CYCLE

ถ้าหากคุณรู้ว่าราคาหุ้นมีพฤติกรรมอย่างไร ขึ้นเมื่อไหร่ ลงเมื่อไหร่ แน่นอนทีเดียวว่า คุณย่อมมีชัยไปกว่าครึ่งแล้ว แต่ปัญหาที่พบเจอนั้นคือเราไม่รู้ pattern ราคาหุ้นอย่างถูกต้องร้อยเปอร์เซ็นต์ เนื่องจากราคาหุ้นมันขึ้นลงตามจิตวิทยา มันไม่มีสูตรสำเร็จเหมือนสูตรคณิตศาสตร์ทั่วไป
แต่ก็ใช่ว่าเราจะไม่สามารถคาดคะเน pattern ราคาหุ้นได้เสียทีเดียว มีนักวิเคราะห์ทั้งไทยและเทศได้เฝ้าดู pattern ของราคาหุ้นหลายร้อยตัวหรืออาจจะหลายพันตัวแล้วตั้งข้อสรุปว่า pattern ราคาหุ้นมันเป็นวัฏจักร ( CYCLE )
Pattern ราคาหุ้นมันมีพฤติกรรมเป็น cycle ที่ประกอบด้วย 4 state ซึ่งผมขออนุญาตเปรียบเทียบ CYCLE ที่ว่านี้ให้ดูง่ายขึ้น โดยเปรียบเทียบกับการเดินทางด้วยเครื่องบิน ดังนี้

 
1.เตรียมพร้อม  
เป็นช่วงที่เครื่องมีความพร้อมสูง น้ำมันเต็มถัง ขุมพลังมหาศาล พร้อมที่จะทะยานขึ้น ถ้าเปรียบเทียบกับราคาหุ้นแล้วความหมายมันเป็นดังนี้
-  ช่วงนี้จะมีการซื้อการขายเกิดขึ้นเป็นระยะๆหลายๆรอบ
-  มีการเก็บสะสมหุ้น เพราะผู้ที่ซื้อเก็บสะสมคิดว่าราคาหุ้นช่วงนี้ถูก
-  รอข่าวดี ข่าวปล่อย หรือข่าวลือ เป็นตัวเร่งกระทุ้งหุ้นให้ทะลุแนวต้าน  


 
2.ทะยานขึ้น
เป็นช่วงที่เครื่องทะยานขึ้นจากลานวิ่ง ล้อเครื่องบินเริ่มห่างออกจากลานวิ่ง ช่วงนี้นักบินต้องอัดกำลังเครื่องเต็มที่เพื่อเอาชนะแรงโน้มถ่วงของโลก เปรียบกับการซื้อขายหุ้นช่วงนี้เป็นดังนี้
- Demand หรือความต้องการในการซื้อหุ้นมีมาก ราคาเท่าไหร่ก็ซื้อ
- Demand จะมากกว่า Supply ทำให้ราคาหุ้นทะลุแนวต้าน ( resistance ) ขึ้นไป
- ช่วงขณะที่ราคาหุ้นทะลุแนวต้าน จะเป็นที่น่าสนใจของนักลงทุนอื่นๆ ทำให้เกิด demand มากยิ่งขึ้น
 
3.รักษาระดับ
เมื่อเครื่องทะยานขึ้นบนท้องฟ้าได้ระดับเพดานบินที่ปลอดภัยแล้ว เครื่องก็จะทำการบินในแนวราบด้วยกำลังเครื่องยนต์ที่ผ่อนคลาย ลงมาแล้วบินไปยังจุดหมายปลายทางที่ตั้งไว้ เปรียบกับการเล่นหุ้นได้ดังนี้

-   เมื่อราคาหุ้นได้ขึ้นมาถึงจุดที่นักลงทุนต่างก็เริ่มมีความคิดตรงกันว่า ราคาเริ่มสูงหรือแพงแล้วก็จะทยอยขายกันออกมา
-   มีนักลงทุนบางคนหรือบางกลุ่มที่ยังมีความเชื่อว่า ราคาหุ้นน่าจะวิ่งขึ้นไปได้อีก ก็จะทยอยรับซื้อหุ้นไว้
-   ช่วงนี้จะมีการซื้อการขายเกิดขึ้นเป็นรอบ
-   บางครั้งช่วงนี้อาจจะใช้เวลาหลายวันหรือหลายสัปดาห์ แต่ก็มีบ้างเหมือนกันที่ช่วงนี้อาจจะกินเวลาแค่วันเดียว
-    ช่วงนี้เป็นช่วงที่ต้องให้ความระวังและความสนใจเป็นอย่างยิ่งเพราะถ้า ราคาหุ้นมันไม่สามารถทะยานหรือไต่ระดับขึ้นไปได้อีกนักเก็งกำไรที่เข้าตลาด ช่วงนี้ก็เริ่มปล่อยหุ้นออกมาเพื่อไปเล่นตัวอื่น  
 
4.ลดระดับ
เมื่อใกล้ถึงจุดหมายนักบินก็เริ่มปรับลดระดับการบินให้ต่ำลง เพื่อลงจอดยังลานบินตามที่หมาย เปรียบการเล่นหุ้นได้ดังนี้

-    เมื่อราคาหุ้นมาถึงจุดสูงและมีการ trade กันหลายรอบทำให้นักลงทุนที่เข้ามาซื้อหุ้นช่วงนี้ เริ่มเกิดความกลัวตกใจ ระส่ำระส่าย หงุดหงิด และเมื่อราคาหุ้นขยับขึ้นมาบ้างก็เริ่มขายออกมา
-    เมื่อราคาหุ้นผ่านแนวรับลงมา จะเกิด Supply มากกว่า Demand ทำให้เกิดการเทขายกันออกมามาก
-   อัตราการลงของราคาหุ้นจะลดลงเร็วกว่าอัตราการขึ้นของราคาหุ้น ในช่วงที่ราคาหุ้นทะยานขึ้น  
ตัวอย่างวงจรราคาหุ้นจริง โดยเลือกหุ้น BIGC ที่ปิดตลาด ณ วันล่าสุดที่ 19 กรกฎาคม 2545
ช่วงเตรียมพร้อม
: ช่วงนี้มีการซื้อขายกันที่หมายเลข 1,2,3,4 โดยเส้นตรงด้านบนที่เชื่อมระหว่างจุด 1,3,5 เรียกว่า แนวต้าน ( resistance ) ส่วนเส้นล่างคือเส้นแนวรับ ( support ) ซึ่งการซื้อขายในช่วงนี้จะอยู่ระหว่างแนวรับ และแนวต้าน
ช่วงทะยาน
: เมื่อมีข่าวดี หรือข่าวลือ หรือข่าวปล่อย เข้ามาในตลาด จะทำให้เกิด demand อย่างมากทำให้ราคาหุ้นทะลุแนวต้านที่จุด 5 ขึ้นไป และทะยานขึ้นไปเรื่อยๆ เมื่อราคาหุ้นมาที่จุด 6 ตอนนี้แหล่ะสำคัญเหมือนกัน เพราะนักลงทุน หรือนักเก็งกำไร เริ่มมองเห็นความแรงของหุ้นตัวนี้ และกลัวว่าตนเองจะเข้าซื้อช้าไป หรือศัพท์ที่เซียนหุ้นทั้งหลายเรียกว่ ตกขบวนรถไฟ ก็เลยพากันเฮโลกันเข้ามากันอย่างสนุกสนาน
ช่วงรักษาระดับ
 : เมื่อราคาหุ้นทะยานมาถึงจุด 8 นักลงทุนก็เริ่มขายหุ้น และอีกเช่นกัน ก็มีนักลงทุนบางคนหรือบางกลุ่มที่ยังมีความเชื่อว่าราคาหุ้นน่าจะไปได้อีก ก็เลยตั้งแถวรอซื้อเมื่อราคาหุ้นตกลงมา ลักษณะนี้จะเกิดการซื้อขายหลายรอบทีเดียว คือระหว่างจุด 8,9,10,11,12,13,14 เกิดแนวต้านและแนวรับ เมื่อราคามันไม่สามารถทะลุแนวต้านไปได้อย่างที่คาดคิด นักลงทุนที่เงินร้อน หรือนักลงทุนที่เล่นสั้นรอไม่ไหว ก็เริ่มขายหุ้นทิ้ง นักลงทุนกลุ่มนี้แหล่ะเป็นกลุ่มที่จะเจาะลูกโปร่งที่มันอัดลมแน่นมานาน ให้ระเบิดออกมา หมายถึงทำให้นักลงทุนอื่นๆเกิดอาการตระหนกตกใจ รีบขายหุ้นออกตามๆกัน ทำให้ Supply มากกว่า Demand ราคาหุ้นก็เลยทะลุผ่านแนวรับที่จุด 15 ลงมา
ช่วงลดระดับ
: เมื่อเกิดอาการตกใจและนักลงทุนเริ่มเทขายหุ้นออกมา บางคนก็กำไร บางคนก็ขาดทุน แต่ก็ต้องขายเพราะมันเกิดอาการ panic และขอให้จำให้ขึ้นใจว่า อาการตกใจมันร้ายแรงกว่าอาการดีใจ การเทขายหุ้นของนักลงทุนจะเทขายหุ้นโดยใช้เวลาอันรวดเร็วกว่าการทะยอยซื้อหุ้น
 
ดังนั้นนักลงทุนทุกท่านคงมองภาพรวมของราคาหุ้นว่ามันมีพฤติกรรมอย่างไรได้พอสมควร เมื่อคุณรู้ pattern ของราคาหุ้นแล้ว ก็จะทำให้คุณ
-      เข้าหรือออกจากตลาดได้อย่างเหมาะสม
-      ทำการซื้อหรือขายหุ้นได้อย่างมั่นใจ
-      ไม่เกิดอาการหวาดผวา
-      ไม่เชื่อลมปากเพื่อนฝูง ( ที่ขาดความรู้เรื่อง pattern )
คาถาสำหรับนักเล่นหุ้น
-      เลือกหุ้นพื้นฐานดี
-      เข้าตลาดให้ถูกจังหวะ
-      ตัดขาดทุน
-      ปล่อยให้ราคาหุ้นวิ่ง
-      เล่นตามกระแส
-      อย่าซื้อเฉลี่ย ถ้าราคาหุ้นตก

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

I miss you all กับ I miss all of you ต่างกันอย่างไร

ปัญหาและเฉลยวิชาธรรม นักธรรมชั้นตรี สอบในสนามหลวง วันอังคาร ที่ ๒๙ กันยายน พ.ศ.๒๕๕๒

ปัญหาและเฉลยวิชาอนุพุทธประวัติ นักธรรมชั้นโท สอบในสนามหลวง วันอาทิตย์ ที่ ๒๐ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๔๘