ธุรกิจเสริมของบริษัทมือถือ “ประกันรถหาย”..คู่แข่ง Starbucks คือ “รถเบนซ์ต่างหาก” อย่าหลงประเด็น


วันนี้ ถ้าใครสังเกตุ จะรู้เลยว่า บริษัทมือถือ รู้ “ตลอดเวลา”ว่าเราอยู่ที่ไหน ..อย่างวันก่อน ผมโผล่ไป Money Expo “มัน…ตุ๊ดๆๆ --ยินดีต้อนรับเข้าสู่ Money Expo “รู้ได้ไงวะ..จะให้ ผมดีใจหรือเสียใจ นี่!! …. นึกๆ ดู หาก (บริษัทมือถือ)นึกครึ้ม ออก Product Innovation ใหม่ๆ เช่น บริการ Track ว่า สามีคุณอยู่ที่ไหน, บริการติดตามรถหาย …ไอ้แบบแรกนี่ คงทำให้ผู้ชาย เครียด เลิกใช้มือถือกันไปดื้อๆก็เป็นได้

….แต่ไอ้เรื่อง ตามรถหาย ผมว่าดีนะ ถ้าบริษัทมือถือ ออกเครื่องมือหรือ ชิพ เล็กๆ เอาไปใส่ไว้ในรถ เราก็สามารถตาม รถหาย ได้ง่าย (น่าจะรุ่ง กว่ามา จะเอ๊ ผม “รู้นะว่าคุณอยู่ในงาน Money Expo!!! …บ้าไปแล้ว”)

จริงๆผมว่า เรามีอะไรหลายๆอย่างอีกเยอะให้ทำ แต่เราดันไปทำอะไรซ้ำกัน อย่าง เช่น ร้านกาแฟ ,คาร์แคร์ ,ร้านอาหาร ,คาราโอเกะ มันเลยทำให้ต้อง เจ๊ง กันมากมายอย่างที่เห็น..อย่างร้านอาหารที่ Australia นี่ปราบเซียนเลย เพราะเป็นธุรกิจที่ กดค่าแรง พูดง่ายๆว่าถ้าจะอยู่ได้ คุณต้องจ้างต่ำกว่า กฏหมายกำหนด อันนี้ถ้ามาดูก็คล้ายๆ คาราโอเกะบ้านเรา คือ ต่างคนต่างไม่จ่ายค่าลิขสิทธิ์ เพราะเอาเข้าจริง พอทุกคนไม่จ่าย แต่ถ้าคุณดันจ่าย คุณก็เจ๊ง

…คือ ลองมองดูซิครับ เหตุใดจึงเป็นเช่นนี้ ---“ก็เพราะคุณอยู่ในธุรกิจที่มีการแข่งขันสูงนั่นเอง” ดังนั้น แต่ละคน ก็จะพยายาม ตัดราคา ตัดมันทุกอย่าง ลดต้นทุน จนท้ายสุด มาตรฐานคือ “ขาดทุน” แล้วการที่คุณ จะเข้ามาทำธุรกิจแบบนี้ ผมว่า “มันไม่ควรตั้งแต่เริ่มแล้ว” สู้ไปทำอะไรที่ “ไม่มีคู่แข่งดีกว่า” อย่างน้อย โอกาสที่คนอื่นจะมาตัดราคามันก็ลดลง

ผมเคยเห็นร้าน เค้ก สองร้าน …ร้านนึงเปิดเก่าแก่ขายแพง ส่วนอีกร้านมาเปิดใหม่ขายถูกกว่า ตกแต่งร้านสมัยใหม่กว่า ร้านดูหรู แต่สุดท้าย คุณทายซิร้านไหน “ต้องเจ๊ง” ---หลายคนคงคิดว่า ร้านเก่า (ผิดครับ)..ร้านใหม่ครับที่ เจ๊ง… เพราะเนื่องจาก ลงทุนสูง ค่า Overhead ต่างๆก็สูง แต่ดันมาขาย ตัดราคา ลด Margin ตัวเอง ที่แย่กว่านั้นคือดันมาขายแข็งกับร้านที่มีลูกค้าเหนียวแน่นอยู่แล้ว ปรากฏช่วงแรกคนมาลองร้านใหม่ แต่พอสักพัก คนก็กลับไปกินร้านเดิม

---แต่ ถ้ามาดู Case ของ Starbucks มันคนละ Segment ตลาดเลย ดังนั้น ในกรณีนี้หาก Starbucks มาเปิดแข่งกับร้านขนมเก่า มันก็ลูกค้าคนละกลุ่ม …เห็นไหมละครับว่า Pricing อย่างเดียว ก็ไม่ได้หมายความว่า สำเร็จ ไม่งั้นกาแฟ แก้วละ ร้อย ทำไมขายดี กว่า รถเข็น ล่ะ…มันคนละ Segment น่ะ เทียบกันไม่ได้

---คำถามมันอยู่ที่ คนไทยวันนี้ จะเปิดร้าน “เขาคิดอย่าง Starbucks คิดหรือเปล่า” หลายคนอาจหลงประเด็น ว่า Starbucks คือ ร้านคาเฟ่ “ไม่ใช่เลย” มันขาย “ความ Luxury ต่างหาก” ดังนั้น คู่แข่ง Starbucks จึงไม่ใช่ร้านกาแฟ --- “เขาจึงไม่มีคู่แข่ง..มันถึงรวย ขายดีอย่างนี้ไง เพราะทำในสิ่งที่ไม่มีคู่แข่ง …โดยที่ ลวงคู่แข่ง ให้หลงประเด็น นึกว่า เขาขาย กาแฟธรรมดา กว่าจะ “รู้ความจริง” คู่แข่งก็ปิดร้านไปเรียบร้อยแล้ว”

ประสบการณ์จะสอนให้เราฉลาดขึ้น วันนี้ “ฝรั่ง” ก้าวไปอีกขั้น คือ ขั้นในการทำธุรกิจ แต่ไอ้ที่เหนือ “ฝรั่ง” ขึ้นไปอีก ก็ “เจ้าชายซาอุ” เพราะไป ถือหุ้นใหญ่ ในบริษัทฝรั่ง …มันก็ กินกันเป็นทอดๆ ..ประเด็นมันอยู่ที่ว่า คุณ จะอยู่ช่วงไหนของห่วงโซ่อาหาร ถ้าอยู่ล่างๆ ก็เหนื่อยหน่อย “กินน้ำใต้ศอก” …หนทางอยู่ไม่ไกล “ในสมองเรา” หากคิดออกรู้ทัน --“ชนะหมด ..ไม่มีแพ้”…..

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

I miss you all กับ I miss all of you ต่างกันอย่างไร

ปัญหาและเฉลยวิชาธรรม นักธรรมชั้นตรี สอบในสนามหลวง วันอังคาร ที่ ๒๙ กันยายน พ.ศ.๒๕๕๒

ปัญหาและเฉลยวิชาอนุพุทธประวัติ นักธรรมชั้นโท สอบในสนามหลวง วันอาทิตย์ ที่ ๒๐ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๔๘