ตอนที่ 122. เทพเจ้าแห่งความซื่อสัตย์

เตียวเลี้ยวจึงว่าประการแรกท่านกับเล่าปี่ เตียวหุย สามพี่น้องสาบานจะร่วมเป็นร่วมตายกัน บัดนี้ยังไม่ทราบข่าวคราวเล่าปี่และเตียวหุย ท่านจะชิงด่วนตายไปก่อนก็จะทำให้เล่าปี่ เตียวหุย ต้องตายตามท่านไปด้วย ความนินทาก็จะมีแก่ท่านว่าเป็นต้นเหตุให้พี่น้องร่วมสาบานต้องตายตาม นี่เป็นโทษประการหนึ่ง

            อีกประการหนึ่ง เล่าปี่ได้มอบครอบครัวให้ท่านดูแลรักษา หากท่านตายแล้ว ภรรยาทั้งสองของเล่าปี่จะพึ่งพาผู้ใดเล่า การที่เล่าปี่ปลงใจไว้กับท่านก็จะเสียไป ท่านก็จะได้ชื่อว่าไม่เห็นแก่หน้าที่ ชิงตายหนีเอาตัวรอด นี่เป็นโทษประการที่สอง

            ส่วนประการสุดท้าย “ท่านก็มีฝีมือกล้าหาญ แล้วแจ้งใจในขนบธรรมเนียมโบราณมาเป็นอันมาก เหตุใดท่านจึงไม่รักษาชีวิตไว้คอยท่าเล่าปี่ จะได้ช่วยกันคิดการทำนุบำรุงแผ่นดินให้อยู่เย็นเป็นสุข ถึงมาตรว่าท่านจะได้ความลำบาก ก็อุปมาเหมือนหนึ่งลุยเพลิงอันลุก แลข้ามพระมหาสมุทรอันกว้างใหญ่ก็จะลือชาปรากฏชื่อเสียงท่านไปในภายหน้าว่าเป็นชาติทหาร มีใจสัตย์ซื่อ กตัญญูต่อแผ่นดิน ซึ่งท่านจะมานะลงไปรบพุ่งกับโจโฉ ถ้าชีวิตท่านตายเสียครั้งนี้ก็จะไม่มีชื่อปรากฏไป นี่เป็นโทษประการที่สาม”

            คำของเตียวเลี้ยวแวดล้อมด้วยเหตุผล ต้องด้วยน้ำใจอันมั่นอยู่ในคำสัตย์ของกวนอูถนัดถนี่ กวนอูอึ้งตรึกตรองอยู่เป็นเวลาช้านานจึงว่า โทษสามสถานตามคำท่านนั้นเราตรองดูแล้วก็เห็นจริง แต่นอกจากข้อที่เป็นโทษแล้วยังมีข้อใดที่เห็นเป็นประโยชน์บ้าง

            เตียวเลี้ยวจึงว่า กองทัพของท่านอัครมหาเสนาบดีล้อมท่านไว้อย่างแน่นหนา ทั้งครอบครัวของเล่าปี่พี่ท่านก็อยู่ในเงื้อมมือ ดังนั้นหากท่านตัดสินใจสู้ตายท่านก็จะตายเปล่าหาประโยชน์อันใดมิได้ แต่ถ้าหากท่านอยู่กับท่านอัครมหาเสนาบดีไปพลางก่อน ก็จะได้ประโยชน์ถึงสามสถาน

            “ประการหนึ่ง ซึ่งท่านสาบานไว้กับเล่าปี่ เตียวหุย ว่าจะช่วยกันทำนุบำรุงแผ่นดิน ความสัตย์ข้อนี้จะได้คงอยู่

            ประการหนึ่ง ท่านจะได้อยู่ปฏิบัติรักษาพี่สะใภ้ทั้งสองมิให้เป็นอันตรายสิ่งใดได้ เป็นสองประการ

            อีกประการหนึ่งนั้น ตัวท่านก็มีฝีมือกล้าหาญ มีสติปัญญา จะได้คิดการทำนุบำรุงพระเจ้าเหี้ยนเต้ให้ครองราชย์สมบัติสืบไป”

            เตียวเลี้ยวสรุปว่านี่คือประโยชน์สามสถานที่จะพึงได้ถ้าหากว่าท่านอยู่รับราชการด้วยท่านอัครมหาเสนาบดี จึงขอท่านได้พิจารณาไตร่ตรองให้จงดี กวนอูฟังทั้งด้านโทษและด้านประโยชน์อย่างละสามสถานแล้วจึงว่าจริงตามคำท่าน แต่ตัวเรานี้ได้สาบานเป็นพี่น้องร่วมกับเล่าปี่และเตียวหุย จึงหาใช่คนตัวเปล่าไม่ หากจะรับเราไว้ในราชการ เราจะขอสัญญาไว้เป็นสามประการ ถ้าหากท่านอัครมหาเสนาบดียินยอมรับคำทั้งสามประการนี้เราก็จะลงไป แต่ถ้าหากขาดไปแม้ประการใดประการหนึ่งเราก็จะยอมสู้ตาย ถึงมาตรแม้นว่าโลกจะประณามหยามเหยียดในเบื้องหน้าว่าเราไม่คำนึงถึงโทษ ไม่คำนึงถึงประโยชน์ก็ตามที

            เตียวเลี้ยวจึงว่า ท่านอัครมหาเสนาบดีมีน้ำจิตเมตตาต่อท่านยิ่งนัก มีน้ำใจใฝ่หาสมาคมกับคนดีมีสติปัญญาความสามารถ ข้อสัญญาสามประการของท่านเป็นประการใด จงว่ามาให้แจ้งเถิด

            กวนอูจึงว่าคำสัญญาสามข้อที่เราจะขอไว้มีดังนี้

            ข้อแรก ซึ่งเราจะลงไปอยู่ด้วยกับท่านอัครมหาเสนาบดีนั้น จะต้องยอมรับว่าเป็นการอยู่รับราชการในพระเจ้าเหี้ยนเต้

            ข้อสอง เราจะขอปรนนิบัติพี่สะใภ้ทั้งสอง ห้ามมิให้ผู้ใดเข้ามาใกล้กรายแม้เพียงประตูบ้านโดยที่ไม่ได้รับอนุญาต จะขอเอาเบี้ยหวัดที่เคยพระราชทานแก่เล่าปี่ให้เป็นค่าใช้จ่ายของพี่สะใภ้ทั้งสอง

            ข้อสาม วันเวลาใดถ้าหากเรารู้ว่าเล่าปี่พี่เราอยู่แห่งหนตำบลใด ถึงมาตรแม้นว่าเรายังมิได้ลาท่านอัครมหาเสนาบดี เราก็จะไปหาเล่าปี่ในทันที ท่านอัครมหาเสนาบดีจะห้ามปรามมิได้

            แล้วกวนอูจึงว่าท่านจงนำข้อสัญญาสามประการนี้ไปปรึกษาท่านอัครมหาเสนาบดี หากยอมรับเราก็จะลงไปทำราชการด้วยตามเงื่อนไขแห่งข้อสัญญานั้น แต่หากไม่ยินยอมเราก็พร้อมจะสู้ตาย ว่าแล้วกวนอูก็หันกลับมาขึ้นม้าแล้วเข้ามาที่พวก คอยทีอยู่ ฝ่ายเตียวเลี้ยวก็คำนับลากวนอูแล้วเข้าไปรายงานแก่โจโฉทุกประการ

            โจโฉได้ฟังคำรายงานของเตียวเลี้ยวก็หัวเราะ แล้วว่า “ซึ่งกวนอูไม่ยอมด้วยเรานั้น เราเป็นถึงมหาอุปราช กวนอูจะยอมเป็นข้าพระเจ้าเหี้ยนเต้ก็เหมือนเป็นบ่าวเรา ถ้าเราบังคับบัญชาราชการประการใด กวนอูก็จะไม่ขัดได้ กับซึ่งกวนอูว่าจะปฏิบัติรักษาพี่สะใภ้ทั้งสองมิให้ผู้ใดแปลกปลอมเข้าไปถึงประตูที่อยู่นั้นเราก็จะยอม ทุกวันนี้อย่าว่าแต่ภรรยาเล่าปี่เลย ถึงภรรยาผู้น้อยลงไปเราก็มิได้ให้ทำหยาบช้า ซึ่งกวนอูจะขอเอาเบี้ยหวัดของเล่าปี่ให้แก่พี่สะใภ้นั้นเราจะให้ทวีขึ้นอีก

            แต่ข้อซึ่งกวนอูรู้ว่าเล่าปี่อยู่แห่งใดมิได้ลาเราก่อนจะไปหากันนั้น โจโฉสั่นศีรษะไม่ยอม แล้วว่าเมื่อกวนอูจะเอาสัญญาฉะนี้เราจะเอามาเลี้ยงไว้ให้มีกำลังจะได้ประโยชน์สิ่งใดเล่า”

            โจโฉปลงใจข้อสัญญาสองข้อแรก เพราะไม่ได้เห็นว่ามีความสำคัญเสมอด้วยการได้ตัวกวนอูมาไว้ใช้ในราชการ แต่ข้อที่กวนอูจะกลับไปหาเล่าปี่เมื่อทราบข่าวนั้นเป็นข้อที่โจโฉไม่ยอมตกลงด้วย เพราะเท่ากับเป็นการเลี้ยงกวนอูไว้เฉพาะหน้า ไม่เป็นประโยชน์ในระยะยาว

            เตียวเลี้ยวเดิมเคยเป็นทหารของลิโป้ เมื่อโจโฉปราบปรามลิโป้ได้สำเร็จ ได้ออกคำสั่งให้ประหารชีวิตเตียวเลี้ยว ในขณะนั้นเล่าปี่ร่วมมืออยู่กับโจโฉและกวนอูได้อยู่ในเหตุการณ์ด้วย ได้ห้ามโจโฉไม่ให้ประหารและขอชีวิตเตียวเลี้ยวไว้ โดยยกเหตุผลว่าเตียวเลี้ยวเป็นชายชาติทหาร มีความภักดีต่อนาย ควรไว้ชีวิตและเอาไว้ทำราชการจะเป็นประโยชน์ต่อแผ่นดิน โจโฉจึงเปลี่ยนคำสั่งแล้วรับเตียวเลี้ยวไว้เป็นนายทหารใหญ่ในกองทัพ น้ำใจไมตรีของชายชาติทหารทั้งสองประทับอยู่ในใจซึ่งกันและกัน ดังนั้นตัวเตียวเลี้ยวเองจึงมีความปรารถนาที่จะให้กวนอูมาอยู่ร่วมด้วยมิได้น้อยไปกว่าน้ำใจปรารถนาของโจโฉ

            ด้วยเหตุนี้เตียวเลี้ยวจึงยกประวัติศาสตร์แต่หนหลังขึ้นลบล้างข้อปฏิเสธของ   โจโฉว่าท่านกล่าวความทั้งนี้เสมือนหนึ่งว่าจะลืมประวัติศาสตร์เรื่องอิเยียง ซึ่งเป็นนายทหารของต๋งหาง อิเยียงเป็นนายทหารน้ำใจสัตย์ซื่อ แต่ต๋งหางมิได้เลี้ยงดูโดยควรแก่ความภักดี ต่อมาคิเป๊กยกกองทัพมาตีเอาเมืองของต๋งหางและฆ่าต๋งหางตาย ได้รับ     อิเยียงไว้ในราชการ ตั้งเป็นขุนนางที่ปรึกษา ต่อมาเซียงจูเจ้าเมืองหั้นก๊กยกกองทัพมาทำสงครามกับคิเป๊ก และฆ่าคิเป๊กในที่รบ อิเยียงจึงลอบเข้าไปสังหารเซียงจู แต่เซียงจูจับได้ถึงสองครั้งก็ไม่เอาโทษ ครั้นครั้งที่สามก็ถูกเซียงจูจับได้อีก เซียงจูจึงถามว่าหากครั้งนี้เราปล่อยท่านไป ยังจะคิดอ่านทำร้ายเราหรือไม่ อิเยียงตอบว่าเพื่อแก้แค้นให้กับคิเป๊ก ถึงแม้ท่านจะปล่อยข้าพเจ้าไป ข้าพเจ้าก็จะต้องสังหารท่านจงได้ แต่ถ้าหากท่านไว้ชีวิตข้าพเจ้าก็จะขอเสื้อของท่านเพื่อเอามาสับเสีย ถือเป็นการแก้แค้นแทนคิเป๊ก ความพยาบาทก็จะได้สิ้นไป

            เซียงจูเห็นอิเยียงมีน้ำใจสัตย์ซื่อกตัญญูจึงรับคำ ถอดเสื้อคลุมมอบแก่อิเยียง    อิเยียงรับเสื้อของเซียงจูแล้วชักกระบี่ออกมาสับเสื้อสามครั้ง บอกเซียงจูว่าบัดนี้ข้าพเจ้าได้แทนคุณคิเป๊กแล้ว สิ้นคำอิเยียงก็เอากระบี่เชือดคอตัวเองตาย

            เตียวเลี้ยวได้สรุปว่ากวนอูนี้มีน้ำใจสัตย์ซื่อสุจริต หากผู้ใดทำคุณไว้แก่ตัว กวนอูก็จะเหมือนหนึ่งอิเยียง กวนอูกับเล่าปี่นั้นหาใช่พี่น้องคลานตามกันมาไม่ แต่กวนอูก็มีความภักดีเพราะได้สาบานไว้ต่อกัน แต่เล่าปี่เป็นคนยาก เลี้ยงดูกวนอูไม่ถึงขนาด กระนั้นแล้วกวนอูก็ยังมีน้ำใจภักดีต่อเล่าปี่ถึงเพียงนี้ ต่างกับท่านซึ่งมีอำนาจวาสนายิ่งใหญ่ในแผ่นดิน หากได้กวนอูมาแล้วทำนุบำรุงให้ถึงขนาด น้ำใจกตัญญูและสัตย์ซื่อของกวนอูก็จะมีต่อท่านมิได้ด้อยไปกว่าเล่าปี่

            โจโฉได้ฟังคำเตียวเลี้ยวแล้วก็เห็นชอบ จึงสั่งการให้เตียวเลี้ยวรีบไปบอกให้กวนอูทราบว่าข้อสัญญาทั้งสามข้อนั้นโจโฉได้ตกลงยอมรับทุกประการ แล้วให้พากวนอูเข้ามาพบเป็นการเร็ว

            เตียวเลี้ยวคำนับลาโจโฉกลับไปที่กวนอู แจ้งความให้กวนอูทราบทุกประการ กวนอูทราบความแล้วจึงว่าป่วยการที่จะให้ทหารล้อมเราไว้ ท่านจงไปบอกท่านอัครมหาเสนาบดีให้สั่งถอนทหารเหล่านั้นออกไป เราจะตามไปต่อภายหลัง

            โจโฉทราบความจากเตียวเลี้ยวแล้ว จึงสั่งให้ทหารที่ล้อมกวนอูนั้นถอนกลับ แต่ซุนฮกได้ทักท้วงว่าไม่ควรรีบถอนทหาร เพราะอาจเป็นกลอุบายของกวนอูเพื่อจะหลบหนีไป

            โจโฉได้แก้ว่ากวนอูเป็นชายชาติทหารเสือ มีความสัตย์ซื่อ หากคิดจะตีฝ่าออกไปคงจะไม่มีผู้ใดต้านทานเอาไว้ได้ การที่กวนอูยอมตกอยู่ในที่ล้อมเพราะไม่ได้คิดหนี หากคิดที่จะตีเข้ามาช่วยเอาครอบครัวของเล่าปี่ บัดนี้เรารับสัญญาของกวนอูแล้ว กวนอูย่อมไม่บิดพลิ้วล่อลวงเราเป็นแน่แท้

            เมื่อทหารโจโฉได้ถอนกลับเข้าเมืองแห้ฝือหมดแล้ว กวนอูจึงพาทหารเข้าไปในเมือง เห็นบ้านเมืองและราษฎรสงบเป็นปกติจึงตรงเข้าไปยังที่พักของพี่สะใภ้ คำนับแล้วว่าข้าพเจ้าเสียทีทำให้พี่ทั้งสองเดือดร้อน โทษข้าพเจ้าครั้งนี้หนักนัก ขอพี่ทั้งสองได้อภัยด้วย

            ภรรยาทั้งสองของเล่าปี่จึงว่าบัดนี้เจ้าทราบหรือไม่ว่าเล่าปี่เป็นตายร้ายดีประการใด กวนอูจึงเล่าความที่พลัดกับเล่าปี่และเตียวหุย และไม่ทราบข่าวคราวเป็นตายร้ายดีประการใด ทั้งเล่าความที่ได้ตกลงกับโจโฉให้พี่สะใภ้ทั้งสองฟังทุกประการ

            ภรรยาทั้งสองของเล่าปี่จึงว่า ในค่ำคืนที่โจโฉยึดเมืองแห้ฝือได้นั้นเราเกรงว่าจะเป็นอันตราย แต่เดชะบุญที่โจโฉได้กำชับทหารทั้งปวงมิให้เข้ามากล้ำกรายถึงที่พักของเรา และยังให้เจ้าหน้าที่ปรนนิบัติรับใช้ดังเดิมทุกประการ บัดนี้เราทั้งสองอยู่ในอำนาจของโจโฉ ดังนั้นการที่เจ้าคิดการอยู่ด้วยโจโฉชั่วคราวตามความจำเป็นนั้น ชอบด้วยสถานการณ์แล้ว แต่หวั่นว่าวันใดที่เรารู้ว่าเล่าปี่อยู่ที่ไหนแล้วจะไปหา เกรงว่าโจโฉจะขัดขวาง

            กวนอูจึงว่าข้อนี้พี่ทั้งสองอย่าได้เป็นกังวล ถึงมาตรแม้นว่าโจโฉจะขัดขวางประการใด ข้าพเจ้าก็จะคิดอ่านแก้ไขพาพี่ทั้งสองไปถึงพี่ใหญ่จงได้ พี่สะใภ้ทั้งสองได้ยินก็คลายใจ กวนอูเห็นเช่นนั้นจึงคำนับพี่สะใภ้แล้วลากลับออกมา

            กวนอูพาทหารที่ตามมาสามสิบคนไปที่ค่ายของโจโฉ ครั้นโจโฉได้ทราบว่ากวนอูมาถึงก็มีความยินดี เดินออกมารับกวนอูถึงหน้าค่าย กวนอูเห็นโจโฉออกมาต้อนรับด้วยตนเองก็เกรงใจ คำนับโจโฉแล้วว่าบัดนี้ตัวข้าพเจ้าเป็นคนโทษ ท่านให้ความเมตตาไม่ฆ่าเสียและยังออกมารับข้าพเจ้าดั่งนี้เป็นคุณหาที่สุดมิได้

            กวนอูขุนพลเอกชาวไก่เหลียงผู้เป็นน้องร่วมสาบานของเล่าปี่ มีเกียรติคุณกระเดื่องนามตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบันในความซื่อสัตย์สุจริต ความมีกตัญญูรู้คุณคน และความเป็นผู้มีฝีมือองอาจกล้าหาญ จนได้รับการยอมรับนับถือทั่วทั้งแผ่นดินจีน ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันว่าเป็นเทพเจ้าแห่งความซื่อสัตย์ บัดนี้จำใจยอมอยู่ด้วยโจโฉ เพื่อหลีกเลี่ยงโทษสามประการและหวังประโยชน์สามประการ ซึ่งทั้งโทษและประโยชน์ส่วนละสามประการนี้ ข้อใหญ่ใจความนั้นก็ยังคงอยู่ที่ความยึดมั่นกตัญญูและความสัตย์สุจริตที่มั่นคงอยู่ในคำสาบานแห่งสวนท้อ คือเป็นการอยู่เพื่อจะได้กลับไปหาเล่าปี่ในที่สุด โดยในระหว่างที่อยู่ด้วยโจโฉนั้นก็มิได้ถือว่าเป็นข้าของโจโฉ หากถือว่าเป็นข้าราชการในพระเจ้าเหี้ยนเต้ประการหนึ่ง และอยู่เพื่อปกป้องรักษาพี่สะใภ้ทั้งสองตามภาระหน้าที่ ๆ ได้รับมอบหมายจากเล่าปี่อีกประการหนึ่ง

            อำนาจแห่งความสัตย์สุจริต ความกตัญญูรู้คุณคน ที่หล่อหลอมเป็นตัวตนของกวนอูนั้น จึงทำให้กวนอูหาใช่ทหารเอกธรรมดาไม่ แต่เป็นทหารเอกที่ได้ขึ้นชั้นเป็นเทพเจ้าที่มีสมญานามว่า “เทพเจ้าแห่งความซื่อสัตย์” ตั้งแต่อดีตจวบถึงปัจจุบัน.

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ตัวอย่างกระทู้ธรรม ธรรมศึกษาชั้นตรี 5

ปัญหาและเฉลยวิชาธรรม นักธรรมชั้นโท สอบในสนามหลวง วันเสาร์ ที่ ๑๙ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๔๘

I miss you all กับ I miss all of you ต่างกันอย่างไร