ตอนที่ 138. รสขมในผลท้อ
ทางด้านเตียวหุย หลังจากเล่าปี่แตกทัพได้พลัดพรากกับเล่าปี่และกวนอู พาพรรคพวกหนีไปอยู่ที่เขาบองเอี๋ยงสันได้เดือนเศษ จึงพาพรรคพวกติดตามหาเล่าปี่จนมาถึงเมืองเก๋าเซีย เสบียงอาหารที่ติดตัวมาก็หมดสิ้นลง
เตียวหุยและพรรคพวกจึงเข้าไปขอเสบียงจากเจ้าเมืองเก๋าเซียแต่เจ้าเมืองไม่ให้ เตียวหุยโกรธ จึงดำเนินตามคติของอธรรมเทวบุตรที่ได้สั่งสอนศาสนิกของตนในธรรมาธรรมะสงครามอันเป็นบทพระราชนิพนธ์ในพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวที่ว่า “ยามจนจะทนยาก จะลำบากไปไยมี พึงปองข้าวของดี ณ ผู้อื่นอันเก็บงำ”
เตียวหุยจึงได้ยึดเมืองเก๋าเซียไว้เป็นสิทธิ และสังหารเจ้าเมืองเสีย จากนั้นได้ซ่องสุมผู้คนเพื่อเตรียมไว้เป็นกำลังของเล่าปี่ เตียวหุยได้สั่งให้ทหารติดตามสดับตรับฟังข่าวคราวของเล่าปี่และกวนอูมิได้ขาด แต่ไม่ได้ความแน่ชัด ตัวเตียวหุยจึงวิตกกังวลถึงพี่น้องร่วมสาบานอยู่ทุกวัน
ครั้นทหารรับใช้เข้ามารายงานว่ามีทหารชื่อซุนเขียนมาขอพบ เตียวหุยก็ดีใจ คิดว่าคงได้ทราบข่าวคราวของเล่าปี่ในครั้งนี้ จึงรีบออกมาต้อนรับซุนเขียนเข้ามาสนทนากันที่ในจวน
เตียวหุยได้คำนับทักทายกันตามธรรมเนียมแล้ว ซุนเขียนจึงเล่าความให้เตียวหุยฟังว่า หลังจากเล่าปี่แตกทัพโจโฉแล้วได้ไปอาศัยอยู่กับอ้วนเสี้ยวที่เมืองกิจิ๋ว บัดนี้ได้คิดอ่านยักย้ายถ่ายเทให้เล่าปี่ยกไปอยู่เมืองยีหลำ ส่วนกวนอูได้ไปอยู่กับโจโฉ รักษาพี่สะใภ้ทั้งสอง โดยมีข้อสัญญาว่ารู้ข่าวเล่าปี่เมื่อใดก็จะกลับไปหาเล่าปี่เมื่อนั้น บัดนี้กวนอูได้นำขบวนพี่สะใภ้ทั้งสองมาอยู่ที่นอกเมืองแล้ว จึงให้ข้าพเจ้ามาแจ้งความให้ท่านออกไปรับพี่สะใภ้เข้ามาในเมือง
เตียวหุยได้ทราบข่าวเล่าปี่ก็มีความยินดียิ่งนัก แต่ใจหนึ่งกลับคิดแค้นกวนอูที่ไปอยู่ด้วยกับโจโฉ เพราะเห็นว่าโจโฉเป็นทรราช ข่มเหงย่ำยีฮ่องเต้ เบียดเบียนราษฎร ไม่ว่าด้วยเหตุผลประการใดก็ไม่ชอบที่กวนอูจะอยู่ด้วยโจโฉ ความภักดีต่อแผ่นดินและราชสำนักจำแนกได้เหนือกว่าความสัมพันธ์ของพี่น้องร่วมสาบาน คิดดังนั้นแล้วเตียวหุยจึงใส่เกราะถือทวนขึ้นม้าพาทหารพันหนึ่งออกนอกประตูเมืองตามซุนเขียนไป
ความคิดของเตียวหุยเช่นนี้จำแนกความสัมพันธ์ระหว่างแผ่นดินกับบุคคลและระหว่างบุคคลได้แจ่มแจ้งชัดเจน เป็นแต่ว่าเป็นการจำแนกโดยที่หาได้รู้ความนัยละเอียด และสถานการณ์ที่กวนอูจำเป็นต้องอยู่ด้วยโจโฉไม่กระจ่าง จึงจำแนกและเข้าใจเหตุการณ์ผิดพลาด แล้วออกไปด้วยใจที่พกเอาความแค้นกวนอูติดตัวไปด้วย
ผลท้อที่มีแมลงแห่งโมหะเข้าชอนไชจึงมีรสขมด้วยประการฉะนี้
กวนอูเห็นเตียวหุยนำทหารออกมา ได้พบหน้าน้องร่วมสาบานก็มีความยินดี ส่งง้าวให้กับจิวฉองแล้วขับม้าเข้าไปจะกอดเตียวหุย แต่เตียวหุยเห็นกวนอูชักม้าเข้ามาก็ตวาดขึ้นด้วยเสียงอันดังด้วยความโกรธว่าไอ้ทรยศ แล้วเอาทวนแทงกวนอู
กวนอูตกใจชักม้าถอยกลับออกมาหลบอยู่ที่ข้างรถของพี่สะใภ้แล้วถามว่าเหตุไฉนน้องเล็กจึงได้คิดทำร้ายเรา จะมิเป็นการละความสัตย์ดอกหรือ
เตียวหุยจึงว่าเจ้านั่นแหละที่ละความสัตย์ก่อนไปเข้าด้วยกับโจโฉจอมทรราชย์ แล้วยังจะบากหน้ากล้ามาพบเราอีก กวนอูจึงว่าไฉนน้องเล็กจึงหาว่าพี่นี้ตระบัตสัตย์
เตียวหุยตอบกลับมาว่าตัวไปเข้าด้วยโจโฉ อาสาศึกมีความชอบ ได้รับปูนบำเหน็จยศถาบรรดาศักดิ์ เปลี่ยนใจเข้าสวามิภักดิ์กับทรราช ตัวมาครั้งนี้เป็นการแต่งกลอุบายมาลวงเรา เราก็รู้ทันอยู่ วันนี้ชีวิตเราอยู่ตัวเจ้าต้องตาย หรือชีวิตเจ้าอยู่ตัวเราก็ต้องตาย ไม่อาจอยู่ร่วมฟ้ากันได้อีกต่อไป
กวนอูจึงว่าน้องเล็กเจ้าอย่าเพิ่งวู่วาม จริงเท็จ ลึกตื้น หนาบางในเรื่องนี้เจ้าไม่ต้องเชื่อคำพี่ จงถามพี่สะใภ้ทั้งสองก็จะทราบความได้เอง แล้วจะแจ้งน้ำใจภักดีสัตย์ซื่อของพี่
สองฮูหยินของเล่าปี่นั่งอยู่ในรถ ได้ยินเสียงกวนอู เตียวหุยโต้ตอบกันดั่งนั้นก็ตกใจ นางกำฮูหยินจึงเปิดมู่ลี่รถที่นั่งขึ้น ชะโงกหน้ามาที่กวนอู เตียวหุย แล้วว่าเตียวหุยไฉนเจ้าจึงปรามาสพี่รองเช่นนี้
เตียวหุยได้ยินคำพี่สะใภ้ก็ไม่ฟัง ตอบกลับมาว่าพี่ทั้งสองไม่แจ้งอุบายของคนหน้าซื่อใจคด อย่าห้ามข้าพเจ้าเลย คอยดูข้าพเจ้าสังหารคนเสียสัตย์เสียก่อน แล้วค่อยตามข้าพเจ้าเข้าไปในเมือง
นางกำฮูหยินเห็นเตียวหุยไม่ฟังคำก็ขุ่นเคือง ร้องมาด้วยเสียงอันดังว่าเมื่อพวกเจ้าพี่น้องพลัดพรากจากกันนั้น โจโฉคุมทหารล้อมกวนอูไว้ และเราก็ตกอยู่ในเงื้อมมือของโจโฉ กวนอูสุดกำลังจะรบพุ่ง ทั้งเกรงเราจะเป็นอันตรายจึงจำใจเข้าด้วยโจโฉเพื่อรักษาเราสองมิให้เป็นอันตราย ทั้งได้ทำสัญญาไว้กับโจโฉว่าถ้าทราบข่าวเล่าปี่วันไหนก็จะกลับไปหาเล่าปี่ในวันนั้น กวนอูมิได้ละความสัตย์แม้แต่น้อย ตลอดระยะเวลาได้อุตสาห์ปรนนิบัติรับใช้รักษาเราด้วยความภักดีมิบกพร่อง กวนอูอาสาศึกด้วยหวังใจหาข่าวคราวของเล่าปี่ ใช่ว่าจะเป็นใจรับใช้โจโฉ อนึ่งนั้นกวนอูอยู่กับโจโฉก็มิได้ยอมเป็นข้าของโจโฉ แต่มีสัญญามั่นคงให้ถือว่าเป็นข้าในพระเจ้าเหี้ยนเต้ บัดนี้กวนอูรู้ข่าวพี่ใหญ่ของเจ้าแล้วจึงพาเรากลับมา ระหว่างทางได้พบซุนเขียนทราบว่าเล่าปี่ไปอยู่เมืองยีหลำ กวนอูจึงพาเราจะไปเมืองยีหลำ เจ้าจงฟังคำเราก็จะเห็นเนื้อความอันถ่องแท้ การที่เจ้าวู่วามไม่ไตร่ตรองความให้ถ่องแท้ก่อนคิดจะทำร้ายกวนอูฉะนี้เป็นการไม่ชอบ
เตียวหุยยังคงดื้อรั้น ไม่ฟังคำของพี่สะใภ้แล้วว่า กวนอูทำทั้งนี้เป็นกลอุบาย พี่ทั้งสองเป็นสตรีไม่แจ้งในอุบายนั้นจึงเห็นว่ากวนอูรักษาสัจจะอยู่ “ธรรมดาเกิดมาเป็นชายชาติทหาร ได้ออกวาจาสาบานไว้แล้ว ถึงจะตายก็ไม่เสียดายชีวิต อันน้ำใจกวนอูละสัตย์เสีย เป็นข้าสองเข้า บ่าวสองนายอยู่ฉะนี้จะเชื่อถืออย่างไรได้”
ซุนเขียนเห็นเตียวหุยยังคงดื้อรั้นจึงว่า “อันน้ำใจกวนอูรักษาสัตย์นั้นหาผู้เสมอมิได้ อุตส่าห์ทรมานกายไม่รักชีวิตพาพี่สะใภ้ทั้งสองมาหาเล่าปี่ ครั้นรู้ข่าวว่าท่านอยู่เมืองนี้จึงให้ข้าพเจ้าไปเชิญออกมา เหตุใดท่านจึงสงสัยกวนอูดังนี้เล่า”
คนดื้อรั้นแบบนี้แหละที่เขาเรียกว่าดื้อรั้นแบบวัวชน แทนที่เตียวหุยจะฟังคำพี่สะใภ้และซุนเขียนซึ่งเป็นที่ปรึกษาผู้ใหญ่ของเล่าปี่ กลับตวาดใส่ซุนเขียนแล้วว่ากวนอูคิดอุบายจะจับเราเอาไปให้แก่โจโฉ เหตุไฉนท่านจึงยังยกย่องกวนอูว่าเป็นคนถือสัจจะ
กวนอูฟังเตียวหุยแล้วระอาแก่ใจ แต่ยังคงแสดงเหตุผลชี้แจงเตียวหุยว่าถ้าหากเราจะวางกลอุบายคิดร้ายต่อเจ้า ไยจะต้องเอาพี่สะใภ้ทั้งสองมาด้วยเล่า และอย่างน้อยก็ต้องมีทหารโจโฉติดตามมาด้วย
สิ้นคำของกวนอู พลันมีเสียงม้าอึกทึกกึกก้องมาแต่ข้างหลัง ฝุ่นคลุ้งตลบ เห็นแต่ธงประจำทัพว่านายทัพชื่อซัวหยง คุมทหารของโจโฉยกมา
เตียวหุยเห็นเช่นนั้น ก็ยิ่งมั่นใจในความเชื่อของตัวว่ากวนอูแต่งกลอุบายมาลวงเพื่อจับเอาตัวไป จึงชี้ไปที่กองทหารที่ยกมานั้นแล้วว่าที่ยกตามมานี้หรือมิใช่ทหารของโจโฉ ตัวแกล้งแต่งอุบายเอาพี่สะใภ้ขึ้นบังหน้าให้กองทัพตามหลังมาหวังจะจับเรา
ว่าแล้วเตียวหุยยิ่งโกรธแค้น ขบเคี้ยวฟันกรอด ๆ ชักบังเหียนม้าจะเอาทวนแทงกวนอู กวนอูชักม้าหลบไกลออกมาแล้วว่า น้องเล็กเจ้าอย่าเพิ่งวู่วามทำอันตรายพี่ ที่ยกมาทั้งนี้พี่ไม่ได้รู้เห็นหรือเป็นพวก พี่จะออกไปสังหารนายทัพตัดศีรษะมาให้เจ้าเห็นประจักษ์ ว่าแล้วกวนอูก็ดึงบังเหียนม้าเซ็กเธาว์ ควบรี่เข้าไปหากองทหารที่ยกมานั้น
เตียวหุยเห็นเช่นนั้นจึงตะโกนไล่ตามหลังมาว่า ถ้าตัวสังหารไอ้นายทัพของโจโฉให้เราเห็นประจักษ์เราก็จะเชื่อ ตัวเราจะตีกลองรบให้เจ้า ว่าแล้วเตียวหุยจึงขี่ม้าไปที่พลทหารประจำกลองรบ แย่งเอาไม้ตีกลองมาแล้วตีกลองขึ้นดังสนั่น
ทางด้านซัวหยงเห็นกวนอูขี่ม้าเซ็กเธาว์มาแต่ผู้เดียวจึงตวาดใส่กวนอูว่ามึงหนีท่านอัครมหาเสนาบดีออกมา หักด่านและฆ่าแม่ทัพเสียหลายคน ทั้งยังฆ่าจินกี๋หลานของกูเสียอีกคนหนึ่ง บัดนี้ท่านอัครมหาเสนาบดีสั่งให้กูมาจับตัวมึงส่งเข้าเมืองหลวง
กวนอูได้ยินคำซัวหยงก็โกรธ ไม่โต้ตอบแต่ประการใด กระตุ้นม้าเซ็กเธาว์ปรี่เข้าหาซัวหยง เตียวหุยเห็นการรบกำลังจะเริ่มขึ้นก็เริ่มตีกลองเป็นสัญญาณเพลงรบ ไม่ทันสิ้นเพลงกวนอูก็เอาง้าวฟันซัวหยงคอขาดตกม้าตาย
กวนอูขี่ม้าตะลุยเข้าไปในกองทหารของซัวหยง ฆ่าฟันทหารของซัวหยงล้มตายเป็นอันมาก ทหารที่ติดตามซัวหยงมาเห็นเหตุการณ์นายทัพคอขาดตกม้าตาย ทั้งเกรงกลัวฝีมือกวนอูเป็นทุนอยู่แต่เดิม พวกที่เหลือจึงพากันแตกหนีไปคนละทิศคนละทาง
กวนอูจับตัวทหารถือธงประจำทัพของซัวหยงแล้วตัดศีรษะของซัวหยงเอากลับมามอบแก่เตียวหุย
เตียวหุยเห็นเช่นนั้นก็สำนึกได้ว่าเข้าใจกวนอูผิดไป สำนึกผิดแล้วจึงส่งทวนให้กับทหารแล้วลงจากหลังม้าวิ่งตรงเข้าไปหา คุกเข่าคำนับกอดเอาขาของกวนอูไว้ ร้องไห้ซบอยู่กับเข่าแล้วว่า น้องเล็กของพี่คนนี้ชั่วนัก วู่วามไม่ไตร่ตรองให้ถ่องแท้ หมิ่นน้ำใจพี่แล้วยังคิดทำร้ายพี่รองอีก โทษครั้งนี้ใหญ่หลวงนัก พี่รองยกโทษให้ด้วยเถิด
กวนอูเห็นดังนั้นน้ำตาก็หยดริน ก้มตัวลงประคองเตียวหุยให้ลุกขึ้น แล้วว่าน้องเล็กเจ้าอย่าได้ตำหนิตัวเอง สวรรค์ได้เมตตาให้เราพี่น้องได้พบกันก็เป็นวาสนาของเราแล้ว อย่าได้แหนงแคลงในหัวใจอีกต่อไปเลย ว่าแล้วกวนอู เตียวหุย จึงจูงมือกันเข้าไปหาพี่สะใภ้ แล้วกวนอูจึงได้กลับมาไต่สวนทหารถือธงประจำทัพของซัวหยงว่าเหตุใด ซัวหยงจึงล่วงคำอนุญาตยกทหารมาทำร้ายเรา
ทหารนั้นจึงบอกว่าซัวหยงได้รับคำสั่งจากเมืองหลวงให้ยกกองทัพมาจับเล่าเพ็กและก๋งเต๋าซึ่งยึดเมืองยีหลำไว้ ระหว่างทางซัวหยงได้ทราบข่าวว่าท่านได้ฆ่าจินกี๋ผู้เป็นหลานเสียก็โกรธ จึงยกกองทัพออกนอกเส้นทางหวังจะยกทหารมาทำร้ายท่าน จึงถึงแก่ความตาย
กวนอูไต่สวนได้ความกระจ่างแล้ว จึงสั่งให้ปล่อยตัวทหารนั้นกลับไป แล้วพาขบวนเข้าไปในเมืองเก๋าเซีย
พอไปถึงจวนทหารได้เข้ามารายงานว่าบัดนี้มีทหารสองคนมาขอพบ บอกว่าชื่อบิต๊ก กับบิฮอง เป็นน้องของฮูหยินของเล่าปี่และมีพวกมาด้วยอีกสี่ห้าสิบคน เตียวหุยได้ฟังรายงานก็ดีใจ รีบออกไปต้อนรับบิต๊กและบิฮองถึงที่ห้องรับรองแขกที่มาขอพบ
เตียวหุยปะหน้าบิต๊กกับบิฮองก็ดีใจ คำนับทักทายกันตามธรรมเนียมแล้วจึงถามว่าท่านทั้งสองเหตุใดจึงมาถึงที่นี่ บิต๊กและบิฮองจึงเล่าความแต่หนหลังให้ฟังว่า หลังจากรับมอบภารกิจจากเล่าปี่ให้รักษาเมืองชีจิ๋วแล้ว ทราบว่าเล่าปี่เสียเมืองเสียวพ่าย โจโฉได้ยกกองทัพจะมายึดเมืองชีจิ๋ว เห็นว่าจะต้านรับไม่ได้จึงพากันหนีไปอยู่ภูมิลำเนาเดิม บัดนี้ทราบว่าเล่าปี่ไปอยู่ด้วยอ้วนเสี้ยว ส่วนกันหยงที่ปรึกษาอีกคนหนึ่งรู้ข่าวก็ตามเล่าปี่ไปที่เมืองกิจิ๋ว ต่อมาได้ข่าวว่ากวนอูไปอยู่กับโจโฉ แต่ไม่ได้ข่าวตัวท่าน เมื่อสามสี่เดือนมานี้จึงเพิ่งได้ข่าวว่าท่านมายึดเมืองเก๋าเซียไว้ได้จึงพากันติดตามมาเพื่อจะบอกข่าวเล่าปี่และกวนอูให้ท่านทราบ
เตียวหุยจึงว่าบัดนี้กวนอูได้นำพี่สะใภ้ออกจากโจโฉมาอยู่ที่เมืองเก๋าเซียแล้ว ส่วนเล่าปี่ไปอยู่ที่เมืองยีหลำ บิต๊กและบิฮองทราบความเช่นนั้นก็ดีใจ ชวนกันเข้าไปพบกวนอู และพี่สาว
ฮูหยินทั้งสองของเล่าปี่ และกวนอูเห็นบิต๊ก และบิฮองก็ดีใจ ต่างฝ่ายต่างเล่าความแก่กันฟังทุกประการ เตียวหุยเห็นทุกคนมาพร้อมหน้าก็ปลื้มปิติ สั่งทหารให้แต่งโต๊ะเลี้ยงทุกคนจนอิ่มหนำสำราญ
รุ่งขึ้นเตียวหุยจึงชวนกวนอูว่าบัดนี้สวรรค์ได้เมตตาให้พี่น้องเราได้รู้ข่าวคราวกันแล้ว พี่รองและข้าพเจ้าได้พบหน้ากันแล้ว คงขาดแต่พี่ใหญ่ ฉะนี้ไซร้เราจึงควรเร่งไปหาพี่ใหญ่กันแต่เพลานี้
กวนอูจึงว่าเมืองเก๋าเซียนี้เป็นเมืองสำคัญ พอที่จะอาศัยเป็นหลักพักพิงเฉพาะหน้าได้จึงไม่ควรที่เจ้าจะทิ้งเมืองนี้ไป เรากับซุนเขียนจะไปหาเล่าปี่ก่อน ตัวเจ้าจงรักษาเมืองและดูแลพี่สะใภ้ไว้ให้จงดี แล้วเราจะกลับมาพร้อมกับพี่ใหญ่ เตียวหุยได้ฟังดังนั้นก็เห็นด้วย.
เตียวหุยและพรรคพวกจึงเข้าไปขอเสบียงจากเจ้าเมืองเก๋าเซียแต่เจ้าเมืองไม่ให้ เตียวหุยโกรธ จึงดำเนินตามคติของอธรรมเทวบุตรที่ได้สั่งสอนศาสนิกของตนในธรรมาธรรมะสงครามอันเป็นบทพระราชนิพนธ์ในพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวที่ว่า “ยามจนจะทนยาก จะลำบากไปไยมี พึงปองข้าวของดี ณ ผู้อื่นอันเก็บงำ”
เตียวหุยจึงได้ยึดเมืองเก๋าเซียไว้เป็นสิทธิ และสังหารเจ้าเมืองเสีย จากนั้นได้ซ่องสุมผู้คนเพื่อเตรียมไว้เป็นกำลังของเล่าปี่ เตียวหุยได้สั่งให้ทหารติดตามสดับตรับฟังข่าวคราวของเล่าปี่และกวนอูมิได้ขาด แต่ไม่ได้ความแน่ชัด ตัวเตียวหุยจึงวิตกกังวลถึงพี่น้องร่วมสาบานอยู่ทุกวัน
ครั้นทหารรับใช้เข้ามารายงานว่ามีทหารชื่อซุนเขียนมาขอพบ เตียวหุยก็ดีใจ คิดว่าคงได้ทราบข่าวคราวของเล่าปี่ในครั้งนี้ จึงรีบออกมาต้อนรับซุนเขียนเข้ามาสนทนากันที่ในจวน
เตียวหุยได้คำนับทักทายกันตามธรรมเนียมแล้ว ซุนเขียนจึงเล่าความให้เตียวหุยฟังว่า หลังจากเล่าปี่แตกทัพโจโฉแล้วได้ไปอาศัยอยู่กับอ้วนเสี้ยวที่เมืองกิจิ๋ว บัดนี้ได้คิดอ่านยักย้ายถ่ายเทให้เล่าปี่ยกไปอยู่เมืองยีหลำ ส่วนกวนอูได้ไปอยู่กับโจโฉ รักษาพี่สะใภ้ทั้งสอง โดยมีข้อสัญญาว่ารู้ข่าวเล่าปี่เมื่อใดก็จะกลับไปหาเล่าปี่เมื่อนั้น บัดนี้กวนอูได้นำขบวนพี่สะใภ้ทั้งสองมาอยู่ที่นอกเมืองแล้ว จึงให้ข้าพเจ้ามาแจ้งความให้ท่านออกไปรับพี่สะใภ้เข้ามาในเมือง
เตียวหุยได้ทราบข่าวเล่าปี่ก็มีความยินดียิ่งนัก แต่ใจหนึ่งกลับคิดแค้นกวนอูที่ไปอยู่ด้วยกับโจโฉ เพราะเห็นว่าโจโฉเป็นทรราช ข่มเหงย่ำยีฮ่องเต้ เบียดเบียนราษฎร ไม่ว่าด้วยเหตุผลประการใดก็ไม่ชอบที่กวนอูจะอยู่ด้วยโจโฉ ความภักดีต่อแผ่นดินและราชสำนักจำแนกได้เหนือกว่าความสัมพันธ์ของพี่น้องร่วมสาบาน คิดดังนั้นแล้วเตียวหุยจึงใส่เกราะถือทวนขึ้นม้าพาทหารพันหนึ่งออกนอกประตูเมืองตามซุนเขียนไป
ความคิดของเตียวหุยเช่นนี้จำแนกความสัมพันธ์ระหว่างแผ่นดินกับบุคคลและระหว่างบุคคลได้แจ่มแจ้งชัดเจน เป็นแต่ว่าเป็นการจำแนกโดยที่หาได้รู้ความนัยละเอียด และสถานการณ์ที่กวนอูจำเป็นต้องอยู่ด้วยโจโฉไม่กระจ่าง จึงจำแนกและเข้าใจเหตุการณ์ผิดพลาด แล้วออกไปด้วยใจที่พกเอาความแค้นกวนอูติดตัวไปด้วย
ผลท้อที่มีแมลงแห่งโมหะเข้าชอนไชจึงมีรสขมด้วยประการฉะนี้
กวนอูเห็นเตียวหุยนำทหารออกมา ได้พบหน้าน้องร่วมสาบานก็มีความยินดี ส่งง้าวให้กับจิวฉองแล้วขับม้าเข้าไปจะกอดเตียวหุย แต่เตียวหุยเห็นกวนอูชักม้าเข้ามาก็ตวาดขึ้นด้วยเสียงอันดังด้วยความโกรธว่าไอ้ทรยศ แล้วเอาทวนแทงกวนอู
กวนอูตกใจชักม้าถอยกลับออกมาหลบอยู่ที่ข้างรถของพี่สะใภ้แล้วถามว่าเหตุไฉนน้องเล็กจึงได้คิดทำร้ายเรา จะมิเป็นการละความสัตย์ดอกหรือ
เตียวหุยจึงว่าเจ้านั่นแหละที่ละความสัตย์ก่อนไปเข้าด้วยกับโจโฉจอมทรราชย์ แล้วยังจะบากหน้ากล้ามาพบเราอีก กวนอูจึงว่าไฉนน้องเล็กจึงหาว่าพี่นี้ตระบัตสัตย์
เตียวหุยตอบกลับมาว่าตัวไปเข้าด้วยโจโฉ อาสาศึกมีความชอบ ได้รับปูนบำเหน็จยศถาบรรดาศักดิ์ เปลี่ยนใจเข้าสวามิภักดิ์กับทรราช ตัวมาครั้งนี้เป็นการแต่งกลอุบายมาลวงเรา เราก็รู้ทันอยู่ วันนี้ชีวิตเราอยู่ตัวเจ้าต้องตาย หรือชีวิตเจ้าอยู่ตัวเราก็ต้องตาย ไม่อาจอยู่ร่วมฟ้ากันได้อีกต่อไป
กวนอูจึงว่าน้องเล็กเจ้าอย่าเพิ่งวู่วาม จริงเท็จ ลึกตื้น หนาบางในเรื่องนี้เจ้าไม่ต้องเชื่อคำพี่ จงถามพี่สะใภ้ทั้งสองก็จะทราบความได้เอง แล้วจะแจ้งน้ำใจภักดีสัตย์ซื่อของพี่
สองฮูหยินของเล่าปี่นั่งอยู่ในรถ ได้ยินเสียงกวนอู เตียวหุยโต้ตอบกันดั่งนั้นก็ตกใจ นางกำฮูหยินจึงเปิดมู่ลี่รถที่นั่งขึ้น ชะโงกหน้ามาที่กวนอู เตียวหุย แล้วว่าเตียวหุยไฉนเจ้าจึงปรามาสพี่รองเช่นนี้
เตียวหุยได้ยินคำพี่สะใภ้ก็ไม่ฟัง ตอบกลับมาว่าพี่ทั้งสองไม่แจ้งอุบายของคนหน้าซื่อใจคด อย่าห้ามข้าพเจ้าเลย คอยดูข้าพเจ้าสังหารคนเสียสัตย์เสียก่อน แล้วค่อยตามข้าพเจ้าเข้าไปในเมือง
นางกำฮูหยินเห็นเตียวหุยไม่ฟังคำก็ขุ่นเคือง ร้องมาด้วยเสียงอันดังว่าเมื่อพวกเจ้าพี่น้องพลัดพรากจากกันนั้น โจโฉคุมทหารล้อมกวนอูไว้ และเราก็ตกอยู่ในเงื้อมมือของโจโฉ กวนอูสุดกำลังจะรบพุ่ง ทั้งเกรงเราจะเป็นอันตรายจึงจำใจเข้าด้วยโจโฉเพื่อรักษาเราสองมิให้เป็นอันตราย ทั้งได้ทำสัญญาไว้กับโจโฉว่าถ้าทราบข่าวเล่าปี่วันไหนก็จะกลับไปหาเล่าปี่ในวันนั้น กวนอูมิได้ละความสัตย์แม้แต่น้อย ตลอดระยะเวลาได้อุตสาห์ปรนนิบัติรับใช้รักษาเราด้วยความภักดีมิบกพร่อง กวนอูอาสาศึกด้วยหวังใจหาข่าวคราวของเล่าปี่ ใช่ว่าจะเป็นใจรับใช้โจโฉ อนึ่งนั้นกวนอูอยู่กับโจโฉก็มิได้ยอมเป็นข้าของโจโฉ แต่มีสัญญามั่นคงให้ถือว่าเป็นข้าในพระเจ้าเหี้ยนเต้ บัดนี้กวนอูรู้ข่าวพี่ใหญ่ของเจ้าแล้วจึงพาเรากลับมา ระหว่างทางได้พบซุนเขียนทราบว่าเล่าปี่ไปอยู่เมืองยีหลำ กวนอูจึงพาเราจะไปเมืองยีหลำ เจ้าจงฟังคำเราก็จะเห็นเนื้อความอันถ่องแท้ การที่เจ้าวู่วามไม่ไตร่ตรองความให้ถ่องแท้ก่อนคิดจะทำร้ายกวนอูฉะนี้เป็นการไม่ชอบ
เตียวหุยยังคงดื้อรั้น ไม่ฟังคำของพี่สะใภ้แล้วว่า กวนอูทำทั้งนี้เป็นกลอุบาย พี่ทั้งสองเป็นสตรีไม่แจ้งในอุบายนั้นจึงเห็นว่ากวนอูรักษาสัจจะอยู่ “ธรรมดาเกิดมาเป็นชายชาติทหาร ได้ออกวาจาสาบานไว้แล้ว ถึงจะตายก็ไม่เสียดายชีวิต อันน้ำใจกวนอูละสัตย์เสีย เป็นข้าสองเข้า บ่าวสองนายอยู่ฉะนี้จะเชื่อถืออย่างไรได้”
ซุนเขียนเห็นเตียวหุยยังคงดื้อรั้นจึงว่า “อันน้ำใจกวนอูรักษาสัตย์นั้นหาผู้เสมอมิได้ อุตส่าห์ทรมานกายไม่รักชีวิตพาพี่สะใภ้ทั้งสองมาหาเล่าปี่ ครั้นรู้ข่าวว่าท่านอยู่เมืองนี้จึงให้ข้าพเจ้าไปเชิญออกมา เหตุใดท่านจึงสงสัยกวนอูดังนี้เล่า”
คนดื้อรั้นแบบนี้แหละที่เขาเรียกว่าดื้อรั้นแบบวัวชน แทนที่เตียวหุยจะฟังคำพี่สะใภ้และซุนเขียนซึ่งเป็นที่ปรึกษาผู้ใหญ่ของเล่าปี่ กลับตวาดใส่ซุนเขียนแล้วว่ากวนอูคิดอุบายจะจับเราเอาไปให้แก่โจโฉ เหตุไฉนท่านจึงยังยกย่องกวนอูว่าเป็นคนถือสัจจะ
กวนอูฟังเตียวหุยแล้วระอาแก่ใจ แต่ยังคงแสดงเหตุผลชี้แจงเตียวหุยว่าถ้าหากเราจะวางกลอุบายคิดร้ายต่อเจ้า ไยจะต้องเอาพี่สะใภ้ทั้งสองมาด้วยเล่า และอย่างน้อยก็ต้องมีทหารโจโฉติดตามมาด้วย
สิ้นคำของกวนอู พลันมีเสียงม้าอึกทึกกึกก้องมาแต่ข้างหลัง ฝุ่นคลุ้งตลบ เห็นแต่ธงประจำทัพว่านายทัพชื่อซัวหยง คุมทหารของโจโฉยกมา
เตียวหุยเห็นเช่นนั้น ก็ยิ่งมั่นใจในความเชื่อของตัวว่ากวนอูแต่งกลอุบายมาลวงเพื่อจับเอาตัวไป จึงชี้ไปที่กองทหารที่ยกมานั้นแล้วว่าที่ยกตามมานี้หรือมิใช่ทหารของโจโฉ ตัวแกล้งแต่งอุบายเอาพี่สะใภ้ขึ้นบังหน้าให้กองทัพตามหลังมาหวังจะจับเรา
ว่าแล้วเตียวหุยยิ่งโกรธแค้น ขบเคี้ยวฟันกรอด ๆ ชักบังเหียนม้าจะเอาทวนแทงกวนอู กวนอูชักม้าหลบไกลออกมาแล้วว่า น้องเล็กเจ้าอย่าเพิ่งวู่วามทำอันตรายพี่ ที่ยกมาทั้งนี้พี่ไม่ได้รู้เห็นหรือเป็นพวก พี่จะออกไปสังหารนายทัพตัดศีรษะมาให้เจ้าเห็นประจักษ์ ว่าแล้วกวนอูก็ดึงบังเหียนม้าเซ็กเธาว์ ควบรี่เข้าไปหากองทหารที่ยกมานั้น
เตียวหุยเห็นเช่นนั้นจึงตะโกนไล่ตามหลังมาว่า ถ้าตัวสังหารไอ้นายทัพของโจโฉให้เราเห็นประจักษ์เราก็จะเชื่อ ตัวเราจะตีกลองรบให้เจ้า ว่าแล้วเตียวหุยจึงขี่ม้าไปที่พลทหารประจำกลองรบ แย่งเอาไม้ตีกลองมาแล้วตีกลองขึ้นดังสนั่น
ทางด้านซัวหยงเห็นกวนอูขี่ม้าเซ็กเธาว์มาแต่ผู้เดียวจึงตวาดใส่กวนอูว่ามึงหนีท่านอัครมหาเสนาบดีออกมา หักด่านและฆ่าแม่ทัพเสียหลายคน ทั้งยังฆ่าจินกี๋หลานของกูเสียอีกคนหนึ่ง บัดนี้ท่านอัครมหาเสนาบดีสั่งให้กูมาจับตัวมึงส่งเข้าเมืองหลวง
กวนอูได้ยินคำซัวหยงก็โกรธ ไม่โต้ตอบแต่ประการใด กระตุ้นม้าเซ็กเธาว์ปรี่เข้าหาซัวหยง เตียวหุยเห็นการรบกำลังจะเริ่มขึ้นก็เริ่มตีกลองเป็นสัญญาณเพลงรบ ไม่ทันสิ้นเพลงกวนอูก็เอาง้าวฟันซัวหยงคอขาดตกม้าตาย
กวนอูขี่ม้าตะลุยเข้าไปในกองทหารของซัวหยง ฆ่าฟันทหารของซัวหยงล้มตายเป็นอันมาก ทหารที่ติดตามซัวหยงมาเห็นเหตุการณ์นายทัพคอขาดตกม้าตาย ทั้งเกรงกลัวฝีมือกวนอูเป็นทุนอยู่แต่เดิม พวกที่เหลือจึงพากันแตกหนีไปคนละทิศคนละทาง
กวนอูจับตัวทหารถือธงประจำทัพของซัวหยงแล้วตัดศีรษะของซัวหยงเอากลับมามอบแก่เตียวหุย
เตียวหุยเห็นเช่นนั้นก็สำนึกได้ว่าเข้าใจกวนอูผิดไป สำนึกผิดแล้วจึงส่งทวนให้กับทหารแล้วลงจากหลังม้าวิ่งตรงเข้าไปหา คุกเข่าคำนับกอดเอาขาของกวนอูไว้ ร้องไห้ซบอยู่กับเข่าแล้วว่า น้องเล็กของพี่คนนี้ชั่วนัก วู่วามไม่ไตร่ตรองให้ถ่องแท้ หมิ่นน้ำใจพี่แล้วยังคิดทำร้ายพี่รองอีก โทษครั้งนี้ใหญ่หลวงนัก พี่รองยกโทษให้ด้วยเถิด
กวนอูเห็นดังนั้นน้ำตาก็หยดริน ก้มตัวลงประคองเตียวหุยให้ลุกขึ้น แล้วว่าน้องเล็กเจ้าอย่าได้ตำหนิตัวเอง สวรรค์ได้เมตตาให้เราพี่น้องได้พบกันก็เป็นวาสนาของเราแล้ว อย่าได้แหนงแคลงในหัวใจอีกต่อไปเลย ว่าแล้วกวนอู เตียวหุย จึงจูงมือกันเข้าไปหาพี่สะใภ้ แล้วกวนอูจึงได้กลับมาไต่สวนทหารถือธงประจำทัพของซัวหยงว่าเหตุใด ซัวหยงจึงล่วงคำอนุญาตยกทหารมาทำร้ายเรา
ทหารนั้นจึงบอกว่าซัวหยงได้รับคำสั่งจากเมืองหลวงให้ยกกองทัพมาจับเล่าเพ็กและก๋งเต๋าซึ่งยึดเมืองยีหลำไว้ ระหว่างทางซัวหยงได้ทราบข่าวว่าท่านได้ฆ่าจินกี๋ผู้เป็นหลานเสียก็โกรธ จึงยกกองทัพออกนอกเส้นทางหวังจะยกทหารมาทำร้ายท่าน จึงถึงแก่ความตาย
กวนอูไต่สวนได้ความกระจ่างแล้ว จึงสั่งให้ปล่อยตัวทหารนั้นกลับไป แล้วพาขบวนเข้าไปในเมืองเก๋าเซีย
พอไปถึงจวนทหารได้เข้ามารายงานว่าบัดนี้มีทหารสองคนมาขอพบ บอกว่าชื่อบิต๊ก กับบิฮอง เป็นน้องของฮูหยินของเล่าปี่และมีพวกมาด้วยอีกสี่ห้าสิบคน เตียวหุยได้ฟังรายงานก็ดีใจ รีบออกไปต้อนรับบิต๊กและบิฮองถึงที่ห้องรับรองแขกที่มาขอพบ
เตียวหุยปะหน้าบิต๊กกับบิฮองก็ดีใจ คำนับทักทายกันตามธรรมเนียมแล้วจึงถามว่าท่านทั้งสองเหตุใดจึงมาถึงที่นี่ บิต๊กและบิฮองจึงเล่าความแต่หนหลังให้ฟังว่า หลังจากรับมอบภารกิจจากเล่าปี่ให้รักษาเมืองชีจิ๋วแล้ว ทราบว่าเล่าปี่เสียเมืองเสียวพ่าย โจโฉได้ยกกองทัพจะมายึดเมืองชีจิ๋ว เห็นว่าจะต้านรับไม่ได้จึงพากันหนีไปอยู่ภูมิลำเนาเดิม บัดนี้ทราบว่าเล่าปี่ไปอยู่ด้วยอ้วนเสี้ยว ส่วนกันหยงที่ปรึกษาอีกคนหนึ่งรู้ข่าวก็ตามเล่าปี่ไปที่เมืองกิจิ๋ว ต่อมาได้ข่าวว่ากวนอูไปอยู่กับโจโฉ แต่ไม่ได้ข่าวตัวท่าน เมื่อสามสี่เดือนมานี้จึงเพิ่งได้ข่าวว่าท่านมายึดเมืองเก๋าเซียไว้ได้จึงพากันติดตามมาเพื่อจะบอกข่าวเล่าปี่และกวนอูให้ท่านทราบ
เตียวหุยจึงว่าบัดนี้กวนอูได้นำพี่สะใภ้ออกจากโจโฉมาอยู่ที่เมืองเก๋าเซียแล้ว ส่วนเล่าปี่ไปอยู่ที่เมืองยีหลำ บิต๊กและบิฮองทราบความเช่นนั้นก็ดีใจ ชวนกันเข้าไปพบกวนอู และพี่สาว
ฮูหยินทั้งสองของเล่าปี่ และกวนอูเห็นบิต๊ก และบิฮองก็ดีใจ ต่างฝ่ายต่างเล่าความแก่กันฟังทุกประการ เตียวหุยเห็นทุกคนมาพร้อมหน้าก็ปลื้มปิติ สั่งทหารให้แต่งโต๊ะเลี้ยงทุกคนจนอิ่มหนำสำราญ
รุ่งขึ้นเตียวหุยจึงชวนกวนอูว่าบัดนี้สวรรค์ได้เมตตาให้พี่น้องเราได้รู้ข่าวคราวกันแล้ว พี่รองและข้าพเจ้าได้พบหน้ากันแล้ว คงขาดแต่พี่ใหญ่ ฉะนี้ไซร้เราจึงควรเร่งไปหาพี่ใหญ่กันแต่เพลานี้
กวนอูจึงว่าเมืองเก๋าเซียนี้เป็นเมืองสำคัญ พอที่จะอาศัยเป็นหลักพักพิงเฉพาะหน้าได้จึงไม่ควรที่เจ้าจะทิ้งเมืองนี้ไป เรากับซุนเขียนจะไปหาเล่าปี่ก่อน ตัวเจ้าจงรักษาเมืองและดูแลพี่สะใภ้ไว้ให้จงดี แล้วเราจะกลับมาพร้อมกับพี่ใหญ่ เตียวหุยได้ฟังดังนั้นก็เห็นด้วย.