อนแอลง บ้านเมืองในยุคนั้นจึงเป็นยุคที่ขุนพลคุมกำลังต่างกลายเป็นนักฉวยโอกาสผลัดกันเป็นใหญ่ คนลำพองตัวใหญ่คับบ้านคับเมืองจึงมิใช่เป็นเพียงแค่ลิฉุยกับกุยกีเท่านั้น แม้แต่เตียวเจ เอียวฮอง นายทหารรุ่นน้องที่อยู่ในกองทัพต่างเริ่มมีบทบาทกร่างอิทธิพลในสังคมมากขึ้นตามลำดับ
ฝ่ายโจโฉหลังจากได้รับความดีความชอบเป็นขุนพลผู้ทรงธรรม ครองเมืองกุนจิ๋วเป็นแม่ทัพคุมภาคตะวันออกทั้งหมด โจโฉเริ่มคิดการใหญ่อย่างสุขุม เกลี้ยกล่อมผู้คนเสาะหาผู้มีปัญญาความรู้ความสามารถมาอยู่รอบกาย จึงให้ทหารถือหนังสือไปรับตัวโจโก๋บิดากับญาติพี่น้องที่อยู่เมืองตันลิวให้มาอยู่ด้วยกัน พอถึงเมืองชีจิ๋ว โตเกี๋ยมเจ้าเมืองอยากเอาใจโจโฉเพื่อฝากตัวไว้สำหรับวันข้างหน้า จึงต้อนรับโจโก๋กับคณะให้พักอยู่ที่เมืองชีจิ๋ว 2 วัน แล้วสั่งให้เตียวคีคุมทหาร 500 คนไปส่งโจโก๋ที่เมืองกุนจิ๋ว
เป็นคราวเคราะห์ของโตเกี๋ยม เตียวคีเคยเป็นสมาชิกของพวกโจรโพกผ้าเหลือง เห็นโจโก๋มีทรัพย์สม บัติใส่เกวียนมาเป็นอันมาก บังเกิดความโลภ อีกทั้งยังมีความพยาบาทโจโฉที่ปราบโจรโพกผ้าเหลืองฆ่าญาติพี่น้องกับเพื่อนตายไปมากมาย พอตกค่ำเตียมคีคุมทหารเข้าปล้นโจโก๋ ฆ่าโจโก๋กับญาติตายอย่างทารุณ เก็บกวาดทรัพย์สินทั้งปวงหลบหนีเข้าป่าไป
โจโฉพอทราบข่าวว่าบิดาถูกฆ่าตาย ตกใจจนเป็นลมสิ้นสติตกจากเก้าอี้ พอรู้สึกตัวก็แค้นแผดเสียงก้อง จะต้องฆ่าไอ้โตเกี๋ยมที่ฆ่าพ่อ ชาตินี้จะอยู่ใต้ฟ้าเดียวกันไม่ได้ จะต้องยกทัพไปเหยียบเมืองชีจิ๋ว จะฆ่าทุกอย่างให้หมดจึงจะหายจากความแค้นในครั้งนี้ แล้วโจโฉจึงยกทัพออกคำสั่งแก่ทหารว่า ถ้าตีเมืองชีจิ๋วได้ให้ฆ่าชาวชีจิ๋วทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นหญิงชายเด็กผู้ใหญ่ โตเกี๋ยมส่งคนมาชี้แจงให้ทราบว่า ตนมิได้รู้เห็นเป็นใจกับเตียวคี และปรารถนาจะสวามิภักดิ์ต่อโจโฉ แต่โจโฉหายอมเชื่อไม่ แม้แต่ตันก๋งอดีตเจ้าเมืองจงพวนที่แยกทางกับโจโฉตอนฆ่าแปะเฉียกับครอบครัว ตันก๋งรู้จักโตเกี๋ยมว่าเป็นคนดีมีศีลธรรม ก็ยังแบกหน้ามาช่วยพูดขอร้องโจโฉให้รู้ความจริง โจโฉก็ไม่ยอมฟัง โตเกี๋ยมหมดทางหลีกจึงจำเป็นต้องดิ้นหาทางออก บิ๊ต๊กกุนซือของโตเกี๋ยมแนะนำให้มีหนังสือขอความช่วยเหลือไปยังหัวเมืองที่เป็นมิตร จำนวนนี้มีขงหยงเจ้าเมืองปักไฮ เต๊งไก๋เจ้าเมืองเซียงจิ๋ว กับเล่าปี่เจ้าเมืองเพงงวนก๋วน ซึ่งไปขอทหารจากกองซุนจ้านได้มา 5000 คนรวมทั้งเตียวจูล่งนายทหารอาชีพฝีมือเยี่ยมคนหนึ่งแห่งยุครวมอยู่ในนั้นด้วย
เล่าปี่ กวนอู เตียวหุย จูล่ง พอถึงเมืองชีจิ๋ว โตเกี๋ยมเจ้าเมืองออกปากจะยกเมืองให้เล่าปี่ แล้วจะกราบทูลฮ่องเต้ทีหลัง แต่เล่าปี่ไม่ยอมรับ ที่มาช่วยชีจิ๋วเพราะความเป็นเพื่อน และเพื่อคุณธรรม หากรับเป็นเจ้าเมืองผู้คนก็จะแปลเจตนาเป็นอย่างอื่น เล่าปี่ถามโตเกี๋ยมว่าทำไมไม่ยกตำแหน่งเจ้าเมืองให้ลูกชาย 2 คนโตเกี๋ยมตอบว่า บุตรชายทั้งสองหาสติปัญญามิได้ ขืนให้ปกครองบ้านเมืองราษฎรจะได้รับความเดือนร้อนไปทั่ว เล่าปี่แนะโตเกี๋ยมอีกว่า ไฉนไม่ยกเมืองให้อ้วนเสี้ยวเจ้าเมืองกิจิ๋ว มีคนนับถือมีเชื้อสายขุนนางมา 4 ชั่วคน ขงหยงเจ้าเมืองปักไฮขัดขึ้นมาทันทีว่า อันอ้วนเสี้ยวนั้นอุปมาดั่งกระดูกผุในฮวงซุ้ย ที่จะยกเมืองให้นั้นมิควร
เล่าปี่จึงเสนอทางออก ทำหนังสือส่วนตัวถึงโจโฉ ขอให้เห็นแก่มิตรภาพ ยืนยันว่าโตเกี๋ยมเป็นคนมีคุณธรรม มิได้สมรู้ร่วมคิดกับเตียวคี ขอให้ระงับความคิดที่จะตีเมืองชีจิ๋วเสีย โจโฉได้รับหนังสือเล่าปี่ก็โกรธ แต่ก็เห็นกำลังทัพของโตเกี๋ยมเพิ่มมากขึ้น จึงตั้งทัพเฝ้าดูท่าทีก่อน
ตันก๋งเมื่อผิดหวังจากการขอร้องโจโฉ กลับไปวางแผนกับลิโป้ ยกทัพไปตลบหลังบุกยึดเมืองตงกุ๋น โจโฉทราบข่าวตกใจยิ่งนัก เป็นห่วงลูกเมียทางบ้าน กุยแกแนะนำให้โจโฉทำหนังสือลวงตอบรับเล่าปี่ให้ตายใจ เห็นแก่เล่าปี่จึงตกลงยกทัพกลับ แต่การตัดสินใจของโจโฉช้าไป ลิโป้ ตันก๋งกับแม่ทัพเตียวเลี้ยวเดินทัพอย่างสายฟ้าแลบเข้ายึดเมืองกุนจิ๋วไว้ได้ ตีหัวเมืองรายทางจนถึงเมืองปักเอี้ยง ทัพโจโฉกับลิโป้ปะทะกันที่นั่น โจโฉพลาดท่าเสียกลพิชัยสงครามตันก๋ง ล่อให้โจโฉเดินทัพเข้าเมืองแล้วดักเผาเมืองเอาไฟครอก โจโฉขับม้าฝ่าเพลิงหนี พบลิโป้ถือทวนขับม้าสวนมา โจโฉตกใจกลัวเอามือขวาขึ้นบังหน้า ลิโป้มิทันสังเกต คิดว่าเป็นทหารของฝ่ายตน กรายทวนเคาะศีรษะโจโฉถามว่ามันไปทางไหน โจโฉหลบหน้าหนีชี้ไปข้างหน้าบอกว่า โจโฉขี่ม้าเหลืองหนีไปทางโน้น ไฟไหม้ขื่อหอรบพังลงมาถูกก้นม้าโจโฉล้มตายในกองไฟ โจโฉดิ้นออกมาได้ แต่เสื้อ ผมบนศีรษะกับหนวดยังมีไฟติดไหม้อยู่ โจโฉต้องปัดลูบดับไฟที่ไหม้หนวด ไหม้ผมกับเสื้อผ้า กว่าที่จะหนีออกจากประตูเมืองได้
ครั้นกลับมาถึงค่าย โจโฉใช้กุศโลบายพิชัยสงครามตอบโต้ลิโป้ ให้ทหารนุ่งขาวห่มขาวร้องไห้ว่าโจโฉตาย แล้วให้กองทหารซุ่มอยู่ที่ชัยภูมิเหมาะสม ลิโป้คิดว่าโจโฉตายจริง ตั้งใจพิชิตศึกยกทหารเข้าทำลายค่าย
โจโฉจึงหลงกลตกอยู่ในที่ล้อม เสียไพร่พลทหารเป็นจำนวนมาก ต้องรบหนีฝ่าวงล้อมกลับเข้าเมืองปักเอี้ยง เกณฑ์ทหารรักษาหน้าที่บนเชิงเทินอย่างเข้มแข็ง
เมื่อโจโฉยกทัพกลับ โตเกี๋ยมซึ่งเริ่มป่วยหนักออกปากมอบเมืองชีจิ๋วให้เล่าปี่อีกครั้งหนึ่ง กวนอู เตียวหุย รวมทั้งขงหยงกับบิต๊กต่างสนับสนุนให้เล่าปี่รับตราตั้งของเจ้าเมือง แต่เล่าปี่ยืนกรานไม่รับ ต้องการรักษาคุณธรรมจริยธรรมอันเป็นปรัชญาชีวิตของตนเอง โตเกี๋ยมหมดปัญญา ออกปากให้เล่าปี่ไปอยู่เมืองเสียวพ่าย ซึ่งเป็นเมืองเล็กในแคว้นชีจิ๋วก็จริง แต่อุดมสมบูรณ์ด้วยธัญญาหาร เล่าปี่จึงยอมรับ กิตติศัพท์ความมีคุณธรรมของเล่าปี่จึงระบือไปทั่ว ทำให้ประชาราษฎรต่างนับถือรักใครเล่าปี่เป็นอันมาก