ตอนที่ 125. สวรรค์ย่อมเปิดทางแก่คนถือสัจจะ

เตียวเลี้ยวสอบถามความคิดกวนอูประจักษ์แล้ว ครั้นได้เวลาอันควรก็ลากวนอูกลับเข้าไปรายงานแก่โจโฉ โจโฉทราบแล้วก็ถอนใจใหญ่ด้วยแผนการที่จะยึดเอาตัวกวนอูไว้ไม่บรรลุผลดังความคิด แต่ใจชายชาติทหารก็อดไม่ได้ที่ต้องนึกสรรเสริญกวนอูในความกตัญญูสัตย์ซื่อมั่นคง

            ซุนฮกอยู่ในที่นั้นด้วย จับใจความของคำพูดกวนอูเห็นเป็นช่องทางที่จะผูกมัดกวนอูไว้ได้จึงเสนอโจโฉว่ากวนอูนี้มีความสัตย์ซื่อ ยึดมั่นในสัจจะวาจา บัดนี้ได้ลั่นปากว่าจะต้องทดแทนคุณท่านก่อนจึงจะจากไป ดังนั้นหากมีการศึกสงคราม แม้กวนอูขออาสาก็อย่าให้กวนอูออกรบ กวนอูทดแทนคุณท่านไม่ได้ก็จะต้องอยู่ด้วยท่านสืบไป

            โจโฉเห็นช่องทางตามความคิดของซุนฮกก็ดีใจ ตกลงใจว่าแม้จะมีศึกสงครามประการใดก็จะไม่ให้กวนอูออกรบ ไม่เปิดโอกาสให้กวนอูทดแทนคุณแล้วจะได้อยู่กับโจโฉตลอดไป

            ทางด้านเล่าปี่เมื่อไปอาศัยใบบุญของอ้วนเสี้ยวที่เมืองกิจิ๋ว แม้ว่าจะได้รับการปรนเปรอเอาใจจากอ้วนเสี้ยวเป็นอย่างดี แต่ทุกวันคืนก็ไม่วายคิดถึงน้องร่วมสาบานสองคนและครอบครัว ซึ่งไม่ทราบว่าพลัดหลงไปที่ใดหรือว่าเป็นตายร้ายดีประการใด

            วันหนึ่งอ้วนเสี้ยวเห็นหน้าตาเล่าปี่เศร้าหมองนักก็ทักว่าท่านตรอมใจด้วยเรื่องสิ่งใด หน้าตาจึงเศร้าหมองดั่งนี้ เล่าปี่ตอบว่าตัวข้าพเจ้าได้มาอาศัยใบบุญท่าน จึงได้ความสุขอยู่ทุกวันนี้ วิตกอยู่ถึงน้องร่วมสาบานทั้งสองและครอบครัว ซึ่งมิได้รู้ข่าวคราวแต่ประการใด อีกทั้งตัวข้าพเจ้านี้เกิดมาเป็นชายทั้งเป็นเชื้อพระวงศ์ ตั้งใจมั่นคงที่จะรับใช้แผ่นดินแต่ไม่สมคิด จึงรู้สึกละอายใจยิ่งนัก ข้าพเจ้าวิตกอยู่ด้วยเรื่องเหล่านี้จึงไม่เป็นอันที่กินนอนเลย

            อ้วนเสี้ยวจึงว่าตัวข้าพเจ้าก็เป็นเชื้อสายขุนนางสี่แผ่นดิน มีความกตัญญูรู้คุณแผ่นดิน คิดจะสนองคุณอยู่มิได้ขาด ครั้งก่อนได้ยกกองทัพจะไปตีเมืองฮูโต๋ แต่ติดขัดด้วยเป็นฤดูหนาว ทหารได้ความยากลำบากนัก จึงให้งันเหลียงคุมทหารตั้งมั่นอยู่ที่ตำบลลิหยง แล้วตัวข้าพเจ้าจึงได้กลับมาเมืองกิจิ๋ว บัดนี้ฤดูหนาวสิ้นแล้ว ฤดูร้อนกำลังมาถึง ข้าพเจ้าจะยกไปตีเมืองฮูโต๋อีกครั้งหนึ่ง การในครอบครัวและพี่น้องของท่านจะเป็นประการใดคงจะได้ข่าวคราวแต่ครั้งนี้

            ในขณะนั้นเตียนห้องที่ปรึกษาของอ้วนเสี้ยวอยู่ในที่นั้นด้วย เมื่อได้ยินปรารภของอ้วนเสี้ยวจึงท้วงว่า เมื่อครั้งที่โจโฉยกไปตีเมืองชีจิ๋วนั้น เมืองฮูโต๋ว่างทหารอยู่ ข้าพเจ้าได้เสนอความเห็นให้ท่านยกไปตีเมืองฮูโต๋แต่ท่านไม่เห็นด้วย มาบัดนี้โจโฉได้เมืองชีจิ๋ว เมืองเสียวพ่ายและเมืองแห้ฝือแล้ว หากท่านยกไปตีเมืองฮูโต๋คงจะไม่สมความคิด เพราะกำลังทหารของโจโฉกล้าแข็งขึ้นแล้ว ทั้งได้พักฟื้นตลอดชั่วฤดูหนาว ดังนั้นจึงควรรอโอกาสไว้ก่อน จนเมื่อใดที่โจโฉยกกองทัพจากเมืองหลวงไปรบเมืองอื่นแล้ว จึงค่อยยกไปตีเมืองฮูโต๋

            อ้วนเสี้ยวได้ฟังคำท้วงของที่ปรึกษาก็รวนเร หันมาถามเล่าปี่ว่าคำที่เตียนห้องทัดทานมานี้ท่านจะมีความเห็นอย่างไร เล่าปี่จึงว่าโจโฉบัดนี้เป็นทรราชย์ กระทำการย่ำยีพระเจ้าเหี้ยนเต้ ตัวท่านเป็นเชื้อสายขุนนางผู้ภักดีต่อแผ่นดินมาถึงสี่ชั่วอายุคน อาณาประชาราษฎรทั้งปวงก็หวังพึ่งกำลังของท่านกำจัดทรราชย์ สร้างสันติสุขแก่บ้านเมือง หากท่านมัวนิ่งอยู่ไม่คิดกำจัดศัตรูราชสมบัติ ย่อมทำให้ปวงชนผิดหวัง เสื่อมเสียต่อศักดิ์ศรีตระกูล “อ้วน” ที่ภักดีต่อแผ่นดิน อีกประการหนึ่งเล่าละเวลาไว้เนิ่นไป โจโฉก็จะเติบใหญ่เข้มแข็งขึ้น ย่อมกระทำย่ำยีข่มเหงพระเจ้าเหี้ยนเต้หนักมือขึ้นกว่าเก่า น้ำใจท่านที่ภักดีต่อแผ่นดินจะทนอยู่ได้กระนั้นหรือ ขอท่านไตร่ตรองจงดีเถิด

            เล่าปี่นั้นรู้ดีว่าอ้วนเสี้ยวเป็นคนหยิ่งทะนงในศักดิ์ศรีวงตระกูลที่เป็นเชื้อสายขุนนางชั้นผู้ใหญ่สืบมาถึงสี่แผ่นดิน จึงยกเอาความข้อนี้ปรุงเข้ากับความภักดีในพระมหากษัตริย์ให้เห็นว่าการที่ละนิ่งเฉยอยู่มีแต่จะเป็นโทษ ทั้งแก่ตัวอ้วนเสี้ยวเองและแก่ศักดิ์ศรีตระกูล “อ้วน” คำเล่าปี่จึงกระแทกเข้าตรงเป้ากลางใจของอ้วนเสี้ยว ดังนั้นอ้วนเสี้ยวจึงตัดสินใจที่จะยกกองทัพไปตีเมืองฮูโต๋ เรียกบรรดาแม่ทัพนายกองมาสั่งการให้เตรียมการให้พร้อม รอวันฤกษ์ดีแล้วจะได้เคลื่อนทัพ

            เตียนห้องเห็นดังนั้นก็ยังดึงดันห้ามอ้วนเสี้ยวต่อไปว่าไม่ควรยกกองทัพไปตีเมืองฮูโต๋ หากไม่เชื่อฟังคงจะเสียทีแก่โจโฉเป็นมั่นคง

            อ้วนเสี้ยวได้ฟังคำทักท้วงทั้งที่ได้ตัดสินใจแล้วก็โกรธ จึงว่า “เราคิดจะทำนุบำรุงแผ่นดิน ตัวบังอาจห้ามเราทั้งนี้จะให้พระเจ้าเหี้ยนเต้เป็นอันตรายหรือ”

            อ้วนเสี้ยวไม่รับฟังคำทัดทานของเตียนห้องแล้วยังตั้งข้อกล่าวหาเอากับเตียนห้องว่าเป็นกบฏ เพราะเป็นความคิดเห็นที่จะทำให้พระเจ้าเหี้ยนเต้ตกอยู่ในอันตราย เตียนห้องได้ฟังดังนั้นก็ตกใจรีบคุกเข่าลงกับพื้น คำนับอ้วนเสี้ยวแล้วว่าข้าพเจ้านี้ทำราชการด้วยท่านด้วยความภักดี ไหนเลยจะกล้าคิดอ่านให้พระเจ้าเหี้ยนเต้ตกอยู่ในอันตราย ข้อที่ข้าพเจ้าทักท้วงนั้นเกิดแต่ใจสุจริตและขอยืนยันว่าถ้าท่านขืนยกกองทัพไปคงจะเสียทีแก่โจโฉเป็นแม่นมั่น

            อ้วนเสี้ยวได้ฟังคำทัดทานซ้ำสองก็ยิ่งโกรธหนัก ชักกระบี่ออกจะฆ่าเตียนห้องเสีย เล่าปี่เห็นเช่นนั้นก็เข้ายุดเอามือของอ้วนเสี้ยวที่ถือกระบี่ไว้ ขอให้เว้นชีวิตเตียนห้องว่าบัดนี้ท่านกำลังเตรียมการยกกองทัพใหญ่ไปกอบกู้บ้านเมือง การจะมาผลาญชีวิตที่ปรึกษาในหน้าศึกนั้นไม่สมควร

            อ้วนเสี้ยวเห็นคำท้วงของเล่าปี่มีเหตุผลกอปรด้วยความมงคลในการเคลื่อนทัพจึงให้เว้นโทษประหารแต่สั่งให้เอาเตียนห้องไปจำไว้ในคุก

            จอสิวขุนนางเมืองกิจิ๋วเห็นอ้วนเสี้ยวสั่งจำคุกเตียนห้องก็เสียใจ มาคิดว่าชาวเมืองกิจิ๋วทั้งปวงคงจะได้ความเดือดร้อนเพราะการตัดสินใจของอ้วนเสี้ยว มองไม่เห็นทางสว่างข้างหน้าเพราะเห็นอยู่แต่หายนะประการเดียว เหมือนกับที่คนไทยทุกคนที่รำคาญหูอยู่กับคำว่า “เดินถูกทางแล้ว” “เศรษฐกิจฟื้นแล้ว” จอสิวจึงเอาบรรดาทรัพย์สินเงินทองที่มีอยู่ทั้งสิ้นแจกจ่ายแก่บุตรภรรยาและข้าทาสในเรือน แล้วว่าอ้วนเสี้ยวไปศึกครั้งนี้แม้นได้ชัยชนะกลับมาก็คงไม่ปูนบำเหน็จให้แก่ผู้ใดเหมือนกับที่แล้วมา แต่ถ้าหากเสียทีกลับมาครั้งนี้ภยันตรายย่อมบังเกิดแก่ผู้คนทั้งปวง ตัวเราก็อาจไม่รอดชีวิตกลับมาหาพวกท่านอีก ดังนั้นพวกท่านจงเอาทรัพย์สินที่เรามอบให้นี้ไปเป็นทุนรอน ทำมาหากินต่อไปเถิด

            บุตร ภรรยา ข้าทาสบริวารของจอสิวเห็นเช่นนั้นต่างพากันสงสารจอสิวที่ทำการประหนึ่งการสั่งเสียลาตายจึงพากันร้องไห้ร่ำไร

            ครั้นถึงวันฤกษ์ดี อ้วนเสี้ยวจึงให้ทหารถือหนังสือไปถึงงันเหลียงที่ตำบล   ลิหยงให้เป็นกองหน้ายกล่วงเข้าไปตีเมืองฮูโต๋ ส่วนตัวอ้วนเสี้ยวจะยกทหารจากเมือง  กิจิ๋วเป็นกองทัพหลวงตามไป

            จอสิวเห็นเหตุการณ์เช่นนั้นก็ทักท้วงอ้วนเสี้ยวว่าการที่ท่านให้งันเหลียงเป็นแม่ทัพกองทัพหน้านั้นเห็นว่าจะเสียทีแก่ข้าศึกเพราะงันเหลียงเป็นคนดื้อดึงวู่วาม เชื่อมั่นแต่กำลังฝีมือตัว ไม่รู้จักทีได้ ทีเสีย แลอุบายศึก การของท่านก็จะเสียไป

            อ้วนเสี้ยวได้ฟังคำทักท้วงก็โกรธ ตำหนิจอสิวว่าอันงันเหลียงนี้เป็นทหารเอกที่เราวางใจ ตรึงกองทัพโจโฉอยู่หน้าศึก ไฉนตัวจึงมากล่าวความอัปมงคลดังนี้ จอสิวเห็นอ้วนเสี้ยวโกรธก็นิ่งเสีย เพราะรู้ดีว่าคนแบบอ้วนเสี้ยวนั้นไม่ชอบคำทัดทาน ทักท้วงของคนอื่น หากทักท้วงไปนอกจากจะไม่ได้ผลแล้ว ดีร้ายก็จะตายเสียด้วยคมดาบของอ้วนเสี้ยว แทนที่จะตายในสนามรบให้ปรากฏไว้ในประวัติศาสตร์

            สิ้นคนท้วงแล้วอ้วนเสี้ยวจึงเร่งทหารให้รีบนำหนังสือไปถึงงันเหลียง ส่วนอ้วนเสี้ยวก็ยกทหารเป็นทัพหลวงเคลื่อนออกจากเมืองกิจิ๋วตรงไปเมืองฮูโต๋

            ครั้นงันเหลียงได้ทราบคำสั่งจึงสั่งให้เคลื่อนทัพล่วงเข้าไปในแดนเมืองฮูโต๋ ถึงตำบลแปะแบ๊ก็ให้ตั้งค่ายมั่นไว้

            ฝ่ายเล่าเอี๋ยนเจ้าเมืองตองกุ๋น ซึ่งเป็นเมืองในบังคับของเมืองฮูโต๋ ครั้นทราบความศึกว่ากองทัพอ้วนเสี้ยวยกล่วงมาถึงตำบลแปะแบ๊ จึงให้ม้าใช้ถือใบบอกเข้าไปรายงานการศึกให้ทางเมืองหลวงทราบ

            เมื่อโจโฉทราบข่าวศึกก็สั่งจัดแจงทหารเตรียมยกกองทัพไปรับมือกับกองทัพอ้วนเสี้ยว กวนอูได้กลิ่นคาวศึกก็ขอเข้าพบโจโฉ ขออาสาเป็นกองทัพหน้ารบกับกองทัพของอ้วนเสี้ยว

            โจโฉตัดสินใจเกี่ยวกับบทบาทของกวนอูไว้ก่อนแล้วว่าแม้มีการศึกหนักหนาประการใดก็จะไม่ให้กวนอูอาสาออกรบ ปิดหนทางทดแทนบุญคุณของกวนอู เพื่อผูกมัดกวนอูไม่ให้จากไป ครั้นได้ฟังคำอาสาจึงว่าการศึกกับอ้วนเสี้ยวเพียงเล็กน้อย ยังไม่ต้องเดือดร้อนรบกวนถึงท่าน ท่านจงอยู่ในเมืองหลวงช่วยดูแลการข้างหลังและครอบครัวของเล่าปี่ไว้ให้จงดี เรายกทัพไปครั้งนี้หากมีข้อขัดสนประการใด จะค่อยว่ากล่าวเรียกตัวท่านไปในภายหลัง กวนอูได้ฟังดังนั้นก็ลาโจโฉกลับมาที่พัก

            โจโฉได้สั่งให้จัดกองทัพกำลังพลสิบห้าหมื่น แบ่งออกเป็นสามกอง คือกองทัพหลวง และอีกสองกองเป็นปีกซ้าย ปีกขวา ให้ปีกซ้ายและปีกขวารีบรุดตัดทางไปข้างหน้าสกัดทัพของอ้วนเสี้ยวไว้ก่อน ตัวโจโฉจะเดินทัพตามทางหลวงตรงไปที่ตำบลแปะแบ๊

            กองทัพของโจโฉยกไปถึงตำบลแปะแบ๊แล้วตั้งค่ายคุมเชิงกองทัพของงันเหลียงไว้เป็นสามด้าน ระยะห่างกันด้านละห้าสิบเส้น ตั้งค่ายเสร็จแล้วโจโฉได้พาทหารติดตามขึ้นไปสำรวจภูมิประเทศบนเนินเขา แลลงไปที่กองทัพของงันเหลียงเห็นตั้งค่ายแน่นหนา มีกำลังคนร่วมสิบหมื่น

            โจโฉจึงหันมาทางซงเหียนซึ่งเป็นทหารเก่าของลิโป้ที่เข้ามาสวามิภักดิ์ ชี้มือไปที่ค่ายใหญ่ของกองทัพงันเหลียงแล้วว่าที่ยืนทัพอยู่ภายใต้ร่มระย้านั้นคงเป็นตัวงันเหลียงแม่ทัพหน้าของอ้วนเสี้ยว ตัวเราไม่รู้จักตัวและฝีมือของคนผู้นี้ อนึ่งเราได้กิตติศัพท์ว่าตัวท่านนี้มีฝีมือเป็นที่ลือเลื่อง ใคร่ได้ชมฝีมือของท่าน ท่านจงนำทหารออกไปรบกับงันเหลียงให้ประจักษ์

            ซงเหียนรับคำสั่งแล้วกลับมาจัดแจงทหารแล้วขึ้นม้าถือทวนนำทหารออกไปท้ารบที่หน้าค่ายของงันเหลียง

            งันเหลียงเห็นทหารโจโฉคุมทหารออกมาท้ารบถึงหน้าค่ายก็โกรธ สั่งให้จัดทหารแล้วเปิดประตูค่ายยกออกไปรบกับซงเหียน งันเหลียงรบกับซงเหียนได้สามเพลงงันเหลียงก็เอาง้าวฟันซงเหียนตกม้าตาย

            โจโฉเห็นดังนั้นก็ตกใจ ปรารภขึ้นในหมู่ทหารว่าทหารของอ้วนเสี้ยวผู้นี้มีฝีมือเข้มแข็งนัก ขณะนั้นงุยซกซึ่งเป็นเพื่อนกับซงเหียนได้ยินคำปรารภของโจโฉจึงขออาสาออกไปล้างแค้นให้กับเพื่อน โจโฉก็อนุญาต

            งุยซกคุมทหารออกไปรบกับงันเหลียง ต่อสู้กันบนหลังม้าตัวต่อตัว เพียงสามเพลงงันเหลียงก็เอาง้าวฟันงุยซกตกม้าตายไปอีกคนหนึ่ง ทหารของงุยซกจึงแตกหนีกลับมาที่ค่ายของโจโฉ

            โจโฉเห็นเช่นนั้นจึงปรึกษากับแม่ทัพนายกองว่าทหารของอ้วนเสี้ยวคนนี้มีฝีมือเข้มแข็งกว่าที่คาดคิด ผู้ใดจะอาสาออกไปจับตัวงันเหลียงบ้าง ซิหลงได้ยินเช่นนั้นจึงขออาสาออกรบ โจโฉก็อนุญาต

            ซิหลงคุมทหารออกไปรบกับงันเหลียงได้ยี่สิบเพลง ทานกำลังงันเหลียงไม่ได้จึงชักม้าหนีออกจากลานรบ พาทหารกลับมาค่าย

            โจโฉเสียนายทหารไปแล้วถึงสองคนภายใต้การรบไม่กี่เพลง ทั้งนายทหารโทระดับซิหลงก็รับมืองันเหลียงได้เพียงยี่สิบเพลงเท่านั้นก็เสียน้ำใจ ค่ำลงจึงเรียกประชุมแม่ทัพนายกองปรึกษาการศึกว่าจะรับมือกับงันเหลียงประการใด

            ซิหลงซึ่งนับว่าเป็นทหารที่มีฝีมือสูงที่สุดในกองทัพของโจโฉที่ยกมาครั้งนี้ ทราบกำลังฝีมือของงันเหลียงแล้วจึงเสนอโจโฉว่าศึกครั้งนี้ข้าพเจ้าเห็นแต่กวนอูผู้เดียวที่จะสามารถรับมือกับงันเหลียงได้

            โจโฉจึงว่าหากเราให้กวนอูออกศึกในครั้งนี้ หากกวนอูชนะก็เป็นเงื่อนไขที่จะจากเราไป

            ซิหลงได้ยืนยันความเห็นเดิมแล้วเสนอเพิ่มเติมว่าบัดนี้เล่าปี่ไปอาศัยอยู่กับอ้วนเสี้ยว หากกวนอูฆ่างันเหลียงเสียแล้ว ความทราบถึงอ้วนเสี้ยวก็คงจะฆ่าเล่าปี่ เมื่อเล่าปี่ตายแล้วกวนอูก็จะเป็นสิทธิแก่ท่าน

            หรือนี่สวรรค์กำลังชักปากซิหลงให้เสนอความเห็นที่เปิดทางให้กวนอูได้ทดแทนคุณโจโฉ.

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ตัวอย่างกระทู้ธรรม ธรรมศึกษาชั้นตรี 5

ปัญหาและเฉลยวิชาธรรม นักธรรมชั้นโท สอบในสนามหลวง วันเสาร์ ที่ ๑๙ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๔๘

I miss you all กับ I miss all of you ต่างกันอย่างไร