ตอนที่ 105. แผนหนีจากปากเสือ

ฝ่ายกวนอู เตียวหุย สองน้องร่วมสาบานของเล่าปี่หลังกลับจากฝึกการยิงเกาทัณฑ์มาถึงบ้านไม่เห็นเล่าปี่ก็สงสัย   ครั้นสอบถามคนในบ้านได้ความว่าทหารของโจโฉมาเชิญไปแต่จะมีราชการสิ่งใดมิได้แจ้ง  กวนอู เตียวหุยก็หวั่นใจว่าโจโฉจะคิดทำอันตรายเล่าปี่  รีบเก็บเกาทัณฑ์เปลี่ยนเป็นกระบี่แล้วออกจากบ้านไปที่จวนของโจโฉ

           ครั้นถึงจวนก็สอบถามนายประตูว่าเล่าปี่อยู่ที่ใด  ครั้นทราบว่าเล่าปี่อยู่ที่ในสวนก็รีบเข้าไปหา   โจโฉเห็นกวนอู เตียวหุย ลุกลี้ลุกลนและถือกระบี่เข้ามาก็รู้ถึงความรู้สึกของทั้งสองคน  จึงแสร้งถามว่าเราเชิญเล่าปี่มากินโต๊ะ พวกเจ้าถือกระบี่เข้ามาทำไมกัน หรือว่าไม่ไว้วางใจเราว่าจะคิดทำร้ายเล่าปี่

           กวนอู เตียวหุยเห็นเล่าปี่กินโต๊ะอยู่กับโจโฉเป็นปกติไม่ได้มีเหตุการณ์ร้ายดังที่คาดคิด   เมื่อได้ยินคำถามเช่นนั้นจึงแก้ตัวไปตามที่นึกขึ้นมาได้ว่า ข้าพเจ้าถือกระบี่เข้ามาเพื่อจะรำกระบี่ให้ท่านชม
 โจโฉจึงกล่าวแดกดันไปว่า พวกเจ้าจะรำกระบี่เหมือนกับเมื่อครั้งพระเจ้าฌ้อปาอ๋องคิดทำร้ายพระเจ้าเล่าปังกระนั้นหรือ

           กวนอู เตียวหุยจึงรีบตอบแก้ตัวเป็นพัลวันว่า ข้าพเจ้าไม่เคยคิดที่จะกระเช่นนั้นแต่เมื่อท่านมีความแคลงใจข้าพเจ้าดั่งนี้แล้วก็จำที่จะละความตั้งใจดีนั้นเสีย

           ความที่โจโฉกล่าวเป็นเหตุการณ์ในประวัติศาสตร์ยุคหลังจากที่จิ๋นซีฮ่องเต้เสด็จสวรรคตและเกิดสงครามกลางเมืองชิงอำนาจกันระหว่างฌ้ออ๋องกับฮั่นอ๋องหรือเล่าปัง   ครั้งนั้นฌ้ออ๋องวางแผนลวงฮั่นอ๋องมากินโต๊ะเพื่อจะกำจัดฮั่นอ๋องเสีย   ในขณะที่กำลังกินโต๊ะอยู่นั้นหันจวงทหารเอกของฌ้ออ๋องอาสารำกระบี่ให้สองอ๋องชมเป็นขวัญตา ฮั่นอ๋องสังเกตเห็นประกายตาของหันจวงจ้องมาที่ตัวมีลักษณะจ้องเขม้นก็กริ่งใจว่าจะเป็นแผนการร้ายจึงส่งสายตาเป็นเชิงเตือนให้ห้วนกุ๋ยทหารเอกซึ่งเป็นน้องเขยของตนและติดตามไปด้วยได้ระมัดระวังป้องกัน ห้วนกุ๋ยรู้ทีก็อาสาออกมารำกระบี่ประกบคู่ไว้โดยอ้างว่าการรำกระบี่นั้นหากรำแต่เพียงผู้เดียวก็จะไม่งามพร้อม   ครั้นหันจวงรำกระบี่เห็นเป็นทีก็จ้วงแทงฮั่นอ๋อง  ห้วนกุ๋ยรำกระบี่คุมเชิงประกบอยู่จึงเอากระบี่ปัดกระบี่ของหันจวงพ้นไปจากฮั่นอ๋องประหนึ่งเป็นท่วงทำนองเชิงรำกระบี่  เหตุการณ์ครั้งนั้นเป็นเหตุการณ์ประวัติศาสตร์ที่รู้กันดีในบรรดาขุนศึกทั้งปวง  ดังนั้นเมื่อโจโฉกล่าวถึงเรื่องนี้ขึ้นมาทั้งกวนอู  เตียวหุย  จึงต้องรีบปฏิเสธเพราะนั่นเป็นข้อหาฉกรรฐ์ของโจโฉที่มีความหมายว่าสองทหารเสือของเล่าปี่จะคิดทำร้ายนั่นเอง

           โจโฉกล่าวแดกดันทั้งนี้ความจริงไม่ได้ถือเป็นเรื่องจริงจังอะไร เมื่อได้ยินคำปฏิเสธก็แสร้งปลอบใจสองพี่น้องร่วมสาบานว่าพวกเจ้าอย่าได้ถือเป็นเรื่องจริงจัง เราเย้าพวกเจ้าเล่นดอก ว่าแล้วก็สั่งทหารให้รินสุราส่งให้กวนอู เตียวหุยดื่ม

           ครั้นเวลาเย็นเล่าปี่ กวนอู เตียวหุย จึงถือโอกาสลาโจโฉ  เมื่อกลับถึงบ้านแล้ว สองพี่น้องจึงถามต้นสายปลายเหตุและเรื่องราวที่โจโฉเชิญไปกินโต๊ะ  เล่าปี่จึงเล่าเหตุการณ์ทั้งปวงให้น้องร่วมสาบานทั้งสองทราบ  กวนอู เตียวหุยทราบเรื่องแล้วต่างชื่นชมความคิดพี่ใหญ่ของตนไม่ขาดปาก

           หลังเหตุการณ์วันนั้นแล้วโจโฉก็วางใจเล่าปี่  ว่างลงวันใดก็จะชวนเล่าปี่มากินโต๊ะที่จวนถือเอาเล่าปี่เป็นเพื่อนสนทนาแก้เหงา  เพราะช่วงระยะนั้นทั้งเทียหยกและ กุยแกสองที่ปรึกษาคนสนิทของโจโฉได้รับคำสั่งจากโจโฉให้ไปเร่งรัดเสบียงจากหัวเมือง

           วันหนึ่งในขณะที่โจโฉกำลังกินโต๊ะอยู่กับเล่าปี่นั้น หมันทองได้กลับมาจากการไปสืบข่าวคราวการศึกระหว่างอ้วนเสี้ยวกับกองซุนจ้านและได้เข้ามารายงานราชการแก่โจโฉว่า บัดนี้กองซุนจ้านพ่ายแพ้เสียเมืองปักเป๋งแก่อ้วนเสี้ยวแล้ว  ตัวกองซุนจ้านได้ฆ่าตัวตายพร้อมกับครอบครัว อ้วนเสี้ยวได้เสบียงอาหารและทหารของกองซุนจ้านไว้เป็นจำนวนมาก

           เล่าปี่ได้ฟังดังนั้นก็คิดสงสารและรำลึกถึงคุณของกองซุนจ้านที่ได้เกื้อกูลกันมาแต่หนหลัง ทั้งเป็นห่วงจูล่งเพราะไม่มีข่าวคราวเป็นตายร้ายดีประการใด   ในขณะที่กำลังสลดใจอยู่นั้นโจโฉได้ไต่ถามต่อไปว่าเมื่ออ้วนเสี้ยวได้เมืองปักเป๋งแล้วมีความเคลื่อนไหวประการใดต่อไปหรือไม่

           หมันทองได้รายงานต่อไปว่าเมื่ออ้วนสุดทราบว่าอ้วนเสี้ยวผู้พี่ได้เมืองปักเป๋งจึงติดต่อจะส่งมอบตราพระลัญจกรไปให้แก่อ้วนเสี้ยว ขณะนี้อ้วนสุดกำลังเตรียมขบวนเพื่อเอาตราหยกไปมอบแก่พี่ชายและหมันทองได้เสนอความเห็นว่าหากสองพี่น้องร่วมมือกันสำเร็จเมืองฮูโต๋ก็จะเป็นอันตราย

           โจโฉฟังรายงานแล้วครุ่นคิดว่าจะจัดการประการใดดี   ในขณะเดียวกันนั้นเล่าปี่ก็คิดว่าตัวเรามาอยู่ในเมืองฮูโต๋นี้เหมือนอยู่ในปากเสือปากหมีจะเป็นตายร้ายดีลงวันไหนก็ไม่รู้ ครั้งนี้เป็นทีแล้วจำเราจะต้องหาทางไปเสียให้พ้นจากอันตราย  คิดดังนี้แล้วจึงลุกขึ้นคำนับโจโฉและว่าการที่อ้วนสุดจะนำตราพระลัญจกรไปมอบให้แก่อ้วนเสี้ยวนั้นจะต้องยกผ่านไปทางเมืองชีจิ๋ว ข้าพเจ้ามีความคุ้นเคยภูมิประเทศย่านนั้นเป็นอันดีจะขออาสาไปสกัดจับเอาตัวอ้วนสุดมามอบแก่ท่านจงได้

           โจโฉได้ยินดังนั้นก็เห็นดีด้วยจึงว่าพรุ่งนี้เราจงไปเข้าเฝ้าพร้อมกันแล้วกราบทูลการศึกให้ทรงทราบ  เล่าปี่รับคำโจโฉแล้วลากลับไปบ้าน

           รุ่งขึ้นโจโฉและเล่าปี่ก็พากันไปเข้าเฝ้าพระเจ้าเหี้ยนเต้ โจโฉได้กราบทูลว่าบัดนี้อ้วนเสี้ยวยึดเมืองปักเป๋งไว้ได้แล้ว ได้เสบียงอาหารและทหารไว้เป็นอันมาก ฝ่ายอ้วนสุดซึ่งเป็นน้องชายคิดอ่านที่จะร่วมมือกับอ้วนเสี้ยวและกำลังนำตราพระลัญจกรไปมอบแก่อ้วนเสี้ยว หากสองพี่น้องถึงกันแล้ว กำลังก็จะเติบใหญ่ยากที่จะกำจัดได้ ดังนั้นจึงขอกราบทูลเสนอให้เล่าปี่ยกทหารห้าหมื่นไปสกัดอ้วนสุดที่แดนเมืองชีจิ๋วไม่ให้อ้วนสุดกับอ้วนเสี้ยวรวมตัวกันได้

           พระเจ้าเหี้ยนเต้ฟังคำกราบบังคมทูลแล้ว มีพระบรมราชานุญาตตามที่อัครมหาเสนาบดีได้เสนอ โจโฉจึงถวายบังคมลาออกมา จัดแจงทหารให้กับเล่าปี่ พระเจ้าเหี้ยนเต้ทอดพระเนตรเห็นขุนนางทั้งปวงออกจากที่เฝ้าไปแล้วเหลือแต่เล่าปี่ยังรีรออยู่จึงรับสั่งให้เข้ามาใกล้ ทรงพระกันแสงพร้อมกับรับสั่งว่าเดิมเราหวังพึ่งพาพระเจ้าอาช่วยคิดอ่านทำนุบำรุงแผ่นดิน แต่มาบัดนี้พระเจ้าอาต้องไปทัพทางไกล อีกไม่รู้เมื่อใดจึงจะกลับมา

           เล่าปี่ฟังรับสั่งแล้วสงสารพระเจ้าเหี้ยนเต้เป็นยิ่งนัก แต่ไม่แน่ใจว่าจะมีคนของ โจโฉอยู่ในที่ใกล้นั้นหรือไม่ จึงไม่กราบบังคมทูลแต่ประการใด แล้วถวายบังคมลาออกมา ที่กองบัญชาการทหาร

           โจโฉเห็นเล่าปี่มาถึงก็มีคำสั่งโอนการบังคับบัญชาทหารห้าหมื่นให้ขึ้นต่อเล่าปี่ และสั่งให้จูเหลงและล่อเจียวเป็นเสนาธิการติดตามไปกับเล่าปี่ด้วย เล่าปี่รับมอบกองทหารและเสบียงพร้อมแล้วก็พากวนอู เตียวหุย และกองทหารนั้นรีบออกจากเมืองฮูโต๋

           ฝ่ายตังสินทราบข่าวว่าเล่าปี่จะไปทัพจึงไปรอดักอยู่ที่ประตูเมือง ทำทีว่าจะไปส่งกองทัพ ครั้นเล่าปี่มาถึงตังสินก็เข้าไปกระซิบว่า การที่พวกเราได้ทำปฏิญญากันไว้เพื่อจะกอบกู้แผ่นดิน ทำนุบำรุงพระเจ้าเหี้ยนเต้แลราษฎรนั้น ท่านอย่าได้ลืมเสีย

           เล่าปี่จึงตอบว่า ข้าพเจ้าจะยึดมั่นปฏิบัติตามคำปฏิญาณนั้นให้สำเร็จจงได้ ตัวท่านเป็นขุนนางผู้ใหญ่อยู่ในเมืองหลวงจงคิดอ่านเตรียมการไว้ให้จงดี อย่าให้ความได้แพร่งพรายไปเป็นอันขาด เมื่อใดเป็นทีแล้วข้าพเจ้าจะมีหนังสือลับมายังท่านเพื่อกำจัดศัตรูแผ่นดินเสีย ตังสินได้ฟังคำเล่าปี่ก็วางใจ ต่างคนต่างคำนับแล้วลาจากกัน ณ ประตูเมืองนั้น

           เล่าปี่ยกกองทัพพ้นประตูเมืองมาได้ก็สั่งให้ทหารรีบเดินทางทั้งกลางวันและกลางคืน โดยอ้างว่าเพื่อให้ทันต่อการไปสกัดกองทัพของอ้วนสุด แต่กวนอู เตียวหุย นั้นเห็นเล่าปี่รีบเดินทางแปลกกว่าทุกครั้งที่ผ่านมาก็สงสัยจึงเข้าไปสอบถาม เล่าปี่จึงตอบว่า “ตัวเรามาอยู่ในเงื้อมมือโจโฉนี้ อุปมาเหมือนนกอยู่ในกรง ปลาอยู่ในข้อง บัดนี้เขาปล่อยออกจากกรงแลข้องแล้วก็ยินดีนัก จะรีบไปที่อยู่” กวนอู เตียวหุย ได้ฟังคำชี้แจงก็ดีใจ รีบออกมากำกับทหารให้รีบเดินทาง

           ฝ่ายเทียหยกและกุยแก ซึ่งรับมอบหมายจากโจโฉให้ไปเกณฑ์เสบียงจากหัวเมือง ครั้นได้ทราบข่าวว่าโจโฉตั้งเล่าปี่เป็นแม่ทัพไปสกัดอ้วนสุดก็ตกใจ รีบกลับเมืองหลวงเข้าไปพบโจโฉแล้วว่า เหตุไฉนท่านจึงแต่งเล่าปี่เป็นแม่ทัพยกไปครั้งนี้

           โจโฉได้แจ้งเรื่องราวให้สองที่ปรึกษาทราบทุกประการ สองที่ปรึกษาได้ฟังดังนั้นจึงว่า “ซึ่งท่านไว้ใจให้เล่าปี่เป็นแม่ทัพไปครั้งนี้ อุปมาเหมือนปล่อยเสือเข้าป่า แลปล่อยจระเข้ลงในแม่น้ำ สืบไปเมื่อหน้าเล่าปี่ก็จะมีกำลังขึ้น เห็นท่านจะปราบปรามได้นั้นขัดสนแล้ว” กุยแกได้เสริมต่อไปด้วยว่า “ซึ่งท่านมิได้ฆ่าเล่าปี่เสีย เอาไว้ใช้สอยนั้นก็ควรอยู่ บัดนี้ให้เล่าปี่เป็นแม่ทัพไปนั้นไม่ชอบ อันโบราณกล่าวไว้ว่าถ้าผู้ใดเป็นแม่ทัพถืออาญาสิทธิ์ครั้งหนึ่ง ก็มีน้ำใจกว้างขวางคิดการกำเริบได้ถึงพันครั้ง ข้าพเจ้าเห็นว่าเล่าปี่มีกำลังขึ้นจะเอาใจออกหากจากท่าน ภายหน้าไปท่านจะได้ความเดือดร้อนเพราะเล่าปี่เป็นมั่นคง ให้ท่านเร่งคิดการจงควร” 

           โจโฉฟังคำที่ปรึกษาทั้งสองต้องกันก็พรั่นใจ รีบสั่งให้เคาทูคุมทหารห้าร้อยยกไปตามกองทัพเล่าปี่กลับมา โดยให้เคาทูรีบเดินทางทั้งกลางวันและกลางคืน

           เคาทูนำกำลังทหารม้าห้าร้อยรีบยกไปตามคำสั่ง ฝ่ายเล่าปี่ได้ยินเสียงอึกทึกทางด้านหลัง ทั้งเห็นฝุ่นคลุ้งตลบก็อ่านเหตุการณ์ว่าคงเป็นทหารโจโฉรับคำสั่งให้มาตาม กองทัพกลับ จึงให้ทหารกองหน้าเคลื่อนที่ต่อไป ตัวเล่าปี่ กวนอู เตียวหุย และทหารที่วางใจสามพันถอยลงมาหยุดอยู่ด้านหลัง

           ครั้นเคาทูนำทหารมาถึงเห็นเล่าปี่ยืนม้าเป็นสง่าอยู่ท่ามกลางทหารเป็นอันมาก จึงสั่งให้หยุดทหารไว้ แต่เคาทูผู้เดียวขับม้าออกไปแล้วลงจากม้าเข้าไปหาเล่าปี่ แจ้งว่าบัดนี้โจโฉมีคำสั่งให้มาตามกองทัพของท่านกลับไป ด้วยมีราชการที่จะมอบหมายเพิ่มเติม

           เล่าปี่จึงว่า เรายกกองทัพมาครั้งนี้ใช่ว่ากระทำการตามน้ำใจเรา หากเป็นการแผ่นดิน ท่านอัครมหาเสนาบดีและเราได้พร้อมกันไปเฝ้าพระเจ้าเหี้ยนเต้ ทรงมีรับสั่งให้เราเป็นแม่ทัพยกไปสกัดอ้วนสุดไม่ให้ถึงกับอ้วนเสี้ยวที่แดนเมืองชีจิ๋ว หลังจากมีรับสั่งแล้วท่านอัครมหาเสนาบดีก็เป็นผู้จัดแจงมอบทหารและเสบียงอาหารให้แก่เราตามรับสั่ง ดังนั้นหากเราจะทิ้งรับสั่งเสียแล้วกลับไปเช่นนี้ก็จะผิดกฎอัยการศึก เพราะมิได้มีพระบรมราชโองการของพระเจ้าเหี้ยนเต้ให้เรากลับไป ขอท่านกรุณาได้กลับไปรายงานท่านอัครมหาเสนาบดีให้ทราบความตามควรเถิด เราปฏิบัติภารกิจตามรับสั่งเสร็จสิ้นแล้วจะกลับเข้าไปกราบทูลให้ทรงทราบ และจะไปรายงานข้อราชการให้ท่านอัครมหาเสนาบดีทราบตามทางราชการ

           เคาทูได้ฟังคำเล่าปี่แล้วเห็นชอบด้วยเหตุผลและพระอัยการศึก ทั้งคำนึงว่าโจโฉก็มิได้สั่งว่าหากเล่าปี่ไม่ยอมกลับจะให้จับตัวหรือทำประการอื่น จึงคิดว่าเมื่อการเป็นเช่นนี้สมควรที่จะกลับเข้าไปแจ้งให้โจโฉทราบ หากมีคำสั่งประการใดแล้วค่อยดำเนินการต่อภายหลัง

           เมื่อคิดเช่นนี้เคาทูจึงขอลาเล่าปี่และยกทหารกลับเข้าเมืองฮูโต๋ และรายงานความตามคำพูดของเล่าปี่ให้โจโฉทราบ โจโฉทราบความแล้วก็พรั่นใจนัก เทียหยกและกุยแกสองที่ปรึกษาจึงว่า การที่เล่าปี่ไม่ยอมกลับย่อมประจักษ์ว่าการเป็นดังคำของข้าพเจ้า แล้วจะจัดการประการใดต่อไป

           โจโฉจึงว่า “เราได้ออกปากให้เล่าปี่ไปแล้ว ถ้าจะขืนให้กลับมาก็จะได้ แต่จะเห็นว่าเราเจรจาเป็นสองคำไป ถึงมาตรว่าเล่าปี่จะมีใจกำเริบคิดร้ายต่อเรา เราก็จะกลัวอะไรกับฝีมือเล่าปี่เพียงนี้ แล้วเราก็ได้แต่งให้จูเหลงและล่อเจียวกำกับไปด้วย ถ้าเล่าปี่คิดเอาใจออกหากเราดังนั้น เห็นจูเหลงกับล่อเจียวจะให้มีหนังสือลับมาแจ้งแก่เราเป็นมั่นคง”

           โจโฉแม้ประหวั่นพรั่นใจว่าตัดสินใจผิดพลาดที่แต่งเล่าปี่เป็นแม่ทัพยกไปในครั้งนี้ แต่ครั้นตามตัวแล้วเล่าปี่ไม่ยอมกลับ นิสัยเห็นแก่หน้าตาตัวเองก็ยังแรงอยู่ แทนที่จะยอมรับกับสองที่ปรึกษาว่าตัดสินใจผิดพลาด กลับอ้างคุณธรรมที่ไม่กล่าวคำเป็นสองอย่างหนึ่ง และโอ้อวดว่าถ้าหากบังคับจริง ๆ แล้ว เล่าปี่ก็ต้องกลับมา ทั้ง ๆ ที่ประจักษ์ชัดอยู่แล้วว่าเล่าปี่ไม่ยอมกลับอย่างหนึ่ง ทั้งยังโอ้อวดต่อไปว่าหากเล่าปี่คิดตั้งตัวเป็นศัตรูก็จะกำจัดเสียได้โดยง่ายอีกอย่างหนึ่ง เหล่านี้คือตัวตนและนิสัยใจคอของโจโฉที่เป็นทั้งข้อเด่นและข้อด้อยอยู่ในตัว.

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ตัวอย่างกระทู้ธรรม ธรรมศึกษาชั้นตรี 5

ปัญหาและเฉลยวิชาธรรม นักธรรมชั้นโท สอบในสนามหลวง วันเสาร์ ที่ ๑๙ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๔๘

I miss you all กับ I miss all of you ต่างกันอย่างไร