World Billionaires วัดความรวยกันที่ไหน

ผมหยิบ Forbes เล่มใหม่ เกี่ยวกับ World Billionaires อ่านก็รู้สึกว่าที่ Editor พูดว่าเดี๋ยวนี้ คนรวยวัดกันที่ US DOLLAR คือ อย่างในปัจจุบัน US DOLLAR อ่อน เศรษฐีในเอเชียก็ติด Chart มากหน่อย เพราะค่าเงินเอเชียแข็งกว่า DOLLAR เลยทำให้เราดูรวยขึ้น

--อย่าง ตอนต้มยำกุ้ง เงินบาท ลดค่าไปครึ่งนึง เลยทำให้เศรษฐีไทยตกกระป๋องไปเลย เพราะจริงๆนับตั้งแตปี 1997 เป็นต้นมา ค่าเงินเราก็ยังถูกกว่าสมัยก่อนมาก อย่างแต่ก่อนเปลี่ยนค่าเงินผมจำได้ว่า 1 ดอลล่าห์ เท่ากับ 25 บาท -- ตลกไหมว่าตอนนี้พอเงินบาทแตะ 32 บาทต่อ 1 US ออกมาร้องกันบอกเงินบาทแข็ง (ยิ่งแข็งยิ่งทำให้คนไทยรวยขึ้น จริงไหม --ผู้ส่งออกบอกไม่จริง ผมว่าการที่ค่าเงินเราอ่อนมานาน ทำให้ผู้ส่งออกเคยตัว เลยไม่ต้องเร่งพัฒนาประสิทธิภาพการผลิต เอาแต่ใช้ค่าเงินพยุงให้ขายของได้ มิน่าบ้านเราเจริญช้า)

ถ้าอยากบีบให้ เราพัฒนาผมว่า ให้เงินบาทแข็งถึงจะดี จริงไหม ฮิ ฮิ... ตอนนี้เวียดนามมาอีแบบเดียวกับเรา พอแข็งไม่ไหวรีบลดค่าเงินดอง ของส่งออกจะได้ขายได้ (ตัดราคากันเข้าไป นี่หนาคนเอเชีย) จีนก็ไม่ยอมปล่อยค่าเงิน -- ถ้าผมเป็นจีนนะ ผมจะปล่อยให้ค่าเงินสูงขึ้น เป็นการบีบให้เกิดการพัฒนาอุตสาหกรรม แต่ปล่อยให้ค่าเงินหยวนค่อยๆขึ้นช้าๆ พัฒนาไปกับการตั้งกองทุนแบบ RMF/LTF อย่างบ้านเรา แต่ให้ไปลงทุนต่างประเทศให้หมด คือ พอค่าเงินหยวนแพง ก็ซื้อหุ้นต่างประเทศ หรือ Asset ได้ถูก แล้วค่อยๆเร่งให้การลงทุนต่างประเทศเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ผมว่าเน้นลงมันกลับไปในอเมริกานี่แหละ อยากมาบีบให้ขึ้นค่าเงินดีนัก ก็ซื้อสินทรัพย์ของอเมริกาไปเลย ดีกว่าซื้อพวก Treasury Bill เป็นไหนๆ

กลับมาที่บ้านเรา ผมว่าในอนาคตเงินบาทควรแข็งขึ้นเรื่อยๆ และก็เน้นให้กองทุนเราไปเล่นในต่างประเทศมากขึ้นโดยให้ Incentive ทางภาษี อย่างนี้ถึงจะทำให้คนไทยรวยขึ้น เมื่อเราเป็น Inter มากขึ้น เราก็จะดูดีในสายตาต่างประเทศ ทีนี้เขาก็จะขนเงินกลับมาลงทุนบ้านเราเพิ่ม ---ตรงนี้ส่งผลดีต่อตลาดหุ้น ทำให้หุ้นเราขึ้นไปในราคาที่ควรจะเป็น(ตอนนี้ SET ถูกเกินไป มีที่ไหน Dividend สูงอย่างบ้านเรา แสดงว่าจริงๆไส้ในบริษัทของเรามันดีกว่าที่ต่างชาติคาด ) ตอนนี้ผมว่าเขาเริ่มจะรู้แล้ว ตลาดเลยเริ่มวิ่ง -- เพราะถ้าเทียบเพื่อนบ้านเราควรอยู่ที่ 1000 จุดไปแล้ว (ไม่ใช่อยู่แค่นี้)

สรุปไปมาก็คือ ตลาดเราต้องไปอีกมาก จึงจะสะท้อนความมั่งคั่งที่แท้จริงของคนไทย (อีกไม่นาน ต่างชาติต้องเข้าใจ) แล้วเรา(คนถือหุ้น)ก็จะรวยขึ้น (เราในที่นี้คือ คนที่มีหุ้นอยู่ในครอบครอง ส่วนคนที่ถือเงินสดไว้ ก็รอกินแต่แห้วละกันครับ ฮิ ฮิ)

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

I miss you all กับ I miss all of you ต่างกันอย่างไร

ปัญหาและเฉลยวิชาธรรม นักธรรมชั้นตรี สอบในสนามหลวง วันอังคาร ที่ ๒๙ กันยายน พ.ศ.๒๕๕๒

ปัญหาและเฉลยวิชาอนุพุทธประวัติ นักธรรมชั้นโท สอบในสนามหลวง วันอาทิตย์ ที่ ๒๐ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๔๘