George Soros กับมุมมองที่ไม่มีใครเข้าใจ!!



พ่อ มดทางการเงินนาม George Soros ผู้ล้ม Bank of England และทำลายค่าเงินบาท ทั้งหมดนี้หลายคนมองว่าเป็นความผิดของ Soros แต่ผมกลับไม่คิดเช่นนั้น ..ไม่มีใครในโลกหรอกครับ ที่มีพลังพอที่จะทำลายล้างได้ "บ้าบอขนาดนั้น"..จริงๆ Soros เห็นในสิ่งที่คนอื่นไม่เห็นต่างหาก!!

หลาย ครั้งที่ Soros พยายามเสนอแนวคิดของ "Reflexivity"( Soros เขียนเท่าไหร่ ก็ไม่มีใครอ่านแล้วเข้าใจอย่างถ่องแท้ เพราะ ผมว่า Soros เองก็ยัง งง อยู่ว่าแนวคิดที่เสนอมันคือ ทฤษฎีหรือไม่..เฮอะ ๆๆ)--ผมว่าจริงๆมันไม่ใช่ทฤษฏีนะ..ว่าแต่จะเป็นไม่เป็น ก็ไม่เกี่ยวกับเรา --เอาเป็นว่า "เรามาทำความเข้าใจ แนวคิดเงิน Billions อันนี้กันดีกว่าครับ!!"

"นักเศรษฐศาสตร์ทั่วโลกเชื่อว่าตลาดเสรี มีความสมดุลย์ นั่นคือหลัก Equilibrium ที่ท้ายสุดแล้ว ราคาจะกลับมาสะท้อนพื้นฐานของกิจการ" ซึ่งจริงๆแล้วมัน Make sense (เพราะทุกอย่างมี Demand & Supply เป็นที่ตั้ง ..แต่แนวคิด Reflexivity ของ Soros มันเป็นส่วนเสริมของทฤษฏีความสมดุลย์(Equilibrium)ต่างหาก)

ที่ผม บอกว่าแนวคิดของ Soros เป็นส่วนเสริม ก็เพราะ Soros พูดถึงตลาดมันจะวิ่งไปสุดๆทางด้านใดด้านหนึ่ง ซึ่งจุดนี้ก่อให้เกิด Boom & Bust ของ Cycle --- "พื้นฐานของคนมีความโลภเป็นที่ตั้ง ดังนั้น เงินจะวิ่งเข้าหาที่สูง ส่งผลให้ตลาด Bubble เสมอ (คิดดูซิ ว่าคนเราเล่นหุ้นเวลาไหน!! --ก็เล่นตอนหุ้นขึ้นไง ยิ่งหุ้นแพงคนก็ยิ่งซื้อมันจึงเกิดเป็น Bubble ) และเมื่อตลาดขึ้นเลยความจริงไปมากๆ ท้ายสุดมันก็จะตกลงมา (แต่เวลาตก ก็อยู่บนพื้นฐานความกลัวเป็นที่ตั้ง ดังนั้น เมื่อหุ้นตกแรงๆ คนก็จะคิดว่ามันจะตกต่อไปเรื่อยๆ ทำให้ทุกคนเทขาย ผลก็คือราคามันก็จะตกสุดๆ หรือ ตลาด Crash นั่นเอง)

ในภาพใหญ่ระดับ Macro หากคุณมองอาณาจักรอเมริกา จะเห็นได้ว่า "เงินดอลล่าห์" นี่แหละที่ไม่เคยอยู่ในจุด Equilibrium เลย..เงินดอลล่าห์ ลดค่าลงเรื่อยๆ แต่ในเวลาเกิดวิกฤตแรงๆ คนทั่วโลกกลับวิ่งเข้าหาดอลล่าห์อยู่ดี "สิ่งนี้สะท้อน Reflexivity ได้ชัดเจนจริงๆ"(อเมริกาสามารถสร้าง Platform ทางการเงิน ที่บิดเบือนค่าความเป็นจริง ส่งผลให้อเมริกาเป็นศูนย์รวมแห่งเงินทั่วโลก ดังนั้น ราคา Asset ในอเมริกาคุณว่ามันสะท้อนราคาจริงๆเท่าไหร่ล่ะ!!)

ดังนั้นถ้าจะสรุป แนวคิดของทฤษฎี Reflexivity ของ Soros ก็คือ (ทฤษฎี "ความโลภ + ความกลัว")--ไม่มีอะไรซับซ้อน แต่ปัญหาคือ พอเกิดเหตุการณ์จริง คุณก็โดน "ความโลภ + ความกลัว" ครอบงำอยู่ดี!! ส่งผลให้เราซื้อหรือขายหุ้นแบบโง่ๆอย่างไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้!!

ที่ Soros รวย!! -- ก็เพราะเขาสามารถเอาชนะกลไกของ "ความโลภ + ความกลัว" ได้ (ซึ่งในโลกนี้มีคนไม่กี่คนที่สามารถชนะกลไกนี้ได้ คนแรกก็คือ พระพุทธเจ้า... ส่วน Soros กับ Buffet ก็ทำได้มากกว่าคนทั่วๆไปนิดหน่อย แต่แค่นี้ก็รวยสุดๆ แล้วกั๊บ!!)

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

I miss you all กับ I miss all of you ต่างกันอย่างไร

ปัญหาและเฉลยวิชาธรรม นักธรรมชั้นตรี สอบในสนามหลวง วันอังคาร ที่ ๒๙ กันยายน พ.ศ.๒๕๕๒

ปัญหาและเฉลยวิชาอนุพุทธประวัติ นักธรรมชั้นโท สอบในสนามหลวง วันอาทิตย์ ที่ ๒๐ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๔๘