ตอนที่ 110. ความอ่อนแอในความยิ่งใหญ่

ฝ่ายอ้วนเสี้ยวเมื่อทราบข่าวว่าโจโฉยกกองทัพใหญ่มาตั้งค่ายอยู่ที่ตำบลกัวต่อระยะห่างกันแปดร้อยเส้น จึงปรึกษาด้วยที่ปรึกษาและแม่ทัพนายกองว่าจะกำหนดแผนการรบกับโจโฉประการใด

            อ้วนเสี้ยวก็ยังคงเป็นอ้วนเสี้ยวเมื่อครั้งที่เป็นผู้บัญชาการใหญ่ของกองทัพปฏิวัติ เมื่อครั้งนั้นอ้วนเสี้ยวเป็นผู้บัญชาการผสมของกองทัพหัวเมืองต่าง ๆ ครั้นยกไปถึงด่านเฮาโลก๋วน เผชิญหน้ากับกองทัพของตั๋งโต๊ะซึ่งตั้งรับอยู่ในด่านก็มิได้ทำการสู้รบ เพราะมิได้มีแผนการรบที่ชัดเจน ถึงคราวจะรบก็คงกำลังส่วนใหญ่ไว้ในที่ตั้ง จัดแบ่งแต่กำลังส่วนน้อยออกไปทำศึก การศึกครั้งนั้นกองทัพปฏิวัติต้องสลายตัวก็เพราะการนำที่อ่อนแอ ไม่เป็นเอกภาพ และไร้แผนการ

            มาศึกครั้งนี้สู้เคลื่อนทัพใหญ่กำลังพลถึงสามสิบหมื่นยกล่วงเข้ามาถึงตำบลลิมหยงปลายแดนเมืองฮูโต๋แล้ว แต่มิได้มีแผนการรบหรือแผนการเข้ายึดเมืองฮูโต๋แต่ประการใด ดังนั้นพอทราบข่าวโจโฉยกกองทัพมาตั้งรับจึงเพิ่งเรียกประชุมปรึกษากำหนดแผนการรบ ในส่วนของฤดูกาลนั้นเล่า ปรากฏว่าในขณะที่อ้วนเสี้ยวและโจโฉยกกองทัพมาเผชิญหน้ากันอยู่นี้ลมหนาวต้นฤดูเริ่มโชยมาอันเป็นสัญญาณว่าความหนาวเหน็บแห่งฤดูหนาวกำลังใกล้เข้ามาเยือน ระยะเวลาที่ทอดเนิ่นนานไปจึงมีแต่จะทำให้กองทัพต้องเผชิญกับความหนาวเย็นซึ่งเป็นอุปสรรคต่อการสงคราม เพียงประการนี้การยกทัพของอ้วนเสี้ยวก็ขัดกับพิชัยสงครามในข้อสำคัญเสียแล้ว เพราะหาได้คำนึงถึงฤดูกาลว่าควรแก่การทำศึกหรือไม่

            บรรดาที่ปรึกษาและแม่ทัพนายกองของอ้วนเสี้ยวปรึกษากันแล้วหาข้อยุติไม่ได้ เพราะเขาฮิวนั้นน้อยใจว่าตัวเองเป็นผู้มีสติปัญญาแต่อ้วนเสี้ยวมิได้มอบหมายให้บัญชากองทัพ กลับให้สิมโพยเป็นปลัดทัพมีอำนาจบังคับบัญชาทหารทั้งปวง ส่วนชีสิวซึ่งเป็นที่ปรึกษาสายพิราบก็น้อยใจอ้วนเสี้ยวว่าเสนอความเห็นประการใดอ้วนเสี้ยวก็ไม่ทำตาม ดังนั้นสองที่ปรึกษาจึงเสนอให้ตั้งมั่นไม่ออกรบด้วยโจโฉ ส่วนที่ปรึกษาสายเหยี่ยวซึ่งเป็นต้นความคิดที่จะทำศึกเบ็ดเสร็จเด็ดขาดกับโจโฉแต่พอเอาเข้าจริงก็ไม่กล้าหักหาญความคิดของที่ปรึกษาสายพิราบ ที่ปรึกษาสองสายขัดแย้งกันอยู่ดังนี้ กองทัพของอ้วนเสี้ยวจึงหาข้อยุติไม่ได้ว่าจะกำหนดแผนการรบกับโจโฉประการใด

            เมื่อหาข้อยุติไม่ได้กองทัพใหญ่ของอ้วนเสี้ยวจึงต้องตั้งมั่นอยู่กับที่ จนล่วงเข้าถึงเดือนสิบสอง ความหนาวเหน็บแห่งฤดูหนาวก็กรายเข้ามาเยือน ทหารทั้งปวงได้รับความลำบากเป็นอันมาก ถึงกระนั้นแล้วกองทัพใหญ่ของอ้วนเสี้ยวก็ยังคงตั้งอยู่กับที่เสมือนหนึ่งไม่มีอันใดเกิดขึ้น

            ทางด้านโจโฉนั้นชำนาญการศึก ครั้นลมหนาวเริ่มโชยแรงมาตามฤดูกาล โจโฉก็คาดคะเนการสงครามว่าอ้วนเสี้ยวคงจะไม่ยกทัพใหญ่เข้าตี เพราะจะได้ความยากลำบากแก่ทหารทั้งปวง หรือถึงแม้จะยกเข้าตีก็คงทำการได้ไม่ถนัด เพราะความหนาวเย็นแห่งอากาศเป็นปราการสำคัญคอยขัดขวางมิให้ทำการได้สะดวก

            โจโฉประเมินการสงครามดั่งนี้แล้วจึงสั่งการให้จงป้าซึ่งเป็นทหารเก่าของลิโป้คุมทหารไปตั้งสกัดตรงทางร่วมของเมืองกิจิ๋วกับเมืองชีจิ๋ว ป้องกันมิให้ทหารของอ้วนเสี้ยวและเล่าปี่ติดต่อถึงกันได้ เป็นการตัดข้อมูลข่าวสารการศึกระหว่างสองกองทัพนี้  มิให้ร่วมประสานงานเป็นหนึ่งเดียวกันได้ ข้อนี้ได้สะท้อนถึงการให้ความสำคัญเรื่องข้อมูลข่าวสารการสงครามของโจโฉว่ามีผลต่อแพ้ชนะในการศึก ในขณะที่แม่ทัพจำนวนมากในสามก๊กละเลยปัญหานี้ จึงต้องตกเป็นฝ่ายปราชัยโดยไม่รู้ตัว

            นอกจากนี้โจโฉยังสั่งให้อิกิ๋มและลิเตียนคุมทหารไปตั้งสกัดทางแม่น้ำฮวงโห ตรงแนวแดนต่อแดนระหว่างเมืองฮูโต๋กับแนวยุทธศาสตร์ที่อ้วนเสี้ยวอาจยกเข้าตีเมืองฮูโต๋ ให้ระวังป้องกันมิให้อ้วนเสี้ยวยกกองทัพข้ามแม่น้ำฮวงโหเข้ามาได้ และมอบหมายให้โจหยินรับผิดชอบเป็นแม่ทัพใหญ่คุมกำลังตั้งมั่นอยู่ที่ตำบลกัวต่อ แล้วทำหนังสืออีกฉบับหนึ่งให้ทหารสื่อสารถือไปให้เล่าต้ายและอองต๋ง สั่งการให้รีบยกเข้าตีเมืองชีจิ๋วโดยเร็ว

            สั่งการเสร็จสิ้นแล้ว โจโฉจึงคุมทหารสิบห้าหมื่นยกกลับเมืองฮูโต๋ โดยกำลังต่าง ๆ ที่จัดวางไว้นั้นแม้ว่าจะน้อยกว่ากองทัพของอ้วนเสี้ยวกว่าครึ่งหนึ่ง แต่โจโฉก็ได้ประมาณการศึกแล้วว่าเพียงพอต่อการตั้งรับในยามฤดูหนาวเข้ามาเยือนนี้ได้ 

            ทางด้านเล่าปี่เมื่อได้ทราบรายงานจากทหารลาดตระเวนว่าบัดนี้มีกองทัพยกมาทางเมืองชีจิ๋ว และตั้งค่ายมั่นอยู่ห่างจากตัวเมืองประมาณแปดร้อยเส้น แต่ไม่แจ้งว่าผู้ใดเป็นแม่ทัพนำทัพยกมาในครั้งนี้ เล่าปี่จึงสั่งให้กำลังทหารเมืองชีจิ๋วตั้งมั่นรักษาเมืองไว้

            ส่วนเล่าต้ายและอองต๋งซึ่งตั้งค่ายคุมเชิงอยู่ห่างจากตัวเมืองชีจิ๋วตามคำสั่งของ โจโฉนั้น เมื่อได้รับหนังสือที่โจโฉมีคำสั่งให้รีบยกเข้าตีเมืองชีจิ๋วแล้ว เล่าต้ายและอองต๋งจึงปรึกษากันว่าผู้ใดจะเป็นผู้นำทัพเข้าตีเมืองชีจิ๋วก่อน ต่างคนต่างเกี่ยงให้อีกคนหนึ่งนำทัพเข้าตีเมืองชีจิ๋วก่อน แต่ในที่สุดก็ตกลงกันไม่ได้

            สองแม่ทัพตกลงกันไม่ได้แต่หนังสือสั่งการของโจโฉให้รีบเข้าตีเมืองชีจิ๋วก็เป็นเรื่องที่ต้องปฏิบัติ เมื่อเป็นเช่นนี้สองแม่ทัพจึงตกลงกันหาทางออกด้วยวิธีเสี่ยงทาย โดยทำเป็นสลากสองอันเขียนคำว่า “ก่อน” ไว้อันหนึ่ง เมื่อเสี่ยงทายจับสลากแล้วปรากฏว่า อองต๋งจับได้สลากอันที่มีคำว่า “ก่อน” จึงต้องนำทัพเข้าตีเมืองชีจิ๋วก่อน

            เสี่ยงทายกันเสร็จสองแม่ทัพจึงแบ่งทหารคนละครึ่ง เล่าต้ายคุมทหารครึ่งหนึ่งอยู่รักษาค่าย อองต๋งคุมทหารอีกครึ่งหนึ่งยกไปตีเมืองชีจิ๋ว

            โจโฉเดิมตั้งใจว่าจะให้สองแม่ทัพลวงสกัดเล่าปี่ไว้ชั่วคราว เมื่อเสร็จศึกจากอ้วนเสี้ยวแล้วจะยกมาสมทบตีเมืองชีจิ๋ว เพราะรู้ดีว่าสองแม่ทัพดังกล่าวไม่อาจรับมือกับเล่าปี่ได้ แต่อาจเนื่องเพราะโรคปวดศีรษะกำเริบ โจโฉจึงลืมความคิดเดิมกลับสั่งให้สองแม่ทัพรีบยกเข้าตีเมืองชีจิ๋ว นับเป็นความผิดพลาดในการบัญชาการรบของโจโฉ เพราะพฤติกรรมของสองแม่ทัพที่เตรียมการรบกับเล่าปี่ก็ได้เห็นประจักษ์แล้วว่าไม่ได้ร่วมมือร่วมใจในการสงคราม แต่แก่งแย่งกันหนีเอาตัวรอด ต่างคนต่างไม่อยากรบก่อน ทั้งไร้สติปัญญาที่จะคิดอ่านการศึกจนต้องถึงกับใช้วิธีการเสี่ยงทาย นี่คือการเข้าสู่สงครามแบบคนตาบอด ซึ่งย่อมมีความหายนะรออยู่ข้างหน้าเป็นแน่แท้

            อองต๋งจัดเตรียมทหารเสร็จจึงให้รวมพลไว้หน้าค่าย เอาธงสำหรับตัวโจโฉปักไว้เป็นสำคัญ เตรียมที่จะเคลื่อนทัพเข้าตีเมืองชีจิ๋ว

            ข่าวการเตรียมกองทัพของสองแม่ทัพล่วงรู้ไปถึงเล่าปี่ และขณะนั้นหน่วยสอดแนมได้รายงานว่าบัดนี้กองทัพของอ้วนเสี้ยวและโจโฉยันกันอยู่ แต่ไม่เปิดศึกต่อกัน และที่กองทัพนั้นไม่มีธงสำคัญประจำตัวของโจโฉ ส่วนกองทัพที่ยกมาเมืองชีจิ๋วนั้นมีธงสำหรับตัวโจโฉเป็นสำคัญอยู่

            เล่าปี่ทราบรายงานความเคลื่อนไหวของข้าศึกแล้ว เกิดความคิดไม่แน่ใจว่าเหตุใดโจโฉจึงละทิ้งศึกใหญ่ที่กำลังเผชิญอยู่กับอ้วนเสี้ยว แยกกองทัพเล็กจะมาตีเมืองชีจิ๋วด้วยตนเอง จึงเชิญตันเต๋งมาปรึกษาว่าเหตุการณ์เป็นดั่งนี้ ท่านจะมีความเห็นประการใด

            ตันเต๋งพิเคราะห์เหตุการณ์ศึกแล้วจึงว่า โจโฉนั้นชำนาญในการศึก รู้จักใช้กลอุบายมากหลายในการสงคราม การศึกครั้งนี้ศึกทางด้านอ้วนเสี้ยวนับว่าสำคัญที่สุดเพราะเป็นกองทัพใหญ่ที่คุกคามต่อเมืองหลวง โจโฉจึงย่อมต้องบัญชาการศึกด้านนั้นด้วยตนเอง ส่วนศึกข้างเมืองชีจิ๋วนั้นมิได้เป็นอันตรายต่อเมืองหลวง กองทัพเล็กที่ยกมาจึงน่าจะเป็นเพียงการสกัดไม่ให้เข้าช่วยกองทัพอ้วนเสี้ยว หรือไม่ให้เคลื่อนไปยึดเมืองหลวง ดังนั้นจึงวินิจฉัยได้ว่าแม้กองทัพที่ยกมาเมืองชีจิ๋วจะมีธงประจำตัวโจโฉ แต่ตัวโจโฉน่าจะไม่มาบัญชาการกองทัพนี้ด้วยตนเอง และสรุปว่านี่เป็นเพียงกลศึกของโจโฉที่จะลวงท่านไม่ให้เข้าโจมตีกองทัพเล็กนี้เท่านั้น

            นับแต่เล่าปี่ได้เคลื่อนตัวเข้าสู่กระแสแห่งอำนาจในสงครามโจรโพกผ้าเหลืองที่เมืองตุ้นก้วน ถึงบัดนี้ได้สัมผัสกับความคิดอ่านและสติปัญญาของตันเต๋งซึ่งถึงแม้ว่าจะมิได้มีตำแหน่งเป็นที่ปรึกษา แต่ภูมิความรู้สติปัญญาของตันเต๋งนั้นเป็นที่ประจักษ์ว่าสามารถทำให้สถานการณ์แพ้กลายเป็นชนะ หรือช่วงชิงชัยชนะได้โดยกำลังแห่งสติปัญญา การสัมผัสลิ้มรสแห่งสติปัญญาของที่ปรึกษานอกระบบคือตันเต๋งนี้จึงได้บ่มเพาะความกระหายใคร่ได้ที่ปรึกษามาร่วมบัญชาการศึก เพราะเล่าปี่ได้เห็นแล้วว่าอานุภาพของที่ปรึกษาที่เชี่ยวชาญการสงครามนั้นเป็นความจำเป็นยิ่งใหญ่สำหรับกองทัพ และนี่คือรากฐานทางความคิดของเล่าปี่ในการแสวงหาที่ปรึกษาจนได้ตัวขงเบ้งมาทำการในวันหน้า

            เล่าปี่ได้ฟังคำตันเต๋งแล้วจึงถามกวนอู เตียวหุย ว่าผู้ใดจะอาสาออกไปรบด้วยกองทัพที่กำลังยกมานี้ เตียวหุยน้องร่วมสาบานที่มีอัธยาศัยวู่วามประจำตัวจึงอาสาขึ้นก่อน แต่เล่าปี่ท้วงว่า “ตัวเจ้าหนุ่มแก่ความนัก แล้วน้ำใจดื้อดึงห้าวหาญ ซึ่งจะออกไปนั้นไม่ได้”

            กวนอูได้ยินคำท้วงของเล่าปี่จึงขออาสานำทหารออกรบด้วยกองทัพที่ยกมา และจะทำการสืบสาวราวเรื่องว่าโจโฉได้มาบัญชาการในกองทัพนี้หรือไม่ เล่าปี่จึงอนุญาตให้กวนอูออกรบได้ตามที่อาสา

            กวนอูคุมทหารสามพันยกฝ่าลมหนาวออกไปถึงหน้าค่ายของอองต๋ง และให้ทหารหน้าม้าออกไปแจ้งแก่อองต๋งว่าจะขอพบอัครมหาเสนาบดี อองต๋งเห็นกวนอูยกกองทัพมาจึงนำทหารออกมาตั้งรับแต่อ้างว่ากวนอูเป็นผู้น้อยไม่มีสิทธิที่จะขอพบผู้ใหญ่ระดับอัครมหาเสนาบดี

            กวนอูได้ยินคำตอบแล้วจึงชักม้าเข้ารบด้วยอองต๋ง รบกันได้ห้าเพลงกวนอูก็แกล้งชักม้าถอย อองต๋งไม่รู้กลก็ขับม้าไล่ตามไป ครั้นอองต๋งตามเข้าไปใกล้ระยะง้าว กวนอูจึงชักม้าหันกลับแล้วเอาง้าวฟัน พออองต๋งหลบกวนอูจึงชักม้าเข้าประกบ และจับเป็นอองต๋งได้บนหลังม้า ทหารอองต๋งจึงแตกหนี

            กวนอูจับอองต๋งได้แล้วมัดเข้าไปมอบแก่เล่าปี่  เล่าปี่เห็นอองต๋งถูกมัดอยู่จึงรีบลุกเข้ามาแก้มัดอองต๋งด้วยตนเอง และว่าข้าพเจ้าขออภัยที่น้องรองได้ทำการรุนแรง ขาดความเคารพต่อท่าน ตัวท่านนี้รับราชการเป็นขุนนางตำแหน่งใดหรือ และเหตุใดตัวท่านจึงทำกลอุบายอ้างเป็นท่านอัครมหาเสนาบดียกทัพมาในครั้งนี้

            อองต๋งเห็นเล่าปี่แสดงไมตรีและให้ความสนิทสนมดังนั้นก็เกิดความประทับใจ รีบแจ้งความจริงแก่เล่าปี่ว่า ตัวข้าพเจ้าชื่ออองต๋ง ได้รับคำสั่งให้ยกกองทัพมา สกัดกองทัพเมืองชีจิ๋ว มิให้ล่วงไปตีเมืองหลวง หรือยกไปช่วยกองทัพอ้วนเสี้ยว แต่เนื่องจากเป็นกองทัพเล็ก ท่านอัครมหาเสนาบดีเกรงว่าเป็นท่านจะยกกองทัพเข้าตีจึงให้นำธงประจำตัวมาประจำในกองทัพเพื่อให้ท่านเกรงว่าท่านอัครมหาเสนาบดียกกองทัพมาเอง

            เล่าปี่ได้ฟังคำอองต๋งแล้วนึกสรรเสริญความคิดของตันเต๋งที่ประมาณการศึกได้แม่นยำ จึงสั่งให้ทหารนำเสื้อผ้าอย่างดีมามอบแก่อองต๋ง และจัดงานเลี้ยงปลอบขวัญ อองต๋งในวันนั้น เสร็จแล้วให้กักบริเวณไว้ที่เรือนรับรองแขกเมือง รอไว้จนกว่าจะจับเล่าต้ายได้แล้วจะได้คิดอ่านสืบไป

            ครั้นทหารนำอองต๋งไปที่เรือนรับรองแขกเมืองแล้ว กวนอูจึงว่ากับเล่าปี่ว่าข้าพเจ้ารู้ใจพี่ใหญ่ว่ายังไม่ต้องการแตกหักกับโจโฉ จึงพยายามจับเป็นอองต๋งมามอบ เล่าปี่ได้ฟังจึงว่าน้องรองเจ้านับว่าเข้าใจความคิดของเรา และนี่คือเหตุผลที่เราไม่อนุญาตให้น้องเล็กออกไปรบในครั้งนี้ เพราะหากเป็นเตียวหุยออกไปรบจับข้าศึกได้คงจะฆ่าเสีย จะเป็นอุปสรรคต่อการเจรจาความเมืองกับโจโฉในวันหน้า เพราะทั้งอองต๋งและเล่าต้ายนั้นถึงจะฆ่าก็หาความหมายอันใดมิได้ เว้นชีวิตสองคนนี้ไว้อาจได้อาศัยปากไปเจรจาความกับโจโฉจะเป็นผลดียิ่งกว่า

            เตียวหุยยืนฟังอยู่ในที่นั้นจึงว่า บัดนี้พี่รองจับตัวอองต๋งได้แล้ว ข้าพเจ้าจะขออาสาไปจับตัวเล่าต้ายเอง เล่าปี่จึงว่าอันเล่าต้ายผู้นี้มีสติปัญญายิ่งกว่าอองต๋ง เคยเป็นถึงเจ้าเมืองอิวจิ๋ว โจโฉจึงวางใจให้เป็นแม่ทัพยกมาในครั้งนี้ พี่จึงยังไม่วางใจให้เจ้าออกไปรบกับเล่าต้าย

            เตียวหุยฟังคำเล่าปี่ก็รู้ทันความคิดจึงว่า ข้อที่พี่ใหญ่เกรงใจว่าข้าพเจ้าจะทำการไม่สำเร็จนั้น จะขอให้สัญญาไว้ว่าหากข้าพเจ้าออกไปทำการแล้วแพ้ศึกกลับมาก็ดี หรือจับเล่าต้ายได้แล้วข้าพเจ้าฆ่าเล่าต้ายเสียก็ดี ขอให้พี่ใหญ่เอาศีรษะข้าพเจ้าไปแทนเถิด

            เล่าปี่ได้ฟังคำอาสาแข็งขันเช่นนั้นก็ยินดี จึงจัดทหารม้าสามพันให้เตียวหุย เตียวหุยรับคำสั่งแล้วจึงยกทหารสามพันออกจากเมืองชีจิ๋วไปที่ค่ายของเล่าต้าย.

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ตัวอย่างกระทู้ธรรม ธรรมศึกษาชั้นตรี 5

ปัญหาและเฉลยวิชาธรรม นักธรรมชั้นโท สอบในสนามหลวง วันเสาร์ ที่ ๑๙ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๔๘

I miss you all กับ I miss all of you ต่างกันอย่างไร