ตอนที่ 108. แถลงการณ์ประวัติศาสตร์

 เต้เหี้ยนฟังคำของศิษย์ตัวตลอดแล้วมีใจสงสารศิษย์เชื้อพระวงศ์พเนจรผู้นี้ยิ่งนักจึงว่าเรื่องนี้ไว้เป็นธุระของเราอย่าได้กังวลสืบไปเลย  ว่าแล้วเต้เหี้ยนจึงเรียกเด็กในบ้านให้เอาชุดเครื่องเขียนมาให้แล้วทำหนังสือถึงอ้วนเสี้ยวลำดับความทั้งปวงที่โจโฉคิดอ่านจะชิงราชสมบัติแล้วสร้างสถานการณ์ก่อให้เกิดเป็นสงครามกลางเมืองขึ้น แม้กรณีของอ้วนสุดก็เป็นเรื่องของโจโฉที่ต้องรับผิดชอบเพราะเล่าปี่จำเป็นต้องทำการตามรับสั่งตามที่โจโฉบงการผ่านทางฮ่องเต้ ดังนั้นจึงจำเป็นต้องกำจัดต้นตอของปัญหาเสียก่อนบ้านเมืองจึงจะปลอดภัย คนทั้งปวงก็จะได้ความสุข ดั่งนี้แล้วอ้วนเสี้ยวจะมีความชอบไว้ในแผ่นดินเป็นอันมาก ดังนั้นจึงขอให้อ้วนเสี้ยวร่วมมือกับเล่าปี่กำจัดโจโฉเสีย  ขอให้เห็นการแผ่นดินแลความสงบสุขร่มเย็นของราษฎรเป็นที่ตั้งเถิด

            เล่าปี่ได้รับหนังสือแล้วจึงลาเต้เหี้ยนกลับเข้าไปในเมืองชีจิ๋วและสั่งให้ซุนเขียนรีบนำหนังสือไปมอบแก่อ้วนเสี้ยว

            อ้วนเสี้ยวได้รับหนังสือของเต้เหี้ยนทราบความตลอดแล้ว  ใจหนึ่งยังผูกใจแค้นเคืองเล่าปี่ที่เป็นเหตุให้อ้วนสุดผู้น้องต้องตาย แต่ใจหนึ่งกลับกระจ่างตามความในหนังสือของเต้เหี้ยนว่าเล่าปี่เป็นเพียงปลายเหตุโดยที่ต้นเหตุทั้งปวงคือโจโฉซึ่งกำลังคิดชิงราชสมบัติและเป็นศัตรูของแผ่นดินซึ่งเป็นอันตรายต่อทุกผู้คน

            น้ำใจอ้วนเสี้ยวลังเลแต่หนักไปทางคำของเต้เหี้ยนดั่งนี้จึงเรียกที่ปรึกษาแลแม่ทัพนายกองทั้งปวงมาหารือแล้วว่าบัดนี้โจโฉประพฤติตนเป็นเผด็จการทรราชย์ คิดล้มล้างราชบัลลังก์ ตั้งตนขึ้นเป็นเจ้าเสียเอง เราจำจะยกกองทัพไปกำจัดโจโฉเสีย ท่านทั้งปวงจะมีความเห็นเป็นประการใด

            เตียนห้องที่ปรึกษาสายพิราบได้เสนอว่า กองทัพของเราทำสงครามทุกปีจึงยังไม่ควรทำศึกในครั้งนี้ หากควรทำหนังสือกราบบังคมทูลให้พระเจ้าเหี้ยนเต้ทรงห้ามโจโฉไม่ให้ยกกองทัพไปทำร้ายหัวเมืองทั้งปวง หากโจโฉไม่ทำตามรับสั่งจึงค่อยระดมหัวเมืองทั้งปวงยกเข้าไปกำจัดโจโฉ วิธีการทั้งนี้จะใช้เวลาสามปีก็จะสำเร็จลุล่วง

            สิมโพยที่ปรึกษาสายเหยี่ยวคัดค้านความเห็นของเตียนห้องว่า แผ่นดินทุกวันนี้กองทัพเมืองกิจิ๋วเติบใหญ่เข้มแข็งที่สุด จะไปหวั่นเกรงอันใดกับการกำจัดโจโฉ การทอดเวลานานไปถึงสามปี จะทำให้โจโฉตั้งตัวเติบใหญ่ขึ้น

            ชีสิวที่ปรึกษาสายพิราบอีกคนหนึ่งรีบเสนอความเห็นสนับสนุนเตียนห้องว่า “ธรรมดาการสงครามใช่จะมีชัยชนะด้วยทหารมากหามิได้ ย่อมจะชนะเพราะมีสติปัญญาคิดกลอุบายต่าง ๆ อันโจโฉนั้นถึงมาตรว่าจะมีทหารน้อยกว่าเราก็จริง แต่ความคิดโจโฉชำนาญในการสงครามลึกซึ้งนัก ที่ปรึกษาก็หลักแหลม ซึ่งจะทำได้โดยง่ายเหมือนกองซุนจ้านนั้นหาไม่”

            กัวเต๋าที่ปรึกษาสายเหยี่ยวเห็นชีสิวเสนอความเห็นสนับสนุนเตียนห้อง จึงเสนอความเห็นสนับสนุนสิมโพยว่า การครั้งนี้ขุนนางและราษฎรทั้งในเมืองหลวงและในหัวเมืองต่างไม่พอใจโจโฉ เป็นทีที่จะได้ชัยชนะโดยง่าย การหน่วงเวลาไว้ดังคำของเตียนห้องและชีสิวจะทำให้การศึกในภายหน้ายากที่จะเอาชัยชนะโจโฉได้ ว่าแล้วก็ยกเต้เหี้ยนขึ้นสำทับว่า “แล้วเต้เหี้ยนก็ให้มีหนังสือมาถึงท่าน ถ้าท่านจะมิยกไปเต้เหี้ยนจะมีความน้อยใจ ประการหนึ่งเล่าปี่ก็เป็นเชื้อพระวงศ์ทั้งมีใจสัตย์ซื่อต่อแผ่นดิน ควรที่ท่านจะยกไปช่วยเล่าปี่ทำการกำจัดโจโฉเสีย พระมหากษัตริย์กับขุนนางแลราษฎรจะได้อยู่เย็นเป็นสุขเพราะท่าน”

            อ้วนเสี้ยวฟังคณะที่ปรึกษาสี่คนแตกความเห็นออกเป็นสองฝ่าย และต่างฝ่ายต่างยกเหตุผลยันกันอยู่เช่นนี้จึงยังไม่รู้ที่จะตัดสินใจประการใด ใจอ้วนเสี้ยวได้รำลึกว่ายังมีที่ปรึกษาอีกสองคนซึ่งรอบรู้การแผ่นดินคือเขาฮิวและซุนขาม จึงให้ทหารรีบไปตามสองที่ปรึกษามาสมทบ

            เมื่อเขาฮิวและซุนขามเข้ามาในที่ประชุมแล้ว อ้วนเสี้ยวจึงแจ้งความทั้งปวงที่ยังไม่เป็นที่ตกลงกันให้สองที่ปรึกษาทราบ แล้วถามว่าท่านทั้งสองจะมีความเห็นเป็นประการใด

            เขาฮิวกับซุนขามออกความเห็นต้องกันว่า “ครั้งนี้ทหารท่านก็มีเป็นอันมาก แล้วก็มีฝีมือกล้าแข็ง จำจะไปช่วยเล่าปี่ซึ่งเป็นเชื้อพระวงศ์อันมีกำลังน้อยจะได้กำจัดโจโฉซึ่งเป็นศัตรูราชสมบัติเสีย เหมือนท่านช่วยกู้แผ่นดินไว้ ความชอบก็จะมีแก่ท่านไปภายหน้า”

            ความเห็นของเขาฮิวและซุนขามต้องกับความเห็นของที่ปรึกษาสายเหยี่ยว และต้องกับความคิดตั้งแต่แรกของอ้วนเสี้ยวที่เคารพยำเกรงเต้เหี้ยนเป็นทุนอยู่แต่เดิม ดังนั้นอ้วนเสี้ยวจึงสรุปว่าความเห็นของเขาฮิวและซุนขามนั้นตรงกับความเห็นของตัว และตัดสินใจช่วยเล่าปี่

            อ้วนเสี้ยวตัดสินใจดังนี้จึงแต่งหนังสือตอบเต้เหี้ยนว่าจะยกกองทัพไปกำจัดโจโฉเสียตามคำของเต้เหี้ยน และขอให้เล่าปี่ยกกองทัพไปสมทบ และมอบหนังสือให้ซุนเขียนถือไปให้เต้เหี้ยน

            ซุนเขียนรับหนังสืออ้วนเสี้ยวกลับมาเมืองชีจิ๋วแล้วมอบหนังสือนั้นแก่เล่าปี่ เล่าปี่ทราบความตามที่ซุนเขียนได้รายงานแล้วจึงรีบส่งหนังสือของอ้วนเสี้ยวให้กับเต้เหี้ยน

            อ้วนเสี้ยวครั้นตัดสินใจแล้วจึงสั่งให้จัดเตรียมกองทัพให้งันเหลียง บุนทิวเป็นกองทัพหน้า ให้สิมโพยกับฮองกี๋เป็นปลัดทัพ มีอำนาจหน้าที่บัญชาการกองทัพทั้งปวง ตัวอ้วนเสี้ยวเป็นทัพหลวง คุมทหารม้าสิบห้าหมื่น ทหารเดินเท้าสิบห้าหมื่น ให้เตียนห้อง เขาฮิว ซุนขามเป็นที่ปรึกษา การจัดกองทัพของอ้วนเสี้ยวครั้งนี้นับว่าเป็นกองทัพใหญ่ที่สุดหลังจากที่มีการจัดตั้งกองทัพปฏิวัติในยุคสมัยของตั๋งโต๊ะ ครั้นจัดแจงกองทัพเสร็จแล้วให้เตรียมวันฤกษ์ดีเพื่อเคลื่อนทัพต่อไป

            ในระหว่างที่อ้วนเสี้ยวกำลังจัดเตรียมกองทัพอยู่นั้น กัวเต๋าที่ปรึกษาสายเหยี่ยวได้เสนอว่า อันการสงครามนั้นจำต้องอยู่ภายใต้การชี้นำทางการเมือง ซึ่งต้องแสดงให้เห็นประจักษ์ต่อสายตามหาชนว่าโจโฉเป็นเผด็จการทรราชย์เสียก่อน ดังนี้แล้วการกำจัดโจโฉก็จักสำเร็จได้โดยง่าย เพราะบรรดาหัวเมืองทั้งปวงจะไม่มีใครเข้าด้วยโจโฉ แม้กำลังที่มีอยู่แล้วก็จะอ่อนด้อยถอยลง

            อ้วนเสี้ยวถามว่าจะทำประการใด กัวเต๋าจึงเสนอว่าก่อนที่จะเคลื่อนทัพ ขอให้ทำแถลงการณ์ส่งไปยังหัวเมืองต่าง ๆ ซึ่งเป็นหัวเมืองใหญ่สิบแปดหัวเมือง พรรณนาความชั่วช้าที่เป็นเผด็จการทรราชย์ของโจโฉให้ปรากฏ อ้วนเสี้ยวฟังข้อเสนอแล้วปรึกษาว่าแถลงการณ์นี้จะมอบหมายให้ผู้ใดจัดทำจึงจะได้ความดังประสงค์

            กัวเต๋าจึงว่าแผ่นดินยุคปัจจุบันนี้ คนที่รอบรู้การบ้านการแผ่นดินเห็นจะไม่มีใครเกินตันหลิม ซึ่งเคยเป็นอาลักษณ์มาตั้งแต่สมัยพระเจ้าฮั่นเต้ แต่ต่อมาได้คัดค้านความคิดเห็นของโฮจิ๋นที่ให้เรียกกองทัพตั๋งโต๊ะเข้ามาในเมืองหลวง แต่โฮจิ๋นไม่เชื่อฟังดังนั้นตันหลิมจึงหนีราชการมาอาศัยอยู่เมืองกิจิ๋ว ขอท่านได้บัญชาให้ตันหลิมเป็นผู้แต่งแถลงการณ์นั้นเถิด

            อ้วนเสี้ยวได้ยินเช่นนั้นก็ยินดี สั่งให้ทหารตามตันหลิมมาพบ แล้วแจ้งความทั้งปวงให้ตันหลิมทราบ

            ตันหลิมทราบความแล้วก็อาสาเป็นผู้เขียนแถลงการณ์ฉบับประวัติศาสตร์ด้วยความเต็มใจ มีใจความว่า “ต้นเหตุที่แผ่นดินเป็นจลาจลวุ่นวาย ราษฎรได้รับความทุกข์เข็ญแต่ก่อนมานั้น เกิดแต่เหตุสามประการคือ มีขุนนาง ขุนศึก หรือกลุ่มพลังมีกำลังกล้าแข็งแล้วข่มเหงรังแกพระมหากษัตริย์ชิงอำนาจประการหนึ่ง พระมหากษัตริย์เชื่อฟังสตรี ทำให้การบริหารราชการแผ่นดินวิปริตผันแปรไปประการหนึ่ง พระมหากษัตริย์เชื่อฟังคนพาล ราชสมบัติจึงเป็นจลาจลต่าง ๆ อีกประการหนึ่ง

            แผ่นดินวิบัติล่มจมเพราะเหตุที่พระมหากษัตริย์เชื่อฟังคนพาลนั้น มีตัวอย่างตั้งแต่สมัยจิ๋นซีฮ่องเต้ ทรงเชื่อฟังเตียวโก๋ขันทีซึ่งเป็นราชครู ยกย่องเป็นขุนนางผู้ใหญ่ ขุนนางทั้งปวงตกอยู่ภายใต้อำนาจของเตียวโก๋ ครั้นสิ้นแผ่นดินจิ๋นซีฮ่องเต้แล้ว รัชทายาทเสวยราชย์ต่อมาก็ถูกเตียวโก๋ล้มราชบัลลังก์นั้นเสีย เกิดการจลาจลขึ้นจนกระทั่งพระเจ้าเล่าปังปราบดาภิเษกสถาปนาราชวงศ์ฮั่นขึ้น ความชั่วช้าของเตียวโก๋ได้ปรากฏอยู่แล้วในประวัติศาสตร์ตลอดมาจนถึงทุกวันนี้

            แผ่นดินวิปริตผันแปรเพราะพระมหากษัตริย์เชื่อฟังสตรีนั้น มีตัวอย่างในสมัยพระเจ้าฮั่นโกโจครองราชสมบัติ ลุ่มหลงนางลิเฮาพระมเหสี จะเพ็ดทูลประการใดก็ทรงเชื่อฟัง ไม่จำแนกชั่วดี ทรงแต่งตั้งพระญาติของพระมเหสีเป็นขุนนางผู้ใหญ่ซ้ายขวา มีอำนาจยิ่งใหญ่ในแผ่นดิน แล้วข่มเหงเบียดเบียนราษฎร ผู้ใดได้รับความเดือดร้อนมาร้องทุกข์ขอความเป็นธรรมก็ถูกปราบปรามเข่นฆ่า ครั้นพระเจ้าฮั่นโกโจสวรรคต พระญาติของพระมเหสีได้ชิงเอาราชสมบัติตั้งตัวขึ้นเป็นเจ้า บรรดาขุนนางผู้มีความสัตย์ซื่อต่อแผ่นดินจึงคิดอ่านจับพระญาติของพระมเหสีสำเร็จโทษเสีย แล้วอัญเชิญอันบุ้นเต้พระราชบุตรขึ้นเสวยราชย์ บ้านเมืองจึงเป็นสุขสืบมา

            แผ่นดินเป็นจลาจลวุ่นวายเพราะพระมหากษัตริย์เชื่อฟังคนพาลนั้น มีตัวอย่างครั้งแผ่นดินพระเจ้าฮั่นเต้ ทรงเชื่อฟังคำขันทีซึ่งเป็นคนชั่วช้าเลวทราม ในบรรดาขันทีเหล่านั้นมีโจเท้งผู้เป็นปู่ของโจโฉเป็นหัวโจกใหญ่ คบคิดกับพวกขันทีทำการข่มเหงขุนนางข้าราชการ เบียดเบียนราษฎร ธรรมเนียมการปกครองแผ่นดินก็ฟั่นเฟือนวิปริตไป

            ความชั่วช้าเลวทรามของโจเท้งเป็นที่เคียดแค้นชิงชังของทั้งมนุษย์และเทพยดา สวรรค์จึงสาปแช่งโจเท้งให้ไร้ผู้สืบตระกูล โจเท้งจึงไปเอาโจโก๋ซึ่งเป็นลูกคนขอทานมาเลี้ยง ดังนั้นแม้ว่าเชื้อสายขุนนางที่เลวทรามต่ำช้าโจโฉก็มิใช่เชื้อสายนั้น เป็นแต่เพียงลูกขอทานที่ถูกอุปโลกขึ้นเป็นลูกขุนนางกังฉินเท่านั้น ความชั่วช้าเลวทรามทั้งปวงของทั้งโจเท้งและโจโก๋จึงตกทอดมาอยู่ที่โจโฉแต่ผู้เดียว

            หลังจากลำดับโคตรเหง้าที่ไร้ตระกูลของโจโฉแล้ว ตันหลิมได้พรรณนาความในแถลงการณ์ฉบับประวัติศาสตร์ต่อไปว่า โจโฉนั้นเป็นทรชน เป็นเผด็จการทรราชย์ และขายชาติ แต่หลอกลวงราษฎร ทาสีใส่หน้ากากให้กับตัวเองว่าเป็นนักประชาธิปไตย ว่าเป็นผู้ทรงคุณธรรม และเป็นผู้รักษาผลประโยชน์ของบ้านเมืองและราษฎร แท้จริงแล้วโจโฉเป็นผู้ล่วงละเมิดนิติทั้งสาม คือโลกนิติ ธรรมนิติ และราชนิติ

            ข้อที่ละเมิดโลกนิตินั้น โจโฉเป็นคนพูดอย่างทำอย่าง ปากว่าหลักการ แต่ที่ทำคือหลักกู แสดงให้คนทั้งปวงเห็นว่าเป็นคนยากจน สมถะ แม้บ้านช่องทรัพย์สมบัติส่วนตัวก็ไม่มี ต้องอาศัยเพื่อนฝูงมิตรสหาย แต่ความจริงโจโฉเป็นผู้มั่งคั่งด้วยทรัพย์สิ่งศฤงคาร ยากจะหาผู้ใดในแผ่นดินเทียมเทียบ เป็นแต่ซุกซ่อนเร้นไว้กับผู้อื่นและมอบหมายให้ผู้อื่นเป็นคนจัดการทั้งสิ้น โจโฉคือจอมฉ้อราษฎร์บังหลวง แต่กลับลวงผู้คนให้นิยมว่าเป็นผู้เสียสละ สมถะเสมอด้วยบรรพชิต

            ข้อที่ละเมิดธรรมนิตินั้น โจโฉเป็นผู้มีจิตใจวิปริต คิดแต่จะฉกฉวยช่วงชิงสิ่งสินของผู้อื่น แม้กระทั่งภริยาก็ไม่เลือกว่าเป็นภริยาของผู้ใด ขอเพียงถูกตาต้องใจก็ใช่เล่ห์เพทุบายหรือใช้อำนาจช่วงชิงเอา ดังเช่นการชิงเอาภริยาม่ายของอาเตียวสิ้วมาครอง ทั้ง ๆ ที่ยังอยู่ในระหว่างไว้ทุกข์ แม้นได้สตรีใดไว้บำเรอความสุขแล้ว ยังคงหลอกลวงสตรีนั้นว่าเป็นเพียงภริยาน้อย อย่าได้ฮึกเหิมทวงสิทธิของผู้เป็นภริยา ดังนี้โจโฉจึงมีภริยาน้อยถึงแปดคน โดยที่ไม่มีภริยาหลวง การแย่งชิงอำนาจของผู้อื่นกระทั่งลูกเมียของผู้อื่นนั้น เป็นการละเมิดธรรมนิติ แต่กลับหลอกลวงให้คนทั้งปวงหลงเชื่อว่าเป็นผู้มีคุณธรรม มิหนำซ้ำยังโปรยเสน่ห์เล่ห์มารยาให้สตรีทั้งปวงใหลหลงสร้างความหวังว่ายังครองตัวเป็นโสดทั้งที่แก่เฒ่าจวนเข้าโลงแล้ว

            ข้อที่ละเมิดราชนิตินั้น ต่อคนยากคนจนจะประพฤติตนเป็นผู้ทรงไว้ซึ่งหลักการแห่งความยุติธรรม เคร่งครัดต่อบทกฎหมาย ลวงผู้คนให้หลงว่าเป็นผู้ยึดมั่นในระบอบนิติรัฐ ไม่ยอมจำนนต่อผู้คนที่เรียกร้องไม่ว่าจะเดือดร้อนหรือไม่ได้รับความเป็นธรรมแต่สำหรับตัวและพรรคพวกกลับใช้กฎหมายเป็นเครื่องมือในการแสวงหาประโยชน์ ในการสร้างฐานอำนาจ และในการขายชาติ ยอมแก้ไขบทกฎหมายทั้งปวงเพื่อเอื้อประโยชน์ให้แก่ต่างชาติในการเข้ายึดครองประเทศและข่มเหงราษฎรซึ่งเป็นพลเมืองแห่งรัฐ พรรคพวกบริวารที่ข่มเหงย่ำยีราษฎร ฉ้อราษฎร์บังหลวง โจโฉก็อาศัยกลไกของกฎหมายเข้าปกป้องคุ้มครองและใช้เส้นสายแห่งอำนาจเข้าช่วยเหลือ กลับขาวเป็นดำ พลิกดำเป็นขาว

            บัดนี้โจโฉคิดล้มล้างราชบัลลังก์ คิดแย่งชิงราชสมบัติ ตั้งตนขึ้นเป็นเจ้า ได้ทำลายศาสนา ปกป้องคนชั่วช้าเลวทราม บิดเบือนหลักธรรมคำสอน  เหยียบย่ำพระธรรมคำสอนและพระสงฆ์สาวกอย่างไม่ดูดาย ใช้เวทย์มนต์และภูตผีปีศาจเพื่อประโยชน์แห่งการครองอำนาจของตน ได้ดำเนินนโยบายเศรษฐกิจที่ขายชาติ เกื้อกูลยินยอมพร้อมใจให้ทุนต่างชาติเข้ายึดครองครอบงำประเทศจนหมดสิ้น ดังนั้นจึงเป็นภาระหน้าที่ของอาณาประชาราษฎรทั้งแผ่นดินที่จะต้องร่วมมือกันกำจัดศัตรูแผ่นดินนี้ ทั้งนี้กองทัพเมืองกิจิ๋วซึ่งข้าพเจ้าอ้วนเสี้ยวเป็นผู้บัญชาการ จะได้เคลื่อนกำลังเข้าเมืองหลวงไปกำจัดโจโฉให้จงได้ ขอให้บรรดาหัวเมืองทั้งปวงได้เข้าร่วมกับกองทัพธรรมนี้ กำจัดศัตรูแผ่นดินให้สิ้นสูญ ขออาณาประชาราษฎรทั้งปวงจงอย่าได้ร่วมมือกับศัตรูราชสมบัติ แล้วเข้าร่วมกับกองทัพธรรม ฟื้นฟูชาติบ้านเมืองให้เจริญรุ่งเรืองสืบไป.”

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ตัวอย่างกระทู้ธรรม ธรรมศึกษาชั้นตรี 5

ปัญหาและเฉลยวิชาธรรม นักธรรมชั้นโท สอบในสนามหลวง วันเสาร์ ที่ ๑๙ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๔๘

I miss you all กับ I miss all of you ต่างกันอย่างไร