ตอนที่ 117. แรงฤทธิ์ดาวโจร

 เจี้ยนอันศกปีที่ห้าอันเป็นเวลาที่พระเจ้าเหี้ยนเต้เสด็จมาประทับที่เมืองฮูโต๋ครบห้าปี โจโฉไม่ได้ข่าวคราวทางด้านเมืองเกงจิ๋วว่าจะสวามิภักดิ์หรือไม่ประการใด ดังนั้นจึงคิดยกกองทัพไปตีเมืองเกงจิ๋วเสียก่อน แล้วจึงค่อยทำสงครามใหญ่กับอ้วนเสี้ยว

            ซุนฮกที่ปรึกษาได้ทักท้วงโจโฉว่า สถานการณ์บัดนี้เล่าเปียวยังไม่ได้ประกาศตัวชัดเจนว่าจะยืนอยู่ข้างไหน หากยกไปตีเมืองเกงจิ๋วย่อมเท่ากับผลักเล่าเปียวให้เข้าเป็นพวกของอ้วนเสี้ยว จะทำให้การสงครามในวันหน้ายุ่งยากมากขึ้น ดังนั้นจึงควรดำรงความมุ่งหมายหลักคือปราบอ้วนเสี้ยวเสียก่อน เพราะอ้วนเสี้ยวบัดนี้เติบใหญ่เข้มแข็งทั้งเล่าปี่ก็หันไปร่วมมือกับอ้วนเสี้ยว

            โจโฉเห็นชอบกับความคิดของซุนฮกแต่จำเป็นต้องยั้งกองทัพไว้ก่อนเพราะเป็นช่วงเวลาจะย่างเข้าวันตรุษจีน ครั้นถึงวันตรุษจีนโจโฉกับขุนนางทั้งปวงก็ได้แต่งการพิธีถวายพระพรพระเจ้าเหี้ยนเต้ตามอย่างธรรมเนียมราชประเพณี แต่ตัวโจโฉนั้นมีท่าที ทระนง ไม่แสดงความเคารพต่อพระเจ้าเหี้ยนเต้ ขุนนางทั้งปวงจึงมีความโกรธแค้นชิงชังโจโฉเป็นอันมาก

            เหตุการณ์ในวันตรุษจีนที่โจโฉแสดงท่าทีแข็งกระด้างกับพระเจ้าเหี้ยนเต้ ได้ซ้ำรอยแค้นในหัวใจของบรรดาขุนนางข้าราชการในเมืองหลวงให้รุนแรงเพิ่มขึ้นจากเมื่อครั้งเหตุการณ์ประพาสป่าล่าสัตว์ แต่เป็นธรรมดาของเหล่าขุนนางข้าราชการที่ถ้าหากไม่เป็นทีที่จะทำลายล้างได้แล้ว ก็จะสงวนท่าทีไว้จนถึงที่สุด ความแตกร้าวในราชสำนักจึงประดุจดังเพลิงสุมขอนอยู่ดั่งนี้

            ทางด้านตังสินหลังจากเล่าปี่และม้าเท้งออกจากเมืองหลวงไปแล้ว ได้ร่วมปรึกษาหารือกับเพื่อนขุนนางที่ได้ร่วมลงนามในปฏิญญากันไว้มิได้ขาด แต่การยังไม่สมความคิด ตังสินเฝ้าแต่ครุ่นคิดถึงแต่เรื่องกำจัดโจโฉ มีความทุกข์ร้อนไม่เป็นอันกิน ไม่เป็นอันนอน ร่างกายจึงผอมซูบและล้มป่วยลง

            ความทราบถึงพระเจ้าเหี้ยนเต้ว่าตังสินป่วย และมิได้เข้าเฝ้าหลายครั้งติดต่อกัน จึงมีรับสั่งให้เกียดเป๋งหมอหลวงไปรักษาพยาบาลตังสิน

            เกียดเป๋งตรวจอาการตังสินอย่างละเอียดถี่ถ้วนก็ไม่พบสมุฏฐานของโรค เห็นแต่อาการซูบซีดร่วงโรยและการถอนหายใจเป็นระยะ ๆ เกียดเป๋งสงสัยว่าอาการทั้งนี้เกิดแต่ตังสินเป็นไข้ใจคิดแก้ไขปัญหาอย่างใดอย่างหนึ่งไม่ตก เกิดความวิตกกังวลหม่นไหม้แต่ไม่กล้าถาม เพราะตังสินเป็นขุนนางผู้ใหญ่ทั้งเป็นพระญาติของฮ่องเต้

            เกียดเป๋งพยายามตรวจหาสาเหตุของโรคอยู่หลายวันก็ไม่พบเหตุ และเห็นว่าได้มารักษาพยาบาลตังสินติดต่อกันเป็นเวลาหลายวันแล้วจึงขอลากลับบ้านเพื่อเปลี่ยนเสื้อผ้าและชุดยา และจะกลับมาใหม่ในวันรุ่งขึ้น

            ตังสินได้ขอร้องให้เกียดเป๋งอยู่เป็นเพื่อนอีกสักคืนหนึ่ง ไว้วันรุ่งขึ้นจึงค่อยกลับบ้าน เกียดเป๋งก็รับคำ ตังสินจึงให้แต่งโต๊ะเลี้ยงเกียดเป๋ง ในระหว่างกินโต๊ะเสพสุรากันอยู่นั้น เกียดเป๋งยังคงสังเกตเห็นตังสินมีสีหน้าหม่นหมองและทอดถอนใจใหญ่อยู่เป็นระยะ ๆ

            ครั้นตกกลางคืนเกียดเป๋งอยู่เป็นเพื่อนเฝ้าไข้ตังสินตามปกติ ในราตรีนั้นตังสินได้ฝันไปว่าอ้วนเสี้ยวและเล่าปี่ได้ยกกองทัพสิบหมื่นรุกสู่เมืองหลวงจากทางด้านใต้ ในขณะที่ม้าเท้งกับหันซุยยกกองทัพเจ็ดสิบสองหมื่นรุกสู่เมืองหลวงจากทางด้านเหนือ   โจโฉได้เกณฑ์กองทัพในเมืองหลวงทั้งสิ้นให้เหล่าทหารเอกออกไปตั้งรับข้าศึกที่นอกเมือง คงเหลือแต่โจโฉอยู่ในเมืองหลวงกับทหารคนสนิทเพียงไม่กี่คน ตังสินเห็นเช่นนั้นจึงพร้อมด้วยเพื่อนร่วมปฏิญญาคุมทหารพันคนยกเข้าไปล้อมสังหารโจโฉ ตัวตังสินได้ตรงเข้าไปฟันโจโฉจนศีรษะหลุดจากบ่า เลือดสาดถูกเสื้อเกราะของตังสินจนแดงฉาน ด้วยความดีใจตังสินได้ร้องตะโกนขึ้นว่าโจโฉศัตรูราชสมบัติถูกตัดศีรษะแล้ว   ตังสินร้องตะโกนเช่นนั้นจนตกใจตื่นขึ้น แม้ตื่นขึ้นแล้วก็ยังร้องตะโกนอยู่ว่าโจโฉศัตรูราชสมบัติถูกตัดศีรษะแล้ว

            เกียดเป๋งเฝ้าไข้อยู่ได้ยินตังสินละเมอตะโกนความดังกล่าวก็รู้ว่าตังสินคิดกำจัดโจโฉ และนี่คือต้นเหตุที่ทำให้ตังสินป่วยเป็นไข้ใจ แต่เพื่อความแน่ใจเกียดเป๋งจึงขู่ตังสินว่าตัวท่านคิดร้ายต่อท่านอัครมหาเสนาบดี เราจะเอาเนื้อความไปแจ้งให้ท่านอัครมหาเสนาบดีทราบ

            ตังสินได้ยินคำเกียดเป๋งก็นิ่งอยู่มิรู้ที่จะกล่าวตอบประการใดด้วยเพิ่งตื่นจากความฝันสติยังไม่ตั้งมั่นอยู่กับตัว เกียดเป๋งเห็นดังนั้นจึงว่าท่านอย่าได้ตกใจไปเลย ข้าพเจ้าพูดลองใจท่านดอก ตัวข้าพเจ้านี้เป็นข้าแผ่นดินคิดจะสนองคุณพระเจ้าเหี้ยนเต้อยู่มิได้ขาด ข้าพเจ้ามาเฝ้ารักษาพยาบาลท่านเป็นหลายวันแล้ว ทราบดีว่าท่านไม่ได้เป็นโรคภัยแต่ประการใด อาการป่วยของท่านนั้นเมื่อประกอบกับความที่ท่านละเมอให้ได้ยินเป็นการป่วยด้วยไข้ใจเป็นแน่แท้ ดังนั้นท่านคิดการสิ่งใดไว้จงไขให้ข้าพเจ้าได้แจ้งเถิด หากมีการใดที่หมออย่างข้าพเจ้าจะช่วยเหลือทำการได้ก็พร้อมจะยอมพลีแม้ชีวิต

            ตังสินได้ฟังคำเกียดเป๋งดังนั้นก็ซาบซึ้งในใจยิ่งนัก ประกอบเข้ากับน้ำใจรักห่วงในพระเจ้าเหี้ยนเต้ประดังเข้ามาในอก ตังสินก็ร้องไห้แล้วว่าน้ำใจภักดีต่อแผ่นดินของท่านนี้เป็นที่ซาบซึ้งใจนัก เกรงแต่ว่าท่านจะทำการไม่เหมือนดังคำพูด การของพระเจ้าเหี้ยนเต้ก็จะเสียทีไป

            เกียดเป๋งเห็นดังนั้นจึงเอากระบี่ตัดนิ้วชี้ของตัวเองแล้วหลั่งเลือดปนกับสุรา ยกจอกสุรานั้นขึ้นแล้วสาบานว่าขอเทพยดาฟ้าดินจงเป็นทิพย์พยาน หากข้าพเจ้าทรยศต่อราชวงศ์ฮั่น นำความลับไปแพร่งพรายขอให้ชีวิตข้าพเจ้าเป็นอันตรายด้วยศัตราวุธทั้งปวง สาบานเสร็จแล้วเกียดเป๋งก็ดื่มสุราสาบานนั้นจนหมดจอก

            ตังสินเห็นเกียดเป๋งดื่มสุราสาบานดั่งนั้นก็สิ้นสงสัย ลุกขึ้นคำนับเกียดเป๋งแล้วว่าความภักดีต่อพระเจ้าเหี้ยนเต้ของท่านนี้ประจักษ์แล้ว ข้าพเจ้าจะเอาของสิ่งหนึ่งให้ท่านดู

            สิ้นคำตังสินก็เข้าไปหยิบพระบรมราชโองการเลือด นำออกมาให้เกียดเป๋งดู แล้วว่าบัดนี้ตัวเราและเพื่อนขุนนางรวมเจ็ดคนได้ทำปฏิญญาร่วมกันเพื่อกำจัดศัตรูแผ่นดินให้จงได้ แต่บัดนี้เล่าปี่และม้าเท้งได้จากเมืองหลวงไปแล้ว เหลือแต่พวกเราขุนนางในเมืองหลวงเพียงห้าคนเกรงจะคิดการไม่ตลอด เราวิตกอยู่ดังนี้จึงเป็นไข้ใจ ครั้นเห็นท่านมีน้ำใจภักดีที่จะร่วมทำการสนองพระเดชพระคุณพระมหากษัตริย์ก็เหมือนหนึ่งได้โอสถทิพย์ อาการไข้ในตัวเราจึงหายไปดุจดังปลิดทิ้ง

            เกียดเป๋งเห็นพระราชหัตถเลขาของพระเจ้าเหี้ยนเต้และทราบความจากตังสินแล้วจึงอาสาว่าการกำจัดศัตรูราชสมบัติครั้งนี้ข้าพเจ้าขออาสาทำการด้วยน้ำมือของข้าพเจ้าเองให้สำเร็จจงได้

            ตังสินสงสัยจึงถามว่าท่านจะกำจัดโจโฉด้วยวิธีการอย่างไร เกียดเป๋งจึงว่า โจโฉนั้นป่วยเป็นโรคปวดศีรษะ และให้หาข้าพเจ้าเข้าไปรักษาพยาบาลเป็นประจำ ในคราวหน้าถ้าโจโฉตามข้าพเจ้าไปรักษาพยาบาล ข้าพเจ้าจะเอายาพิษให้โจโฉกินก็จะกำจัดโจโฉได้สำเร็จ จะไม่เป็นที่ลำบากของไพร่พลและคนอื่น ๆ

            ตังสินได้ฟังดังนั้นก็ยินดี ลุกขึ้นคำนับเกียดเป๋งแล้วว่าราชสมบัติจะปลอดภัยก็เพราะท่านนี่แล้ว หากท่านทำการได้สำเร็จ ความชอบของท่านก็จะปรากฏไว้ในประวัติศาสตร์ ครั้นตกสายเกียดเป๋งก็ลาตังสินกลับไปบ้าน

            ตังสินฟังแผนการของเกียดเป๋งแล้วรู้สึกโล่งใจและมั่นใจว่าการที่คิดไว้คงจะสำเร็จ ความหม่นหมองในใจที่มีอยู่ก็หายเป็นปกติ บังเกิดอารมณ์ใคร่ชมสวนดอกไม้หลังจากที่ว่างเว้นเพราะนอนขลุกอยู่ในห้องหนังสือมาหลายวัน แต่ครั้นเดินเข้าไปในสวนดอกไม้ ตังสินก็โกรธจนตัวสั่น

            ภาพที่ปรากฏแก่สายตาของตังสินก็คือ เคงต๋องคนรับใช้ในบ้านกำลังนั่งคุยอยู่กับอินเอ๋งซึ่งเป็นภรรยาน้อยอยู่ที่มุมลับของสวนดอกไม้ด้วยกิริยาอาการท่าทีสนิทสนมเป็นเชิงชู้สาว

            แรงหึงหวงภรรยาน้อย ตังสินจึงสั่งให้ทหารรักษาการในบ้านจับตัวเคงต๋องไว้ แล้วชักกระบี่ออกจะฆ่าเคงต๋องเสีย ในขณะที่โกลาหลอยู่นั้นภรรยาหลวงของตังสินทราบเหตุการณ์จึงเข้ามาห้ามขอชีวิตเคงต๋องไว้ ตังสินเกรงใจภรรยาหลวงจึงเว้นโทษตายให้กับเคงต๋องแต่ให้ลงโทษเฆี่ยนจนเคงต๋องสลบ แล้วให้เอาตัวไปขังไว้ในคุกประจำบ้าน

            ครั้นตกกลางคืนเคงต๋องฟื้นขึ้น พิษจากแผลที่ถูกโบยทรมานทั้งกายและใจ   เคงต๋องเกิดความเคียดแค้นตังสินเป็นอันมาก และเนื่องจากคุกประจำบ้านของตังสินนั้นไม่ใช่คุกหลวงจึงไม่แข็งแรงถาวรและถูกทอดทิ้งไม่ได้ใช้มาเป็นเวลาช้านาน ไม้ลูกกรงชำรุด เคงต๋องจึงหักรั้วลูกกรงแหกคุกหนีไปได้แต่คืนนั้น

            เคงต๋องหนีออกจากคุกประจำบ้านของตังสินในขณะที่ใจแบกความเคียดแค้นคิดล้างตังสินจึงหนีไปหาโจโฉ เข้าไปขอพบโจโฉแล้วเล่าความที่ตังสินคบคิดกับพวกเพื่อกำจัดโจโฉให้โจโฉทราบทุกประการ โจโฉได้ทราบความแล้วก็ข่มสติไว้มั่นสั่งทหารให้คุมตัวเคงต๋องไว้ในจวนให้มิดชิด

            ฝ่ายตังสินตื่นขึ้นในตอนเช้าสำนึกว่าที่ลงโทษเคงต๋องไปนั้นเกินกว่าเหตุ จึงเข้าไปในคุกประจำบ้านเพื่อจะปล่อยเคงต๋องออกจากคุกแต่ไม่พบตัวก็ตกใจ ตามหาทั่วทั้งบ้านก็ไม่พบ แต่คาดคิดว่าเคงต๋องคงหนีกลับไปภูมิลำเนาเดิมก็ค่อยคลายใจลง

            โจโฉได้ตัวเคงต๋องเป็นพยานสำคัญไว้แล้วจึงคิดซ้อนกลคณะของตังสิน หลังจากนั้นอีก 2-3 วัน โจโฉจึงให้ทหารไปตามตัวเกียดเป๋งมารักษาพยาบาล อ้างว่าโรคปวดศีรษะกำเริบ

            ครั้นเกียดเป๋งมาถึง โจโฉซึ่งแสร้งนอนป่วยอยู่ได้กล่าวกับเกียดเป๋งว่าหลายวันมานี้เราตรากตรำในราชการ ไม่มีเวลาพักผ่อน ปวดศีรษะเป็นอันมาก จึงให้ท่านช่วยรักษาให้หายโดยเร็ว เราจะปูนบำเหน็จให้ถึงขนาด เกียดเป๋งไม่รู้กลก็ตอบว่าอันโรคของท่านนี้ข้าพเจ้าคุ้นเคยเป็นอันดีอยู่แล้ว ข้าพเจ้าจะปรุงยาให้ท่านรับประทาน มิทันนานก็จะหาย ขอท่านจงวางใจเถิด

            เกียดเป๋งได้ออกจากห้องที่โจโฉนอนป่วยอยู่ไปต้มยาจนยางวดแล้วจึงเอายาพิษผสมลงในยานั้น รินใส่ถ้วยแล้วยกเข้าไปที่ห้องของโจโฉ ส่งยาให้โจโฉกิน แต่โจโฉบิดพลิ้วอิดเอื้อนอยู่ เกียดเป๋งจึงว่าขณะนี้ยากำลังร้อนอยู่ขอท่านจงรีบกินเถิด หากเย็นลงสรรพคุณยาก็จะคลายไป

            โจโฉจึงว่าตัวท่านเป็นหมอหลวงย่อมรู้ธรรมเนียมดีอยู่มิใช่หรือว่าในกรณีพระมหากษัตริย์ทรงประชวร ก่อนที่จะถวายยาหมอหลวงก็ต้องดื่มยานั้นก่อน ส่วนสามัญชนนั้นเล่าหากบิดาป่วยผู้เป็นบุตรก็ต้องชิมยาก่อน ตัวเราเป็นถึงอัครมหาเสนาบดีและวางใจท่านให้เป็นหมอประจำตัว เมื่อท่านประกอบยาให้เรากินจึงชอบที่ท่านจะชิมยาให้ประจักษ์ก่อน

            เกียดเป๋งได้ยินดังนั้นก็พรั่นใจแต่แข็งใจตอบไปว่า ที่ท่านว่าทั้งนี้ก็ชอบอยู่ แต่ข้าพเจ้าเป็นหมอประจำตัวของท่าน ทุกครั้งที่ปรุงยาให้ท่านก็ไม่เคยต้องชิม ดังนั้นในการปรุงยาครั้งนี้จึงกะจำนวนยาเท่าจำนวนที่พอประมาณกับโรคของท่าน หากข้าพเจ้าชิมแล้วบ้วนทิ้ง ปริมาณยาก็จะน้อยลงไม่พอแก่โรค ว่าแล้วก็ส่งยาให้โจโฉกินอีกครั้งหนึ่ง

            โจโฉนอนอยู่บนเตียงไม่ยอมลุกขึ้นมาดื่มยา เกียดเป๋งเห็นดังนั้นก็คาดหมายได้ว่าโจโฉคงรู้แผนการของตัวจึงไม่ยอมกินยาเหมือนทุกครั้งที่ผ่านมา จึงจับเอาศีรษะโจโฉไว้ด้วยมือข้างหนึ่งแล้วเอาถ้วยยาจะกรอกเข้าปากโจโฉ

            โจโฉเอามือปัดถ้วยยาหกกระเด็นตกลงกับพื้น ยาพิษเมื่อต้องพื้นก็เกิดฟองฟูจนพื้นอิฐกลายเป็นสีดำและยุ่ยเปื่อย ทหารรักษาการณ์เห็นเหตุการณ์เช่นนั้นจึงเข้าจับตัวเกียดเป๋งไว้

            โจโฉลุกขึ้นจากเตียงแล้วว่า “กูหาป่วยไม่ดอก กูจะลองใจมึงดู บัดนี้กูเห็นว่ามึงจะทำร้ายกูเป็นมั่นคง”

            ว่าแล้วโจโฉก็สั่งให้ทหารคุมตัวเกียดเป๋งไปที่ลานหลังจวน แล้วทำการไต่สวนว่าเหตุใดจึงคิดทำร้าย เกียดเป๋งไม่ยอมตอบ โจโฉจึงให้ทหารโบยบังคับให้เกียดเป๋งสารภาพความจริง แต่เกียดเป๋งก็ยอมทนความทรมานไม่ปริปากพูดแม้แต่สักคำเดียว

            ขุนนางผู้ภักดีต่อแผ่นดินกำลังประสบชะตากรรมโดยไม่คาดฝัน หรือนี่คือแรงฤทธิ์ดาวโจรที่ฉายแสงเจิดจ้าครอบคลุมราชบัลลังก์มังกรทองแห่งราชวงศ์ฮั่นอยู่.

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ตัวอย่างกระทู้ธรรม ธรรมศึกษาชั้นตรี 5

ปัญหาและเฉลยวิชาธรรม นักธรรมชั้นโท สอบในสนามหลวง วันเสาร์ ที่ ๑๙ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๔๘

I miss you all กับ I miss all of you ต่างกันอย่างไร