ตอนที่ 130. อำนาจแห่งความกตัญญู

 กวนอูใช้ความพยายามหลายครั้งหลายหนเพื่อจะบอกลาโจโฉกลับไปหา  เล่าปี่ให้ถูกต้องตามอย่างธรรมเนียม มิให้ผู้ใดครหานินทาได้ในภายหลัง แต่ก็ต้องผิดหวังเพราะโจโฉปิดจวน ปิดประกาศไม่ยอมให้ผู้ใดเข้าพบ ครั้งสุดท้ายจึงตรงไปที่บ้านของเตียวเลี้ยวเพื่อนที่สนิทที่สุดในกองทัพของโจโฉ หวังจะบอกความลาฝากไว้กับเตียวเลี้ยว

            แต่กวนอูก็ต้องผิดหวังเหมือนกับที่ผิดหวังมาจากจวนของโจโฉ เพราะนายประตูบ้านเตียวเลี้ยวไม่ยอมให้กวนอูเข้าไปในบ้านอ้างว่าเตียวเลี้ยวป่วยอยู่ กวนอูจึงกลับมายังที่พัก แล้วสั่งให้ทหารที่ติดตามมาจัดแจงรถสำหรับพี่สะใภ้ทั้งสองกับทรัพย์สินที่ติดตัวมาแต่เดิมไว้ให้พร้อม บรรดาทรัพย์สินทั้งปวงที่โจโฉได้มอบให้จัดแยกไว้ต่างหาก ถึงกระนั้นแล้วกวนอูก็ยังหวังว่าวันรุ่งขึ้นจะได้มีโอกาสบอกลาโจโฉ

            ครั้นรุ่งขึ้นกวนอูก็ไปที่จวนของโจโฉอีกครั้งหนึ่ง แต่ประตูจวนก็ยังคงปิดอยู่เหมือนเดิม กวนอูไม่สามารถบอกลาโจโฉด้วยวาจาได้จึงกลับมาที่พัก แล้วเขียนหนังสือถึงโจโฉเป็นใจความว่า “ข้าพเจ้ากวนอูขอแจ้งเนื้อความไว้แก่มหาอุปราช ด้วยข้าพเจ้ากับเล่าปี่นั้นได้สาบานไว้ต่อกันว่าจะร่วมทุกข์ร่วมสุขกัน ถ้าผู้ใดตายก็จะตายด้วยกัน คนทั้งปวงก็รู้อยู่สิ้น แลเมื่อท่านยกกองทัพไปรบเมืองแห้ฝือนั้น ข้าพเจ้าก็ได้สัญญาไว้แก่ท่าน ท่านก็ได้รับปฏิญาณ ข้าพเจ้าจึงมาอยู่ด้วยท่าน บัดนี้ข้าพเจ้ารู้ข่าวเล่าปี่แล้ว ข้าพเจ้าจะลาท่านไปหาเล่าปี่ตามคำที่ได้สัญญาไว้ ซึ่งท่านได้มีคุณทำนุบำรุงข้าพเจ้าไว้นั้น ข้าพเจ้าก็คิดถึงคุณอยู่ แต่จะกลบลบคุณเล่าปี่เสียนั้นไม่ได้ ถ้าสืบไปชีวิตข้าพเจ้ายังไม่ตายก็จะขอสนองคุณท่านอีก”

            กวนอูเขียนจดหมายอย่างเปิดเผยตรงไปตรงมาและสง่างาม กล่าวความถูกต้องตามคลองธรรมทุกประการ ซึ่งจะได้ประจักษ์ต่อไปว่าด้วยอำนาจและอานุภาพความซื่อสัตย์สุจริตมั่นคงฉะนี้ จะสามารถทำให้กวนอูฝ่าด่านทั้งปวงได้ตลอดปลอดภัยหรือไม่

            ครั้นเขียนหนังสือเสร็จจึงใช้ให้คนในบ้านเอาหนังสือนั้นไปมอบแก่โจโฉที่จวน แล้วกวนอูจึงเอาตราประจำตำแหน่งที่พระเจ้าเหี้ยนเต้พระราชทานตามฎีกาของโจโฉพร้อมด้วยทรัพย์สิ่งสินทั้งหลายที่โจโฉได้มอบให้บรรจุลงในหีบลั่นกุญแจ แล้วเรียกหญิงรูปงามที่โจโฉส่งมาให้รับใช้แล้วว่าเราจะกลับไปหาเล่าปี่ ของทั้งนี้ท่านอัครมหาเสนาบดีมอบให้แก่เรา บัดนี้เราจะขอมอบคืนไว้แก่ราชการ พวกเจ้าจงรับเอาสิ่งของทั้งปวงไปมอบแก่ท่านอัครมหาเสนาบดีแทนเราด้วย การปรนนิบัติรับใช้ที่พวกเจ้าปฏิบัติต่อพี่สะใภ้ทั้งสองของเรานั้น เราจะจดจำคุณไว้ไม่มีวันลืมเลือน เราจะลาพวกเจ้าไปแล้ว พวกเจ้าจงรักษาตัวและปฏิบัติหน้าที่ราชการด้วยดีเถิด

            สั่งการเสร็จสิ้นกวนอูจึงเชิญพี่สะใภ้ทั้งสองขึ้นรถ ให้ทหารเก่าที่ติดตามมาสิบสองคนอารักขาขบวนรถของพี่สะใภ้เคลื่อนไปข้างหน้า กวนอูถือง้าวขี่ม้าเซ็กเธาว์ตามไปข้างหลัง ขบวนของกวนอูได้เคลื่อนออกจากที่พักอย่างเปิดเผย ตรงไปยังประตูเมืองด้านทิศเหนือ

            ครั้นไปถึงประตูเมืองด้านทิศเหนือ นายประตูได้เข้ามาห้ามกวนอูไม่ให้ออกจากเมือง กวนอูจึงตวาดขึ้นด้วยเสียงอันดังให้นายประตูถอยออกไป นายประตูเห็นกิริยาอาการของกวนอูน่าเกรงขาม ประกอบกับเคยได้ยินกิตติศัพท์ที่กวนอูสังหารทหารเอกอ้วนเสี้ยวภายในชั่วพริบตาก็เกรงกลัว ยอมหลีกทางให้แต่โดยดี

            ขณะนั้นโจโฉกำลังปรึกษากับที่ปรึกษาและแม่ทัพนายกองเพื่อคิดอ่านหาวิธีหน่วงเหนี่ยวกวนอูไว้ไม่ให้กลับไปหาเล่าปี่ แต่ยังมิทันที่จะตัดสินใจประการใด ทหารที่เฝ้าประตูจวนได้นำหนังสือของกวนอูมามอบให้แก่โจโฉ

            โจโฉรับหนังสือมาอ่านดูก็รู้ความว่ากวนอูกำลังกลับไปหาเล่าปี่ก็ตกใจ ปรารภขึ้นว่าเวลานี้กวนอูไม่ไปแล้วหรือ ทันใดนั้นหญิงรับใช้ทั้งสิบคนได้เดินทางจากบ้านพักของกวนอูมาที่จวนของโจโฉแล้วนำเอาตราประจำตำแหน่งและทรัพย์สินทั้งปวงเข้ามารายงานแก่โจโฉว่าบัดนี้กวนอูได้พาพี่สะใภ้ทั้งสองออกจากที่พักไปแล้วและได้มอบตราประจำตำแหน่งรวมทั้งทรัพย์สินทั้งหลายที่ท่านอัครมหาเสนาบดีได้เมตตาให้ไว้แต่ก่อนคืนไว้แก่ราชการ

            ในขณะที่โจโฉยังคงอึ้งอยู่นั้น นายประตูเมืองด้านทิศเหนือก็ได้เข้ามารายงานว่าบัดนี้กวนอูพาพี่สะใภ้ทั้งสองออกจากประตูเมืองทางด้านทิศเหนือไปแล้ว ข้าพเจ้าได้ขัดขวางไว้แต่กวนอูไม่เชื่อฟัง ครั้นข้าพเจ้าจะเข้าไปจับกุมก็เกรงว่ากวนอูจะทำอันตราย

            ซัวหยงนายทหารคนหนึ่งซึ่งอยู่ในที่นั้นด้วยได้เสนอว่าการที่กวนอูหนีไปครั้งนี้ข้าพเจ้าขออาสานำทหารสามพันไปตามจับกวนอูมาให้จงได้

            โจโฉได้ยินคำซัวหยงก็ตวาดขึ้นด้วยเสียงอันดังให้หยุดพูด แล้วว่า “ซึ่งกวนอูไปทั้งนี้เพราะมีใจกตัญญูต่อเล่าปี่ผู้เป็นนาย ประการหนึ่งเราก็ได้รับสัญญากวนอูไว้ แล้วเขาก็ให้หนังสือบอกเรา เหตุใดจะว่าเขาหนี ท่านทั้งปวงจงมีใจรักนายให้เหมือนกวนอูเถิด”

            น้ำใจของโจโฉในตอนนี้กำลังเอนไปด้วยอานุภาพแห่งความสัตย์ซื่อภักดีของกวนอู ทั้ง ๆ ที่ใจหนึ่งคิดที่จะหน่วงเหนี่ยวเอาตัวกวนอูไว้

            เทียหยกที่ปรึกษาจึงว่า ที่ซัวหยงเสนอมานั้นก็มีเหตุผลอยู่ เพราะกวนอูนี้ท่านได้เลี้ยงดูถึงขนาด ก็ไม่พร้อมใจจะอยู่ด้วยท่าน กลับดูหมิ่นด้วยการเขียนหนังสือมาบอกลาแทนที่จะมาบอกลาตามอย่างธรรมเนียม หากปล่อยให้กวนอูไปถึงอ้วนเสี้ยวแล้วก็จะเป็นกำลังทำให้กองทัพของอ้วนเสี้ยวกำเริบขึ้น จึงขอให้ท่านจัดทหารไปจับกวนอูกลับมาเถิด

            เทียหยกนี้การข่าวใช้ไม่ได้ เพราะไม่รู้ความว่ากวนอูได้เพียรพยายามมาบอกลาหลายครั้งหลายหน ในขณะที่โจโฉนั้นรู้ความดังกล่าวอยู่เต็มอก โจโฉได้ยินข้อเสนอของเทียหยกแล้วจึงว่า “เราได้รับสัญญาเขาไว้แล้ว ครั้นจะให้ไปติดตามเอาตัวมาบัดนี้ก็จะเสียวาจาไป ประการหนึ่งน้ำใจกวนอูรักษาความสัตย์อยู่ ถึงภายหน้าไปเห็นจะไม่ทำร้ายแก่เรา”

            ถึงขั้นนี้โจโฉรู้ดีว่าบทสุดท้ายของการซื้อกวนอูจบสิ้นลงแล้ว และด้วยอานุภาพแห่งความสัตย์ซื่อจึงทำให้โจโฉแม้จะเปี่ยมด้วยเล่ห์กลอุบายประการใด ก็ไม่กล้าใช้เล่ห์กลอุบายต่อไปอีก ยอมจำนนสิโรราบให้แก่อำนาจแห่งความจงรักภักดีนั้น และเพราะเห็นเช่นนั้นโจโฉจึงกล้ายืนยันต่อหน้าเหล่าที่ปรึกษาและแม่ทัพนายกองว่าก็เพราะกวนอูมีความมั่นในความกตัญญูดั่งนี้ สืบไปเบื้องหน้าความกตัญญูประจำใจกวนอูย่อมกำกับมิให้กวนอูทำอันตรายแก่โจโฉได้

            ตัดสินใจปล่อยกวนอูไปแล้ว โจโฉจึงหันกลับมาว่ากับเตียวเลี้ยวว่า “เราทำนุบำรุงกวนอูเพียงนี้ กวนอูไม่เห็นแก่ยศถาศักดิ์แลทรัพย์สิ่งสิน ตั้งใจรักษาสัตย์หาผู้ใดเสมอมิได้ เราก็คิดเกรงใจกวนอูอยู่”

            นี่คือน้ำใจแท้ของโจโฉ ที่แสดงออกถึงการยอมจำนนและสิโรราบต่ออำนาจแห่งความจงรักภักดีสัตย์ซื่อของกวนอู จึงไม่กล้าใช้เล่ห์กลอุบายใด ก็เพราะเกรงต่ออำนาจแห่งธรรมดังกล่าวนั้น

            แต่วิสัยพญาครุฑเยี่ยงโจโฉนี้มิใช่คนธรรมดา เมื่อตัดสินใจปล่อยกวนอูไปแล้วใจก็คิดที่จะผูกใจกวนอูไว้อีกสักเปราะหนึ่งก่อนที่จะจากกันครั้งสุดท้าย จึงสั่งเตียวเลี้ยวว่าท่านจงรีบตามกวนอูไปแล้วให้รออยู่ก่อน เราจะตามไปส่งถึงกลางทาง แล้วจะได้มอบทรัพย์สินเงินทองเสื้อผ้าจำนวนมากแก่กวนอู ผูกไมตรีให้ยืนยาวไว้ในภายหน้า

            เตียวเลี้ยวรับคำสั่งแล้วรีบออกมาขึ้นม้าตรงไปยังประตูด้านทิศเหนือตามกวนอูไป ในขณะที่โจโฉก็สั่งเจ้าหน้าที่ให้จัดเตรียมทรัพย์สินเงินทองเสื้อผ้าเป็นอันมาก แล้วพาทหารสามสิบคนตามเตียวเลี้ยวไปโดยไม่ให้ถืออาวุธติดตัว

            ฝ่ายกวนอูพาพี่สะใภ้พ้นประตูเมืองมาได้ไม่ทันนานก็ได้ยินเสียงร้องเรียกดังมาจากข้างหลัง เหลียวกลับไปดูเห็นเตียวเลี้ยวขี่ม้าตามมาแต่ผู้เดียวก็ค่อยคลายใจ สั่งทหารที่คุมขบวนให้นำขบวนของพี่สะใภ้เคลื่อนล่วงหน้าไปก่อน ตัวกวนอูหยุดม้าแล้วหันกลับมาคอยเตียวเลี้ยว

            ครั้นเตียวเลี้ยวมาถึงกวนอูจึงถามว่าท่านตามเรามาทั้งนี้คิดจะจับเรากลับไปหรือ เตียวเลี้ยวตอบว่าที่จะคิดจับท่านกลับไปนั้นหามิได้ ท่านอัครมหาเสนาบดีทราบว่าท่านกำลังจะกลับไปหาเล่าปี่เห็นเป็นทางไกลและกันดารก็มีความเป็นห่วง จึงให้ข้าพเจ้ารีบล่วงหน้ามาบอกท่านให้รออยู่สักครู่หนึ่งก่อน ท่านอัครมหาเสนาบดีจะติดตามมาเพื่อส่งลาท่าน

            กวนอูได้ฟังดังนั้นก็ไม่แน่ใจว่าโจโฉจะมาดีหรือมาร้าย ไม่ตอบคำเตียวเลี้ยว ชักม้าขึ้นไปบนสะพานศิลาที่ข้ามลำน้ำรอทีอยู่ ถึงเชิงสะพานศิลาแล้วชักม้าหันกลับมาทางเตียวเลี้ยว เห็นโจโฉขี่ม้านำทหารมาประมาณสามสิบคนแต่มิได้ถืออาวุธก็ค่อยคลายใจ ครั้นโจโฉเข้ามาใกล้เชิงสะพาน บรรดาทหารที่ติดตามมาก็ตั้งแถวเป็นหน้ากระดาน ตัวโจโฉขี่ม้าออกมาข้างหน้าทหาร แล้วถามกวนอูว่าท่านจะกลับไปหาเล่าปี่ เหตุไฉนจึงไม่บอกให้เรารู้ล่วงหน้า

            กวนอูขี่ม้าเซ็กเธาว์อยู่ ประมาณการว่าโจโฉคงมาดีทั้งมีความเกรงใจโจโฉ จึงน้อมตัวบนหลังม้าเป็นทีคำนับแล้วว่า “เดิมข้าพเจ้าได้สัญญาไว้ต่อท่าน ท่านก็รับปฏิญาณไว้ ครั้นข้าพเจ้ารู้ข่าวเล่าปี่แล้วเข้าไปจะลาท่านถึงสองครั้ง สามครั้งก็ไม่ถึงท่าน ข้าพเจ้าก็วิตกอยู่ถึงเล่าปี่ จึงเขียนหนังสือคำนับลาท่านให้ไว้กับนายประตู แลสิ่งของซึ่งท่านให้ข้าพเจ้านั้น ข้าพเจ้ามอบให้แก่หญิงคนใช้ไว้สิ้น ข้าพเจ้าจึงรีบมาหวังจะไปหาเล่าปี่ มหาอุปราชจงคิดถึงคำซึ่งรับสัญญาไว้นั้น จงเมตตาให้ข้าพเจ้าไปเถิด”

            โจโฉทั้งที่รู้ดีว่ากวนอูได้พยายามบอกลาแล้ว แต่เมื่อเผชิญหน้าเข้ากับกวนอูก็ไม่รู้ที่จะพูดจาประการใด ได้แต่ต่อว่าเหตุไฉนจึงไม่บอกกล่าว ครั้นกวนอูตอบความเป็นหลักฐานกลับมาดั่งนี้ โจโฉก็ไม่อาจใช้เล่ห์กลประการอื่นได้ จึงตอบกวนอูไปตามความตกลงใจที่จะปล่อยกวนอูกลับไปว่า “เราทำการทุกวันนี้ก็ตั้งใจปรารถนาหาผู้รักษาสัตย์ ตัวท่านมีกตัญญูต่อเล่าปี่เราก็มีความยินดีด้วย ซึ่งเรารับสัญญาท่านไว้เราก็รักษาวาจาอยู่ มิให้คำนั้นเป็นสองได้ ท่านจะไปเราก็ไม่ห้าม แต่เกรงอยู่ว่าเป็นทางกันดาร กลัวจะขาดเสบียงอาหารเราจึงตามมาส่ง หวังจะให้ทรัพย์สินไว้เป็นเสบียง”

            คนแบบโจโฉนี้ช่างน่ากลัวยิ่งนัก ทั้งที่จำนนต่อความล้มเหลวที่ไม่อาจซื้อกวนอูได้สำเร็จ แต่ก็ยังไม่วายที่จะโอ้อวดยกตัวเองและยังใช้อุบายผูกใจกวนอูไว้ซ้ำอีกเปราะหนึ่ง

            โจโฉว่าแล้วก็สั่งทหารให้เอาทองแท่งถาดหนึ่งให้กวนอู แต่กวนอูไม่ยอมรับ และว่าเบี้ยหวัดซึ่งได้รับพระราชทานในทางราชการนั้นยังมีเหลืออยู่ ทองคำแท่งถาดนี้ท่านจงเอาไว้แจกจ่ายทหารซึ่งมีความชอบต่อแผ่นดินนั้นเถิด

            โจโฉจึงว่าท่านมาทำราชการในเมืองหลวงมีความชอบเป็นอันมาก ทองคำแท่งถาดนี้ความจริงยังไม่ควรแก่ความชอบของท่าน ไฉนเล่าท่านจึงไม่ยอมรับ

            กวนอูจึงว่าข้าพเจ้าอาสาศึกเพียงครั้งสองครั้งไม่อาจนับเป็นความชอบยิ่งใหญ่อันใดได้ เบี้ยหวัดอันได้รับพระราชทานนั้นนับเป็นอันเพียงพอต่อความชอบในหน้าที่แล้ว

            โจโฉได้ยินก็น้อยใจนัก กล่าวว่า “ท่านเป็นทหารมีฝีมือเข้มแข็ง แล้วก็มีความสัตย์แลกตัญญูหาผู้เสมอมิได้ แต่เราเป็นคนบุญน้อยจึงมิได้ท่านไว้สมความปรารถนา ซึ่งทองนี้ท่านมิรับแล้วก็ตามเถิด จงรับเอาเสื้อนี้แต่พออย่าให้เสียทีซึ่งตามมาส่งท่าน”

            อำนาจวาสนาที่โจโฉมีอยู่เหนือแผ่นดินจีนในขณะนั้น ไม่อาจมีผู้ใดเทียมเทียบได้ แต่โจโฉก็ได้กล่าวด้วยความรันทดใจให้ประจักษ์ว่าอำนาจวาสนาอันยิ่งใหญ่นั้น จัดเป็นเพียงบุญอันน้อยนิดที่ไม่อาจรั้งเอาตัวกวนอูไว้ได้ แต่ก็ยังพยายามที่จะผูกความรำลึกไว้ในใจของกวนอูด้วยคำกล่าวเชิงอ้อนวอนให้กวนอูรับเอาเสื้อไว้เป็นเครื่องรำลึกถึงกัน ว่าแล้วโจโฉจึงสั่งทหารให้เอาเสื้อแพรปักด้วยไหมสีทองอย่างดีนำไปมอบแก่กวนอู.

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ตัวอย่างกระทู้ธรรม ธรรมศึกษาชั้นตรี 5

ปัญหาและเฉลยวิชาธรรม นักธรรมชั้นโท สอบในสนามหลวง วันเสาร์ ที่ ๑๙ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๔๘

I miss you all กับ I miss all of you ต่างกันอย่างไร