สามก๊ก ฉบับนักบริหาร:บทที่ 13 ผู้นำแบบฟันปลอมในเตียงฮัน
อ้องอุ้นเมื่อใช้แผนฆ่าตั๋งโต๊ะได้สำเร็จ ยังมีลิโป้ลูกเขยอยู่เคียงข้าง น่าจะรวบอำนาจเบ็ดเสร็จได้ในเมืองหลวง ตอนที่ทำรัฐประหารโค่นตั๋งโต๊ะได้สำเร็จ ปวงประชาต่างแซ่ซ้องนำดอกไม้ พวงมาลัยไปมอบให้อ้องอุ้น หรือไม่ก็คล้องนานาบุปผชาติไว้ที่รถศึกของทหาร และบนปลายหอกปลายดาบด้วยความชื่นชม แต่เวลาที่ล่วงเลยเพียงปีเดียว การบริหารปกครองที่ขาดเมตตาธรรม ขาดจริยธรรม ขาดมโนธรรมของอ้องอุ้น ได้ทำให้ความชอบธรรมในการปกครองบ้านเมืองของอ้องอุ้น ถูกกัดกร่อนมลายหายไป แต่ก็มีผู้คนที่เห็นในความดีและหลั่งน้ำตาให้แก่อ้องอุ้นอย่างมากมาย
ลิฉุย กุยกี กับพวกจะมาขอสวามิภักดิ์ อ้องอุ้นใจไม่นักเลงพอไม่ยอมรับไมตรี มิหนำซ้ำยัง ตีหมาแต่ไม่เปิดทางให้หมาวิ่ง เหตุการณ์จึงเข้าตำรา ปี้โก่วเถี้ยวเฉียง หรือ บีบบังคับหมาให้กระโดดกำแพง แล้วบังเอิญหมากระโดดข้ามกำแพงได้สำเร็จอีกด้วย อ้องอุ้นจึงต้องสูญเสียทุกสิ่งทุกอย่างแก่กลุ่มอำนาจเก่า แม้แต่ลูกเมียกับบริวารพลอยถูกสังหารจนหมดสิ้นท่ามกลางความเวทนาสังเวชใจของปวงชน
ส้มหล่นบนตักลิฉุย กุยกีกับพวกอย่างไม่คาดคิด อำนาจที่ได้มาโดยบังเอิญ ทำให้ยังเติ๊ร์กส์มีความคิดอย่างจิ้งจก เมื่อเกาะอยู่บนฝาผนังแห่งอำนาจ ก็คิดว่าโลกทั้งโลกมีความกว้างใหญ่เพียงแค่ฝาผนังห้องเท่านั้นเอง ประชาชนมองไม่ชัดเจนถึงอุดมการณ์ของกลุ่มอำนาจใหม่ ประกาศนโยบายที่กวัดแกว่งเป็นรายวัน สุดท้ายขุนนางกับราษฎรทั้งปวงต่างมองออกว่า อุดมการณ์ของกลุ่มลิฉุย กุยกี ที่แท้ก็คือ อัตตาธิปไตย ทำการทุกอย่างเพื่อความอยู่รอดของตัวเองกับพรรคพวกเท่านั้น แกนนำอำนาจใหม่คิดทำแต่เรื่องผิด ๆ ตอนแรกทั้งคู่คบ คิดแผนชั่วถึงกับจะปลงพระชนม์พระเจ้าเหี้ยนเต้ แล้วตั้งราชวงศ์กษัตริย์ขึ้นใหม่ แต่ลูกน้องคือ เตียวเจกับหวนเตียวปรามไว้ บอกว่าบารมีพวกเรายังมีไม่พอ หากทำเช่นนั้นพวกหัวเมืองกับอาณาประชาราษฎร์จะไม่ยอมลงด้วย ทุกฝ่ายจะยกทหารเข้ามารบพุ่ง ไหนจะมีกำลังไปต้านได้ สู้เราเทิดทูนพระเจ้าเหี้ยนเต้ไว้ คอยหาทางกำจัดข้าราชบริพารที่มิใช่พรรคพวกออกไปให้พ้นทาง ไม่นานพระเจ้าเหี้ยนเต้ก็จะตกอยู่ใต้อำนาจของพวกเรา แล้วค่อยคิดอ่านแอบอ้างรับสั่ง จับพวกหัวเมืองรวมทั้งหัวคะแนนที่แข็งข้อฆ่าเสียให้สิ้น ไม่นานราชสมบัติก็จะตกแก่เราโดยราบรื่น ลิฉุย กุยกีเห็นชอบด้วย จึงสั่งให้ทหารหยุดการเข่นฆ่าผู้คนเอาไว้ก่อน
ลิฉุยกับกุยกีกำเริบเสิบสาน เข้าออกในเขตพระราชฐานไร้กาละเทศะโดยมิควร พระเจ้าเหี้ยนเต้จึงตรัสถามว่า เดิมท่านบอกว่า ถ้าได้ตัวอ้องอุ้นไปฆ่าล้างแค้นแล้ว จะยกกองทหารออกไป บัดนี้อ้องอุ้นก็ตายไปแล้ว ท่านยังอยู่มีประสงค์สิ่งใดหรือ ลิฉุยกับกุยกีจึงทูลว่า แต่ก่อนข้าพเจ้าทำราชการมีความชอบต่อแผ่นดิน แต่หามีผู้ใดทูลพระองค์ จึงมิได้รับการปูนบำเหน็จเลื่อนยศเป็นขุนนาง บัดนี้ข้าพเจ้าทั้งสี่ขอรับราชการอยู่ในเมืองหลวง ถ้าพระองค์ทรงโปรดให้ตามที่ปรารถนา ก็จะยกกองทหารออกไป
พระเจ้าเหี้ยนเต้ตรัสถามว่าท่านทั้งสี่ประสงค์จะเป็นขุนนางตำแหน่งใด ลิฉุย กุยกี เตียวเจ หวนเตียวปรึกษากันแล้ว ทำหนังสือถวายพระเจ้าเหี้ยนเต้ขอพระราชทานยศขุนพลทั้งสี่คน พระเจ้าเหี้ยนเต้จำพระทัยพระราชทานให้ตามต้องการ ขุนพลทั้งสี่จึงสั่งถอนทหารออกไปตั้งอยู่ที่เมืองฮองหลงส่วนตัวเองเข้ามาบริหารราชการในเมืองหลวง
เจ้าเมืองอื่น ๆ เห็นเหตุการณ์ในเมืองหลวงที่ถูกกลุ่มอำนาจใหม่ยึดต่างไม่พอใจ ม้าเท้ง เจ้าเมืองเสเหลียงร่วมหัวกับหันซุยเจ้าเมืองเป๊งจิ๋วจึงคิดอ่านโค่นล้มลิฉุยกับพวก ลอบส่งสาส์นลับเข้าถวายกราบทูลพระเจ้าเหี้ยนเต้ให้ทรงทราบ พระเจ้าเหี้ยนเต้ดีพระทัย ทรงพระอักษรตอบได้ความว่า ถ้าม้าเท้งกับหันซุยคิดการนี้ได้สำเร็จ ก็จะตั้งให้เป็นขุนนางผู้ใหญ่บริหารราชการแผ่นดินต่อไป ม้าเท้งกับหันซุยเห็นลายพระหัตถ์ก็ยินดียิ่งนัก ระดมทหารได้ประมาณสิบสองหมื่นตีรบชนะตามรายทางเป็นลำดับจนยกมาประชิดเมืองหลวง ล้อมอยู่ได้ประประมาณ 2 เดือนขาดเสบียงอาหาร อีกทั้งสายลับที่ลอบติดต่อกับพระเจ้าเหี้ยนเต้ถูกลิฉุยจับได้ ถูก ตัดศีรษะเสียบประจานไว้บนเชิงเทิน ม้าเท้งกับหันซุยจึงจำต้องเลิกทัพกลับออกไป
ลิฉุยกับกุยกีสั่งให้เตียวเจคุมทหารตามไปจับตัวม้าเท้งให้หวนเตียวไปจับตัวหันซุย ไปไล่กันทันที่เขาตันฉอง หันซุยเห็นจวนตัว จึงหันมาอ้อนวอนหวนเตียวในฐานะที่เคยเป็นเพื่อนบ้านกันมาแต่น้อย หวนเตียวใจอ่อนปล่อยให้หันซุยหนีไป บังเอิญในทัพมีลิเบียดหลานลิฉุยร่วมมาด้วยจึงนำความไปบอกลิฉุย เมื่อกลับเข้าเมือง ลิฉุยลวงขุนพลทั้งสองมาร่วมกินโต๊ะ แล้วร้องถามหวนเตียวว่า ท่านเอาใจออกห่างข้าหรือถึงปล่อยตัวหันซุยไป มิทันที่หวนเตียวจะตอบ บู๋ซูกรากเข้าจับตัวหวนเตียวลากไปตัดศีรษะแล้วนำมาตั้งไว้บนโต๊ะ เตียวเจมิรู้ต้นสายปลายเหตุ ถึงกับทรุดหมอบลงข้างโต๊ะด้วยความตกใจ
ลิฉุยเข้าประคองเตียวเจขึ้นมาแล้วจึงเล่าความจริงให้ฟัง มอบให้เตียวเจแลดูควบคุมกองทหารทั้งหมดแทนหวนเตียว จากนั้นกาเซี่ยงขุนนางเก่ามีสติปัญญา ได้แนะนำให้ลิฉุย กุยกีให้ใช้นโยบายประชานิยมเอาใจใส่ทำนุบำรุงราษฎร พร้อมกับเชิญผู้มีปัญญาความรู้ความสามารถเข้ามาช่วยบริหารบ้านเมือง ภาพ ลักษณ์ของลิฉุยกับกุยกีจึงเริ่มดีขึ้น
ต่อมาพวกโจรโพกผ้าเหลืองได้ก่อการร้ายขึ้นมาอีกที่เมืองเซียงจิ๋ว มีกองกำลังประมาณสามสิบหมื่นถึงสี่สิบหมื่น ลิฉุย กุยกีจึงปรึกษาขุนนางทั้งปวงว่า จะตั้งใครไปปราบปรามดี จูฮีขุนนางจึงเสนอว่าเห็นมีโจโฉที่อยู่เมืองตงกุ๋น น่าจะทำการนี้ได้ ลิฉุย กุยกี เห็นด้วย จึงแต่งหนังสือสั่งให้โจโฉ พร้อมกับให้เปาสิ้นเจ้าเมืองปักเป๋งยกทหารไปสมทบกับโจโฉ เพื่อปราบโจรโพกผ้าเหลือง ทั้งสองเมื่อได้รับคำสั่งก็ยกกองทัพไปทำการรบอยู่ประมาณ 2 เดือน เปาสิ้นเสียชีวิตในสมรภูมิ ฝ่ายก่อการร้ายปราชัยแพ้ราบคาบ พระเจ้าเหี้ยนเต้ทรงโปรด
โจโฉมาก รับสั่งให้แต่งตั้งโจโฉเป็นแม่ทัพบัญชาการทหารฝ่ายตะวันออกทั้งหมด ที่พระเจ้าเหี้ยนเต้ยกย่องโจโฉเช่นนี้ ในพระทัยทรงหวังจะให้โจโฉขึ้นมาคานอำนาจขึ้นเสมอด้วยลิฉุยกับกุยกี มิให้ฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดมีอำนาจมากเกินไป ลิฉุยกุยกีเป็นทหารไม่เชี่ยวชาญทางการเมืองจึงหาได้ทันคิดไม่ ให้มีพระบรมราชโองการแต่งตั้งให้โจโฉตามรับสั่งไปเป็นเจ้าเมืองกุนจิ๋ว
โจโฉแสดงความเป็นผู้นำทำความดีความชอบมากขึ้น หัวเมืองฝ่ายตะวันออกที่มีการก่อม็อบก่อจลา จลกระด้างกระเดื่องต่อส่วนกลางอยู่เนือง ๆ โจโฉก็สามารถปราบได้ราบคาบ แล้วมีหนังสือกราบบังคมทูลพระเจ้าเหี้ยนเต้ให้ทรงทราบ แต่ลิฉุยกับกุยกีปิดความเสีย มิได้เอาหนังสือขึ้นทูลถวายพระเจ้าเหี้ยนเต้ แอบอ้างพระกระแสรับสั่งทำหนังสือชมเชยโจโฉเสียเอง แต่งตั้งให้โจโฉเป็นเหี้ยนเต๊กจงกุ๋น หรือ ขุนพลผู้ทรงธรรม อยู่ภายใต้แม่ทัพใหญ่ลิฉุย ส่วนกุยกีดำรงตำแหน่งสมุหนายกเป็นใหญ่ฝ่ายพลเรือน
ทั้งคู่ล้วนแต่เป็นผู้นำแบบฟันปลอมในเมืองหลวงยุคนั้น
ลิฉุย กุยกี กับพวกจะมาขอสวามิภักดิ์ อ้องอุ้นใจไม่นักเลงพอไม่ยอมรับไมตรี มิหนำซ้ำยัง ตีหมาแต่ไม่เปิดทางให้หมาวิ่ง เหตุการณ์จึงเข้าตำรา ปี้โก่วเถี้ยวเฉียง หรือ บีบบังคับหมาให้กระโดดกำแพง แล้วบังเอิญหมากระโดดข้ามกำแพงได้สำเร็จอีกด้วย อ้องอุ้นจึงต้องสูญเสียทุกสิ่งทุกอย่างแก่กลุ่มอำนาจเก่า แม้แต่ลูกเมียกับบริวารพลอยถูกสังหารจนหมดสิ้นท่ามกลางความเวทนาสังเวชใจของปวงชน
ส้มหล่นบนตักลิฉุย กุยกีกับพวกอย่างไม่คาดคิด อำนาจที่ได้มาโดยบังเอิญ ทำให้ยังเติ๊ร์กส์มีความคิดอย่างจิ้งจก เมื่อเกาะอยู่บนฝาผนังแห่งอำนาจ ก็คิดว่าโลกทั้งโลกมีความกว้างใหญ่เพียงแค่ฝาผนังห้องเท่านั้นเอง ประชาชนมองไม่ชัดเจนถึงอุดมการณ์ของกลุ่มอำนาจใหม่ ประกาศนโยบายที่กวัดแกว่งเป็นรายวัน สุดท้ายขุนนางกับราษฎรทั้งปวงต่างมองออกว่า อุดมการณ์ของกลุ่มลิฉุย กุยกี ที่แท้ก็คือ อัตตาธิปไตย ทำการทุกอย่างเพื่อความอยู่รอดของตัวเองกับพรรคพวกเท่านั้น แกนนำอำนาจใหม่คิดทำแต่เรื่องผิด ๆ ตอนแรกทั้งคู่คบ คิดแผนชั่วถึงกับจะปลงพระชนม์พระเจ้าเหี้ยนเต้ แล้วตั้งราชวงศ์กษัตริย์ขึ้นใหม่ แต่ลูกน้องคือ เตียวเจกับหวนเตียวปรามไว้ บอกว่าบารมีพวกเรายังมีไม่พอ หากทำเช่นนั้นพวกหัวเมืองกับอาณาประชาราษฎร์จะไม่ยอมลงด้วย ทุกฝ่ายจะยกทหารเข้ามารบพุ่ง ไหนจะมีกำลังไปต้านได้ สู้เราเทิดทูนพระเจ้าเหี้ยนเต้ไว้ คอยหาทางกำจัดข้าราชบริพารที่มิใช่พรรคพวกออกไปให้พ้นทาง ไม่นานพระเจ้าเหี้ยนเต้ก็จะตกอยู่ใต้อำนาจของพวกเรา แล้วค่อยคิดอ่านแอบอ้างรับสั่ง จับพวกหัวเมืองรวมทั้งหัวคะแนนที่แข็งข้อฆ่าเสียให้สิ้น ไม่นานราชสมบัติก็จะตกแก่เราโดยราบรื่น ลิฉุย กุยกีเห็นชอบด้วย จึงสั่งให้ทหารหยุดการเข่นฆ่าผู้คนเอาไว้ก่อน
ลิฉุยกับกุยกีกำเริบเสิบสาน เข้าออกในเขตพระราชฐานไร้กาละเทศะโดยมิควร พระเจ้าเหี้ยนเต้จึงตรัสถามว่า เดิมท่านบอกว่า ถ้าได้ตัวอ้องอุ้นไปฆ่าล้างแค้นแล้ว จะยกกองทหารออกไป บัดนี้อ้องอุ้นก็ตายไปแล้ว ท่านยังอยู่มีประสงค์สิ่งใดหรือ ลิฉุยกับกุยกีจึงทูลว่า แต่ก่อนข้าพเจ้าทำราชการมีความชอบต่อแผ่นดิน แต่หามีผู้ใดทูลพระองค์ จึงมิได้รับการปูนบำเหน็จเลื่อนยศเป็นขุนนาง บัดนี้ข้าพเจ้าทั้งสี่ขอรับราชการอยู่ในเมืองหลวง ถ้าพระองค์ทรงโปรดให้ตามที่ปรารถนา ก็จะยกกองทหารออกไป
พระเจ้าเหี้ยนเต้ตรัสถามว่าท่านทั้งสี่ประสงค์จะเป็นขุนนางตำแหน่งใด ลิฉุย กุยกี เตียวเจ หวนเตียวปรึกษากันแล้ว ทำหนังสือถวายพระเจ้าเหี้ยนเต้ขอพระราชทานยศขุนพลทั้งสี่คน พระเจ้าเหี้ยนเต้จำพระทัยพระราชทานให้ตามต้องการ ขุนพลทั้งสี่จึงสั่งถอนทหารออกไปตั้งอยู่ที่เมืองฮองหลงส่วนตัวเองเข้ามาบริหารราชการในเมืองหลวง
เจ้าเมืองอื่น ๆ เห็นเหตุการณ์ในเมืองหลวงที่ถูกกลุ่มอำนาจใหม่ยึดต่างไม่พอใจ ม้าเท้ง เจ้าเมืองเสเหลียงร่วมหัวกับหันซุยเจ้าเมืองเป๊งจิ๋วจึงคิดอ่านโค่นล้มลิฉุยกับพวก ลอบส่งสาส์นลับเข้าถวายกราบทูลพระเจ้าเหี้ยนเต้ให้ทรงทราบ พระเจ้าเหี้ยนเต้ดีพระทัย ทรงพระอักษรตอบได้ความว่า ถ้าม้าเท้งกับหันซุยคิดการนี้ได้สำเร็จ ก็จะตั้งให้เป็นขุนนางผู้ใหญ่บริหารราชการแผ่นดินต่อไป ม้าเท้งกับหันซุยเห็นลายพระหัตถ์ก็ยินดียิ่งนัก ระดมทหารได้ประมาณสิบสองหมื่นตีรบชนะตามรายทางเป็นลำดับจนยกมาประชิดเมืองหลวง ล้อมอยู่ได้ประประมาณ 2 เดือนขาดเสบียงอาหาร อีกทั้งสายลับที่ลอบติดต่อกับพระเจ้าเหี้ยนเต้ถูกลิฉุยจับได้ ถูก ตัดศีรษะเสียบประจานไว้บนเชิงเทิน ม้าเท้งกับหันซุยจึงจำต้องเลิกทัพกลับออกไป
ลิฉุยกับกุยกีสั่งให้เตียวเจคุมทหารตามไปจับตัวม้าเท้งให้หวนเตียวไปจับตัวหันซุย ไปไล่กันทันที่เขาตันฉอง หันซุยเห็นจวนตัว จึงหันมาอ้อนวอนหวนเตียวในฐานะที่เคยเป็นเพื่อนบ้านกันมาแต่น้อย หวนเตียวใจอ่อนปล่อยให้หันซุยหนีไป บังเอิญในทัพมีลิเบียดหลานลิฉุยร่วมมาด้วยจึงนำความไปบอกลิฉุย เมื่อกลับเข้าเมือง ลิฉุยลวงขุนพลทั้งสองมาร่วมกินโต๊ะ แล้วร้องถามหวนเตียวว่า ท่านเอาใจออกห่างข้าหรือถึงปล่อยตัวหันซุยไป มิทันที่หวนเตียวจะตอบ บู๋ซูกรากเข้าจับตัวหวนเตียวลากไปตัดศีรษะแล้วนำมาตั้งไว้บนโต๊ะ เตียวเจมิรู้ต้นสายปลายเหตุ ถึงกับทรุดหมอบลงข้างโต๊ะด้วยความตกใจ
ลิฉุยเข้าประคองเตียวเจขึ้นมาแล้วจึงเล่าความจริงให้ฟัง มอบให้เตียวเจแลดูควบคุมกองทหารทั้งหมดแทนหวนเตียว จากนั้นกาเซี่ยงขุนนางเก่ามีสติปัญญา ได้แนะนำให้ลิฉุย กุยกีให้ใช้นโยบายประชานิยมเอาใจใส่ทำนุบำรุงราษฎร พร้อมกับเชิญผู้มีปัญญาความรู้ความสามารถเข้ามาช่วยบริหารบ้านเมือง ภาพ ลักษณ์ของลิฉุยกับกุยกีจึงเริ่มดีขึ้น
ต่อมาพวกโจรโพกผ้าเหลืองได้ก่อการร้ายขึ้นมาอีกที่เมืองเซียงจิ๋ว มีกองกำลังประมาณสามสิบหมื่นถึงสี่สิบหมื่น ลิฉุย กุยกีจึงปรึกษาขุนนางทั้งปวงว่า จะตั้งใครไปปราบปรามดี จูฮีขุนนางจึงเสนอว่าเห็นมีโจโฉที่อยู่เมืองตงกุ๋น น่าจะทำการนี้ได้ ลิฉุย กุยกี เห็นด้วย จึงแต่งหนังสือสั่งให้โจโฉ พร้อมกับให้เปาสิ้นเจ้าเมืองปักเป๋งยกทหารไปสมทบกับโจโฉ เพื่อปราบโจรโพกผ้าเหลือง ทั้งสองเมื่อได้รับคำสั่งก็ยกกองทัพไปทำการรบอยู่ประมาณ 2 เดือน เปาสิ้นเสียชีวิตในสมรภูมิ ฝ่ายก่อการร้ายปราชัยแพ้ราบคาบ พระเจ้าเหี้ยนเต้ทรงโปรด
โจโฉมาก รับสั่งให้แต่งตั้งโจโฉเป็นแม่ทัพบัญชาการทหารฝ่ายตะวันออกทั้งหมด ที่พระเจ้าเหี้ยนเต้ยกย่องโจโฉเช่นนี้ ในพระทัยทรงหวังจะให้โจโฉขึ้นมาคานอำนาจขึ้นเสมอด้วยลิฉุยกับกุยกี มิให้ฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดมีอำนาจมากเกินไป ลิฉุยกุยกีเป็นทหารไม่เชี่ยวชาญทางการเมืองจึงหาได้ทันคิดไม่ ให้มีพระบรมราชโองการแต่งตั้งให้โจโฉตามรับสั่งไปเป็นเจ้าเมืองกุนจิ๋ว
โจโฉแสดงความเป็นผู้นำทำความดีความชอบมากขึ้น หัวเมืองฝ่ายตะวันออกที่มีการก่อม็อบก่อจลา จลกระด้างกระเดื่องต่อส่วนกลางอยู่เนือง ๆ โจโฉก็สามารถปราบได้ราบคาบ แล้วมีหนังสือกราบบังคมทูลพระเจ้าเหี้ยนเต้ให้ทรงทราบ แต่ลิฉุยกับกุยกีปิดความเสีย มิได้เอาหนังสือขึ้นทูลถวายพระเจ้าเหี้ยนเต้ แอบอ้างพระกระแสรับสั่งทำหนังสือชมเชยโจโฉเสียเอง แต่งตั้งให้โจโฉเป็นเหี้ยนเต๊กจงกุ๋น หรือ ขุนพลผู้ทรงธรรม อยู่ภายใต้แม่ทัพใหญ่ลิฉุย ส่วนกุยกีดำรงตำแหน่งสมุหนายกเป็นใหญ่ฝ่ายพลเรือน
ทั้งคู่ล้วนแต่เป็นผู้นำแบบฟันปลอมในเมืองหลวงยุคนั้น