ตอนที่ 128. กวนอูได้กลิ่นดอกท้อ
โจโฉตั้งค่ายมั่นอยู่ที่ตำบลกัวต่อเห็นเวลาผ่านไปหลายวันแต่กองทัพอ้วนเสี้ยวที่ทำท่าว่าจะข้ามแม่น้ำฮวงโหกลับไม่ได้ยกข้ามมาแต่ประการใด และกองทัพส่วนใหญ่ได้ถอยกลับไปตั้งที่ตำบลบูเอี๋ยง ก็คะเนการศึกว่าการที่อ้วนเสี้ยวเสียสองทหารเอกและกองทัพหน้าแตกพ่ายไปถึงสองครั้ง ทำให้กองทัพของอ้วนเสี้ยวเกรงกลัวไม่กล้ายกข้ามแม่น้ำมา
ดังนั้นโจโฉจึงสั่งให้แฮหัวตุ้นเป็นแม่ทัพคุมกองทัพที่ตำบลกัวต่อคุมเชิงกองทัพอ้วนเสี้ยวไว้ ส่วนตัวโจโฉได้พากวนอูและทหารอีกจำนวนหนึ่งยกกลับเมืองหลวง
ครั้นถึงเมืองหลวงแล้วโจโฉได้สั่งให้จัดงานสโมสรสันนิบาตฉลองชัยเพื่อเป็นเกียรติแก่กวนอูและแก่กองทัพที่ได้รับชัยชนะต่อกองทัพของอ้วนเสี้ยวในศึกที่ผ่านมา
ในงานเลี้ยงนั้นโจโฉได้เฉลยความนัยว่าเหตุใดในยุทธการที่รบกับกองทัพหน้าของงันเหลียงจึงได้จัดให้กองเสบียงอยู่ข้างหน้า เป็นเชิงโอ่กับลิยอยซึ่งเคยทักท้วงแผนยุทธการนี้ว่าท่านไม่รู้กลอุบายของเรา อันบุนทิวทหารของอ้วนเสี้ยวผู้นี้แม้จะมีฝีมือเข้มแข็งแต่ไม่มีสติปัญญา เราจึงเอากองเสบียงไว้ข้างหน้า และจัดทหารใหม่ที่ยังไม่มีประสบการณ์เป็นปีกซ้าย ปีกขวา ไม่ให้สวมเสื้อเกราะก็เพื่อยั่วยุให้กองทัพของบุนทิวตั้งอยู่ในความประมาท เมื่อบุนทิวได้ทีก็ไล่ตามตีกองเสบียงและปีกซ้าย ปีกขวา ซึ่งแตกมาไม่เป็นขบวนด้วยความฮึกเหิม ทำให้กองทัพของบุนทิวที่รุกมานั้นไม่เป็นขบวนศึกด้วย ดังนั้นเราจึงซุ่มตีให้แตกไปโดยง่าย แต่ทว่าบุนทิวทหารอ้วนเสี้ยวคนนี้มีฝีมือเข้มแข็งนัก แผนการของเราเกือบจะถูกทำลายไป ดีแต่ว่ากวนอูได้กู้สถานการณ์ไว้ได้ แผนอุบายของเราครั้งนี้เห็นแต่ซุนฮิวเท่านั้นที่ล่วงรู้อุบายของเรา
โจโฉโอ่พลางหัวเราะชอบใจ บรรดาทหารทั้งปวงรวมทั้งลิยอยซึ่งอยู่ในที่นั้นได้ฟังคำเฉลยแผนการของโจโฉแล้วต่างพากันยกย่องสรรเสริญความคิดสติปัญญาในการศึกของโจโฉเป็นอันมาก
อันแผนยุทธการที่ใช้กองเสบียงเป็นตัวล่อให้ข้าศึกตั้งอยู่ในความประมาทแล้วซุ่มตีในภายหลังนี้ โจโฉเคยใช้มาก่อนในครั้งที่รบกับเตียวสิ้วและเล่าเปียว ในครั้งนั้นโจโฉถอยทัพกลับเมืองหลวง คาดการณ์ว่าเตียวสิ้วจะต้องยกมาตามตี หากเอากองเสบียงไว้ข้างหลังตามปกติก็จะเสียทีแก่ข้าศึก ในครั้งนั้นโจโฉจึงสั่งให้ย้ายกองเสบียงไว้ข้างหน้าแล้วเอาหน่วยรบไว้ข้างหลัง ครั้นเตียวสิ้วยกกองทัพไล่ตามตีมาหวังจะขย้ำกองเสบียงซึ่งอยู่ข้างหลังให้แหลกรานลงก่อนกลับต้องผิดคาด เพราะปะทะกับหน่วยรบชั้นดี เตียวสิ้วจึงแตกพ่ายไป แต่พอกลับถึงเมืองกาเซี่ยงเสนอให้เตียวสิ้วยกกองทัพตามตีโจโฉอีกครั้งหนึ่ง ประกันว่าจะได้รับชัยชนะ เตียวสิ้วเชื่อกาเซี่ยงก็ยกกองทัพไป ในขณะที่ฝ่ายโจโฉเมื่อได้ชัยชนะแล้วก็ประมาท กลับเอากองเสบียงไว้ข้างหลัง เอาหน่วยรบไว้ข้างหน้า ดังนั้นพอเตียวสิ้วยกตามมาทันกองทัพโจโฉจึงแตกพ่ายเสียหายย่อยยับ
แม้กระนั้นก็ต้องถือว่าการที่โจโฉไม่ยึดมั่นถือมั่นในธรรมเนียมการเดินทัพที่มีปกติใช้กองเสบียงรั้งอยู่ข้างหลัง แต่โยกย้ายถ่ายเทตามสถานการณ์ก็คือการแสดงให้เห็นถึงความปรีชาสามารถและพลิกแพลงในการบัญชาการสงครามในระดับขั้นที่ยากจะหาผู้บัญชาการศึกคนใดในสามก๊กเสมอเหมือน
ในขณะที่งานเลี้ยงยังไม่ทันเลิกรา ทหารรักษาการณ์ก็วิ่งเข้ามาที่โจโฉรายงานว่าโจหองซึ่งรักษาเมืองยีหลำได้มีใบบอกเข้ามารายงานว่าบัดนี้เมืองยีหลำเกิดศึก เนื่องจากมีกลุ่มโจรซึ่งอาจจะเป็นโจรโพกผ้าเหลืองหรือไม่ยังไม่แน่ชัด นำโดยเล่าเพ็กและก๋งเต๋า ได้ยกกำลังเข้าโจมตีหัวเมืองย่อยที่ขึ้นต่อเมืองยีหลำ โจหองได้ยกกองทัพออกไปปราบหลายครั้งแต่ไม่สามารถปราบปรามกลุ่มโจรคณะนี้ได้ จึงมีใบบอกให้เมืองหลวงส่งกองทัพไปช่วย
กวนอูนั่งอยู่โต๊ะเดียวกับโจโฉได้ฟังรายงานเช่นนั้นจึงขออาสานำกองทหารไปปราบโจรในครั้งนี้ แต่โจโฉท้วงว่าท่านเพิ่งเหนื่อยจากการศึก มีความชอบเป็นอันมาก ยังไม่ทันได้ปูนบำเหน็จความชอบจึงไม่ควรที่จะด่วนอาสาศึกในครั้งนี้
กวนอูอยู่ในเมืองหลวงรู้ดีว่าถูกปิดกั้นข้อมูลข่าวสารของเล่าปี่ไม่ให้ตกมาถึงหู ดังนั้นเมื่อเห็นเป็นโอกาสที่จะออกไปสืบข่าวคราวเล่าปี่ได้ก็รีบฉวยเอา แต่ครั้นถูกโจโฉทักท้วงอย่างเบาบางก็ยืนยันขันอาสาว่า “ข้าพเจ้านี้ถ้างดอยู่มิได้ทำการศึกก็มักให้ป่วยเจ็บ มหาอุปราชจงเมตตาปล่อยให้ข้าพเจ้าไปทำการศึกเถิดจึงจะมีความสบาย”
โจโฉอยู่ในอารมณ์ลำพองที่ได้รับชัยชนะศึกและกำลังเคลิ้มอยู่ด้วยคำสรรเสริญเยินยอจากการวางแผนยุทธการตีกองทัพบุนทิวจากไพร่พล ประกอบทั้งมีน้ำใจรักกวนอูเป็นทุน จึงเผลอตัวขาดความเฉลียวใจไม่ทันคิดว่าการอาสาศึกครั้งนี้ได้ซ่อนไว้ด้วยความประสงค์ที่จะสืบข่าวคราวของเล่าปี่จึงออกปากอนุญาต และยังแก้ตัวเอาบุญคุณกับกวนอูว่าที่เราท้วงไว้นี้ก็เพราะมีใจปรานีไม่ต้องการให้ท่านเหนื่อยกรำศึกมากเกินไปเท่านั้น
จากนั้นโจโฉจึงสั่งให้จัดกำลังทหารห้าหมื่นให้กวนอูเป็นแม่ทัพยกไปช่วยโจหองที่เมืองยีหลำ โดยให้อิกิ๋มและงักจิ้นเป็นปลัดทัพซ้ายขวาร่วมไปในกองทัพด้วย
รุ่งขึ้นกวนอูก็เคลื่อนทัพออกจากเมืองหลวงตรงไปเมืองยีหลำ
ซุนฮกที่ปรึกษาของโจโฉได้ข่าวการจัดแจงทหารเป็นที่อึกทึกก็สงสัย สอบถามแล้วได้ความว่าโจโฉตั้งกวนอูเป็นแม่ทัพยกไปช่วยโจหองที่เมืองยีหลำก็ตกใจ รีบเข้าไปหาโจโฉแล้วท้วงว่ากวนอูไปศึกครั้งนี้คงจะมีเจตนาที่จะสืบข่าวคราวของเล่าปี่ หากรู้ว่าเล่าปี่อยู่แห่งหนใด กวนอูก็จะจากท่านไป
โจโฉได้ฟังคำท้วงของที่ปรึกษาก็ตกใจ แต่ด้วยความเกรงใจในความสัตย์ซื่อของกวนอูสถานหนึ่ง และความทรนงในขัตติยะมานะทั้ง ๆ ที่ไม่ใช่เชื้อเผ่าวงศ์กษัตริย์อีกสถานหนึ่ง จึงตอบซุนฮกว่า “เมื่อเราได้ให้ไปแล้ว ครั้นจะคืนคำให้หากลับมาก็ไม่ควร สืบไปเรามิให้กวนอูไปทัพอีก”
ลักษณะผู้นำที่เป็นหลักเป็นฐานของโจโฉอันได้แสดงออก ณ บัดนี้เป็นข้อเด่นประจำตัวของโจโฉที่ส่งอานิสงส์ให้โจโฉได้ครองอำนาจรัฐและครองใจขุนศึกและที่ปรึกษาทั้งปวงไว้ได้อย่างมั่นคง เพราะทั้งๆ ที่รู้และได้คิดว่าการครั้งนี้คงเป็นไปดังคำทัดทานของซุนฮก แต่เมื่อได้ลั่นปากไว้กับคนที่ยึดมั่นในคำสัตย์ยิ่งชีวิต โจโฉก็ไม่กล้าคืนคำ ในขณะที่ในใจก็ประหวั่นว่ากวนอูกำลังใกล้เวลาจากตัวไปแล้ว
กวนอูเคลื่อนทัพถึงเขตแดนเมืองยีหลำก็ให้ตั้งค่ายลงไว้ พอค่ำลงทหารกองลาดตระเวนได้นำเชลยศึกสองคนที่จับได้เข้ามาพบกวนอู กวนอูมองไปเห็นเป็นซุนเขียนที่ปรึกษาของเล่าปี่ก็สะดุ้งใจจึงสั่งทหารที่คุมตัวมาให้ถอยออกไปข้างนอกก่อน อ้างว่าจะทำการสอบสวนข่าวศึกจากเชลย
ครั้นทหารออกไปข้างนอกแล้ว กวนอูจึงลุกขึ้นมาคำนับซุนเขียนแล้วว่าตั้งแต่แตกทัพเสียทีโจโฉมา ต่างคนต่างพลัดพรากจากกันไป ตัวข้าพเจ้าต้องยอมมาอยู่กับโจโฉเพื่อรักษาพี่สะใภ้ทั้งสองโดยโจโฉได้ให้สัญญาว่าถ้าข้าพเจ้าได้ทราบข่าวเล่าปี่เมื่อใดก็อนุญาตให้ข้าพเจ้ากลับไปหาเล่าปี่ได้ ส่วนตัวท่านเล่าไปอยู่ที่ไหนและเหตุใดจึงถูกเขาจับมาได้
ซุนเขียนได้พบกวนอู และฟังคำกวนอูแล้วก็ดีใจ เล่าความหลังให้กวนอูฟังว่าหลังจากแตกทัพแล้วได้หนีไปอยู่กับเล่าเพ็กในเขตเมืองยีหลำ ได้ว่ากล่าวเกลี้ยกล่อมเล่าเพ็กและก๋งเต๋าให้สวามิภักดิ์ต่อเล่าปี่เพื่อร่วมกันกำจัดโจโฉ เล่าเพ็กและก๋งเต๋าคล้อยตามความคิดของข้าพเจ้าและปลงใจที่จะเข้าด้วยเล่าปี่แล้ว ครั้นเล่าเพ็กทราบข่าวว่าตัวท่านเป็นแม่ทัพยกกองทัพมาช่วยโจหองจึงให้ทหารนำข้าพเจ้าทำทีเป็นหลงทางให้ทหารของท่านจับตัวได้หวังจะได้แจ้งข่าวเล่าปี่ให้ท่านทราบ เพราะบัดนี้ได้ทราบแน่ชัดแล้วว่าเล่าปี่ได้ไปอาศัยอยู่กับอ้วนเสี้ยวเจ้าเมืองกิจิ๋ว
กวนอูได้ฟังคำซุนเขียนทราบว่าเล่าปี่ยังไม่ตายและอยู่กับอ้วนเสี้ยว กลิ่นดอกท้อที่ไร้กลิ่นแห่งคำปฏิญาณสวนท้อกระทบเข้ากับใจก็ปราโมทย์ยิ่งนัก จึงว่าข้าพเจ้าแม้อยู่กับโจโฉ แต่ใจข้าพเจ้านั้นยังมีความกตัญญูรำลึกถึงเล่าปี่มิได้ขาด บัดนี้ทราบข่าวเล่าปี่แล้ว ข้าพเจ้าจะรีบไปหาเล่าปี่โดยเร็วที่สุด
ซุนเขียนจึงว่าถ้าเป็นเช่นนั้นข้าพเจ้าจะวางแผนกับเล่าเพ็กและก๋งเต๋าให้ทำทียกมารบกับท่าน ทำเป็นเสียทีถอยไปเพื่อให้เป็นความชอบไว้แก่ท่าน ท่านจะได้รีบกลับไปเมืองฮูโต๋ รับเอาพี่สะใภ้ทั้งสองกลับไปหาเล่าปี่ต่อไป
กวนอูได้ฟังดังนั้นก็ดีใจ รับคำของซุนเขียนแล้วว่า ตัวข้าพเจ้าได้สังหารทหารเอกอ้วนเสี้ยวเสียถึงสองคน เมื่อไปถึงเมืองกิจิ๋วแล้วถึงแม้นอ้วนเสี้ยวโกรธจะประหารข้าพเจ้าเสียก็มิได้เสียดายชีวิต ขอให้ได้พบเล่าปี่พี่ใหญ่ก็เป็นพอ
ซุนเขียนจึงว่าถ้าเช่นนั้นข้าพเจ้าจะล่วงหน้าไปหาเล่าปี่ก่อน เพื่อฟังท่าทีของอ้วนเสี้ยวแล้วจะส่งข่าวให้ท่านทราบจะได้ระมัดระวังตัว
กวนอูและซุนเขียนตกลงแผนการกันเสร็จสิ้นแล้ว ครั้นได้เวลาสองยามกวนอูจึงสั่งทหารสนิทที่ติดตามมาให้ลอบนำซุนเขียนไปส่งออกจากค่าย
รุ่งขึ้นเล่าเพ็กและก๋งเต๋าได้ยกทหารตรงมาที่ค่ายของกวนอู กวนอูทราบข่าวก็นำทหารจะออกไปรบด้วยเล่าเพ็กและก๋งเต๋า ทั้งสองฝ่ายทำทีเป็นด่าว่ากันตามธรรมเนียมเพื่อมิให้เป็นที่สงสัยแก่ทหารของโจโฉแล้วกวนอูจึงทำเป็นโมโหชักม้าเข้ารบด้วยก๋งเต๋า
ทั้งสองฝ่ายรบกันได้ห้าเพลงก๋งเต๋าทำทีสู้ไม่ได้ ชักม้าหนี กวนอูได้ขับม้าไล่ตามไป ก๋งเต๋าเหลียวมาเห็นกวนอูขับม้าไล่ตามเข้ามาใกล้และอยู่ห่างไกลจากทหารของโจโฉจึงรอม้าไว้แล้วหันมากล่าวกับกวนอูว่า “เมืองยีหลำซึ่งอยู่ในเงื้อมมือเรานี้ เราจะยกให้แก่ท่าน แต่ท่านอย่าลืมคุณเล่าปี่”
กวนอูได้ยินคำก๋งเต๋าต้องกับแผนการของซุนเขียน พอดีทหารโจโฉตามมาทัน กวนอูจึงแสร้งนำทหารตีฝ่าเข้าไปในกองทหารของก๋งเต๋า ฝ่ายก๋งเต๋าและเล่าเพ็กก็พา ทหารหนีพ้นไปจากการติดตาม กวนอูเห็นก๋งเต๋าและเล่าเพ็กพาทหารหนีไปไกลแล้วก็ยกทหารกลับเข้าค่าย
รุ่งขึ้นกวนอูจึงสั่งให้ถอนทัพกลับเข้าเมืองหลวง แล้วเข้าไปรายงานการศึกให้โจโฉทราบ โจโฉทราบแล้วก็ดีใจสั่งให้แต่งโต๊ะเลี้ยงกวนอูและทหาร แล้วปูนบำเหน็จแก่ทหารอย่างทั่วถ้วน
เสร็จงานเลี้ยงกวนอูได้ตรงมาหาพี่สะใภ้ทั้งสอง ถึงริมประตูก็หยุดอยู่แล้วร้องเรียกพี่สะใภ้ นางกำฮูหยินและนางบิฮูหยินสองภรรยาของเล่าปี่ทราบว่ากวนอูกลับมาจากการสงครามก็ดีใจ ออกมาที่ประตู ทักทายกับกวนอูแล้วถามว่าเจ้าไปศึกมาครั้งนี้ได้ทราบข่าวเล่าปี่บ้างหรือไม่
กวนอูรีบตรงมาหาพี่สะใภ้ด้วยตั้งใจจะบอกข่าวเล่าปี่ให้ทราบ ครั้นเห็นอาการลุกลี้ลุกลนของพี่สะใภ้ทั้งสองก็สะดุดคิดว่าความสำคัญฉะนี้หากล่วงรู้ถึงหูอิสตรีก่อน ความก็อาจแพร่งพรายไป การจะกลับไปหาเล่าปี่ก็จะเกิดอุปสรรค ดังนั้นจึงเปลี่ยนใจปิดความเสีย แล้วว่าข้าพเจ้ายังไม่ได้ข่าวพี่ใหญ่ ว่าแล้วกวนอูก็รีบลากลับ
ภรรยาทั้งสองของเล่าปี่เห็นกวนอูตอบแต่เนื้อความอันสั้นก็สำคัญว่ากวนอูทราบข่าวว่าเล่าปี่ตายแล้ว เกรงว่าพี่สะใภ้จะเสียน้ำใจจึงแกล้งปิดข่าวเสีย คิดดังนั้นผู้เป็นภรรยาทั้งสองของเล่าปี่ก็ได้ทำลายความเชื่อของผู้คนที่ว่าภรรยาน้อยกับภรรยาหลวงต้องเป็นคู่พิพาทต่อกัน หันมากอดกันแล้วพากันร้องไห้
ในขณะที่นางกำฮูหยินและนางบิฮูหยินกำลังร้องไห้คร่ำครวญในวงแขนของกันและกันนั้น ทหารเก่าของเล่าปี่ซึ่งไปทัพกับกวนอูได้เข้ามาเยี่ยม เห็นสองฮูหยินร้องไห้คร่ำครวญเป็นที่เวทนาจึงถามว่านายทั้งสองร้องไห้ด้วยเหตุใด
ภรรยาทั้งสองของเล่าปี่ตอบขึ้นพร้อมกันว่าเล่าปี่ตายแล้ว เจ้าไม่ทราบข่าวคราวเรื่องนี้ดอกหรือ
ทหารเก่าของเล่าปี่ไม่รู้ความคิดของกวนอู ครั้นได้ฟังดังนั้นก็แปลกใจแล้วกล่าวว่านายทั้งสองอย่าได้ทุกข์ร้อนเรื่องนี้เลย ข้าพเจ้าไปทัพกับกวนอูครั้งนี้ได้ข่าวของเล่าปี่แล้วว่าไปอาศัยอยู่กับอ้วนเสี้ยว
นางกำฮูหยินและนางบิฮูหยินได้ฟังดั่งนั้นก็แปลกใจ ด้วยวิสัยน้ำใจของสตรีจึงเกิดความแคลงใจกวนอูว่าเห็นจะเอาใจออกหากจากเล่าปี่ หลงติดยึดในลาภ ยศ สุข สรรเสริญที่โจโฉปรนเปรอให้จึงแสร้งปิดข่าวของเล่าปี่เสีย เข้าใจผิดฉะนี้นาง กำฮูหยินจึงสั่งทหารเก่าของเล่าปี่ให้รีบไปตามกวนอูมาพบ.
ดังนั้นโจโฉจึงสั่งให้แฮหัวตุ้นเป็นแม่ทัพคุมกองทัพที่ตำบลกัวต่อคุมเชิงกองทัพอ้วนเสี้ยวไว้ ส่วนตัวโจโฉได้พากวนอูและทหารอีกจำนวนหนึ่งยกกลับเมืองหลวง
ครั้นถึงเมืองหลวงแล้วโจโฉได้สั่งให้จัดงานสโมสรสันนิบาตฉลองชัยเพื่อเป็นเกียรติแก่กวนอูและแก่กองทัพที่ได้รับชัยชนะต่อกองทัพของอ้วนเสี้ยวในศึกที่ผ่านมา
ในงานเลี้ยงนั้นโจโฉได้เฉลยความนัยว่าเหตุใดในยุทธการที่รบกับกองทัพหน้าของงันเหลียงจึงได้จัดให้กองเสบียงอยู่ข้างหน้า เป็นเชิงโอ่กับลิยอยซึ่งเคยทักท้วงแผนยุทธการนี้ว่าท่านไม่รู้กลอุบายของเรา อันบุนทิวทหารของอ้วนเสี้ยวผู้นี้แม้จะมีฝีมือเข้มแข็งแต่ไม่มีสติปัญญา เราจึงเอากองเสบียงไว้ข้างหน้า และจัดทหารใหม่ที่ยังไม่มีประสบการณ์เป็นปีกซ้าย ปีกขวา ไม่ให้สวมเสื้อเกราะก็เพื่อยั่วยุให้กองทัพของบุนทิวตั้งอยู่ในความประมาท เมื่อบุนทิวได้ทีก็ไล่ตามตีกองเสบียงและปีกซ้าย ปีกขวา ซึ่งแตกมาไม่เป็นขบวนด้วยความฮึกเหิม ทำให้กองทัพของบุนทิวที่รุกมานั้นไม่เป็นขบวนศึกด้วย ดังนั้นเราจึงซุ่มตีให้แตกไปโดยง่าย แต่ทว่าบุนทิวทหารอ้วนเสี้ยวคนนี้มีฝีมือเข้มแข็งนัก แผนการของเราเกือบจะถูกทำลายไป ดีแต่ว่ากวนอูได้กู้สถานการณ์ไว้ได้ แผนอุบายของเราครั้งนี้เห็นแต่ซุนฮิวเท่านั้นที่ล่วงรู้อุบายของเรา
โจโฉโอ่พลางหัวเราะชอบใจ บรรดาทหารทั้งปวงรวมทั้งลิยอยซึ่งอยู่ในที่นั้นได้ฟังคำเฉลยแผนการของโจโฉแล้วต่างพากันยกย่องสรรเสริญความคิดสติปัญญาในการศึกของโจโฉเป็นอันมาก
อันแผนยุทธการที่ใช้กองเสบียงเป็นตัวล่อให้ข้าศึกตั้งอยู่ในความประมาทแล้วซุ่มตีในภายหลังนี้ โจโฉเคยใช้มาก่อนในครั้งที่รบกับเตียวสิ้วและเล่าเปียว ในครั้งนั้นโจโฉถอยทัพกลับเมืองหลวง คาดการณ์ว่าเตียวสิ้วจะต้องยกมาตามตี หากเอากองเสบียงไว้ข้างหลังตามปกติก็จะเสียทีแก่ข้าศึก ในครั้งนั้นโจโฉจึงสั่งให้ย้ายกองเสบียงไว้ข้างหน้าแล้วเอาหน่วยรบไว้ข้างหลัง ครั้นเตียวสิ้วยกกองทัพไล่ตามตีมาหวังจะขย้ำกองเสบียงซึ่งอยู่ข้างหลังให้แหลกรานลงก่อนกลับต้องผิดคาด เพราะปะทะกับหน่วยรบชั้นดี เตียวสิ้วจึงแตกพ่ายไป แต่พอกลับถึงเมืองกาเซี่ยงเสนอให้เตียวสิ้วยกกองทัพตามตีโจโฉอีกครั้งหนึ่ง ประกันว่าจะได้รับชัยชนะ เตียวสิ้วเชื่อกาเซี่ยงก็ยกกองทัพไป ในขณะที่ฝ่ายโจโฉเมื่อได้ชัยชนะแล้วก็ประมาท กลับเอากองเสบียงไว้ข้างหลัง เอาหน่วยรบไว้ข้างหน้า ดังนั้นพอเตียวสิ้วยกตามมาทันกองทัพโจโฉจึงแตกพ่ายเสียหายย่อยยับ
แม้กระนั้นก็ต้องถือว่าการที่โจโฉไม่ยึดมั่นถือมั่นในธรรมเนียมการเดินทัพที่มีปกติใช้กองเสบียงรั้งอยู่ข้างหลัง แต่โยกย้ายถ่ายเทตามสถานการณ์ก็คือการแสดงให้เห็นถึงความปรีชาสามารถและพลิกแพลงในการบัญชาการสงครามในระดับขั้นที่ยากจะหาผู้บัญชาการศึกคนใดในสามก๊กเสมอเหมือน
ในขณะที่งานเลี้ยงยังไม่ทันเลิกรา ทหารรักษาการณ์ก็วิ่งเข้ามาที่โจโฉรายงานว่าโจหองซึ่งรักษาเมืองยีหลำได้มีใบบอกเข้ามารายงานว่าบัดนี้เมืองยีหลำเกิดศึก เนื่องจากมีกลุ่มโจรซึ่งอาจจะเป็นโจรโพกผ้าเหลืองหรือไม่ยังไม่แน่ชัด นำโดยเล่าเพ็กและก๋งเต๋า ได้ยกกำลังเข้าโจมตีหัวเมืองย่อยที่ขึ้นต่อเมืองยีหลำ โจหองได้ยกกองทัพออกไปปราบหลายครั้งแต่ไม่สามารถปราบปรามกลุ่มโจรคณะนี้ได้ จึงมีใบบอกให้เมืองหลวงส่งกองทัพไปช่วย
กวนอูนั่งอยู่โต๊ะเดียวกับโจโฉได้ฟังรายงานเช่นนั้นจึงขออาสานำกองทหารไปปราบโจรในครั้งนี้ แต่โจโฉท้วงว่าท่านเพิ่งเหนื่อยจากการศึก มีความชอบเป็นอันมาก ยังไม่ทันได้ปูนบำเหน็จความชอบจึงไม่ควรที่จะด่วนอาสาศึกในครั้งนี้
กวนอูอยู่ในเมืองหลวงรู้ดีว่าถูกปิดกั้นข้อมูลข่าวสารของเล่าปี่ไม่ให้ตกมาถึงหู ดังนั้นเมื่อเห็นเป็นโอกาสที่จะออกไปสืบข่าวคราวเล่าปี่ได้ก็รีบฉวยเอา แต่ครั้นถูกโจโฉทักท้วงอย่างเบาบางก็ยืนยันขันอาสาว่า “ข้าพเจ้านี้ถ้างดอยู่มิได้ทำการศึกก็มักให้ป่วยเจ็บ มหาอุปราชจงเมตตาปล่อยให้ข้าพเจ้าไปทำการศึกเถิดจึงจะมีความสบาย”
โจโฉอยู่ในอารมณ์ลำพองที่ได้รับชัยชนะศึกและกำลังเคลิ้มอยู่ด้วยคำสรรเสริญเยินยอจากการวางแผนยุทธการตีกองทัพบุนทิวจากไพร่พล ประกอบทั้งมีน้ำใจรักกวนอูเป็นทุน จึงเผลอตัวขาดความเฉลียวใจไม่ทันคิดว่าการอาสาศึกครั้งนี้ได้ซ่อนไว้ด้วยความประสงค์ที่จะสืบข่าวคราวของเล่าปี่จึงออกปากอนุญาต และยังแก้ตัวเอาบุญคุณกับกวนอูว่าที่เราท้วงไว้นี้ก็เพราะมีใจปรานีไม่ต้องการให้ท่านเหนื่อยกรำศึกมากเกินไปเท่านั้น
จากนั้นโจโฉจึงสั่งให้จัดกำลังทหารห้าหมื่นให้กวนอูเป็นแม่ทัพยกไปช่วยโจหองที่เมืองยีหลำ โดยให้อิกิ๋มและงักจิ้นเป็นปลัดทัพซ้ายขวาร่วมไปในกองทัพด้วย
รุ่งขึ้นกวนอูก็เคลื่อนทัพออกจากเมืองหลวงตรงไปเมืองยีหลำ
ซุนฮกที่ปรึกษาของโจโฉได้ข่าวการจัดแจงทหารเป็นที่อึกทึกก็สงสัย สอบถามแล้วได้ความว่าโจโฉตั้งกวนอูเป็นแม่ทัพยกไปช่วยโจหองที่เมืองยีหลำก็ตกใจ รีบเข้าไปหาโจโฉแล้วท้วงว่ากวนอูไปศึกครั้งนี้คงจะมีเจตนาที่จะสืบข่าวคราวของเล่าปี่ หากรู้ว่าเล่าปี่อยู่แห่งหนใด กวนอูก็จะจากท่านไป
โจโฉได้ฟังคำท้วงของที่ปรึกษาก็ตกใจ แต่ด้วยความเกรงใจในความสัตย์ซื่อของกวนอูสถานหนึ่ง และความทรนงในขัตติยะมานะทั้ง ๆ ที่ไม่ใช่เชื้อเผ่าวงศ์กษัตริย์อีกสถานหนึ่ง จึงตอบซุนฮกว่า “เมื่อเราได้ให้ไปแล้ว ครั้นจะคืนคำให้หากลับมาก็ไม่ควร สืบไปเรามิให้กวนอูไปทัพอีก”
ลักษณะผู้นำที่เป็นหลักเป็นฐานของโจโฉอันได้แสดงออก ณ บัดนี้เป็นข้อเด่นประจำตัวของโจโฉที่ส่งอานิสงส์ให้โจโฉได้ครองอำนาจรัฐและครองใจขุนศึกและที่ปรึกษาทั้งปวงไว้ได้อย่างมั่นคง เพราะทั้งๆ ที่รู้และได้คิดว่าการครั้งนี้คงเป็นไปดังคำทัดทานของซุนฮก แต่เมื่อได้ลั่นปากไว้กับคนที่ยึดมั่นในคำสัตย์ยิ่งชีวิต โจโฉก็ไม่กล้าคืนคำ ในขณะที่ในใจก็ประหวั่นว่ากวนอูกำลังใกล้เวลาจากตัวไปแล้ว
กวนอูเคลื่อนทัพถึงเขตแดนเมืองยีหลำก็ให้ตั้งค่ายลงไว้ พอค่ำลงทหารกองลาดตระเวนได้นำเชลยศึกสองคนที่จับได้เข้ามาพบกวนอู กวนอูมองไปเห็นเป็นซุนเขียนที่ปรึกษาของเล่าปี่ก็สะดุ้งใจจึงสั่งทหารที่คุมตัวมาให้ถอยออกไปข้างนอกก่อน อ้างว่าจะทำการสอบสวนข่าวศึกจากเชลย
ครั้นทหารออกไปข้างนอกแล้ว กวนอูจึงลุกขึ้นมาคำนับซุนเขียนแล้วว่าตั้งแต่แตกทัพเสียทีโจโฉมา ต่างคนต่างพลัดพรากจากกันไป ตัวข้าพเจ้าต้องยอมมาอยู่กับโจโฉเพื่อรักษาพี่สะใภ้ทั้งสองโดยโจโฉได้ให้สัญญาว่าถ้าข้าพเจ้าได้ทราบข่าวเล่าปี่เมื่อใดก็อนุญาตให้ข้าพเจ้ากลับไปหาเล่าปี่ได้ ส่วนตัวท่านเล่าไปอยู่ที่ไหนและเหตุใดจึงถูกเขาจับมาได้
ซุนเขียนได้พบกวนอู และฟังคำกวนอูแล้วก็ดีใจ เล่าความหลังให้กวนอูฟังว่าหลังจากแตกทัพแล้วได้หนีไปอยู่กับเล่าเพ็กในเขตเมืองยีหลำ ได้ว่ากล่าวเกลี้ยกล่อมเล่าเพ็กและก๋งเต๋าให้สวามิภักดิ์ต่อเล่าปี่เพื่อร่วมกันกำจัดโจโฉ เล่าเพ็กและก๋งเต๋าคล้อยตามความคิดของข้าพเจ้าและปลงใจที่จะเข้าด้วยเล่าปี่แล้ว ครั้นเล่าเพ็กทราบข่าวว่าตัวท่านเป็นแม่ทัพยกกองทัพมาช่วยโจหองจึงให้ทหารนำข้าพเจ้าทำทีเป็นหลงทางให้ทหารของท่านจับตัวได้หวังจะได้แจ้งข่าวเล่าปี่ให้ท่านทราบ เพราะบัดนี้ได้ทราบแน่ชัดแล้วว่าเล่าปี่ได้ไปอาศัยอยู่กับอ้วนเสี้ยวเจ้าเมืองกิจิ๋ว
กวนอูได้ฟังคำซุนเขียนทราบว่าเล่าปี่ยังไม่ตายและอยู่กับอ้วนเสี้ยว กลิ่นดอกท้อที่ไร้กลิ่นแห่งคำปฏิญาณสวนท้อกระทบเข้ากับใจก็ปราโมทย์ยิ่งนัก จึงว่าข้าพเจ้าแม้อยู่กับโจโฉ แต่ใจข้าพเจ้านั้นยังมีความกตัญญูรำลึกถึงเล่าปี่มิได้ขาด บัดนี้ทราบข่าวเล่าปี่แล้ว ข้าพเจ้าจะรีบไปหาเล่าปี่โดยเร็วที่สุด
ซุนเขียนจึงว่าถ้าเป็นเช่นนั้นข้าพเจ้าจะวางแผนกับเล่าเพ็กและก๋งเต๋าให้ทำทียกมารบกับท่าน ทำเป็นเสียทีถอยไปเพื่อให้เป็นความชอบไว้แก่ท่าน ท่านจะได้รีบกลับไปเมืองฮูโต๋ รับเอาพี่สะใภ้ทั้งสองกลับไปหาเล่าปี่ต่อไป
กวนอูได้ฟังดังนั้นก็ดีใจ รับคำของซุนเขียนแล้วว่า ตัวข้าพเจ้าได้สังหารทหารเอกอ้วนเสี้ยวเสียถึงสองคน เมื่อไปถึงเมืองกิจิ๋วแล้วถึงแม้นอ้วนเสี้ยวโกรธจะประหารข้าพเจ้าเสียก็มิได้เสียดายชีวิต ขอให้ได้พบเล่าปี่พี่ใหญ่ก็เป็นพอ
ซุนเขียนจึงว่าถ้าเช่นนั้นข้าพเจ้าจะล่วงหน้าไปหาเล่าปี่ก่อน เพื่อฟังท่าทีของอ้วนเสี้ยวแล้วจะส่งข่าวให้ท่านทราบจะได้ระมัดระวังตัว
กวนอูและซุนเขียนตกลงแผนการกันเสร็จสิ้นแล้ว ครั้นได้เวลาสองยามกวนอูจึงสั่งทหารสนิทที่ติดตามมาให้ลอบนำซุนเขียนไปส่งออกจากค่าย
รุ่งขึ้นเล่าเพ็กและก๋งเต๋าได้ยกทหารตรงมาที่ค่ายของกวนอู กวนอูทราบข่าวก็นำทหารจะออกไปรบด้วยเล่าเพ็กและก๋งเต๋า ทั้งสองฝ่ายทำทีเป็นด่าว่ากันตามธรรมเนียมเพื่อมิให้เป็นที่สงสัยแก่ทหารของโจโฉแล้วกวนอูจึงทำเป็นโมโหชักม้าเข้ารบด้วยก๋งเต๋า
ทั้งสองฝ่ายรบกันได้ห้าเพลงก๋งเต๋าทำทีสู้ไม่ได้ ชักม้าหนี กวนอูได้ขับม้าไล่ตามไป ก๋งเต๋าเหลียวมาเห็นกวนอูขับม้าไล่ตามเข้ามาใกล้และอยู่ห่างไกลจากทหารของโจโฉจึงรอม้าไว้แล้วหันมากล่าวกับกวนอูว่า “เมืองยีหลำซึ่งอยู่ในเงื้อมมือเรานี้ เราจะยกให้แก่ท่าน แต่ท่านอย่าลืมคุณเล่าปี่”
กวนอูได้ยินคำก๋งเต๋าต้องกับแผนการของซุนเขียน พอดีทหารโจโฉตามมาทัน กวนอูจึงแสร้งนำทหารตีฝ่าเข้าไปในกองทหารของก๋งเต๋า ฝ่ายก๋งเต๋าและเล่าเพ็กก็พา ทหารหนีพ้นไปจากการติดตาม กวนอูเห็นก๋งเต๋าและเล่าเพ็กพาทหารหนีไปไกลแล้วก็ยกทหารกลับเข้าค่าย
รุ่งขึ้นกวนอูจึงสั่งให้ถอนทัพกลับเข้าเมืองหลวง แล้วเข้าไปรายงานการศึกให้โจโฉทราบ โจโฉทราบแล้วก็ดีใจสั่งให้แต่งโต๊ะเลี้ยงกวนอูและทหาร แล้วปูนบำเหน็จแก่ทหารอย่างทั่วถ้วน
เสร็จงานเลี้ยงกวนอูได้ตรงมาหาพี่สะใภ้ทั้งสอง ถึงริมประตูก็หยุดอยู่แล้วร้องเรียกพี่สะใภ้ นางกำฮูหยินและนางบิฮูหยินสองภรรยาของเล่าปี่ทราบว่ากวนอูกลับมาจากการสงครามก็ดีใจ ออกมาที่ประตู ทักทายกับกวนอูแล้วถามว่าเจ้าไปศึกมาครั้งนี้ได้ทราบข่าวเล่าปี่บ้างหรือไม่
กวนอูรีบตรงมาหาพี่สะใภ้ด้วยตั้งใจจะบอกข่าวเล่าปี่ให้ทราบ ครั้นเห็นอาการลุกลี้ลุกลนของพี่สะใภ้ทั้งสองก็สะดุดคิดว่าความสำคัญฉะนี้หากล่วงรู้ถึงหูอิสตรีก่อน ความก็อาจแพร่งพรายไป การจะกลับไปหาเล่าปี่ก็จะเกิดอุปสรรค ดังนั้นจึงเปลี่ยนใจปิดความเสีย แล้วว่าข้าพเจ้ายังไม่ได้ข่าวพี่ใหญ่ ว่าแล้วกวนอูก็รีบลากลับ
ภรรยาทั้งสองของเล่าปี่เห็นกวนอูตอบแต่เนื้อความอันสั้นก็สำคัญว่ากวนอูทราบข่าวว่าเล่าปี่ตายแล้ว เกรงว่าพี่สะใภ้จะเสียน้ำใจจึงแกล้งปิดข่าวเสีย คิดดังนั้นผู้เป็นภรรยาทั้งสองของเล่าปี่ก็ได้ทำลายความเชื่อของผู้คนที่ว่าภรรยาน้อยกับภรรยาหลวงต้องเป็นคู่พิพาทต่อกัน หันมากอดกันแล้วพากันร้องไห้
ในขณะที่นางกำฮูหยินและนางบิฮูหยินกำลังร้องไห้คร่ำครวญในวงแขนของกันและกันนั้น ทหารเก่าของเล่าปี่ซึ่งไปทัพกับกวนอูได้เข้ามาเยี่ยม เห็นสองฮูหยินร้องไห้คร่ำครวญเป็นที่เวทนาจึงถามว่านายทั้งสองร้องไห้ด้วยเหตุใด
ภรรยาทั้งสองของเล่าปี่ตอบขึ้นพร้อมกันว่าเล่าปี่ตายแล้ว เจ้าไม่ทราบข่าวคราวเรื่องนี้ดอกหรือ
ทหารเก่าของเล่าปี่ไม่รู้ความคิดของกวนอู ครั้นได้ฟังดังนั้นก็แปลกใจแล้วกล่าวว่านายทั้งสองอย่าได้ทุกข์ร้อนเรื่องนี้เลย ข้าพเจ้าไปทัพกับกวนอูครั้งนี้ได้ข่าวของเล่าปี่แล้วว่าไปอาศัยอยู่กับอ้วนเสี้ยว
นางกำฮูหยินและนางบิฮูหยินได้ฟังดั่งนั้นก็แปลกใจ ด้วยวิสัยน้ำใจของสตรีจึงเกิดความแคลงใจกวนอูว่าเห็นจะเอาใจออกหากจากเล่าปี่ หลงติดยึดในลาภ ยศ สุข สรรเสริญที่โจโฉปรนเปรอให้จึงแสร้งปิดข่าวของเล่าปี่เสีย เข้าใจผิดฉะนี้นาง กำฮูหยินจึงสั่งทหารเก่าของเล่าปี่ให้รีบไปตามกวนอูมาพบ.