ตอนที่ 148. กำเนิดยุทธวิธีตีกองเสบียง

ในขณะที่กองทัพอ้วนเสี้ยวคิดแผนการใช้สงครามอุโมงค์เข้าทำลายกองทัพของโจโฉ เล่าหัวที่ปรึกษาของโจโฉซึ่งแม้จะไม่เคยรู้เคยเห็นมาก่อนเกี่ยวกับสงครามอุโมงค์แต่สามารถคาดการณ์ได้ว่าการที่ทหารของอ้วนเสี้ยวขุดอุโมงค์อยู่นั้นคือแผนการที่จะยกกำลังตามช่องอุโมงค์เข้ามาในค่าย จึงเสนอให้โจโฉสั่งทหารขุดคูป้องกันไว้โดยรอบค่าย

            โจโฉฟังข้อเสนอแล้วเห็นด้วยกับความคิดของเล่าหัว จึงสั่งการให้ทหารเร่งขุดคูโดยรอบค่าย เป็นคูกว้างหนึ่งวา ลึกสองวา ระดมทหารกว่าสองหมื่นคนเร่งระดมขุดทั้งคืนก็แล้วเสร็จ

            จากนั้นโจโฉจึงสั่งการให้พลเกาทัณฑ์ไปลาดตระเวนโดยรอบคูที่ขุดไว้นั้น เมื่อใดที่เห็นทหารอ้วนเสี้ยวขุดอุโมงค์มาถึงคูก็ให้ระดมยิงเกาทัณฑ์ อย่าให้ล่วงล้ำเข้ามาขุดต่อไปได้

            ฝ่ายทหารของอ้วนเสี้ยวซึ่งขุดอุโมงค์อยู่นั้น พอขุดมาถึงคูก็ถูกพลเกาทัณฑ์ของโจโฉระดมยิงจนไม่สามารถออกมาที่คูได้และไม่สามารถขุดอุโมงค์ต่อไปได้ จึงพากันเข้าไปรายงานให้อ้วนเสี้ยวทราบ

            อ้วนเสี้ยวฟังรายงานของทหารที่ขุดอุโมงค์สายต่าง ๆ แล้ว ไม่รู้ที่จะคิดอ่านแก้ไขประการใดที่จะเอาชัยชนะแก่กองทัพของโจโฉ จึงพาลสั่งให้ถอยทัพเสียดื้อ ๆ แล้วมาตั้งค่ายอยู่ไกลจากตำบลกัวต่อถึงสามร้อยเส้น

            กองทัพโจโฉยังตั้งมั่นอยู่ในที่เดิม ทั้งสองฝ่ายต่างคุมเชิงกันอยู่ในระยะห่างสามร้อยเส้น ตั้งแต่เดือนสิบจนถึงเดือนสิบเอ็ด เริ่มเข้าฤดูหนาวโจโฉคาดการว่าอ้วนเสี้ยวคงจะไม่ยกกองทัพรุกต่อไปอีกแล้ว จึงคิดอ่านที่จะวางกำลังบางส่วนยันกองทัพอ้วนเสี้ยวไว้แล้วถอนกองทัพส่วนใหญ่กลับเมืองหลวง

            ในขณะที่กำลังวางแผนถอนทัพอยู่นั้น พลตระเวนของซิหลงจับทหารของอ้วนเสี้ยวได้คนหนึ่งจึงนำตัวเข้ามาให้โจโฉไต่สวน

            พลทหารของอ้วนเสี้ยวเกรงอาญาของโจโฉจึงบอกความจริงให้ทราบว่าเป็นหน่วยลาดตระเวนในสังกัดของฮันเบ๋ง อ้วนเสี้ยวได้สั่งการให้ฮันเบ๋งไปขนเสบียงมาส่งกองทัพ และบัดนี้กองเสบียงกำลังจะมาถึงตำบลกัวต่อ คาดว่าสองยามคืนนี้จะเดินทางถึงค่ายของอ้วนเสี้ยว

            ซุนฮิวที่ปรึกษาของโจโฉฟังการไต่สวนอยู่ พอโจโฉสั่งให้เอาทหารของอ้วนเสี้ยวไปขังไว้แล้ว ซุนฮิวจึงเสนอว่าฮันเบ๋งนายกองเสบียงของอ้วนเสี้ยวผู้นี้ข้าพเจ้าเคยได้ยินกิตติศัพท์อยู่ว่ามีฝีมือการรบเข้มแข็ง แต่ทว่าไร้สติปัญญา จึงขอให้ท่านจัดกำลังสามพันยกไปโจมตีกองเสบียงของฮันเบ๋งอย่าให้ส่งถึงค่ายของอ้วนเสี้ยวได้ กองทัพของอ้วนเสี้ยวคงจะระส่ำระสายเป็นแน่แท้

            โจโฉจึงปรึกษาว่าในกองทัพของเราสมควรให้นายทหารคนใดคุมกำลังยกไปทำการในครั้งนี้ ซุนฮิวได้ไตร่ตรองแล้วเสนอว่าหากตั้งให้ซิหลงคุมทหารยกไปคงจะได้การ

            โจโฉเห็นชอบกับข้อเสนอ จึงเรียกบรรดาแม่ทัพนายกองเข้ามารับคำสั่งทางยุทธการ ครั้นมาพร้อมกันแล้วโจโฉจึงว่าก่อนสองยามวันนี้เราจะโจมตีทำลายกองเสบียงซึ่งฮันเบ๋งกำลังลำเลียงไปส่งให้แก่กองทัพของอ้วนเสี้ยว ภารกิจนี้เป็นภารกิจที่สำคัญ หากทำลายเสบียงได้สำเร็จ กองทัพอ้วนเสี้ยวก็จะเสียทีแก่เรา ดังนั้นจึงตั้งให้    ซิหลงและสูฮวนคุมทหารสามพันยกไปตั้งซุ่มอยู่ที่ซอกเขาต้นทางที่จะมายังค่ายของอ้วนเสี้ยว เมื่อใดที่ฮันเบ๋งลำเลียงกองเสบียงมาถึงก็ให้เข้าโจมตีแล้วเผาเสบียงเสียให้สิ้น

            และสั่งการต่อไปว่าเมื่อกองทหารของซิหลงและสูฮวนเผาเสบียงดังกล่าวแล้ว แสงเพลิงในยามราตรีย่อมโชติช่วงสู่ท้องฟ้า อ้วนเสี้ยวคงจะสั่งการให้ยกทหารมาช่วย ดังนั้นเราจะตีกองทหารที่ยกมาช่วยนี้ให้แตกไปอีกกองหนึ่ง จึงให้เตียวเลี้ยวและเคาทูคุมทหารอีกห้าพันออกไปซุ่มอยู่สองข้างทางระหว่างค่ายอ้วนเสี้ยวกับซอกเขาซึ่งซิหลงและสูฮวนยกไปตั้งสกัด เมื่อใดที่กองทหารอ้วนเสี้ยวยกออกไปช่วยกองเสบียงก็ให้ผ่านไปก่อน แล้วค่อยยกตีตลบหลัง

            สั่งการเสร็จแล้วนายทหารที่รับคำสั่งได้ออกมาจัดแจงทหาร พอค่ำลงก็ยกออกไปตั้งซุ่มอยู่ตามที่หมายที่กำหนดไว้ตามแผนการทุกประการ

            ยุทธวิธีเผาเสบียงเพื่อทำลายกองทัพข้าศึกได้เริ่มต้นขึ้นเป็นครั้งแรกในสามก๊กด้วยประการฉะนี้

            พอยามหนึ่งสิ้นไปไม่ทันนาน ซิหลงและสูฮวนซึ่งตั้งซุ่มอยู่ที่ซอกเขาเห็นฮันเบ๋งคุมกองเสบียงมาถึงจึงสั่งทหารให้เข้าโจมตี และยิงธนูเพลิงเผาเกวียนลำเลียงเสบียง ทหารกองเสบียงเห็นเช่นนั้นก็ตกใจแตกตื่นอลหม่านถูกทหารของซิหลงฆ่าฟันล้มตายลงเป็นอันมาก

            ฮันเบ๋งได้เข้ารบด้วยซิหลงเป็นสามารถ แต่ไม่สามารถต้านทานกำลังทหารของซิหลงได้ จึงควบม้าหนี ทหารของฮันเบ๋งจึงแตกหนีไป กองเสบียงก็ถูกเพลิงเผาผลาญจนหมดสิ้น

            ขณะนั้นอ้วนเสี้ยวอยู่ในค่ายเห็นแสงเพลิงลุกโชติช่วงขึ้นจับท้องฟ้าทางด้านซอกเขาก็สงสัยว่ากองลำเลียงเสบียงจะถูกทหารของโจโฉเข้าโจมตี พอได้รับรายงานจากหน่วยลาดตระเวนว่าซิหลงทหารของโจโฉนำกำลังเข้าโจมตีเผาเสบียงที่ฮันเบ๋งกำลังลำเลียงมาที่ค่าย

            อ้วนเสี้ยวได้ฟังรายงานดังนั้นก็ตกใจ สั่งให้เตียวคับและโกลำคุมทหารห้าพันรีบยกไปช่วยฮันเบ๋ง

            เตียวเลี้ยวและเคาทูซึ่งคุมทหารซุ่มอยู่สองข้างทางเห็นเตียวคับและโกลำคุมทหารยกออกมาก็รู้ว่าเป็นไปตามแผนการที่โจโฉได้คาดหมายไว้ ต่างสรรเสริญความคิดอ่านของโจโฉเป็นอันมากและให้ทหารซุ่มเงียบอยู่ ปล่อยให้เตียวคับและโกลำคุมทหารผ่านไป

            ฝ่ายซิหลงกับสูฮวน ครั้นเผาเสบียงและโจมตีทหารของฮันเบ๋งแตกหนีไปแล้ว จึงพากันเดินทางจะกลับไปที่ค่าย จึงปะทะกับเตียวคับและโกลำซึ่งยกทหารจะไปช่วยฮันเบ๋ง ทั้งสองฝ่ายได้ต่อสู้กันเป็นสามารถ

            เตียวเลี้ยวและเคาทูตั้งซุ่มอยู่ได้ยินเสียงการต่อสู้ของทหารทั้งสองฝ่ายจึงสั่งให้เคลื่อนกำลังเข้าตีกระหนาบกองทหารของเตียวคับและโกลำ

            เตียวคับและโกลำรู้ตัวว่าถูกตีกระหนาบเข้ามาจากทั้งสองด้านก็ตกใจ ทั้งเห็นทหารตกใจแตกตื่นอลหม่าน ถูกทหารของโจโฉฆ่าฟันล้มตายลงเป็นอันมากจึงพากันตีฝ่าหนีกลับไปที่ค่าย

            ซิหลง เคาทู สูฮวน และเตียวเลี้ยวได้รับชัยชนะอย่างงดงาม จึงพากันยกกลับไปที่ค่ายรายงานความทั้งปวงให้โจโฉทราบ

            โจโฉทราบความแล้วมีความยินดีเป็นอันมาก สั่งให้ปูนบำเหน็จทหารทุกคนตามความชอบ

            ทางด้านฮันเบ๋งเมื่อเสียทีถูกเผาเสบียงและกองลำเลียงเสบียงก็แตกพ่ายหนีกลับไปถึงค่ายอ้วนเสี้ยวแล้วเข้าไปรายงานให้อ้วนเสี้ยวทราบ

            อ้วนเสี้ยวคุมความโกรธมาตั้งแต่รู้ว่ากองเสบียงถูกโจมตี พอเห็นหน้าฮันเบ๋งรู้ว่าเสียทีมาก็ยิ่งโกรธ ออกคำสั่งให้ทหารจับตัวฮันเบ๋งเอาไปประหาร

            บรรดาแม่ทัพนายกองซึ่งสนิทชิดเชื้อกับฮันเบ๋งเป็นส่วนใหญ่ได้พากันคุกเข่าขอชีวิตฮันเบ๋งไว้ว่าขณะนี้สถานการณ์กำลังอยู่หน้าศึก ไม่ชอบที่จะประหารหัวหน้ากองเสบียง จะทำให้ทหารเสียขวัญ อ้วนเสี้ยวเห็นนายทหารหลายคนขอชีวิตฮันเบ๋งก็เกรงใจจึงยกโทษประหารแล้วให้ทำหน้าที่ดังแต่ก่อน

            ฮันเบ๋งรอดตายจึงรีบคุกเข่าลงคำนับขอบคุณอ้วนเสี้ยวแล้วรีบลากลับไปที่กองทหารของตน

            สิมโพยที่ปรึกษาจึงกล่าวว่าอันธรรมดาการศึกย่อมต้องอาศัยเสบียง กองทัพของเรามีทหารกว่าเจ็ดสิบหมื่น ต้องใช้อาหารในแต่ละวันเป็นจำนวนมาก การลำเลียงเสบียงอาหารและการรักษาคลังเสบียงอาหารจึงมีความสำคัญอย่างยิ่งยวด วันนี้ฝ่ายเราถูกฝ่ายโจโฉโจมตีเผาทำลายกองเสบียง ทหารจะเสียขวัญและหากขาดเสบียงก็จะเกิดระส่ำระสายขึ้น

            สิมโพยได้เสนอต่อไปว่าการที่โจโฉโจมตีกองเสบียงครั้งนี้แสดงให้เห็นว่าโจโฉได้เห็นความสำคัญของเสบียงที่เป็นปัจจัยสำคัญของการทำสงคราม และเมื่อโจโฉเห็นความสำคัญเรื่องเสบียงดั่งนี้แล้วคงจะคิดอ่านทำลายเสบียงของฝ่ายเราต่อไปอีก เมื่อเป็นเช่นนี้จึงเป็นห่วงคลังเสบียงใหญ่ของเราซึ่งตั้งอยู่ที่ตำบลอัวเจ๋าว่าจะตกเป็นเป้าโจมตีเผาทำลายต่อไป และถ้าหากสูญเสียคลังเสบียงใหญ่ที่นี่แล้ว เห็นว่าเราจะเสียทีแก่โจโฉเป็นมั่นคง 

            สิมโพยเห็นอ้วนเสี้ยวนิ่งอึ้งอยู่จึงเสนอต่อไปว่าการสงครามครั้งนี้จะชี้ขาดแพ้ชนะอยู่ที่คลังเสบียงที่ตำบลอัวเจ๋าเป็นแน่แท้ เพราะฝ่ายโจโฉเองก็มีเสบียงไม่สมบูรณ์ อีกไม่นานคงจะต้องถอยทัพกลับไป แต่ถ้าหากคลังเสบียงที่ตำบลอัวเจ๋าถูกทำลายก่อนเราก็จะเสียที ดังนั้นจึงเสนอให้ท่านแต่งทหารไปคุ้มกันเสบียงที่ตำบลอัวเจ๋าไว้ให้มั่นคง และให้เร่งเสบียงเพิ่มเติมจากเมืองเงียบกุ๋นเพื่อชดเชยกับเสบียงที่ถูกเผาทำลายไป

            อ้วนเสี้ยวฟังข้อเสนอของสิมโพยแล้วจึงว่าความคิดของท่านดีแท้ เราจะทำตามคำท่าน แต่การเร่งเอาเสบียงจากเมืองเงียบกุ๋นนั้นเป็นเรื่องสำคัญจึงให้ท่านไปทำการ ส่วนการรักษาคลังเสบียงนั้นอ้วนเสี้ยวมีคำสั่งตั้งให้อิเขงเป็นนายกองเสบียงใหญ่ ยกทหารสองหมื่นไปคุ้มกันคลังเสบียงที่ตำบลอัวเจ๋า

            ในกองทัพอ้วนเสี้ยวขณะนี้คงเหลือแต่สิมโพยเท่านั้นที่พอนับได้ว่ามีสติปัญญาคิดอ่านการศึกได้แหลมคม แต่แทนที่อ้วนเสี้ยวจะให้สิมโพยอยู่ใกล้ตัวเพื่อปรึกษาหารือการสงครามกลับใช้ให้สิมโพยไปเป็นคนเร่งเสบียง อ้วนเสี้ยวจึงเท่ากับเป็นคนหัวขาด ณ บัดนั้น

            ทางด้านอิเขงนายกองเสบียงใหญ่ เป็นคนบ้ายศบ้าอย่าง พอถืออำนาจคุมงานด้านเสบียงก็เอาแต่บ้าอำนาจ ไม่เอาใจใส่ดูแลป้องกันคลังเสบียง แต่ละวันได้ชวนพรรคพวกเสพสุรา ใครทัดทานก็จะถูกลงโทษทัณฑ์ คลังเสบียงสำคัญของอ้วนเสี้ยวซึ่งเป็นปัจจัยชี้ขาดแพ้ชนะของสงครามครั้งนี้ ในแต่ละวันจึงมีแต่เสียงเฮสนั่นและเสียงร้องรำทำเพลงของพวกนักดื่มสุรา และกำลังชักพามัจจุราชเข้ามาสู่กองทัพของอ้วนเสี้ยว

            ด้วยเหตุนี้พระผู้มีพระภาคเจ้าจึงตรัสสอนว่าการตั้งให้ผู้ติดยึดในอบายมุขเป็นหัวหน้าเรือนคือการนำความวิบัติมาสู่ครอบครัว

            ฝ่ายโจโฉตั้งอยู่ที่ตำบลกัวต่อ นานวันเข้าเสบียงอาหารของกองทัพก็ร่อยหรอลง ครั้นจะคิดถอนทัพกลับเมืองหลวงตามความคิดเดิมก็เห็นการศึกกำลังจะได้ที จึงชะลอการถอนทัพเอาไว้ก่อนแล้วให้ทหารถือหนังสือเร่งเสบียงไปถึงซุนฮกที่เมืองหลวงให้รีบส่งเสบียงเพิ่มเติมเป็นการด่วน

            ทหารเดินสารของโจโฉออกจากค่ายไปเพียงสามร้อยเส้นก็ถูกกองลาดตระเวนของอ้วนเสี้ยวจับตัวได้ แล้วนำตัวไปส่งให้กับเขาฮิวซึ่งเป็นที่ปรึกษาของอ้วนเสี้ยว

            อันเขาฮิวผู้นี้เคยเป็นเพื่อนกับโจโฉมาตั้งแต่วัยเด็ก พอเจริญวัยขึ้นต่างแยกย้ายกันไป โดยโจโฉไปเป็นใหญ่อยู่ในเมืองหลวง ส่วนเขาฮิวมารับราชการอยู่กับอ้วนเสี้ยว และได้รับตำแหน่งเป็นที่ปรึกษา แต่ไม่ค่อยจะได้รับการขอคำปรึกษาเนื่องจากเขาฮิวเป็นคนประเภทที่ไม่ชอบเฝ้าเช้าเฝ้าเย็นเหมือนกับที่ปรึกษาแบบสิมโพย ดังนั้นบทบาทของเขาฮิวในกองทัพอ้วนเสี้ยวจึงสู้บทบาทของสิมโพยไม่ได้

            ถึงกระนั้นเขาฮิวก็ถูกสิมโพยอิจฉาริษยากีดกันไม่ให้เข้าใกล้อ้วนเสี้ยว ด้วยเกรงว่าสติปัญญาของเขาฮิวจะปรากฏขึ้นว่าเสมอหรือมากกว่าตัว ดังนั้นสิมโพยจึงพยายามที่จะริดรอนอำนาจของเขาฮิวและสกัดกั้นไม่ให้พบปะกับอ้วนเสี้ยว

            ด้วยเหตุนี้เขาฮิวจึงพำนักอยู่ในค่ายที่ไกลออกไปจากค่ายของอ้วนเสี้ยว และเนื่องจากความวู่วามของอ้วนเสี้ยวนั้นเป็นที่รู้กันทั่วทั้งกองทัพ ทหารเหล่าต่าง ๆ หากไม่มีความจำเป็นถึงขนาดก็ไม่มีผู้ใดใคร่ขอพบอ้วนเสี้ยว รักที่จะเสนอเรื่องราวต่าง ๆ ผ่านทางที่ปรึกษา เหตุนี้ทหารเดินสารของโจโฉจึงถูกนำตัวมามอบแก่เขาฮิว.

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ตัวอย่างกระทู้ธรรม ธรรมศึกษาชั้นตรี 5

ปัญหาและเฉลยวิชาธรรม นักธรรมชั้นโท สอบในสนามหลวง วันเสาร์ ที่ ๑๙ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๔๘

I miss you all กับ I miss all of you ต่างกันอย่างไร