“คุณคิดว่าสงคราม(ใช้สื่อ)ระหว่างรัฐบาลกับทักษิณแน่แล้ว”-- ไม่ใช่เลย “OBAMA เก๋ากว่าเยอะ” เขาถึงเป็นเบอร์ของ 1 ของโลกไง



ปัจจุบัน “สื่อ” นับว่าแย่ลงเรื่อยๆ ในการ “บิดเบือน”ข้อเท็จจริง …เห็นใครมาเป็น “รัฐบาล” สื่อก็ ยกย่อง สรรเสริญ (ผมจำได้เลยสมัยคุณ อภิสิทธิ์เป็นฝ่ายค้าน ไม่เห็นจะ”หล่อ”ขนาดนี้เลย แต่พอคุณ อภิสิทธิ์มาเป็น นายก..ปั๊บ “หล่อขั้นเทพ” --รักท่านนายกจังค่ะ “(ผม)ถึงกับ ..งง” ว่า “มนุษย์” เรามัน “ล้างสมองได้ง่ายถึงเพียงนี้เลยหรือ”) ดังนั้น ผมแนะนำเลยว่า ว่าใครก็ตามที่อยากก้าวเข้ามาใน “การเมือง” คุณจะต้อง ผูกขาด “สื่อ”

“การผูกขาดที่ผมพูดถึง ไม่ได้หมายความว่า คุณต้องเป็นเจ้าของ(แต่ถ้าเป็นเจ้าของยิ่งดี)” หากแต่คุณจะต้องสามารถ “ใช้สื่อ”ให้เป็นประโยชน์ต่อตัวคุณเอง --ปัญหาที่เกิดความขัดแย้งในบ้านเรา ถูกกระตุ้นให้ แตกแยกแรงขึ้น แย่ขึ้น เร็วขึ้น ก็ด้วย”สื่อ”นี่แหละ ---คุณจะปั่นหัวใคร ทำให้ใครรัก เชื่อหลง ก็ต้องอาศัย การโน้มน้าวโดยใช้ “สื่อ”ทั้งสิ้น

ประเด็นมันอยู่ที่ว่า คุณจะเลือกใช้สื่อ “แบบเสียเงินมาก แบบตำน้ำพริกละลายแม่น้ำ ก็ไม่ยาก …คุณเดินไปโฆษณาทีวีเลย” ผมไม่ได้ว่า ทีวี (ไม่ดี) …มันดี สำหรับกิจการใหญ่ (ถ้ากิจการเล็ก …ถามว่าคุณจะเอาเงินที่ไหนมาซื้อสื่อทีวี) อย่างการเมือง ปัจจุบันเริ่มฉลาด เพราะเอา Social Network มาใช้ ทำให้เสียเงินน้อยแต่ เข้าถึงคนมาก ---คนที่ใช้ New Media ที่เทพสุดๆคนนึงในโลกก็นาย Obama นี่แหละ ที่ Raise Fund ผ่าน Facebook ได้เงินสนับสนุนเป็นร้อยล้าน โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย ในขณะที่นาง คลินตัน Raise Fund ผ่านงาน กาลาดินเนอร์ ที่ได้ทีละ ไม่เท่าไหร่ แถมเสียค่าจัดงานอีก … หรือ อย่างนโยบายของ Obama เขาไม่ต้องพิมพ์แจก เขาพิมพ์หนังสือขาย ชื่อ Audacity of Hope ขายดีเป็นล้านๆเล่ม สรุปคนเสียเงินซื้อก็ต้องอ่าน (จริงป๊ะ) ฉลาดโคตร!!!

การใช้สื่อ New Media อย่างมีประสิทธิภาพ ต้องใช้การวางแผนที่ “เป็นระบบ” อย่างเช่น ร้านอาหารเล็ก อาจมี Facebook ติดต่อกับลูกค้า ตอนนี้ Starbuck , คุณ กรณ์ , คุณ อภิสิทธิ์ และ คุณ ทักษิณ ทุกคนทำหมด (แต่ละคนจะได้ Feedback จากลูกค้าโดยตรง โดยเฉพาะสองคนหลังที่ผมยกตัวอย่าง Feedback แบบจุใจเลย) …

กลับมาที่ Marketing การเมือง อย่างที่ผมบอกต้องเริ่มจาก Product ที่สุดยอด นั่นก็คือ นโยบาย …อย่าง Obama ใช้เวลามากมาย ลงไปคุยกับ “ชาวบ้าน” ทั่วอเมริกา จึงทำให้ Audacity of Hope ของเขาเป็นอะไรที “ใช่เลย” (คู่แข่งที่เป็นมหาเศรษฐีใช้เงินหว่านเท่าใดก็ไม่สามารถสู้ Product ที่ดีได้)….ถึงเวลาแล้ว ที่นักธุรกิจ รวมทั้งนักการเมืองต้องกลับมานั่งคิดใหม่ ว่าก้าวใหม่ที่เดิน ต้อง “มีทิศทาง” --ไม่ใช่เปะปะไร้จุดหมายอย่างปัจจุบัน !!

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

I miss you all กับ I miss all of you ต่างกันอย่างไร

ปัญหาและเฉลยวิชาธรรม นักธรรมชั้นตรี สอบในสนามหลวง วันอังคาร ที่ ๒๙ กันยายน พ.ศ.๒๕๕๒

ปัญหาและเฉลยวิชาอนุพุทธประวัติ นักธรรมชั้นโท สอบในสนามหลวง วันอาทิตย์ ที่ ๒๐ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๔๘