ตอนที่ 145. ยุทธศาสตร์ของกังตั๋ง

ซุนกวนมีนรลักษณ์ต้องด้วยลักษณะของผู้เป็นใหญ่ รูปร่างหน้าตาสง่างาม หน้าผากใหญ่ ปากกว้าง จักษุแดง เมื่อยังน้อยอยู่เล่าอวนขุนนางผู้ใหญ่ในเมืองหลวงลงมาตรวจราชการเมืองกังตั๋ง เห็นบุตรซุนเกี๋ยนทั้งสี่คนมีบุคลิกลักษณะของผู้มีบุญ แต่ได้พยากรณ์สำหรับซุนกวนว่าเป็นผู้มีบุญมากกว่าพี่น้องทั้งปวง ทั้งจะมีอายุยืน นานไปจะเป็นใหญ่ในแผ่นดิน

            สิ้นบุญซุนเซ็กแล้ว ซุนกวนผู้น้องได้ครองอำนาจเหนือแคว้นกังตั๋งสืบต่อมา และรับเอาคำสั่งเสียสำคัญของซุนเซ็กผู้พี่ที่ว่าการข้างพลเรือนให้ปรึกษาเตียวเจียว การข้างทหารให้ปรึกษาจิวยี่มาปฏิบัติ

            เตียวเจียวได้เสนอให้รีบจัดการศพของซุนเซ็กโดยไว และเตรียมการรักษาเมืองกังตั๋งไม่ให้เป็นอันตราย ซุนกวนเห็นชอบแล้วสั่งการไปตามความเห็นของเตียวเจียว

            จิวยี่นั้นไม่เพียงแต่เป็นลูกน้องของซุนเซ็ก หากยังเป็นคู่เขยกับซุนเซ็กด้วย เพราะผู้พี่สาวคือนางไต้เกียวเป็นภรรยาของซุนเซ็ก ส่วนน้องสาวคือนางเสียวเกียวเป็นภรรยาของจิวยี่ แต่จิวยี่นั้นถ่อมตัวแล้วแนะนำให้ซุนกวนเชิญผู้มีสติปัญญาและฝีมือเข้มแข็งกล้าหาญมาร่วมทำการจงมากจึงจะทำการใหญ่ได้สำเร็จ

            ซุนกวนฟังคำจิวยี่ที่เสนอให้เชิญโลซกมาเป็นที่ปรึกษา แล้วมอบหมายให้จิวยี่ไปดำเนินการ ครั้นจิวยี่ได้ฟังคำปฏิเสธของโลซกที่อ้างเหตุผลว่ารับปากจะไปอยู่กับเตงโป้ไว้ก่อนแล้ว จึงว่า “เมื่อครั้งอองมังเป็นขบถได้ราชสมบัตินั้น บ้านเมืองก็เป็นจลาจลอยู่ ม้าอ้วนทหารนั้นจึงว่าแก่ฮั่นกองบู๊ว่าอันบ้านเมืองเป็นจลาจลอยู่ฉะนี้ ผู้ใดซึ่งมีฝีมือแลสติปัญญานั้นไม่ควรจะนิ่งอยู่ให้ท่านผู้ใหญ่มาหา ให้พิเคราะห์ตรึกตรองดูว่าท่านผู้ใดซึ่งมีน้ำใจกว้างขวาง โอบอ้อมอารี ควรจะเป็นเจ้านายได้ก็ให้เร่งคิดอ่านเข้าอยู่ด้วยจะได้เป็นที่พึ่งสืบไป”

            จิวยี่ยกคติในการแสวงหาเจ้านายแต่ครั้งประวัติศาสตร์ขึ้นแสดงเป็นปฐมบท แล้วกล่าวต่อไปว่าซุนกวนนายเรา ณ บัดนี้ครองอำนาจเป็นใหญ่ในดินแดนกังตั๋ง เป็นผู้มีสติปัญญาและน้ำใจโอบอ้อมอารีแก่คนทั้งปวง มีจิตใจตั้งมั่นที่จะทำนุบำรุงแผ่นดินและอาณาประชาราษฎรให้เป็นสุข นับเป็นวีรชนที่ท่านควรเข้าหาร่วมทำการด้วย ดีเสียกว่าที่จะไปอยู่กับเตงโป้เจ้าเมืองเจาอ๋อ ซึ่งเป็นเพียงหัวเมืองเล็ก และหาใช่วีรชนไม่ ท่านจงไตร่ตรองดูให้ถ่องแท้

            โลซกได้ฟังคำจิวยี่แล้วจึงว่า เหตุผลตามคำท่านนั้นก็ควรอยู่ ตัวข้าพเจ้าทุกวันนี้เห็นแผ่นดินเป็นจลาจลก็ทุกข์ร้อนด้วยแผ่นดิน แสวงหาวีรชนที่จะเป็นหลักนำพาชาติบ้านเมืองไปสู่ความสงบสุขและสันติ ตัวซุนกวนแม้อายุยังน้อยแต่ข้าพเจ้าก็ได้ยินกิตติศัพท์อยู่ แลเมื่อตัวท่านซึ่งเป็นหลักคนหนึ่งของตระกูล “ซุน” สนับสนุนแนะนำดั่งนี้ ข้าพเจ้าจึงตกลงใจที่จะไปทำการด้วยซุนกวน

            จิวยี่ได้ฟังก็มีความยินดี รอจนโลซกจัดเตรียมข้าวของพร้อมแล้วจึงพากันเดินทางกลับไปเมืองกังตั๋ง

            ซุนกวนเห็นจิวยี่พาโลซกมาก็ยินดี ออกมาต้อนรับโลซกถึงหน้าประตูจวน แล้วชวนสนทนาเกี่ยวด้วยการสงครามตั้งแต่เช้าจนถึงเที่ยง ซุนกวนจะไต่ถามการสงครามประการใด โลซกก็พรรณนาความจนกระจ่างแจ้งถูกอัธยาศัยซุนกวนเป็นอันมาก

            ครั้นเที่ยงแล้วซุนกวนจึงสั่งให้แต่งโต๊ะเลี้ยงต้อนรับโลซกที่จวน แล้วชวนสนทนาอยู่จนค่ำ แต่งโต๊ะเลี้ยงโลซกมื้อค่ำอีกครั้งหนึ่ง

            หลังเลี้ยงโต๊ะซุนกวนก็ยังชวนโลซกสนทนาทั้งในด้านการสงครามและความเมืองจนกระทั่งถึงดึกจึงชวนโลซกนอนค้างคืนด้วยกันที่จวน ซุนกวนมีน้ำใจรักโลซกเป็นอันมาก สามก๊กฉบับเจ้าพระยาพระคลัง (หน) บรรยายว่า “ซุนกวนมีความรักจึงเอาขาก่ายโลซก”

            ถ้าจะฟังเพียงเท่านี้ก็อาจจะสงสัยว่าซุนกวนเป็นกะเทย มีความรักโลซกซึ่งเป็นเพศเดียวกัน แต่ความจริงนั้นความรักผูกพันและต้องอัธยาศัยของชายด้วยกันที่ถึงขนาดนอนกอดก่ายกันได้ก็มีอยู่ หาใช่เพราะความสัมพันธ์อันวิปริตในทางเพศเหมือนกับรัฐมนตรีบางคนไม่

            เพราะในขณะที่นอนก่ายขากันอยู่นั้น สิ่งที่สนทนากันไม่มีเรื่องใดที่เป็นเรื่องส่วนตัวหรือเรื่องเพศ หากเป็นเรื่องเกี่ยวด้วยความเมืองและการสงครามทั้งสิ้น

            ในขณะที่ซุนกวนเอาขาก่ายโลซกอยู่นั้น ปากก็ว่า “ทุกวันนี้พระเจ้าเหี้ยนเต้เสวยราชย์สมบัติ แผ่นดินก็เป็นจลาจลต่าง ๆ เราเห็นว่าบ้านเมืองจะร่วงโรยสาบสูญอยู่แล้วซึ่งเราได้รักษาเมืองแทนซุนเซ็กผู้พี่ เราคิดจะใคร่ทำการให้กว้างขวางใหญ่หลวงออกไปให้เหมือนครั้งพระเจ้าจิ๋นบุนก๋งเสวยราชสมบัติ แลหัวเมืองทั้งปวงกล้าแข็งทำการหยาบช้าต่าง ๆ ฝ่ายจิ๋นบุนก๋งกับเจ๋ฮวนก๋งเป็นมหาอุปราช คิดอ่านปราบปรามหัวเมืองราบคาบอ่อนน้อมอยู่ในอำนาจสิ้น บ้านเมืองจึงเป็นสุขสืบมา ซึ่งเราคิดทั้งนี้ท่านจะเห็นประการใด”

            ความรักผูกพันและต้องอัธยาศัยที่ชายหนึ่งมีต่อชายหนึ่งถึงขนาดนอนเอาขาก่ายกัน แต่ความที่สนทนากลับเป็นเรื่องยิ่งใหญ่ของบ้านเมืองเพราะนี่คือเรื่องของการวางยุทธศาสตร์ของง่อก๊ก นับตั้งแต่ซุนกวนได้เถลิงอำนาจเหนือแคว้นกังตั๋งนั่นเอง นี่จึงเป็นความรักผูกพันในหน้าที่การงานของผู้แบกรับภารกิจอันสำคัญของตระกูล “ซุน” แห่งแคว้นกังตั๋ง

            ซุนกวนปรึกษาความทั้งนี้ล้วนเป็นผลจากการสนทนาที่สืบเนื่องทั้งความเมืองและการสงครามตั้งแต่เช้าจนถึงค่ำ แล้วต่อเนื่องจนถึงดึก ความคิดอ่านตกผลึกบริบูรณ์แล้ว ข้อปรึกษาดังกล่าวจึงกลั่นออกบนเตียงนอน

            โลซกได้ตอบว่า “ท่านคิดทั้งนี้ก็ชอบอยู่ แต่จะด่วนทำการใหญ่หลวงกว้างขวางให้เหมือนกับจิ๋นบุนก๋งกับเจ๋ฮวนก๋งนั้นยังไม่ได้ ซึ่งแผ่นดินทุกวันนี้เป็นจลาจลอยู่ เห็นพระเจ้าเหี้ยนเต้จะไม่ครองราชสมบัติได้โดยปรกตินั้นก็จริง แต่บัดนี้โจโฉได้เป็นมหาอุปราช มีสติปัญญาอยู่ ทั้งทหารก็มีฝีมือเป็นอันมาก แลท่านจะคิดหักหาญเอาโดยเร็วนั้นไม่ได้ แลอ้วนเสี้ยวก็ทำศึกขับเคี่ยวกันอยู่กับโจโฉ อันเล่าเปียวเจ้าเมืองเกงจิ๋วกับหองจอเจ้าเมืองกังแฮนั้นเป็นเสี้ยนหนามอยู่ใกล้เมืองเรา ขอให้ท่านคิดอ่านกำจัดเล่าเปียวและหองจอเสียก่อนแล้วจึงค่อยคิดการใหญ่ต่อไป”

            คำปรึกษาของโลซกดังนี้คือการวางแผนการทางยุทธศาสตร์ครั้งสำคัญที่สุดให้กับซุนกวน เป็นคำปรึกษาที่กระจ่างถ่องแท้ในความเมืองที่เป็นอยู่ในแผ่นดิน เพราะแม้จะแลเห็นว่าพระเจ้าเหี้ยนเต้อ่อนแอและไร้อำนาจ แต่โจโฉซึ่งเป็นอัครมหาเสนาบดีเป็นผู้มีสติปัญญา ทั้งซ่องสุมผู้คนเก่งกล้าสามารถทั้งฝ่ายบุ๋นและฝ่ายบู๊เป็นจำนวนมาก ไม่เหมือนกับครั้งที่พระเจ้าจิ๋วบุนก๋งในอดีตที่ครั้งนั้นแผ่นดินเป็นจลาจลแต่ขุนศึกต่าง ๆ มิได้แก่งแย่งตั้งตัวเป็นใหญ่เหมือนยุคนี้ ดังนั้นพระเจ้าจิ๋วบุนก๋งกับเจ๋ฮวนก๋งซึ่งเป็นมหาอุปราชจึงได้ร่วมกันคิดอ่านรวบรวมแผ่นดินทั้งสิ้นไว้ในอำนาจได้โดยง่าย

            พระเจ้าเหี้ยนเต้ที่อ่อนแอและไร้อำนาจ แต่เมื่อมีเสาหลักใหญ่แบบโจโฉค้ำจุนอยู่จึงดูแคลนไม่ได้ ทั้งการข้างเหนือก็ยังมีอ้วนเสี้ยวเป็นขุมกำลังใหญ่ จะหักหาญเอาในขณะที่แคว้นกังตั๋งยังเพิ่งเริ่มก่อตั้งตัวย่อมไม่อาจเอาชนะได้ จึงควรปล่อยให้โจโฉกับอ้วนเสี้ยวผลาญกันให้อ่อนกำลังลงย่อมเกิดผลดีแก่กังตั๋งยิ่งกว่า ในสายตาของโลซกแลเห็นว่าขวากหนามที่สำคัญของกังตั๋งในขณะนี้ไม่ใช่โจโฉหรืออ้วนเสี้ยว หากเป็นเล่าเปียวเจ้าเมืองเกงจิ๋วและหองจอเจ้าเมืองกังแฮ ซึ่งมีเขตแดนใกล้กับแคว้นกังตั๋ง จึงพึงกำจัดสองเจ้าเมืองนี้เสียก่อน จากนั้นจึงค่อยขยายอำนาจของแคว้นกังตั๋งต่อไป

            ซุนกวนนอนฟังคำอรรถาธิบายของโลซกกระจ่างแล้ว เห็นการข้างหน้าทะลุปรุโปร่งจึงมีความยินดียิ่งนัก ลุกขึ้นจากเตียงลงมาคำนับโลซกแล้วว่า คำชี้แนะของท่านครั้งนี้ประหนึ่งพาข้าพเจ้าออกจากที่มืดสู่ที่สว่าง ขอท่านจงช่วยคิดอ่านทำการให้บรรลุผลตามคำชี้แนะนี้ด้วยเถิด

            รุ่งขึ้นซุนกวนจึงสั่งให้จัดแจงทรัพย์สินข้าวของเงินทองและคนรับใช้เป็นจำนวนมากให้แก่โลซก และสั่งให้จัดเรือนพักแก่โลซกใกล้กับจวนของเจ้าเมือง

            ข่าวคราวที่โลซกเข้าไปรับราชการในเมืองกังตั๋งได้แพร่หลายไปในหมู่บัณฑิตทั่วทั้งเมืองกังตั๋งและหัวเมืองข้างเคียง ยินไปถึงจูกัดกิ๋นผู้เป็นพี่ชายของจูกัดเหลียง-ขงเบ้ง ซึ่งพำนักอยู่ ณ ปลายแดนเมืองเกงจิ๋ว และได้คบหาเป็นมิตรสนิทสนมกับโลซกมาแต่ก่อน จูกัดกิ๋นจึงเดินทางไปเยือนโลซกที่เมืองกังตั๋ง

            โลซกทราบว่าจูกัดกิ๋นมาเยี่ยมก็ดีใจรีบออกมาต้อนรับ คำนับปฏิสันถารกันตามธรรมเนียมแล้วโลซกจึงว่า เราท่านได้คบหาเป็นสหายกันมาช้านาน สติปัญญาของท่านก็กว้างขวาง ควรแก่การทำนุบำรุงแผ่นดินและอาณาประชาราษฎรให้เป็นสุข บัดนี้ข้าพเจ้าเห็นว่าซุนกวนเป็นใหญ่ในแคว้นกังตั๋ง มีน้ำใจโอบอ้อมอารี รักราษฎรทั้งปวง ทั้งคิดการใหญ่ผิดกับเจ้าเมืองอื่น ข้าพเจ้าจึงเข้าร่วมทำการด้วย ท่านมาเยือนข้าพเจ้าครั้งนี้ยินดีนัก จึงขอเชิญชวนท่านอยู่รับราชการด้วยซุนกวน แผ่นดินจะได้เป็นสุข

            จูกัดกิ๋นได้ฟังดังนั้นก็ยินดี แล้วว่าเกิดมาเป็นชาย ได้ศึกษาหาความรู้เป็นอันมาก ด้วยมุ่งหวังใช้ความรู้แลสติปัญญาสนองคุณแผ่นดิน จะได้ไม่เสียทีที่เกิดมา เราท่านคบหาเป็นสหาย ไว้วางใจกันยิ่งกว่าใคร เมื่อท่านเห็นเป็นประโยชน์ที่จะร่วมทำการด้วยซุนกวน ข้าพเจ้าก็มีแต่ต้องคล้อยตามคำสหายเยี่ยงท่าน

            โลซกเห็นจูกัดกิ๋นปลงใจที่จะอยู่ทำราชการด้วยกันก็ดีใจ จึงพาจูกัดกิ๋นไปพบซุนกวน แล้วแนะนำว่าจูกัดกิ๋นผู้นี้ได้คบหาเป็นสหายกับข้าพเจ้ามาเป็นเวลาช้านาน มีสติปัญญาคิดอ่านลึกซึ้งกว่าข้าพเจ้ามากนัก บัดนี้ได้ปลงใจที่จะอยู่ทำราชการด้วยท่านแล้ว

            ซุนกวนได้ฟังดังนั้นก็มีความยินดีจึงแต่งตั้งให้จูกัดกิ๋นเป็นที่ปรึกษา

            รุ่งขึ้นซุนกวนออกว่าราชการแล้วยกเอาเรื่องที่อ้วนเสี้ยวมีหนังสือมาถึงซุนเซ็กชวนเข้าร่วมเป็นพันธมิตรเพื่อกำจัดโจโฉขึ้นปรึกษาอีกครั้งหนึ่ง เพื่อทบทวนการตัดสินใจของซุนเซ็กแต่ครั้งก่อนที่จะร่วมมือกับอ้วนเสี้ยวกำจัดโจโฉ

            แล้วปรึกษาว่าบัดนี้โจโฉกำลังทำสงครามขับเคี่ยวอยู่กับอ้วนเสี้ยว ต่างฝ่ายต่างเชิญชวนให้เมืองกังตั๋งเข้าเป็นพันธมิตร เมื่อครั้งซุนเซ็กพี่เรายังอยู่มีความขุ่นข้องหมองใจกับโจโฉที่ปกปิดไม่นำฎีกาขึ้นกราบบังคมทูล แล้วยึดตัวเตียวเหียนไว้ทำราชการในเมืองหลวง จึงคิดที่จะเข้าร่วมกับอ้วนเสี้ยว แต่บัดนี้ซุนเซ็กพี่เราตายแล้ว ท่านทั้งปวงจะมีความเห็นในเรื่องนี้ประการใด

            จูกัดกิ๋นจึงเสนอว่า อ้วนเสี้ยวเป็นคนโลเล ขี้ระแวงสงสัย ทำการใดไม่เด็ดขาด ทั้งขุนนางทุกฝ่ายก็แตกความสามัคคี แม้จะครองดินแดนกว้างใหญ่และมีกำลังทหารมาก ในที่สุดก็ต้องพ่ายแพ้แก่โจโฉ ซึ่งครองอำนาจในเมืองหลวง ทำการใดถือเอารับสั่งของพระเจ้าเหี้ยนเต้เป็นธงธรรม ทั้งยังซ่องสุมที่ปรึกษา และทหารมีฝีมือไว้เป็นอันมาก ตัวโจโฉเองก็เป็นคนมีสติปัญญาในการสงคราม ดังนั้นจึงไม่ควรเข้าด้วยอ้วนเสี้ยว หากควรสามัคคีปรองดองกับโจโฉไว้ก่อน การข้างหน้าเป็นทีแล้วจึงค่อยคิดอ่านทำการใหญ่สืบไป

            ซุนกวนเห็นชอบกับข้อเสนอของจูกัดกิ๋น จึงให้แต่งหนังสือตอบเป็นทางตัดไมตรีกับอ้วนเสี้ยว แล้วมอบแก่ตันจิ๋นผู้เป็นทูตให้ถือกลับไปเมืองกิจิ๋ว

            ฝ่ายโจโฉครั้นทราบว่าซุนเซ็กตายแล้ว และซุนกวนได้ครองอำนาจสืบต่อมาจึงปรึกษาด้วยขุนนางและที่ปรึกษาทั้งปวงว่าจะยกกองทัพไปตีเมืองกังตั๋ง เพราะเห็นว่ากำลังผลัดเปลี่ยนอำนาจ จะสามารถยึดเอาได้โดยง่าย

            เตียวเหียนซึ่งถูกโจโฉกักตัวไว้ทำราชการในเมืองหลวงได้ฟังเช่นนั้นก็ตกใจ รีบเสนอว่าซุนเซ็กเพิ่งถึงแก่ความตาย หากท่านยกกองทัพไปตีเมืองกังตั๋งในขณะนี้ก็จะถูกครหาว่าเป็นผู้ใหญ่แต่คิดเอาเปรียบผู้น้อย แม้ชนะก็ไม่ได้เกียรติยศ แต่หากเพลี่ยงพล้ำจะเสื่อมเสียมากกว่า

            แล้วว่าการข้างเหนือนั้นอ้วนเสี้ยวยังเป็นภัยคุกคามที่สำคัญ หากทราบว่าท่านยกกองทัพลงใต้ไปตีเมืองกังตั๋ง อ้วนเสี้ยวย่อมถือโอกาสนั้นเคลื่อนทัพลงมาตีเมืองหลวง การจะกลายเป็นว่าการข้างหน้าก็เดินไม่ตลอด การข้างหลังก็จะขัดสน หนทางที่ควรในขณะนี้ควรจะปรองดองด้วยซุนกวนไว้ก่อน เพื่อตั้งหน้ากำจัดอ้วนเสี้ยวให้สิ้นกังวลทางภาคเหนือ ต่อจากนั้นค่อยคิดอ่านการใหญ่สืบไป.

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ตัวอย่างกระทู้ธรรม ธรรมศึกษาชั้นตรี 5

ปัญหาและเฉลยวิชาธรรม นักธรรมชั้นโท สอบในสนามหลวง วันเสาร์ ที่ ๑๙ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๔๘

I miss you all กับ I miss all of you ต่างกันอย่างไร