ตอนที่ 100. มรสุมทางการเมืองเริ่มก่อตัว

ลิโป้เห็นเพื่อนร่วมรบถูกประหารไปทีละคนก็รู้สึกรันทดใจยิ่งนัก แต่ในขณะเดียวกันความรักตัวกลัวตายก็เข้าครอบงำจิตใจกลายเป็นเสือสิ้นลาย เห็นว่าโจโฉคงไม่ไว้ชีวิตตัว แต่ครั้นเห็นเล่าปี่อยู่ในที่นั้นก็คิดว่าตัวเคยทำบุญคุณไว้กับเล่าปี่และโจโฉคงจะเกรงใจเล่าปี่อยู่ จึงคิดพึ่งเล่าปี่ช่วยชีวิต

            ลิโป้จึงว่ากับเล่าปี่ว่า บัดนี้ข้าพเจ้าใกล้ถึงที่ตายแล้ว ไม่เห็นหน้าจะพึ่งใคร เห็นแต่ท่านเท่านั้นที่พอเป็นที่พึ่งของข้าพเจ้าได้ ทั้งอัครมหาเสนาบดีก็เกรงใจตัวท่านอยู่ หากท่านร้องขอชีวิตของข้าพเจ้าคงจะรอดได้ด้วยความกรุณาของท่าน

            เล่าปี่ได้ฟังคำลิโป้ก็มิได้ว่ากล่าวประการใด แต่ทำทีเป็นพยักหน้า ขณะนั้นโจโฉซึ่งเดินตามตันก๋งได้เดินกลับขึ้นมาบนศาลาบัญชาการ ลิโป้เห็นโจโฉกลับขึ้นมาก็ร้องขอชีวิตว่า ท่านอัครมหาเสนาบดีทำการใหญ่เพื่อทำนุบำรุงแผ่นดินแลราษฎรให้เป็นสุข ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมามีแต่ข้าพเจ้าซึ่งทำตัวเป็นศัตรู เป็นเสี้ยนหนามขัดขวางการใหญ่ของท่าน แต่บัดนี้ข้าพเจ้าตกอยู่ในเงื้อมมือของท่านแล้ว ได้สำนึกความผิดในการกระทำที่ผ่านมา จะขอชีวิตไว้เป็นข้ารับใช้ของท่านสนองคุณท่านสืบไป ในไม่ช้าราชสมบัติก็จะตกเป็นสิทธิแก่ท่าน

            โจโฉได้ฟังดังนั้นก็นิ่งอยู่อึดใจหนึ่ง แล้วหันมาทางเล่าปี่ถามว่า ที่ลิโป้กล่าวทั้งนี้ท่านมีความเห็นประการใด

            เล่าปี่ฟังคำถามโจโฉแล้วก็อึ้งไปอึดใจหนึ่งเช่นเดียวกัน ไม่ตอบคำถามของโจโฉตรง ๆ แต่กล่าวว่าเมื่อครั้งเต๊งหงวนกับตั๋งโต๊ะนั้น เหตุการณ์เป็นประการใดท่านก็กระจ่างแจ้งอยู่แล้ว ไฉนจึงมาหารือข้าพเจ้าดังนี้อีก

            ลิโป้ได้ยินเล่าปี่ตอบโจโฉเช่นนั้นก็โกรธ  ร้องตะโกนด่าเล่าปี่ว่าเป็นคนเนรคุณ  โจโฉเห็นลิโป้ด่าเล่าปี่จึงสั่งทหารให้นำตัวลิโป้ไปประหาร ในระหว่างที่ทหารคุมตัวลิโป้ไปประหารนั้น ลิโป้ได้ร้องตะโกนด่าเล่าปี่ไปตลอดทางว่าเป็นคนเนรคุณ

            เหตุการณ์ในตอนนี้ดูเหมือนว่ามิใช่สาระสำคัญ แต่เห็นจะผ่านไปโดยง่ายมิได้เพราะแท้จริงเป็นการทำสงครามทางความคิดระหว่างโจโฉกับเล่าปี่ ที่ต่างฝ่ายต่างชิงไหวชิงพริบกันอยู่ในที เพราะโจโฉนั้นสู้ยกทัพใหญ่มาทำศึกกับลิโป้ด้วยความลำบากยากเข็ญ ก็ด้วยความมุ่งมั่นประการเดียวเท่านั้นคือกำจัดลิโป้ศัตรูคนสำคัญของชีวิตให้ดาวดิ้นดับสูญ ความคิดที่จะฆ่าลิโป้ครองใจโจโฉอยู่ทุกลมหายใจ แต่การฆ่าลิโป้เสียทันทีก็จะไม่ได้ผลประโยชน์เพิ่มเติมในการทำลายล้างคนอื่น ดังนั้นพอลิโป้ร้องขอชีวิต โจโฉจึงคิดป้ายความผิดในการฆ่าลิโป้ไปให้แก่เล่าปี่ จึงแสร้งถามเล่าปี่ซึ่งมีคำตอบอยู่แต่เพียงสองทางคืออภัยโทษให้ลิโป้หรือฆ่าลิโป้

            ในข้ออภัยโทษนั้นเป็นไปไม่ได้โดยแน่แท้ แต่เล่าปี่ก็รู้ดีว่ากำลังรับเผือกร้อนที่โจโฉโยนใส่ให้ จึงหาทางบ่ายเบี่ยงไม่เป็นผู้ออกความเห็นให้โจโฉฆ่าลิโป้ ทั้งเล่าปี่คงเห็นว่าลิโป้กับตนนั้นคงไม่อาจมีไมตรีต่อกันได้อีกสืบไป ใจเล่าปี่ที่ยังคุมแค้นลิโป้ที่ชิงเมืองชีจิ๋วก็ยังกรุ่นอยู่ในหัวใจ ดังนั้นทั้งเล่าปี่และโจโฉจึงมีความคิดตรงกันที่ต้องกำจัดลิโป้เสีย เหตุนี้เล่าปี่จึงได้ยกเหตุการณ์กรณีเต๊งหงวนและตั๋งโต๊ะสองบิดาบุญธรรมของลิโป้ที่ถูกลิโป้สังหารไปกับมือมาเป็นคำตอบ แม้กระนั้นแล้วลิโป้ก็ยังเห็นว่าคำตอบของเล่าปี่ก็คือคำตอบให้ประหารตัว ความโกรธจึงเทมาทางเล่าปี่ เหตุนี้ลิโป้จึงแค้นเล่าปี่และร้องตะโกนด่าเล่าปี่ไปตลอดทางจนถึงลานประหาร

            เมื่อผู้คุมนำตัวลิโป้ลงไปจากศาลาบัญชาการบนเชิงเทิน ทหารที่คุมเตียวเลี้ยวก็นำตัวเตียวเลี้ยวขึ้นไปพบโจโฉ

            โจโฉเห็นเตียวเลี้ยวมีรูปลักษณะองอาจกล้าหาญสมเป็นนายทหาร คลับคล้าย คลับคลาว่าจะจำได้จึงถามเตียวเลี้ยวว่าเราเคยพบกันที่ไหนมาก่อนหรือไม่ เพราะรู้สึกเหมือนว่าเคยรบกันมาครั้งหนึ่ง

            เตียวเลี้ยวตอบว่า เมื่อครั้งเมืองปักเอี้ยงนั้นท่านจำไม่ได้หรือ ตัวข้าพเจ้ายังคิดเสียดายอยู่

            โจโฉถามว่า ท่านเสียดายสิ่งใดจงว่ามาให้แจ้งเถิด เตียวเลี้ยวจึงว่าเมื่อครั้งศึกเมืองปักเอี้ยงเพลิงยังน้อยอยู่ หากเพลิงมากกว่านั้นแล้วมีหรือศัตรูแผ่นดินจะรอดตายไปได้

            โจโฉได้ยินคำเตียวเลี้ยวก็นึกขึ้นได้ถึงเมื่อครั้งเสียทีการศึกที่เมืองปักเอี้ยง ที่ต้องกลตันก๋งแทบเอาตัวไม่รอดก็รู้สึกละอายใจ และโกรธเตียวเลี้ยว จึงชักกระบี่ออกจากฝักแล้วว่าตัวเจ้าชะตาถึงฆาตอยู่แล้ว ยังบังอาจกล่าวความดูหมิ่นเราอีก ว่าแล้วก็เงื้อกระบี่จะฟันคอเตียวเลี้ยว แต่เตียวเลี้ยวมีสติมั่นคงมิได้เกรงแก่ความตายกลับยืดคอรับกระบี่ของโจโฉ

            ในทันใดนั้นกวนอูได้ปรี่เข้ามายื้อเอากระบี่จากมือโจโฉแล้วว่า ซึ่งท่านจะฆ่าเตียวเลี้ยวเสียนั้นขอจงยั้งมือไว้ก่อนเถิด เพราะเตียวเลี้ยวนี้สมกับเป็นชายชาติทหาร มีความสัตย์ซื่อยิ่งนัก ควรที่จะเลี้ยงไว้ใช้ในราชการจะเป็นคุณแก่แผ่นดินสืบไป หากสืบไปเบื้องหน้าเตียวเลี้ยวคิดทรยศต่อท่านก็ให้เอาศีรษะข้าพเจ้าเป็นประกันเถิด

            กวนอูพึงใจเตียวเลี้ยวตั้งแต่ครั้งแรกที่พบกันเมื่อครั้งที่เตียวเลี้ยวยกทหารเข้าตีเมืองเสียวพ่ายทางด้านที่กวนอูรักษาการณ์อยู่ หลังจากต่อปากต่อคำกันไม่กี่คำ เตียวเลี้ยวละอายใจกวนอูจึงสั่งให้ทหารถอยออกจากกำแพงเมือง มาครั้งนี้สถานการณ์ของเตียวเลี้ยวอยู่ในภาวะคับขัน กวนอูจึงตัดสินใจขอชีวิตเตียวเลี้ยวไว้ หวังให้คนสัตย์ซื่อได้ทำการรับใช้แผ่นดิน

            โจโฉครั้นได้ยินคำกวนอูก็ยั้งคิดได้ ทั้งน้ำใจรักคนดีมีฝีมือมีอยู่ประจำใจ จึงเอากระบี่ใส่กลับเข้าไปในฝัก แล้วว่าตัวเราเองก็มีความเห็นเช่นเดียวกัน  เราทำการทั้งนี้หวังจะลองใจเตียวเลี้ยว ก็เห็นว่ามีจิตใจมั่นคงสัตย์ซื่อสมควรจะเลี้ยงไว้ใช้ในราชการ

            ว่าแล้วโจโฉก็เข้ามาแก้มัดเตียวเลี้ยว สั่งทหารให้เอาเสื้อผ้าอย่างดีมาให้เตียวเลี้ยวเปลี่ยน แล้วจูงมือเตียวเลี้ยวมายังที่นั่งอันสมควร แต่มิได้กล่าวประการใด

            เตียวเลี้ยวเห็นดังนั้นจึงคุกเข่าลงคารวะโจโฉแล้วว่า ซึ่งท่านอัครมหาเสนาบดีจะรับเลี้ยงข้าพเจ้าไว้ใช้ในราชการนั้นนับเป็นพระคุณหาที่สุดมิได้ ข้าพเจ้าขอปฏิญาณว่าจะอาสาทำการตามคำสั่งของท่านโดยมิเสียดายแก่ชีวิต

            โจโฉเห็นดังนั้นมีความยินดียิ่งนัก จึงตั้งให้เตียวเลี้ยวเป็นนายทหารโทประจำในกองทัพของโจโฉ แล้วมอบภาระหน้าที่เฉพาะหน้าให้เตียวเลี้ยวไปเกลี้ยกล่อมจงป้านายทหารมีฝีมืออีกคนหนึ่งของลิโป้ ซึ่งบัดนี้ยังตั้งหลักอยู่กับสี่นายโจรที่เขตเขาไทสัน

            ในช่วงเดียวกันนั้นจงป้าซึ่งตั้งหลักมั่นอยู่ที่เขตเขาไทสันกับสี่นายโจรได้ทราบข่าวว่าเมืองแห้ฝือเสียแก่โจโฉ และเตียวเลี้ยวได้เข้าอยู่กับโจโฉแล้ว จึงพาสามนายโจรยกเว้นแต่เซียงหูซึ่งหลบหนีไป พร้อมกับบรรดาทหารในบังคับบัญชาไปยังเมืองแห้ฝือขอเข้าพบโจโฉ ครั้นโจโฉได้ทราบความก็มีความยินดี สั่งทหารให้นำจงป้าและคณะเข้ามาพบ และรับจงป้าและคณะเข้าเป็นทหารในกองทัพ แต่งตั้งให้จงป้าเป็นนายทหารโทระดับเดียวกับเตียวเลี้ยว บรรดานายโจรทั้งสามคนตั้งให้เป็นนายทหารและให้รับบรรดาทหารในสังกัดเข้าสังกัดในกองทัพของโจโฉสิ้น

            โจโฉได้มอบหมายให้นายโจรทั้งสามคนซึ่งได้รับแต่งตั้งเป็นนายทหารให้ทำหน้าที่ลาดตระเวนตามเขตแดนเมืองชายทะเล หากมีเหตุร้ายประการใดให้รีบรายงานเข้าเมืองหลวง

            โจโฉจัดระเบียบการปกครองเมืองแห้ฝือจนเป็นปกติแล้ว จึงให้ทหารคุมครอบครัวของลิโป้ไปไว้ที่เมืองฮูโต๋ และสั่งให้ยกกองทัพกลับเมืองหลวง ในระหว่างทางได้แวะเข้าไปในเมืองชีจิ๋ว บรรดาชาวเมืองทราบว่าโจโฉได้รับชัยชนะศึกกลับมาก็พากันมาต้อนรับเป็นอันมาก

            ในระหว่างเดินทางเข้าไปในเมืองชีจิ๋ว บรรดาชาวเมืองได้ร้องขอต่อโจโฉว่าขอให้แต่งตั้งเล่าปี่กลับเป็นเจ้าเมืองชีจิ๋วตามเดิม โจโฉเห็นอาการของชาวเมืองมีใจผูกพันรักใคร่เล่าปี่เป็นอันมากจึงว่า เล่าปี่ทำการมีความชอบต่อแผ่นดินมาก จำเป็นที่จะต้องเข้าไปเฝ้าพระเจ้าเหี้ยนเต้ก่อน ถ้าทรงพระราชทานตำแหน่งประการใดแล้วก็ย่อมเป็นไปตามพระราชประสงค์นั้น

            โจโฉเข้าไปในเมืองแล้วสั่งทหารให้อารักขาครอบครัวเล่าปี่ไว้เป็นอันดี รุ่งขึ้นก็เคลื่อนทัพออกจากเมืองชีจิ๋วกลับเมืองฮูโต๋

            โจโฉได้พาเล่าปี่เข้าไปเฝ้าพระเจ้าเหี้ยนเต้ในที่ประชุมขุนนางแล้วกราบบังคมทูลถวายรายงานการศึกทั้งปวงให้ทรงทราบ แล้วเสนอความชอบของเล่าปี่ว่าการศึกครั้งนี้เล่าปี่ได้กระทำความชอบไว้เป็นอันมาก

            พระเจ้าเหี้ยนเต้ทรงสดับคำรายงานของโจโฉแล้วมีพระทัยยินดียิ่งนัก ครั้นได้ยินชื่อเล่าปี่ก็สะดุดพระทัยว่าเป็นแซ่ “เล่า” ซึ่งเป็นเชื้อสายแห่งราชวงศ์ฮั่น จึงตรัสถามว่าท่านเป็นบุตรของผู้ใด สืบเชื้อสายเป็นมาอย่างไร

            เล่าปี่จึงกราบทูลว่าข้าพระพุทธเจ้าเป็นบุตรของเล่าเหง บรรพบุรุษสืบเชื้อสายมาแต่พระเจ้าฮั่นเกงเต้  พระเจ้าเหี้ยนเต้ฟังคำกราบทูลของเล่าปี่แล้วจึงมีรับสั่งให้อาลักษณ์เอาทำเนียบพระราชวงศ์มาตรวจสอบ อาลักษณ์ตรวจสอบแล้วกราบทูลว่าเล่าปี่เป็นเชื้อสายของพระเจ้าฮั่นเกงเต้ ลำดับศักดิ์แล้วมีฐานะเป็นพระเจ้าอาของพระองค์

            พระเจ้าเหี้ยนเต้ทรงทราบดังนั้นจึงมีพระทัยยินดียิ่งนัก จึงมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งให้เล่าปี่เป็นเสนาบดีฝ่ายกรมวัง และนับแต่นั้นมาพระเจ้าเหี้ยนเต้ก็ทรงนับถือเล่าปี่ว่าเป็นพระเจ้าอา

            หลังจากออกจากที่เฝ้าวันนั้นแล้ว ซุนฮกที่ปรึกษาของโจโฉได้เข้าไปพบโจโฉที่ในจวน แล้วเสนอว่าบัดนี้เล่าปี่มีฐานะและความสำคัญมากขึ้นกว่าแต่ก่อนเพราะพระเจ้าเหี้ยนเต้ทรงถือว่าเป็นพระญาติ มีศักดิ์เป็นถึงพระเจ้าอา ดังนั้นนานไปเล่าปี่ก็จะเติบใหญ่ขึ้น และจะเป็นอันตรายต่อท่านเป็นมั่นคง

            โจโฉจึงว่า ถึงแม้ตำแหน่งเล่าปี่จะใหญ่โตประการใด และถึงแม้ว่าเล่าปี่จะมีฐานะเป็นพระเจ้าอาของพระเจ้าเหี้ยนเต้ แต่อำนาจสิทธิขาดในราชการทั้งปวงอยู่ในน้ำมือเรา จะเกรงกลัวไปใย ทุกวันนี้เล่าปี่มิใช่ศัตรูคนสำคัญของเรา เกรงอยู่ก็แต่เอียวปิวข้าหลวงคนสนิทในพระเจ้าเหี้ยนเต้ ซึ่งเป็นลูกผู้พี่ผู้น้องกับอ้วนเสี้ยว และอ้วนสุดอาจคบคิดกับอ้วนเสี้ยวและอ้วนสุดเป็นไส้ศึกในเมืองหลวง ทั้งอ้วนเสี้ยวและอ้วนสุดก็เข้มแข็งมีกำลังทหารเป็นอันมาก นับเป็นภัยอันตรายที่ร้ายแรงที่สุดในขณะนี้

            ซุนฮกได้ฟังคำโจโฉแล้วก็เห็นด้วย และเห็นพ้องกันว่าจำเป็นที่จะต้องกำจัด    เอียวปิวเสียก่อนเพื่อตัดเส้นสายของอ้วนเสี้ยวและอ้วนสุดในเมืองหลวงมิให้เป็นอันตรายมาถึงตัวได้

            โจโฉเพิ่งเสร็จศึกทางภาคตะวันออกกับลิโป้ ยังไม่ทันได้พักฟื้นทหารก็เริ่มมองศัตรูใหม่และเห็นว่าอ้วนเสี้ยว อ้วนสุดเป็นศัตรูที่อันตรายที่สุด แทนที่จะใช้นโยบายทางการเมืองเพื่อทำนุบำรุงแผ่นดินให้เป็นสุขกลับคิดเอาการทหารเข้านำหน้า จึงเห็นว่า   เอียวปิวคือบุคคลที่เป็นอันตรายที่สุดในเมืองหลวง ความคิดชนิดนี้จึงก่อปัญหาขึ้นในบ้านเมือง และเป็นต้นเหตุอีกเหตุหนึ่งที่ทำให้สงครามในแผ่นดินจีนขยายตัวต่อไป

            โจโฉกับซุนฮกเห็นพ้องกันดังนั้นจึงคิดอ่านวางแผนที่จะกำจัดเอียวปิวเสีย ดังนั้นไม่กี่วันถัดมาจึงมีผู้มาฟ้องร้องต่อโจโฉว่าเอียวปิวมีหนังสือลับไปถึงอ้วนสุด เสนอให้อ้วนสุดยกกองทัพมาตีเมืองหลวง แล้วจะรับเป็นไส้ศึกก่อการจลาจลขึ้นภายในเมืองหลวง

            เมื่อโจโฉได้รับการร้องเรียนดังนั้น มิได้ไต่สวนความประการใด จึงสั่งทหารให้ไปจับตัวเอียวปิวมาขังไว้ในคุกหลวง แล้วตั้งให้หมันทองซึ่งเป็นพรรคพวกเป็นตุลาการทหารชำระความ

            ข่าวการจับเอียวปิวแพร่กระพือไปทั่วทั้งเมืองหลวง ทราบไปถึงขงหยงซึ่งมีความสนิทสนมกับเอียวปิว และเชื่อว่าเอียวปิวมิได้กระทำความผิดจึงมาขอเข้าพบโจโฉ แล้วว่ากรณีน่าจะมีผู้ไม่ประสงค์ดีใส่ร้ายเอียวปิวว่าเป็นไส้ศึก เพราะเอียวปิวนั้นเป็นเชื้อสายขุนนาง ทำราชการในราชวงศ์ฮั่นด้วยความซื่อสัตย์สุจริตมาถึงสามชั่วอายุคน ขอให้โจโฉให้ความเป็นธรรมพิจารณาไต่สวนความให้ถ่องแท้

            โจโฉจึงว่าการทั้งนี้หาใช่การส่วนตัวของข้าพเจ้าไม่ แต่เป็นไปโดยรับสั่งของพระเจ้าเหี้ยนเต้ ขงหยงแย้งว่าถึงแม้จะเป็นไปตามรับสั่งของพระเจ้าเหี้ยนเต้ แต่อำนาจสิทธิขาดในราชการทั้งปวงอยู่ในความรับผิดชอบของท่าน หากผู้ซื่อสัตย์ต่อแผ่นดินต้องโทษเพราะถูกใส่ร้ายดังนี้ก็จะเป็นที่ครหาแก่ผู้คนและจะเสื่อมเสียมาถึงตัวท่านด้วย จึงชอบที่จะไต่สวนหาพยานหลักฐานจนสิ้นกระแสความเสียก่อน

            โจโฉจำนนต่อเหตุผลถ้อยคำของขงหยง รู้สึกละอายใจจึงมีคำสั่งให้ปล่อยตัวเอียวปิวแต่ให้ถอดออกเสียจากที่ขุนนาง.

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ตัวอย่างกระทู้ธรรม ธรรมศึกษาชั้นตรี 5

ปัญหาและเฉลยวิชาธรรม นักธรรมชั้นโท สอบในสนามหลวง วันเสาร์ ที่ ๑๙ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๔๘

I miss you all กับ I miss all of you ต่างกันอย่างไร