ตอนที่ 127. ทำลายอุบาย "ยืมดาบฆ่าคน"

 ฝ่ายโจโฉซึ่งปลงทัพอยู่ที่ตำบลแปะแบ๊ ครั้นได้ทราบรายงานว่าบุนทิวทหารเอกอ้วนเสี้ยวได้เคลื่อนกองทัพหน้ากำลังพลสิบหมื่นข้ามแม่น้ำฮวงโหเข้ามายังเขตแดนเมืองฮูโต๋ จึงเรียกประชุมที่ปรึกษาและแม่ทัพนายกองเพื่อวางแผนรับศึกกองทัพหน้าของอ้วนเสี้ยวต่อไป

            โจโฉได้กำหนดแผนยุทธการต่อที่ประชุมว่า การศึกบางครั้งเราเอากองเสบียงไว้ข้างหลังมักจะได้รับอันตราย ดังนั้นการรับศึกบุนทิวครั้งนี้จะให้เอากองเสบียงไว้ข้างหน้า และเอาหน่วยรบทั้งหลายไว้ข้างหลัง

            ลิยอยนายทหารโทของโจโฉได้ทักท้วงขึ้นว่าธรรมเนียมการสงครามจะต้องเอาคลังเสบียงไว้ข้างหลังจึงจะปลอดภัย การให้กองเสบียงซึ่งไม่สันทัดการสู้รบนำไปข้างหน้า หากปะทะกับกองทัพอ้วนเสี้ยวก็จะเสียที

            โจโฉจึงว่าแผนยุทธการครั้งนี้เราได้ตัดสินใจแล้ว ท่านอย่าได้ทักท้วงต่อไปอีกเลย วันหนึ่งข้างหน้าท่านก็จะแจ้งซึ่งความคิดของเรา

            ว่าแล้วโจโฉจึงสั่งจัดขบวนทัพให้กองเสบียงอยู่ข้างหน้า กองรบทั้งหมดอยู่ข้างหลังแล้วให้แบ่งเป็นสามกอง เป็นปีกซ้าย ปีกขวาสองกอง ส่วนโจโฉเป็นกองทัพหลวง และให้กองเสบียงเคลื่อนออกไปก่อน ส่วนปีกซ้าย ปีกขวานั้นให้ยกตามไป แต่ไม่ให้ใส่เสื้อเกราะ สำหรับกองทัพหลวงซึ่งโจโฉคุมทัพเองนั้นล้วนเป็นหน่วยรบฝีมือดีทั้งสิ้นยกไปทีหลัง แล้วตั้งซุ่มอยู่ที่เชิงเขาในเส้นทางที่กองทัพหน้าของอ้วนเสี้ยวจะยกมา

            จัดขบวนทัพเสร็จสิ้นแล้วโจโฉจึงสั่งเคลื่อนขบวนทัพ กองเสบียงและปีกซ้าย ปีกขวาได้เคลื่อนรุดไปข้างหน้า ในขณะที่กองทัพหลวงของโจโฉยกตามไปทีหลัง แล้วตั้งซุ่มอยู่ที่เนินเขา เตรียมการตีโต้กองทัพหน้าของอ้วนเสี้ยวเป็นสามทาง

            กองเสบียงซึ่งเป็นกองหน้าเคลื่อนไปกว่าครึ่งทางก็ปะทะกับกองทัพหน้าของ  บุนทิว แต่เนื่องจากทหารประจำกองเสบียงไม่ใช่หน่วยรบ ไม่ชำนาญการศึก จึงถูกกองทัพหน้าของบุนทิวตีแตกอย่างรวดเร็วและยึดเอาเสบียงอาหารไว้เป็นอันมาก

            ทหารกองเสบียงแตกถอยมาร่นมาถึงกองทัพหลวงแล้วรายงานการศึกให้โจโฉทราบ

            ฝ่ายกองหน้าของบุนทิวเมื่อตีกองเสบียงของโจโฉแตกแล้วก็เคลื่อนรุดหน้ามาอย่างรวดเร็วและฮึกเหิม ปะทะกับปีกซ้าย ปีกขวาของโจโฉซึ่งหนุนตามกองเสบียงไป และเนื่องจากปีกซ้าย ปีกขวาดังกล่าวประกอบด้วยทหารซึ่งไม่ค่อยมีฝีมือและไม่มีเกราะคุ้มกัน ทั้งปีกซ้าย ปีกขวาจึงแตกพ่ายลงมาอีก พวกที่อยู่ข้างหลังได้ถอยร่นมาถึงกองทัพหลวงแล้วรายงานให้โจโฉทราบว่าทั้งปีกซ้าย ปีกขวาเสียทีแก่ข้าศึกแล้ว ควรถอยทัพกลับไปที่ตำบลแปะแบ๊

            ซุนฮิวซึ่งเป็นที่ปรึกษาและแจ้งในอุบายของโจโฉจึงได้ปรามทหารเหล่านั้นว่า พวกเจ้าอย่าเสียขวัญไปเลย การครั้งนี้กองทัพของเรากำลังได้ทีข้าศึกอยู่แล้ว โจโฉได้ยินคำซุนฮิวก็หัวเราะชอบใจ พยักหน้าให้กับซุนฮิวเป็นทีว่าสิ่งที่ซุนฮิวคิดนั้นตรงกับกลอุบายที่ได้วางไว้

            กองทัพหน้าของบุนทิวได้ชัยชนะในการปะทะกับกองเสบียงในครั้งแรก และได้ทีในการปะทะกับปีกซ้าย ปีกขวาของโจโฉ เมื่อทหารของโจโฉถอยร่นอย่างไม่เป็นขบวนกองทัพหน้าของบุนทิวจึงตีรุกเข้ามา แต่อาการรุกในขณะที่ฝ่ายถอยไม่เป็นขบวนนั้นได้ทำให้ฝ่ายรุกกลายเป็นการรุกอย่างไม่เป็นขบวนตามด้วย

            พอกองทัพหน้าของบุนทิวมาถึงจุดซุ่มที่กองทัพหลวงของโจโฉตั้งอยู่ โจโฉจึงให้สัญญาณให้กองทัพหลวงทั้งสามกองล้อมกระหนาบเข้าตีกองทัพหน้าของบุนทิว โดยล้อมกองทัพหน้าของบุนทิวไว้ทั้งสามด้าน

            บุนทิวและทหารในกองทัพหน้ากำลังรุกไล่อย่างฮึกเหิม เมื่อตกอยู่ในวงล้อมของทหารโจโฉอย่างฉับพลันก็พากันแตกตื่นตกใจ ทหารของโจโฉได้ล้อมกระหนาบโจมตีกองทหารของบุนทิวอย่างดุเดือด ฆ่าฟันทหารของบุนทิวล้มตายลงเป็นอันมาก ส่วนที่เหลือก็พากันแตกหนีอย่างไม่เป็นขบวน บุนทิวเห็นทหารคุมกันไม่ติดก็ตกใจ รีบชักม้าตีฝ่าหนีออกไปแต่ผู้เดียว

            โจโฉยืนม้าอยู่บนเนินเขาบัญชาการศึกเห็นบุนทิวชักม้าตีฝ่าหนีไป จึงว่าขึ้นกับนายทหารที่ยืนร่วมบัญชาการศึกอยู่ว่าโน่นบุนทิวทหารเอกของอ้วนเสี้ยวกำลังจะหนีไปแล้ว จะมีใครอาสาไปจับตัวบุนทิวบ้าง

            เตียวเลี้ยวกับซิหลงได้ขออาสา เมื่อโจโฉอนุญาตแล้วนายทหารทั้งสองคนจึงกระโจนม้าไล่ตามบุนทิวไปอย่างรวดเร็ว บุนทิวได้ยินเสียงม้าวิ่งมาข้างหลังเหลียวมามองเห็นทหารโจโฉสองคนขับม้าไล่ตามมาจึงเอาเกาทัณฑ์ยิงไปที่ทหารซึ่งนำมาข้างหน้า

            เสียงเกาทัณฑ์ฝ่าลมหวีดหวิวถูกพู่หมวกของเตียวเลี้ยวขาด เตียวเลี้ยวซึ่งตามไปติด ๆ ก็โกรธรีบเร่งฝีเท้าม้าหวังจะจับบุนทิวให้ได้ บุนทิวเตรียมเกาทัณฑ์ไว้อีกดอกหนึ่ง ในขณะที่หูสดับเสียงม้าที่ไล่ตามมาข้างหลัง กะว่าพอดีเป็นระยะหวังผลแล้วจึงหันกลับยิงเกาทัณฑ์ไปที่เตียวเลี้ยว แรงเกาทัณฑ์ในระยะหวังผลแหวกอากาศมาประดุจสายฟ้าถูกหมวกเกราะที่ครอบหน้าผากเตียวเลี้ยว แม้จะไม่ถึงตายแต่ด้วยแรงเกาทัณฑ์เตียวเลี้ยวถึงกับพลัดตกลงจากหลังม้า บุนทิวจึงชักม้ากลับมาแล้วเงื้อง้าวจะฟันเตียวเลี้ยว

            ในขณะที่เตียวเลี้ยวซึ่งต้องเกาทัณฑ์ที่หน้าผากกำลังรอความตายอยู่นั้น ง้าวของบุนทิวก็ฟาดลงแต่พอดีซิหลงขับม้าปรี่เข้ามาเอาง้าวรับง้าวของบุนทิวไว้ได้ทัน บุนทิวเห็นซิหลงเข้าช่วยเตียวเลี้ยวจึงชักม้าเข้าปะทะด้วยซิหลง พอทั้งสองฝ่ายต่อสู้กันได้ถึงเพลงที่สามสิบทหารของบุนทิวที่หนุนมาก็ยกมาถึง ซิหลงเห็นจะสู้ไม่ได้จึงดึงเอาเตียวเลี้ยวขึ้นมาบนหลังม้าแล้วชักม้าหนีกลับมาทางที่ตั้งของทหารโจโฉ

            บุนทิวได้ทีก็คุมทหารไล่ตามเตียวเลี้ยวไป โจโฉยืนม้าบัญชาการอยู่บนเนินเขาเห็นสถานการณ์พลิกเปลี่ยนแปรผันอย่างรวดเร็วเกินความคาดหมายก็ตกใจ ยังไม่ทันที่จะกล่าวประการใด กวนอูซึ่งยืนม้าอยู่ข้างหลังได้กระทืบโกลนม้านำทหารที่ติดตามมาด้วยสิบสองคนปรี่ออกไปในทิศทางที่บุนทิวกำลังคุมทหารตรงเข้ามา

            ม้าเซ็กเธาว์ได้พากวนอูฝ่าเข้าไปในกองทหารของบุนทิวอย่างเร็วรี่เต็มไปด้วยพลัง ทำให้ทหารที่อยู่ด้านหน้าของบุนทิวแตกฮือเป็นทาง บุนทิวเห็นทหารหน้าแดงหนวดยาวขับม้าฝ่าทหารเข้ามาอย่างรวดเร็วก็ชักม้าตรงเข้ามาปะทะกับกวนอู

            บุนทิวประง้าวกับง้าวนิลนาคะได้สามเพลงก็รู้ตัวว่าไม่สามารถทานกำลังและฝีมือของกวนอูได้ จึงชักม้าหนีกลับไปทางกองทัพของเล่าปี่ กวนอูเห็นดังนั้นก็ขับม้าไล่ตามไป พอใกล้ถึงริมฝั่งแม่น้ำฮวงโหกวนอูก็ไล่ทันม้าบุนทิว แล้วเอาง้าวฟันบุนทิวตกม้าตาย

            โจโฉยืนตะลึงอยู่บนเนินเขา เห็นสถานการณ์พลิกผันอีกครั้งหนึ่งก็ดีใจ รีบสั่งให้เคลื่อนทหารเข้าตีกองทหารของบุนทิวที่ยังคงสู้รบกันอยู่ ทหารของบุนทิวล้มตายลงเป็นอันมาก ส่วนที่เหลือแตกหนีไปสิ้น ทหารโจโฉเก็บเอาเสบียงที่ทหารของบุนทิวได้ยึดไว้ตอนปะทะกับกองเสบียงกลับคืนได้ทั้งหมดและยังยึดเอาอาวุธยุทโธปกรณ์ไว้ได้อีกเป็นจำนวนมาก

            ฝ่ายเล่าปี่ตั้งค่ายอยู่อีกฟากหนึ่งของแม่น้ำฮวงโหเห็นกองทัพของโจโฉไล่ตามตีทหารของบุนทิวที่แตกหนีมา ทหารของบุนทิวที่หนีข้ามแม่น้ำมาได้ ๆ บอกข่าวแก่เล่าปี่ว่าบัดนี้ทหารของโจโฉซึ่งหนวดยาว หน้าแดง ได้ฆ่าบุนทิวอีกคนหนึ่งแล้ว เล่าปี่ได้ทราบข่าวก็ตกใจรีบขี่ม้ามาที่ริมฝั่งแม่น้ำ เห็นทหารโจโฉไล่ตามตีกองทหารของบุนทิวมาจนใกล้ริมฝั่งแม่น้ำแต่ไม่เห็นตัวกวนอู เห็นแต่ธงแดงประจำตัวนายทัพจารึกชื่อแม่ทัพว่าคือกวนอูก็มีความยินดี รู้ว่ากวนอูยังมีชีวิตอยู่และอยู่กับโจโฉ ในขณะนั้นทหารของโจโฉได้มาถึงริมแม่น้ำและกำลังจัดแจงเรือเพื่อเตรียมข้ามแม่น้ำ เล่าปี่จึงพาทหารถอยกลับมาที่ค่ายหลวงของอ้วนเสี้ยว

            ทหารของบุนทิวส่วนหนึ่งที่แตกหนีมาครั้นกลับไปถึงค่ายหลวงของอ้วนเสี้ยวก็ได้เข้าไปรายงานข่าวที่บุนทิวถูกกวนอูสังหารเสียที่ริมแม่น้ำฮวงโหให้กัวเต๋าและสิมโพยสองที่ปรึกษาของอ้วนเสี้ยวทราบ สองที่ปรึกษาทราบความแล้วจึงเข้าไปรายงานแก่อ้วนเสี้ยว

            อ้วนเสี้ยวทราบว่าบุนทิวถูกกวนอูฆ่าตายก็โกรธเล่าปี่ พอเล่าปี่เดินเข้ามาในค่ายอ้วนเสี้ยวจึงสั่งทหารให้จับเล่าปี่เอาไปประหาร

            เล่าปี่ถูกจับก็ตกใจ ถามอ้วนเสี้ยวว่าท่านให้ทหารจับข้าพเจ้าด้วยความผิดสิ่งใดหรือ อ้วนเสี้ยวตอบว่าท่านมีความผิดเพราะสมคบกับโจโฉให้กวนอูฆ่าบุนทิวนายทหารเอกของเรา

            เล่าปี่จึงว่า “แต่ก่อนนั้นโจโฉมีใจรังเกียจข้าพเจ้าเป็นอันมาก คิดจะฆ่าข้าพเจ้าเสีย บัดนี้รู้ว่าข้าพเจ้ามาอาศัยสำนักอยู่กับท่าน จะเป็นกำลังคิดการสืบไปจึงแกล้งใช้กวนอูมาให้ฆ่าทหารเสีย ถ้าท่านแจ้งก็จะโกรธข้าพเจ้า อุปมาเหมือนโจโฉยืมมือท่านให้ฆ่าข้าพเจ้าเสีย กวนอูเห็นจะไม่รู้ว่าข้าพเจ้ามาอยู่กับท่าน จึงอาสาโจโฉมาฆ่าทหารท่านเสีย ถ้าข้าพเจ้ามีหนังสือไปถึง กวนอูรู้แล้วก็จะมาหาข้าพเจ้า ได้เป็นกำลังท่านสืบไป ซึ่งท่านเสียทหารสองคนนั้น อุปมาเหมือนหนึ่งเสียเนื้อสองตัว ถ้าท่านได้กวนอูมาไว้เหมือนหนึ่งเสือเห็นจะดีกว่าเนื้อสองตัวอีก”

            ข้อแก้ตัวของเล่าปี่ที่ว่าโจโฉกำลังยืมมืออ้วนเสี้ยวฆ่าตัวอันเป็นอุบาย “ยืมดาบฆ่าคน” นั้น กระทบกลางใจอ้วนเสี้ยวอย่างรุนแรงเพราะอ้วนเสี้ยวถึงจะโง่เขลาเบาปัญญาประการใด แต่ก็มีใจทะนงตนว่ามีความเหนือกว่าโจโฉในทุกด้าน น้ำใจจึงไม่ยินยอมที่จะตกเป็นเครื่องมือของโจโฉเป็นอันขาด อ้วนเสี้ยวได้ยินความนี้จากเล่าปี่แล้วก็สะดุ้งใจ ครั้นเล่าปี่ได้ชี้ให้เห็นถึงการเสียงันเหลียง บุนทิว เปรียบเสมือนหนึ่งเพียงเสียเนื้อไปสองตัว แต่เมื่อได้กวนอูมาเป็นกำลังก็เสมือนได้เสือมาทดแทน เป็นอันคุ้มค่ากว่ากันมากมายนัก อ้วนเสี้ยวก็ได้คิดและมีความยินดี เปลี่ยนใจจากที่ออกคำสั่งประหารเล่าปี่แล้วสั่งให้ทหารปล่อยเล่าปี่เสีย

            ไม่เพียงแต่เท่านั้นอ้วนเสี้ยวได้หันกลับมาตำหนิสิมโพยและกัวเต๋าว่า “ตัวทั้งสองนี้คิดอ่านยุยงจะให้เราฆ่าเล่าปี่ซึ่งมีสติปัญญาสัตย์ซื่อต่อแผ่นดินเสีย คนทั้งปวงรู้ไปก็จะครหานินทาเรา”

            ว่าแล้วอ้วนเสี้ยวจึงสั่งทหารให้ขับไล่สิมโพยและกัวเต๋าออกไปจากค่ายบัญชาการแล้วเชิญเล่าปี่เข้ามานั่งในที่ใกล้เพื่อปรึกษาการศึกสืบไป

            อุบาย “ยืมดาบฆ่าคน” ของโจโฉ แม้ว่าจะลึกล้ำ โดยที่กวนอูก็มิได้แจ้งในอุบายนั้น และเล่าปี่เองก็ไม่ทราบแผนการมาแต่ก่อน แต่สามารถอ่านสถานการณ์ได้ทะลุปรุโปร่งจึงได้หยิบยกขึ้นเป็นข้อแก้ตัว ทำลายอุบาย “ยืมดาบฆ่าคน” ของโจโฉด้วยคำพูดเพียงไม่กี่คำ ดังนี้ฝีปากของเล่าปี่จึงไม่ใช่ธรรมดา แม้ว่าจะไม่ใช่ฝีปากแบบใบมีดโกนที่คอยเชือดเฉือนทำร้ายทำลายผู้คนทั้งแผ่นดินก็ตามที ความเห็นของเล่าปี่ที่จะดึงกวนอูมาเป็นกำลังของอ้วนเสี้ยวได้ทำให้อ้วนเสี้ยวเกิดความฮึกเหิมลำพองเพราะเห็นประจักษ์ชัดแล้วว่าฝีมือทหารเอกของตัวทั้งสองคนที่เคยมั่นใจแต่ไหนแต่ไรมานั้น เทียบไม่ได้กับกำลังฝีมือของกวนอู เพราะเทียบชั้นแค่รับมือกวนอูได้ไม่เกินสามเพลงก็ศีรษะหลุดจากบ่าทั้งสองคน

            โดยที่อ้วนเสี้ยวลืมความหลังไปว่าเมื่อครั้งที่เป็นผู้บัญชาการกองทัพปฏิวัตินั้น ก็ทหารถือเกาทัณฑ์หน้าม้าเล่าปี่ที่หน้าแดง หนวดยาว และตัวเคยเหยียดหยามไม่ยอมให้ออกไปรบด้วยฮัวหยงนั้น ก็คือคนเดียวกับทหารหน้าแดง หนวดยาวที่สังหารทหารเอกที่ตัวมั่นใจถึงสองคน ภายใต้เงาง้าวชั่วสามเพลงเท่านั้น

            เพราะความปรารถนาใคร่ได้กวนอูมาทดแทนงันเหลียง บุนทิว อ้วนเสี้ยวจึงชวนเล่าปี่ปรึกษาการศึกหลังจากที่ได้ขับไล่สองที่ปรึกษาออกไปแล้ว แต่ความที่ปรึกษากันนั้นกลับอยู่ที่เรื่องของกวนอู อ้วนเสี้ยวได้ปรารภกับเล่าปี่ว่า “ถ้าเราได้กวนอูมาไว้ก็จะดีกว่างันเหลียง บุนทิว สิบส่วนอีก”

            เล่าปี่เห็นอ้วนเสี้ยวคล้อยตามความที่ตนได้แก้ตัวเอาชีวิตรอด และเห็นเป็นช่องทางที่พี่น้องร่วมสาบานจะได้กลับมาอยู่ด้วยกันจึงสั่งให้ทหารเอาเครื่องเขียนมาเขียนหนังสือถึงกวนอู เสร็จแล้วส่งให้อ้วนเสี้ยวดูหนังสือนั้น อ้วนเสี้ยวรับมาอ่านดูแล้วมีความพอใจเป็นอันมาก สั่งทหารให้จัดคนเอาหนังสือนี้ลอบไปส่งแก่กวนอู

            อ้วนเสี้ยวและเล่าปี่ปรึกษากันว่าขณะนี้กองทัพโจโฉยังคงไม่สามารถเคลื่อนข้ามแม่น้ำฮวงโหมาได้ ดังนั้นจึงควรตั้งมั่นรอทีเพื่อฟังข่าวทางด้านกวนอูก่อน ปรึกษากันแล้วอ้วนเสี้ยวจึงสั่งให้ถอยทัพลงมาตั้งที่ตำบลบูเอี๋ยง เป็นค่ายเรียงรายยาวถึงห้าร้อยเส้น.

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ตัวอย่างกระทู้ธรรม ธรรมศึกษาชั้นตรี 5

ปัญหาและเฉลยวิชาธรรม นักธรรมชั้นโท สอบในสนามหลวง วันเสาร์ ที่ ๑๙ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๔๘

I miss you all กับ I miss all of you ต่างกันอย่างไร