ตอนที่ 126. อุบาย "ยืมดาบฆ่าคน"

 โจโฉนั้นน้ำใจหนึ่งใคร่ได้กวนอูไว้ใช้ในราชการ ตกลงใจมาแต่ต้นว่าจะไม่ให้กวนอูอาสาศึก เพื่อปิดโอกาสไม่ให้กวนอูทดแทนคุณ เป็นการผูกมัดกวนอูไม่ให้จากไป แต่น้ำใจหนึ่งก็ต้องการเอาชนะในการศึกที่กำลังเผชิญอยู่กับงันเหลียงแม่ทัพหน้าของกองทัพอ้วนเสี้ยว ชั่งใจอยู่เป็นสองข้างดังนี้ครั้นได้ฟังความคิดของซิหลงก็เห็นเป็นอุบาย “ยืมดาบฆ่าคน”

           โจโฉคิดถึงอุบายนี้แล้วก็มีความยินดียิ่งนัก เพราะถ้ากวนอูฆ่างันเหลียงได้สำเร็จก็เท่ากับได้ชัยชนะต่อกองทัพหน้าของอ้วนเสี้ยว บรรลุความประสงค์เบื้องต้นในการทำศึกครั้งนี้สถานหนึ่ง และเมื่อใดที่อ้วนเสี้ยวทราบความแล้วฆ่าเล่าปี่เสีย กวนอูก็จะสิ้นหลักยึด คงจะอยู่รับใช้ราชการในเมืองหลวงตลอดไป เป็นการบรรลุความประสงค์อีกสถานหนึ่ง จึงตัดสินใจให้กวนอูออกศึกครั้งนี้

           โจโฉจึงให้ม้าใช้เดินสารไปเมืองหลวงเรียกตัวกวนอูให้รีบตามมาโดยเร็วที่สุด กวนอูทราบความแล้วได้เข้าไปลาพี่สะใภ้ทั้งสอง

           ภรรยาทั้งสองของเล่าปี่ครั้นได้ทราบว่ากวนอูจะไปออกศึกสำคัญก็มีใจห่วง แต่เห็นโอกาสที่กวนอูจะได้สืบทราบข่าวคราวของเล่าปี่จึงพร้อมกันอวยพรชัยให้กวนอูมีชัยชนะแก่ข้าศึก กวนอูลาพี่สะใภ้ทั้งสองแล้ว ขึ้นม้าเซ็กเธาว์ถือง้าวนิลนาคะพาทหารที่ติดตามมาแต่เดิมเพียงสิบคนตามกองทัพโจโฉไปที่ตำบลแปะแบ๊

           โจโฉทราบว่ากวนอูมาถึงก็ดีใจรีบออกมาต้อนรับ แล้วพาเข้าไปในค่ายบัญชาการ เล่าความศึกให้กวนอูฟังว่างันเหลียงแม่ทัพหน้าของกองทัพอ้วนเสี้ยวมีฝีมือเป็นอันมาก สังหารซงเหียน งุยซกตายภายใต้เพลงง้าวไม่กี่เพลง ซิหลงออกไปรบก็เสียทีกลับมา จึงเห็นแต่ท่านที่พอจะรับมือกับงันเหลียงได้

           กวนอูได้ฟังคำโจโฉแล้วจึงว่าข้าพเจ้าไม่รู้จักตัวงันเหลียง ขอดูตัวให้ประจักษ์ก่อนว่าจะสู้ได้หรือไม่ โจโฉจึงพากวนอูและทหารติดตามขึ้นไปบนเนินเขาด้านหลังค่าย พอดีกับขณะนั้นงันเหลียงกำลังคุมทหารจะยกมาท้ารบ โจโฉจึงชี้ไปที่งันเหลียงแล้วว่าที่ขี่ม้านำหน้าทหารอยู่ในร่มระย้านั้นนั่นแหละคืองันเหลียง เป็นแม่ทัพหน้าของกองทัพอ้วนเสี้ยว

           กวนอูพิเคราะห์รูปลักษณะท่วงท่ากิริยาของงันเหลียงแล้วตอบว่างันเหลียงผู้นี้ข้าพเจ้าพอจะรับมือได้อยู่ ข้าพเจ้าขออาสาไปเอาศีรษะงันเหลียงมามอบแก่ท่านจงได้

           โจโฉได้ยินคำกวนอูทะนงองอาจนักเกรงว่ากวนอูจะตั้งอยู่ในความประมาทจึงเตือนว่าทหารเอกอ้วนเสี้ยวผู้นี้มีฝีมือเป็นอันมาก ท่านอย่าเพิ่งประมาทแก่ศัตรู กวนอูยินคำของโจโฉก็ยิ่งฮึกห้าวเหิมหาญ กล่าวขึ้นอย่างช้า ๆ แต่หนักแน่นว่าตัวข้าพเจ้านี้พอมีฝีมืออยู่บ้าง พอที่จะเอาศีรษะงันเหลียงมามอบแก่ท่านได้ อย่าได้วิตกเลย

           สามก๊กฉบับเจ้าพระยาพระคลัง (หน) ได้บรรยายการประมาณฝีมืองันเหลียงของกวนอูว่า “ซึ่งว่าจะขออาสาไปตัดศีรษะงันเหลียงมาให้แก่ท่าน เห็นจะไม่ยากนัก อุปมาเหมือนเอาตะเกียบหยิบของกินในโต๊ะ” ในขณะที่ฉบับภาษาจีนเปรียบเทียบว่า “ข้าพเจ้าพิเคราะห์ดูลักษณะของงันเหลียงผู้นี้แล้ว ดูเหมือนคล้ายกับคนแบกป้ายประกาศขายศีรษะตัวเองเท่านั้น”

           เตียวเลี้ยวอยู่ในที่นั้นด้วยได้ยินคำกวนอูคล้ายกับประมาทฝีมือข้าศึกเหลือประมาณจึงทักท้วงว่า การศึกกำลังเผชิญอยู่ข้างหน้า กฎอัยการศึกครอบคลุมอยู่ทั่วทั้งกองทัพ ท่านจะกล่าวความศึกประการใดขอจงไตร่ตรองให้จงดี

           คำติงของขุนศึกสุภาพบุรุษเตียวเลี้ยวช่างเปี่ยมด้วยน้ำจิตน้ำใจและไมตรีที่มีต่อกวนอูเหลือพ้นประมาณ กวนอูได้ยินคำก็เข้าใจความหมายและความห่วงใยของเตียวเลี้ยว จึงว่าแม้ข้าพเจ้าจะพอมีฝีมืออยู่บ้าง แต่กล่าวคำใดในการศึกก็จะไม่มีคำที่สอง ขอท่านจงวางใจ

           ว่าแล้วกวนอูก็คำนับลาโจโฉ กระทืบโกลนม้าเซ็กเธาว์ตรงรี่เข้าไปที่กองทัพของงันเหลียงซึ่งกำลังเคลื่อนตรงเข้ามา ม้าเซ็กเธาว์พาเจ้าของคนใหม่รี่ตรงไปข้างหน้า ประหนึ่งอานุภาพของเทพแห่งพายุ ทหารของงันเหลียงเห็นลักษณาการอันรวดเร็วเป็นสง่าน่าเกรงขามราวอสุนีบาทก็ตกใจพากันแตกตื่นแยกออกเป็นทาง

           กวนอูขับม้าเซ็กเธาว์ฝ่าเข้าไปในกองทหารของงันเหลียงอย่างเร็วรี่คล้ายดั่งเรือที่แล่นไปในน้ำ หัวเรือไปถึงที่ใดน้ำก็แยกออกเป็นทางฉะนั้น จนม้าเซ็กเธาว์เข้าไปใกล้กับม้าของงันเหลียง

           งันเหลียงเห็นทหารหนวดยาว หน้าแดง ศีรษะโพกด้วยผ้าคลุมสีเขียวตองอ่อนสง่างามนักประหลาดกว่าคนทั้งปวง ประกอบกับกิตติศัพท์ที่เคยรู้มาก็คิดว่าน่าจะเป็นกวนอูน้องร่วมสาบานของเล่าปี่ เตรียมจะออกปากบอกข่าวเล่าปี่ให้ได้ทราบ แต่คำพูดยังไม่ทันพ้นออกจากริมฝีปาก แรงฝีเท้าของม้าเซ็กเธาว์ก็พากวนอูเข้าถึงตัวงันเหลียง กวนอูได้เอาง้าวนิลนาคะงันเหลียงคอขาดตาย ในขณะที่กำลังจะอ้าปากบอกความอยู่

           เพียงชั่วพริบตาที่กวนอูคำนับลาโจโฉ ศีรษะของงันเหลียงก็หลุดจากบ่า โจโฉเห็นเช่นนั้นก็ยินดีรีบสั่งทหารให้รุกเข้าโจมตีกองทัพหน้าของอ้วนเสี้ยว ทหารของโจโฉได้เคลื่อนกำลังเข้าตีทหารของงันเหลียงที่กำลังแตกตื่นเพราะเสียแม่ทัพอย่างรวดเร็ว ทหารของงันเหลียงบาดเจ็บล้มตายลงเป็นอันมาก ที่เหลือพากันแตกหนี ทหารโจโฉได้เก็บอาวุธยุทโธปกรณ์ไว้ได้เป็นอันมาก

           กวนอูได้ตัดเอาศีรษะงันเหลียงแล้วพากลับมาหาโจโฉ โจโฉเห็นศีรษะงันเหลียงก็มีความยินดี สรรเสริญฝีมือของกวนอูเป็นอันมากว่า “ตัวท่านมิใช่ทหารมนุษย์ อันมีฝีมือรวดเร็วดังนี้สมเป็นทหารเทพยดา”

           กวนอูได้ฟังคำยอของโจโฉก็คิดถึงเตียวหุยน้องร่วมสาบานว่าฝีมือของเราย่อมประจักษ์แก่โจโฉแล้ว จำจะยกย่องฝีมือน้องเล็กให้โจโฉยำเกรงไว้ในภายหน้าจึงว่า อันฝีมือข้าพเจ้านี้มีเพียงประมาณดอก น้องเล็กของข้าพเจ้าที่มีชื่อว่าเตียวหุยนั่นแหละจึงนับว่ามีฝีมือแท้ ถึงแม้มีทหารสักร้อยหมื่นคอยป้องกัน เตียวหุยก็จะสามารถฝ่าเข้าไปตัดศีรษะแม่ทัพได้ “อุปมาดังหยิบเอาส้มในลัง”

           โจโฉได้ยินดังนั้นก็มีน้ำใจยำเกรงเตียวหุยเป็นอันมาก ได้สั่งทหารทั่วทั้งกองทัพว่าผู้ใดเผชิญหน้ากับเตียวหุยก็อย่าเพิ่งรบ ให้ขอทราบการพิจารณาและคำสั่งจากโจโฉก่อน

           ฝ่ายทหารของงันเหลียงเมื่อเสียทีแก่กวนอู พากันแตกหนีกลับไปทางด้านกองทัพหลวงแล้วเข้าไปรายงานให้อ้วนเสี้ยวทราบความทุกประการ อ้วนเสี้ยวได้ทราบรายงานก็ตกใจ ทั้งสงสัยว่าแต่ก่อนมาไม่เคยปรากฏว่าในกองทัพโจโฉมีทหารหนวดยาว หน้าแดง มีฝีมือรบพุ่งรวดเร็วดุจพายุ จึงสอบถามแม่ทัพนายกองว่าผู้ใดรู้จักทหารของโจโฉที่หนวดยาว หน้าแดงบ้างหรือไม่

           ชีสิวขุนนางเมืองกิจิ๋วซึ่งมาในกองทัพของอ้วนเสี้ยวได้ยินคำปรารภดั่งนั้นจึงว่าทหารหนวดยาว หน้าแดงผู้นี้จะเป็นคนอื่นไปไม่ได้ ในแผ่นดินนี้มีก็แต่เพียงกวนอูน้องร่วมสาบานของเล่าปี่เท่านั้น

           อ้วนเสี้ยวได้ยินดังนั้นจึงหันมาทางเล่าปี่แล้วว่าตัวท่านมาอาศัยใบบุญเราอยู่ แต่น้องร่วมสาบานของท่านกลับไปเข้าด้วยโจโฉ แล้วมาฆ่าทหารเอกของเรา นี่มิใช่ตัวท่านเป็นพวกของโจโฉแสร้งมาเป็นไส้ศึกลวงเราดอกหรือ ดังนี้เรากับท่านเห็นจะต้องขาดกันแต่บัดนี้ ว่าแล้วอ้วนเสี้ยวก็สั่งทหารให้จับเล่าปี่เอาไปประหาร

           อุบาย “ยืมดาบฆ่าคน” ของโจโฉกำลังเปล่งประกายอำมหิตใกล้จะกินเลือดที่ลำคอของเล่าปี่เต็มที แต่เล่าปี่เมื่อได้ยินคำสั่งอ้วนเสี้ยวดังนั้นแม้ตกใจแต่ก็ตั้งสติมั่น กล่าวกับอ้วนเสี้ยวว่า “เหตุไฉนท่านมาดูเบาฟังความข้างเดียวฉะนี้ ขอท่านดำริดูให้ควรก่อน ข้าพเจ้าเสียบ้านเมืองแลครอบครัวสมัครพรรคพวกทั้งปวงจนยังแต่ตัวผู้เดียวมาพึ่งท่าน ก็เพราะโจโฉยกมาทำอันตราย กวนอู เตียวหุย น้องข้าพเจ้านั้นจะเป็นหรือตายประการใดนั้นก็ยังมิได้แจ้ง ซึ่งทหารหน้าแดง หนวดยาวนั้นจะมีแต่กวนอูผู้เดียวหรือ หรือผู้อื่นจะมีอยู่บ้างท่านจงพิเคราะห์ดูให้แน่ก่อน”

           คำแก้ตัวของเล่าปี่ที่ว่าต้องมายากลำบากก็เพราะโจโฉนั้น เป็นความที่อ้วนเสี้ยวรู้ดีอยู่แก่ใจ อ้วนเสี้ยวได้ฟังคำแก้ตัวของเล่าปี่ก็ได้สติยั้งคิด ครั้นได้ฟังคำแก้ตัวถัดมาว่าทหารหนวดยาว หน้าแดงทั้งแผ่นดินนี้ใช่ว่าจะมีแต่กวนอูผู้เดียว จึงเห็นคล้อยตามไปกับคำของเล่าปี่ สั่งให้ทหารปล่อยตัวเล่าปี่แล้วหันกลับมาโกรธชีสิว ตำหนิชีสิวว่ายามหน้าศึกเช่นนี้ตัวแต่งความมาเจรจาเพื่อลวงเราให้ฆ่าเล่าปี่เสีย นี่มิใช่เป็นการจงใจบ่อนทำลายกองทัพให้ระส่ำระสายดอกหรือ

           ว่าแล้วอ้วนเสี้ยวก็ไล่ชีสิวออกไปข้างนอก แล้วชวนเล่าปี่กินโต๊ะ ปรึกษาว่าจะทำประการใดจึงจะล้างแค้นโจโฉในครั้งนี้

           บุนทิวทหารเอกของอ้วนเสี้ยวอีกผู้หนึ่งร่วมกินโต๊ะอยู่ด้วยได้ยินคำปรึกษาของอ้วนเสี้ยวจึงอาสายกไปรบกับโจโฉ อันบุนทิวผู้นี้ “มีกำลังมาก สูงหกศอก หน้าดำดุจดังหมี แล้วฝีมือกล้าหาญ”

           อ้วนเสี้ยวฟังคำอาสาของบุนทิวแล้วก็มีความยินดี สั่งจัดทหารสิบหมื่นให้บุนทิวยกไปรบกับโจโฉ และสั่งให้เตรียมกองทัพเรือเพื่อเตรียมลำเลียงทหารข้ามแม่น้ำฮวงโห

           ชีสิวยืนอยู่ข้างนอกได้ยินคำสั่งของอ้วนเสี้ยวก็เข้ามาทักท้วงว่าการที่จะให้บุนทิวยกข้ามแม่น้ำฮวงโหไปรบกับโจโฉนั้นไม่ชอบ เพราะหากพลาดพลั้งประการใดก็ยากที่จะถอยกลับมาได้ ควรจะตั้งรับกองทัพโจโฉอยู่ที่ฟากข้างนี้ เห็นเป็นทีแล้วจึงค่อยเคลื่อนทัพข้ามแม่น้ำฮวงโหไป

           อ้วนเสี้ยวเป็นคนไม่ชอบคนขัดคออยู่แล้ว ครั้นได้ยินคำชีสิวซึ่งเพิ่งไล่ออกจากห้องไปเมื่อสักพักใหญ่กลับเข้ามาทักท้วงอีกเช่นนี้ก็โกรธ ด่าชีสิวว่า “อ้ายคนหาปัญญาไม่ มันคิดอ่านแต่จะให้เราเสียการ”

           ชีสิวได้ฟังคำด่าของอ้วนเสี้ยวก็เสียใจ ถอยออกมาจากห้องที่กินโต๊ะกันอยู่ เดินทอดถอนใจใหญ่ออกมาแล้วรำพึงขึ้นให้ทหารทั้งหลายได้ยินว่า “ผู้ซึ่งเป็นนายทัพนายกอง แม้คิดการได้ตลอดทหารทั้งปวงก็ไม่เป็นอันตราย บัดนี้อ้วนเสี้ยวทำการสงครามดูหมิ่นโจโฉ เราเห็นการจะไม่ตลอด ช่วยว่ากล่าวตักเตือนก็มิได้เชื่อฟัง ท่านทั้งปวงจะเอาซากศพมาทิ้งไว้ที่ตำบลนี้เป็นมั่นคง”

           ชีสิวรำพึงดังนี้แล้ว ก็กลับไปบ้านและนับแต่วันนั้นเป็นต้นมา ชีสิวก็อ้างว่าป่วยไม่เข้ามาปรึกษาราชการด้วยอ้วนเสี้ยวตามปกติอีกเลย

           ฝ่ายอ้วนเสี้ยวหลังจากชีสิวออกไปแล้ว ได้สั่งการให้จัดกำลังทหารแล้วให้บุนทิวคุมกองทัพยกไปรบด้วยกองทัพโจโฉ ในขณะนั้นเล่าปี่ได้เสนอต่ออ้วนเสี้ยวว่า ตั้งแต่ข้าพเจ้ามาอยู่ด้วยท่านจนบัดนี้ยังไม่เคยทำความชอบสิ่งใด  ครั้งนี้ข้าพเจ้าขออาสาไปด้วยทัพบุนทิว เพื่อจะได้ช่วยกันคิดอ่านการศึกแทนคุณท่านประการหนึ่ง ทั้งจะได้สืบสาวราวเรื่องให้ประจักษ์ว่า ทหารโจโฉที่หนวดยาวหน้าแดงนั้นใช่กวนอูหรือไม่อีกประการหนึ่ง

           อ้วนเสี้ยวฟังคำอาสาของเล่าปี่ก็ยินดี หันมาว่ากับบุนทิวว่า เราจะให้เล่าปี่ไปในกองทัพด้วยท่าน เล่าปี่นี้มีสติปัญญาเป็นอันมากจะได้ช่วยกันคิดอ่านการสงคราม แต่บุนทิวแย้งว่าเล่าปี่มีสติปัญญาก็จริงอยู่แต่ความที่แพ้ศึกกับโจโฉมาหลายครั้ง ย่อมขยาดคร้ามเกรงโจโฉ ดังนั้นหากเล่าปี่ไปด้วยข้าพเจ้าความคิดเห็นก็จะไม่เป็นไปในทางเดียวกัน การทำสงครามกับโจโฉก็จะขัดสน แต่เมื่อเป็นความประสงค์ของท่าน ข้าพเจ้าก็จะแบ่งทหารให้เล่าปี่สามหมื่นทำหน้าที่เป็นกองหนุน

           อ้วนเสี้ยวเป็นคนไร้ความคิด ฟังคำท้วงของบุนทิวแล้วความเห็นก็คล้อยตามไป โดยขาดความคำนึงว่าคำบุนทิวนั้นเป็นการดูหมิ่นเล่าปี่ ฝ่ายเล่าปี่แม้จะเข้าใจความหมายของบุนทิวและรู้สึกอัปยศอยู่ในใจ แต่ในฐานะผู้อาศัยก็จำเป็นต้องรับคำ

           ครั้นได้ฤกษ์เคลื่อนทัพ อ้วนเสี้ยวจึงให้บุนทิวคุมทหารสิบหมื่นเป็นกองทัพหน้า เล่าปี่คุมทหารสามหมื่นเป็นกองหนุน ส่วนกองทัพหลวงของอ้วนเสี้ยวยังคงตั้งมั่นอยู่ในที่ตั้งเดิม

           กองทัพหน้าของบุนทิวเคลื่อนมาถึงแม่น้ำฮวงโหก็ให้เรือรบลำเลียงทหารอาวุธยุทโธปกรณ์และม้าศึกข้ามแม่น้ำแล้วตั้งค่ายมั่นไว้ที่ริมฝั่งแม่น้ำฮวงโหนั้น ในขณะที่เล่าปี่ซึ่งยกเป็นกองหนุนได้ตั้งค่ายลงที่ริมฝั่งแม่น้ำฮวงโหอีกฟากหนึ่ง

           ทางด้านกองทัพของโจโฉหลังจากได้รับชัยชนะต่อกองทัพของงันเหลียงแล้ว โจโฉได้แต่งฎีกากราบทูลรายงานการศึกถวายพระเจ้าเหี้ยนเต้และเสนอให้โปรดเกล้าแต่งตั้งกวนอูเป็นขุนนางผู้ใหญ่ฝ่ายทหาร พระเจ้าเหี้ยนเต้ทราบความตามฎีกาของโจโฉแล้ว โปรดเกล้าแต่งตั้งตามเสนอและพระราชทานตราตั้งสำหรับเกียรติยศแก่กวนอู.

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ตัวอย่างกระทู้ธรรม ธรรมศึกษาชั้นตรี 5

ปัญหาและเฉลยวิชาธรรม นักธรรมชั้นโท สอบในสนามหลวง วันเสาร์ ที่ ๑๙ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๔๘

I miss you all กับ I miss all of you ต่างกันอย่างไร