ตอนที่ 129. บทสุดท้ายของการซื้อคน

กวนอูกลับมาถึงที่พักได้ครู่เดียว ทหารเก่าของเล่าปี่ก็มาตามตัวให้ไปพบภรรยาทั้งสองของเล่าปี่ กวนอูทราบว่าพี่สะใภ้ทั้งสองให้หาทั้ง ๆ ที่เพิ่งจากมาก็ตกใจ ถามว่าเกิดเหตุอันใดขึ้น ทหารเก่าของเล่าปี่ไม่ทราบความนัยก็ตอบไปตามจริงว่าข้าพเจ้าไม่ทราบ แต่นายหญิงทั้งสองกำชับให้ท่านไปพบโดยไว

            กวนอูไม่ทันเปลี่ยนเสื้อผ้าก็ผลุนผลันออกจากที่พักตรงไปยังเรือนของพี่สะใภ้ทั้งสอง เห็นนางกำฮูหยินและนางบิฮูหยินยืนรออยู่ที่หน้าประตู พอปะหน้ากวนอูสองศรีภรรยาของเล่าปี่ก็ต่อว่ากวนอูในทันทีว่า “ท่านอยู่กับเล่าปี่ เล่าปี่ก็มิได้ทำสิ่งใดให้ท่านขัดเคือง บัดนี้ท่านมาอยู่กับโจโฉ โจโฉเลี้ยงดูท่านถึงขนาด ท่านมีความสุขแล้วหรือจึงลืมเล่าปี่เสีย จึงไม่เอาเนื้อความมาบอกแก่เราโดยจริง”

            คำพูดของสองสตรีแม้จะแสดงอยู่ในทีว่าน้อยใจ แต่ความที่กล่าวนั้นประจักษ์ชัดว่าปลงใจต่อว่ากวนอูว่าผันแปร เห็นแก่วาสนายศศักดิ์ที่โจโฉปรนเปรอแล้วทิ้งเล่าปี่เสีย กวนอูได้ฟังคำสองพี่สะใภ้ก็ตกใจ รีบคุกเข่าลงกับพื้นหน้าเบื้องประตูนั้น แล้วว่าพี่ทั้งสองอย่าเพิ่งตำหนิข้าพเจ้า การที่ข้าพเจ้าต้องปิดความทั้งนี้ไว้ก่อนก็เพราะเกรงว่าหากบอกความตามจริงแล้ว พี่ทั้งสองจะตื่นเต้นดีใจให้เป็นที่จับสังเกตของทหารโจโฉได้ จะเกิดอุปสรรคต่อการกลับไปหาพี่ใหญ่ ข้าพเจ้าจึงปิดความทั้งนี้ไว้ หาใช่เพราะลืมพี่ใหญ่ไปภักดีแก่โจโฉไม่ ขอพี่ทั้งสองได้ยกโทษให้ด้วย

            ความสัตย์ซื่อภักดีของกวนอูประจักษ์แก่น้ำใจของสองภรรยาเล่าปี่มาเป็นเวลาช้านาน แม้เนื้อความที่กล่าวเป็นข้อปรามาสกวนอูอยู่ก็จริงแต่น้ำใจลึกก็หาได้ปลงใจดั่งนั้นไม่ ครั้นได้ฟังคำชี้แจงของกวนอูแล้วต่างรู้สึกว่าได้กล่าวความรุนแรงไปก็เสียใจ จึงว่าเมื่อเจ้ายังคิดถึงเล่าปี่อยู่ ขอเทพยดาจงป้องกันรักษาให้เจ้าพาพวกเรากลับไปหาเล่าปี่โดยสวัสดิภาพ และบัดนี้เมื่อข่าวคราวเล่าปี่เป็นที่แน่นอนแล้ว จงคิดอ่านรีบไปหาเล่าปี่โดยไว

            กวนอูได้ฟังพี่สะใภ้ทั้งสองดั่งนั้นก็รับคำ แล้วรีบลากลับไปที่พัก เฝ้าครุ่นคิดถึงวิธีการที่จะกลับไปหาเล่าปี่อยู่ตลอดทั้งคืน จนใกล้สางจึงม่อยหลับไป

            ฝ่ายอิกิ๋มซึ่งไปด้วยทัพกวนอูนั้น ครั้นกลับมาถึงเมืองหลวงแล้ว ในวันรุ่งขึ้นจึงเข้าไปหาโจโฉแล้วรายงานว่ากวนอูไปศึกครั้งนี้ได้ทราบข่าวเล่าปี่แล้วว่าอาศัยอยู่กับอ้วนเสี้ยว เห็นว่าอีกไม่นานกวนอูคงจะมาลาท่านกลับไปหาเล่าปี่

            โจโฉทราบความแล้วก็กังวลใจ สั่งทหารให้ไปตามเตียวเลี้ยวมาพบ แล้วว่าบัดนี้เราทราบข่าวว่ากวนอูไปศึกเมืองยีหลำได้ทราบข่าวเล่าปี่แล้ว แต่ไม่แจ้งว่ากวนอูจะคิดอ่านประการใด จึงให้ท่านไปฟังความจากปากกวนอูสักครั้งหนึ่ง

            เตียวเลี้ยวรับคำสั่งแล้วรีบตรงไปบ้านพักของกวนอู ต่างฝ่ายต่างคำนับโอภาปราศรัยกัน แต่เตียวเลี้ยวสังเกตเห็นกวนอูมีหน้าตาอิดโรยเนื่องจากไม่ได้นอนทั้งคืนจึงว่า ข้าพเจ้าทราบข่าวว่าท่านไปทัพคราวนี้ได้ทราบข่าวคราวของเล่าปี่แล้ว ข้าพเจ้าก็มีความยินดีด้วยท่าน

            กวนอูจึงว่าเราได้แต่ข่าวคราวว่าเล่าปี่ไปอาศัยอยู่กับอ้วนเสี้ยว แต่ความวิตกยังไม่สิ้นด้วยยังไม่ได้พบกับเล่าปี่ ซึ่งท่านจะยินดีด้วยเรานั้นออกจะเร็วเกินไป

            เตียวเลี้ยวมีไมตรีสนิทสนมกับกวนอูมากกว่าผู้ใดในกองทัพของโจโฉ จึงหยั่งความรู้สึกของกวนอูว่า “ท่านกับเล่าปี่คบเป็นเพื่อนสนิทกัน ข้าพเจ้าก็เป็นเพื่อนของท่านด้วย ท่านรักเล่าปี่กับข้าพเจ้านี้ยังจะเหมือนกันหรือ”

            กวนอูได้ตอบว่า “ท่านกับเราเป็นเพื่อนรักกันก็จริง แต่เรามิได้มีใจรักท่านเสมอเล่าปี่ อันเล่าปี่นั้นเราคบกันมาแต่ก่อน ข้างเราก็คำนับว่าเป็นนาย แล้วก็ได้สาบานไว้ต่อกัน เราจึงรักเล่าปี่มากกว่าท่าน”

            ช่างเปิดเผยกระจ่างแจ้ง ตรงไปตรงมา ยากที่จะหาคำคนและใจคนยุคปัจจุบันเปรียบเทียบได้ เตียวเลี้ยวได้ฟังคำกวนอูแล้วจึงถามว่า เมื่อท่านทราบข่าวเล่าปี่ฉะนี้แล้วท่านจะไปหาเล่าปี่หรือว่าจะคิดประการใด

            กวนอูจึงว่า “เดิมเราได้ว่าไว้แก่มหาอุปราชแล้ว เราก็จะลาไปตามคำสัญญา ท่านจงอนุเคราะห์เรา ช่วยเอาธุระของเรานี้ไปแจ้งแก่มหาอุปราชตามปรกติ อย่าให้มีความเคืองแก่เราได้”

            กวนอูทั้งที่รู้ดีว่าบัดนี้อยู่ในถ้ำเสือ การจะกลับไปหาเล่าปี่ซึ่งอาศัยอยู่กับอ้วนเสี้ยวและเป็นคู่สงครามอยู่กับโจโฉนั้น หากเป็นการไปโดยเปิดเผย ไหนเลยโจโฉจะยินยอมให้ไปหาเล่าปี่เป็นกำลังให้อ้วนเสี้ยวทำสงครามกับตัว แต่ด้วยน้ำใจสัตย์ซื่อเปิดเผยตรงไปตรงมา ไม่เกรงฟ้า ไม่กลัวดิน กวนอูจึงบอกความตามจริงว่าจะต้องกลับไปหาเล่าปี่จงได้

            โจโฉครั้นได้รับทราบรายงานจากเตียวเลี้ยวแล้ว ทั้ง ๆ ที่ได้ให้คำมั่นสัญญาอย่างมั่นเหมาะไว้กับกวนอู แต่พอลับหลังใจก็คิดจะบิดพลิ้ว จึงว่ากับเตียวเลี้ยวว่า “เราจะคิดอ่านหน่วงเอากวนอูไว้ให้ได้”

            โจโฉวางแผนซื้อกวนอูด้วยกลอุบายหลายขั้นตอน เริ่มตั้งแต่แผนการล่อเสือออกจากถ้ำ แล้วใช้ให้เตียวเลี้ยวไปเกลี้ยกล่อมโดยยกเอาโทษและประโยชน์สามสถาน ชี้ให้กวนอูเห็นประจักษ์จนกวนอูยอมอยู่ด้วยโดยขอสัญญาสามข้อไว้กับโจโฉ จากนั้นก็ได้ใช้แผนปรนเปรอด้วยทรัพย์สิ่งศฤงคาร บำรุงบำเรอด้วยลาภ ยศ สุข สรรเสริญเป็นอันมาก หากว่าโดยปกติคนทั่วไปแล้ว ไหนเลยจะทนทานต่อราคาค่าซื้อขนาดนี้ได้

            แต่สำหรับกวนอู ลาภ ยศ สุข สรรเสริญทั้งปวงที่โจโฉได้ปรนเปรอให้นั้นอย่าว่าแต่จะเอามาเทียบกับความกตัญญูต่อเล่าปี่เลย แม้เพียงแต่จะยกขึ้นชั่งน้ำหนักกับความภักดีที่มีต่อเล่าปี่ กวนอูก็ยังคงรังเกียจ ดังนั้นราคาค่างวดที่โจโฉได้ลงทุนลงแรงไปตั้งแต่ต้น จึงไร้ผลอย่างสิ้นเชิง ครั้นถึงเวลาและเงื่อนไขเป็นไปตามพันธะที่กวนอูจะต้องกลับไปหาเล่าปี่ โจโฉซึ่งคิดบิดพลิ้วก็ได้ใช้บทสุดท้ายของการซื้อขายครั้งนี้ คือ “เราจะคิดอ่านหน่วงเอากวนอูไว้ให้ได้”

            ทางด้านกวนอูรอจังหวะหาโอกาสจะเข้ามาลาโจโฉและคิดอ่านหาหนทางกลับไปหาเล่าปี่อยู่ทุกค่ำเช้า ก็พอดีคนในบ้านมารายงานว่ามีคนมาขอพบกวนอูก็อนุญาต แขกแปลกหน้าคารวะกวนอูแล้ว คำถามแรกจากปากกวนอูก็คือท่านเป็นผู้ใด และมาพบเราด้วยเรื่องอันใด

            ชายแปลกหน้าจึงว่าข้าพเจ้าชื่อตันจิ๋นเป็นทหารของอ้วนเสี้ยว รับคำสั่งให้ถือหนังสือของเล่าปี่มามอบแก่ท่าน ข้าพเจ้าจึงปลอมตัวลอบเข้ามาขอพบท่าน

            ว่าแล้วก็ส่งหนังสือของเล่าปี่แก่กวนอู กวนอูได้ยินว่ามีหนังสือเล่าปี่มาก็ยินดี รีบรับหนังสือมาเปิดอ่าน ซึ่งสามก๊กฉบับเจ้าพระยาพระคลัง (หน) บรรยายเนื้อความในหนังสือนี้ว่า “หนังสือเล่าปี่ให้มาถึงกวนอู เดิมเราได้สาบานไว้ต่อกันทั้งสามคนที่ในสวนดอกไม้นั้นว่าจะร่วมสุขร่วมทุกข์กัน ผู้ใดตายก็จะตายด้วย บัดนี้เราทั้งสามคนพลัดกันแต่เรามาอาศัยอ้วนเสี้ยวเจ้าเมืองกิจิ๋วอยู่ แลกวนอูนั้นไปอาศัยโจโฉทำสงครามมีความชอบ ได้บำเหน็จยศถาศักดิ์มีความสุขอยู่ มิได้คิดถึงคำซึ่งสาบานไว้แก่เรา ถ้ากวนอูจะใคร่ให้มีความชอบในโจโฉให้มากขึ้นไปกว่านี้ ก็ให้เร่งมาตัดศีรษะเราไปให้แก่โจโฉเถิด”

            เนื้อความตามหนังสือของเล่าปี่นี้ปรามาสน้ำใจสัตย์ซื่อของกวนอูสุดที่จะประมาณ แต่ต้องไม่ลืมว่าในขณะที่เล่าปี่เขียนหนังสือนี้หาได้เขียนในสถานการณ์ปกติไม่ เพราะขณะนั้นอ้วนเสี้ยวเพิ่งออกคำสั่งให้ประหารเล่าปี่ด้วยข้อหาว่าสมคบกับโจโฉให้กวนอูฆ่าสองทหารเอกเสีย จนเล่าปี่ต้องยั่วใจอ้วนเสี้ยวด้วยแรงมานะในความเป็นเชื้อสายขุนนางสี่แผ่นดินและยกเอาฝีมืออันเข้มแข็งกล้าหาญของกวนอูเข้าล่อ อ้วนเสี้ยวจึงวางความโกรธงดโทษประหารเสีย ต่อหน้าสถานการณ์เช่นนั้น เล่าปี่จึงมีแต่ต้องเขียนหนังสือที่ค่อนข้างหนักหน่วงรุนแรงที่อ้วนเสี้ยวดูแล้วก็รู้ได้ว่าอย่างไรเสียกวนอูเห็นหนังสือนี้แล้วต้องรีบกลับมาหาเล่าปี่

            ถ้าเช่นนั้นเล่าปี่ปรามาสน้ำใจซื่อของกวนอูถึงเพียงนี้จะชอบด้วยความเป็นพี่น้องร่วมคำสาบานแห่งสวนท้อหรือ ความประการนี้หากมองด้วยน้ำใจคนทั่วไปก็จะแลเห็นเป็นไปได้อย่างนั้น แต่คนอย่างเล่าปี่ที่มีสติปัญญาหยั่งทราบน้ำใจที่ภักดีหนักแน่นของกวนอูกระจ่างยิ่งกว่าผู้ใด ย่อมวางใจว่าหนังสือนี้แม้จะรุนแรงสักปานไหน ก็ไม่ทำให้น้ำใจภักดีของกวนอูสั่นคลอนถอนถอยกลับไปเข้ากับโจโฉ เพราะหากไม่มีความมั่นใจถึงขนาดนี้ และเขียนหนังสือด้วยความรุนแรงหนักหน่วงขนาดนี้ก็ย่อมเห็นได้มิใช่หรือว่าผู้รับหนังสือย่อมจะโกรธตอบแล้วแปรพักตร์ไปเข้าด้วยโจโฉเสียก็ได้

            ความมั่นใจของเล่าปี่ไม่ได้ผิดไปจากคาด กวนอูอ่านความในหนังสือตลอดแล้วแทนที่จะโกรธหรือเปลี่ยนแปลงน้ำใจไปจากเล่าปี่ น้ำตาของชายชาติทหารที่สามารถตัดหัวคนได้ในชั่วพริบตาและไม่เคยหวั่นเกรงต่อกำลังทหารสิบหมื่นที่ขวางกั้น ก็ล้นหลั่งไหลรินจนหนวดยาวละเอียดอ่อนดุจเส้นไหมเปียกชุ่ม

            กวนอูร้องไห้ด้วยความเสียใจอยู่ครู่หนึ่งจึงกล่าวกับตันจิ๋นว่า “ซึ่งเรามาอยู่กับโจโฉนี้เพราะความจำใจ จะได้ลืมพี่เสียนั้นหามิได้ ถึงอาสาไปทัพโจโฉครั้งไรก็สืบข่าวอยู่มิได้ขาด ครั้นรู้ว่าเล่าปี่อยู่กับอ้วนเสี้ยวก็คิดอยู่ว่าจะไปหาแต่ยังมิได้ที”

            ไม่มีสักน้อยนิดหนึ่งเท่าเมล็ดงาที่น้ำใจกวนอูจะพูดตำหนิหรือน้อยอกน้อยใจเล่าปี่ หากยังคงแสดงความสัตย์ซื่อถือมั่นในคำสัตย์แห่งสวนท้อ มั่นคงดุจกำแพงเมืองจีนอันยิ่งใหญ่ ดั่งนี้มิใช่แสดงว่าเล่าปี่รู้น้ำใจกวนอูได้กระจ่างเหมือนกับน้ำใจตนเองดอกหรือ

            ตันจิ๋นได้ฟังคำกวนอูก็พลอยน้ำตาซึมด้วยสงสารจึงว่า บัดนี้เมื่อท่านทราบข่าวเล่าปี่แล้วก็จงรีบคิดอ่านกลับไปหาเล่าปี่โดยเร็ว

            กวนอูจึงว่า “เมื่อจะเข้าไปอยู่กับโจโฉนั้นเราก็ได้ว่ากล่าวไว้ถึงสามประการ ครั้นรู้ข่าวบัดนี้จะรีบไปตามสัญญาคนทั้งปวงก็จะล่วงครหานินทาได้ จำเราจะคิดผันผ่อนลาโจโฉเสียให้เป็นทีก่อน ถึงมาตรว่าโจโฉมิให้ไปเราก็จะไปให้ได้”

            หากเป็นคนธรรมดาคงรีบหนีกลับไปหาเล่าปี่ แต่กวนอูผู้มีความสัตย์ทั้งที่สามารถหนีได้เหมือนกับคนทั้งปวง แต่ยังคำนึงถึงธรรมเนียมและมารยาทที่ต้องไปลามาไหว้ ดังนั้นจึงผันผ่อนเพื่อลาโจโฉให้ต้องด้วยธรรมเนียมเสียก่อน ช่างเป็นความคิดจิตใจที่องอาจกล้าหาญและสง่างามเสียนี่กระไร

            ว่าแล้วกวนอูจึงแต่งหนังสือตอบ เล่าความทั้งปวงแต่หนหลังและส่งให้ตันจิ๋นนำไปมอบแก่เล่าปี่ จากนั้นจึงไปแจ้งความให้พี่สะใภ้ทั้งสองฟังทุกประการ

            ออกจากบ้านของพี่สะใภ้แล้วกวนอูรีบตรงไปยังจวนของโจโฉเพื่อจะบอกลา   กลับไปหาเล่าปี่ แต่โจโฉนั้นรู้เท่าทันอุปนิสัยความคิดของกวนอู จึงให้ปิดประตูจวนเสียทุกด้าน แล้วเขียนป้ายปิดไว้ที่ประตูว่า “มหาอุปราชไม่สบาย อย่าให้ผู้ใดเข้ามาปรึกษาราชการ”

            กวนอูเห็นหนังสือเช่นนั้นก็กลับไปที่พัก รุ่งขึ้นก็มาที่จวนของโจโฉอีก จวนก็ยังปิดอยู่เหมือนเดิม กวนอูเวียนมาตอนใกล้เที่ยงวัน แม้กระทั่งรอบบ่าย จวนของโจโฉก็ยังปิดอยู่เหมือนเดิม กวนอูก็รู้ว่านี่เป็นกลวิธีหน่วงเหนี่ยวของโจโฉเพื่อไม่เปิดโอกาสให้กวนอูได้ร่ำลานั่นเอง

            บทสุดท้ายของการซื้อขายสินค้าคน ที่โจโฉกระทำต่อกวนอูได้มาถึงแล้ว ดูไปแล้วก็น่าเห็นใจโจโฉที่มีใจใคร่ได้คนกล้าสามารถไว้ใช้ในราชการ ได้ทุ่มเททุกสิ่งทุกอย่างเพื่อซื้อตัวกวนอูให้ตีหากจากเล่าปี่มาอยู่ด้วยอย่างพร้อมใจ แต่ลาภ ยศ สุข สรรเสริญ ทั้งปวงนั้นกลับไร้ค่า ไม่อาจซื้อคนที่มีจิตใจเป็นวีรชนแบบกวนอูนี้ได้

            การที่โจโฉปิดจวน ปิดประกาศห้ามผู้ใดเข้ามาปรึกษาราชการ และการที่กวนอูแวะเวียนมาเพื่อจะบอกลาโจโฉหลายครั้งหลายหน เนื้อแท้ก็คือการปิดการซื้อขายในบทสุดท้ายที่โลกธรรมทั้งสี่ไม่สามารถมีค่าตีเป็นราคาค่าซื้อตัวกวนอูได้สำเร็จ และด้วยจิตใจวีรชนฉะนี้ สมญานาม “กวนอูเทพเจ้าแห่งความซื่อสัตย์” จึงเป็นอมตะชั่วนิรันดร.

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ตัวอย่างกระทู้ธรรม ธรรมศึกษาชั้นตรี 5

ปัญหาและเฉลยวิชาธรรม นักธรรมชั้นโท สอบในสนามหลวง วันเสาร์ ที่ ๑๙ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๔๘

I miss you all กับ I miss all of you ต่างกันอย่างไร