ต้นกำเนิดของหลักการเก็งกาไร “ตามแนวโน้ม” โดย Stig Ostgaard หน้าที่ 13
ข้อมูลที่เราได้จาก Fowler นั้นถือเป็นสิ่งที่สาคัญเป็นอย่างมาก เนื่องจากเขาไม่ใช่เพียงนักเขียน แต่เป็นถึงผู้ที่มีส่วนร่วมอยู่ในเหตุการณ์เหล่านั้นด้วย นอกจากนี้ เขายังรู้จักกับนักเก็งกาไรชั้นนาหลายๆคนในยุคนั้นเป็นการส่วนตัว และได้มีส่วนร่วมอยู่ในการเคลื่อนไหวของตลาดในช่วงนั้นด้วยเช่นกัน นี่เป็นผลทาให้เรามีบันทึกที่เป็นเรื่องเล่า ซึ่งมีรายละเอียดที่มีความลึกและครอบคลุมถึงวงการเก็งกาไรและตลาดในยุคนั้นเป็นอย่างดี
อย่างไรก็ตาม Fowler ไม่ใช่นักเขียนผู้เดียวที่ได้เปิดเผยถึงข้อมูลของวงการเก็งกาไรในช่วงปีค.ศ. 1870 ออกมาเพียงแต่ผู้เดียว เรายังมี Matthew Hale Smith ผู้เขียนหนังสือ “Twenty years among the bulls and bears of wall street” และ James K. Medbery ผู้เขียนหนังสือ “Men and Mysteries of Wall Street” ด้วยเช่นกัน ซึ่งเป็นที่น่าประหลาดใจอย่างยิ่งว่า หนังสือในรูปแบบของการบันทึกความทรงจาเกี่ยวกับตลาดหุ้น Wall Street นั้นได้ถูกตีพิมพ์ออกมาเป็นอย่างมาก ทั้งที่ก่อนหน้านั้นเพียงไม่กี่ปี มันเป็นสิ่งที่ขาดแคลนเลยทีเดียว และบางทีมันอาจจะถูกตีพิมพ์ออกมาจนมากเกินไปเสียด้วยซ้า และนอกจากหนังสือที่ได้กล่าวมานี้ ยังมีหนังสือบางเล่มซึ่งมีความน่าสนใจอยู่ไม่น้อย ยกตัวอย่างเช่น “Twenty-eight Years in Wall Street” เขียนโดย Henry Clews หรือแม้กระทั่งหนังสือที่เราไม่ควรจะมองข้ามไปอย่าง “Speculation as Fine Art” ของ Dickson Watt ในปีค.ศ. 1891 ซึ่งมีคาแนะนาเบื้องต้นที่ดีอยู่มากมาย และตัวเขาเองก็ยังเป็นนักเก็งกาไรผู้เปี่ยมประสบการณ์อย่างมากอีกด้วย
จากที่เราได้ทราบกันนั้น ทั้งตัวของ Fowler, Smith และนักเขียนคนอื่นๆ ได้เพ่งความสนใจไปที่ผู้เล่นตัวหลักๆของตลาดในยุคของพวกเขาเสียเป็นส่วนใหญ่ แทบจะไม่มีใครที่ได้บันทึกเรื่องราวในมุมอื่นๆเอาไว้ เรื่องราวส่วนใหญ่นั้นมักที่จะกล่าวถึงการปั่นหุ้น, สมาคม, สถาบันต่างๆและกาควบคุมกลไกราคาตลาดของพวกเขา ซึ่งได้ทาควบคู่กันไปกับสภาวะพื้นฐานทางเศรษฐกิจในช่วงเวลานั้น แม้จะมีในบางกรณี ที่ถือเป็นข้อยกเว้นได้บ้าง เช่นในกรณีที่ Vanderbilt และ Gould ซึ่งเป็นผู้ที่ทาให้หุ้นในอุตสาหกรรมรางรถไฟที่พวกเขาควบคุมอยู่นั้นพุ่งทะยานขึ้นไป แต่มันไม่ใช่เพราะความพยายามเพื่อที่จะทากาไรจากการเคลื่อนไหวของราคาเพียงเท่านั้น แต่มันยังมีเหตุผลเบื้อหลังทางเศรษฐกิจและพื้นฐานของกิจการเข้ามาประกอบด้วย อย่างไรก็ตาม ในกรณีส่วนใหญ่นั้น มันคือการพยายามที่จะควบคุมกลไกราคาเพื่อ ที่จะทากาไรจากมันเท่านั้น
อย่างไรก็ตาม Fowler ไม่ใช่นักเขียนผู้เดียวที่ได้เปิดเผยถึงข้อมูลของวงการเก็งกาไรในช่วงปีค.ศ. 1870 ออกมาเพียงแต่ผู้เดียว เรายังมี Matthew Hale Smith ผู้เขียนหนังสือ “Twenty years among the bulls and bears of wall street” และ James K. Medbery ผู้เขียนหนังสือ “Men and Mysteries of Wall Street” ด้วยเช่นกัน ซึ่งเป็นที่น่าประหลาดใจอย่างยิ่งว่า หนังสือในรูปแบบของการบันทึกความทรงจาเกี่ยวกับตลาดหุ้น Wall Street นั้นได้ถูกตีพิมพ์ออกมาเป็นอย่างมาก ทั้งที่ก่อนหน้านั้นเพียงไม่กี่ปี มันเป็นสิ่งที่ขาดแคลนเลยทีเดียว และบางทีมันอาจจะถูกตีพิมพ์ออกมาจนมากเกินไปเสียด้วยซ้า และนอกจากหนังสือที่ได้กล่าวมานี้ ยังมีหนังสือบางเล่มซึ่งมีความน่าสนใจอยู่ไม่น้อย ยกตัวอย่างเช่น “Twenty-eight Years in Wall Street” เขียนโดย Henry Clews หรือแม้กระทั่งหนังสือที่เราไม่ควรจะมองข้ามไปอย่าง “Speculation as Fine Art” ของ Dickson Watt ในปีค.ศ. 1891 ซึ่งมีคาแนะนาเบื้องต้นที่ดีอยู่มากมาย และตัวเขาเองก็ยังเป็นนักเก็งกาไรผู้เปี่ยมประสบการณ์อย่างมากอีกด้วย
จากที่เราได้ทราบกันนั้น ทั้งตัวของ Fowler, Smith และนักเขียนคนอื่นๆ ได้เพ่งความสนใจไปที่ผู้เล่นตัวหลักๆของตลาดในยุคของพวกเขาเสียเป็นส่วนใหญ่ แทบจะไม่มีใครที่ได้บันทึกเรื่องราวในมุมอื่นๆเอาไว้ เรื่องราวส่วนใหญ่นั้นมักที่จะกล่าวถึงการปั่นหุ้น, สมาคม, สถาบันต่างๆและกาควบคุมกลไกราคาตลาดของพวกเขา ซึ่งได้ทาควบคู่กันไปกับสภาวะพื้นฐานทางเศรษฐกิจในช่วงเวลานั้น แม้จะมีในบางกรณี ที่ถือเป็นข้อยกเว้นได้บ้าง เช่นในกรณีที่ Vanderbilt และ Gould ซึ่งเป็นผู้ที่ทาให้หุ้นในอุตสาหกรรมรางรถไฟที่พวกเขาควบคุมอยู่นั้นพุ่งทะยานขึ้นไป แต่มันไม่ใช่เพราะความพยายามเพื่อที่จะทากาไรจากการเคลื่อนไหวของราคาเพียงเท่านั้น แต่มันยังมีเหตุผลเบื้อหลังทางเศรษฐกิจและพื้นฐานของกิจการเข้ามาประกอบด้วย อย่างไรก็ตาม ในกรณีส่วนใหญ่นั้น มันคือการพยายามที่จะควบคุมกลไกราคาเพื่อ ที่จะทากาไรจากมันเท่านั้น